‘ดร.ตฤณห์โพธิรักษา’ นักอาชญาวิทยาเชิงจิตวิทยาฯ ม.มหิดล เจาะลึกพฤติกรรม ‘บอสพอล’ และ ‘บอสดารา’ ดิไอคอน กรุ๊ป พบจุดเด่น ‘บอสพอล’ จีเนียส คุมอารมณ์ได้เยี่ยม แต่มีอาการทั้ง ‘นาร์ซีซิสติก-ไซโคพาธี’ แถมอาการหัวเราะแบบ ‘Duchenne Smile’ ที่จริงใจและมีความสุขเขารู้คนเดียวว่าสุขจากเหตุใด หรือสะใจที่ทุกคนเป็นลูกไก่ในกำมือบีบเมื่อไหร่ตายเรียบ ชี้ถ้าสมองปกติ บอสพอลคือคนน่ากลัวมาก ส่วนบอสดารา ‘บอสมิน’ รู้ดีที่สุดเพราะมีประสบการณ์ตรง แถมมี Self-Esteem สูงอารมณ์เด่น ‘ไม่พอใจ โกรธ และเครียด’ ตามมา ‘บอสกันต์’ เครียดและกลัวการอวดรวยแค่ผลพลอยได้ ขณะที่ ‘บอสแซม’ รู้น้อยและไม่อยากรู้ ยืนยันบอสทั้ง 18 คน รู้หมดว่าทำอะไรอยู่ ‘ถูก-ผิด-เทา-ขาว-ดำ’ ระบุ 3 องค์ประกอบของการก่ออาชญากรรมที่เกิดขึ้นได้
‘คดีดิไอคอน กรุ๊ป’ เป็นคดีที่โด่งดัง คาดว่ามีผู้เสียหายกว่า 5 แสนคน เบื้องต้นมีการจับกุมบรรดา ‘บอส’ ไปถึง 18 คน และตำรวจพร้อมขยายผลไปจับกุมทั้งบรรดานักการเมือง ข้าราชการ นักร้อง และนักตบทรัพย์ หากพบว่ามีส่วนพัวพัน
โดยในช่วงที่มีการจับกุม 18 บอส มีกระแสดรามาตามมาจากพฤติกรรมและการแสดงออกของบอสเบอร์ 1 อย่าง นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล (บอสพอล) ที่ไปออกรายการสื่อต่างๆ รวมไปถึงการเปรียบเทียบพฤติกรรมของบอสพอล ที่ยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน ขณะที่บอสดาราอย่างนายกันต์ กันตถาวร (บอสกันต์) อยู่ในภาพเดียวกันแต่บ่งบอกถึงความเครียดรุนแรงในระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เหตุใดการแสดงออกช่างต่างกันจริงๆ
รวมไปถึงดารา นายยุรนันท์ ภมรมนตรี (บอสแซม) และ น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี (บอสมิน) ล้วนได้รับความสนใจจากสังคมตั้งแต่ปรากฏเป็นข่าว
ในการแสดงออกของแต่ละบุคคลสะท้อนอะไรบ้าง ดร.ตฤณห์ โพธิรักษา นักอาชญาวิทยาเชิงจิตวิทยาและพฤติกรรมอาชญากร อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ม.มหิดล ได้วิเคราะห์ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยใช้หลักวิชาการมาอธิบายให้สังคมได้ประจักษ์
ที่สำคัญอาจารย์เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ผู้ที่มีความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับด้านอาชญาวิทยาโดยตรง
ดร.ตฤณห์ ระบุว่า บุคลิกภาพของสายดาร์ก (Dark Triad) จะนิสัยไม่ดี มักจะก่อความเดือดร้อนหรือสร้างความเสียหายให้สังคม โดยจะมีลักษณะดังนี้
1.“บุคลิกภาพแบบนาร์ซีซิสติก” (Narcissistic) หรือบุคลิกภาพหลงตัวเอง กลุ่มนี้จะไม่สนใจสิทธิของผู้อื่น ไม่สนใจว่าผู้อื่นจะเป็นยังไง
2.“บุคลิกภาพแบบแมกไควิลเลียน” (Machivellian) จะมีนิสัยชอบหลอกใช้คนอื่น เพื่อเป็นบันไดสู่อำนาจของตัวเอง ซึ่งพวกแม่ข่ายดิไอคอนก็มีบุคลิกภาพลักษณะนี้
3.“บุคลิกภาพแบบไซโคพาธี (psychopathy) มีลักษณะไม่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ไม่สนใจว่าคนอื่นจะเดือดร้อนแค่ไหน
ทั้งนี้ คนหนึ่งคนอาจจะมีมากกว่า 2 อาการขึ้นไปร่วมกันได้ ซึ่งบุคลิกที่เด่นที่สุดของ ‘บอสพอล’ คือ “นาร์ซีซิสติก” หรือบุคลิกภาพหลงตัวเอง ซึ่งเป็นบุคลิกที่พัฒนามาตั้งแต่เด็ก อาจจะเกิดจากความลำบาก หรือถูกกระทำชำเราโดยเป็นไปได้ทั้งกระทำชำเราทางเพศและกระทำชำเราทางด้านจิตใจมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งตอนวัยรุ่นจะเริ่มพัฒนาอย่างเห็นได้ชัด และจะหนักขึ้นเรื่อยๆ
จุดสิ้นสุดของอาการนี้คือหลอกใช้คนอื่นให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกฉ้อโกง แต่ไม่ถึงขั้นฆาตกรรม แต่อาจมีบางรายที่อาการรุนแรงไปถึงขั้นฆาตกรรมบ้างเหมือนกัน โดยมีทั้งฆ่าตัวตายและฆ่าผู้อื่นตาย เป็นลักษณะของอาชญากรในหลายๆ รูปแบบ กรณีที่จะฆ่าตัวตายเนื่องจากอาการทางจิตอาจมีอาการซึมเศร้าร่วมได้ ถ้าอาการซึมเศร้ากำเริบอาจจะคิดสั้นได้ ซึ่งช่วงนี้เป็นเหตุเป็นผลที่สุดของการฆ่าตัวตาย อย่างกรณีบอสพอล คือตกจากจุดสูงสุดมาสู่จุดต่ำสุดของชีวิต เรียกว่าอาการเข้มข้น
ในกรณีที่บอสพอล พยายามอธิบายว่าพื้นฐานเขามาจากคนจน อยู่สลัมคลองเตยนั้น เช็กแล้วไม่จริง อยู่คลองเตยแค่ทะเบียนบ้าน ตัวไม่ได้อยู่ เขาเปลี่ยนชื่อ 5 ครั้ง ย้ายที่อยู่ 4 ครั้ง มันแปลกหลายๆ อย่าง แต่เรายังไม่รู้จุดประสงค์ของการสร้างพยานที่อยู่อาศัย หรืออะไรที่เป็นลายลักษณ์อักษร การย้ายทะเบียนบ้านแค่ทางเอกสาร จึงไม่รู้ว่าเขาทำเพื่ออะไร เรายังต้องดูองค์ประกอบและพฤติกรรมหลายอย่าง
สิ่งที่ต้องมองให้ลึกโดยเฉพาะการแสดงบุคลิก หรือพฤติกรรมของบอสพอล จะพบว่าการควบคุมอารมณ์ ร้องไห้และหัวเราะในเวลาใกล้เคียงกัน มันไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปซึ่งไม่ได้ฝึกจะทำได้
“ผมว่าบอสพอลฝึกมาอย่างดี เพราะคนที่ขายตรงอยู่ในระดับบอสแบบนี้ต้องฝึกเล่าเรื่องราว สร้างเรื่องดรามา ซึ่งบอสพอล บอกแม่ข่ายเองว่าทุกครั้งที่ขึ้นเวทีคุณต้องร้องไห้เป็น มันคือการแสดงละครเพื่อให้เข้าถึงจิตใจผู้ฟัง ให้ผู้ฟังมีอารมณ์ร่วม มันเหมือนการโน้มน้าวโดยหลักจิตวิทยาให้คนที่ไปร่วมฟังเกิดอุปทาน”
ประเด็นสำคัญการจะทำอย่างนี้ได้ต้องมีหน้าม้า สมมติว่ามีการจัดสัมมนาออนไลน์จริงและต้องการเป้าหมายแค่ 5 คน แต่ต้องจัดห้องประชุมให้มี 30 คน โดยคนนอกที่มาร่วมจริงๆ มีแค่ 5 คน ส่วนอีก 25 คนเป็นคนของเขาหมดเลย”
ดังนั้น คนที่เป็นลูกค้าจริงๆ จะโดนโน้มน้าวเพราะมันเป็นจิตวิทยาของมนุษย์ ที่เรียกว่า In-Group Bias คือการพยายามทำตัวให้เหมือนกับสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ถ้าสิ่งแวดล้อมรอบข้างไปทางไหนเราก็จะเออออไปทางนั้นเพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ถ้าสังคมไปทางไหนเราก็มักเอนเอียงไปทางสิ่งนั้น
ขณะเดียวกัน บอสพอลยังมีพฤติกรรมหรือการแสดงออกที่เป็นไซโคพาธี หรือมีลักษณะไม่เห็นอกเห็นใจผู้อื่นร่วมด้วยนั้น ตรงนี้ต้องบอกชัดๆ ว่านี่คือหลักวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นเรื่องอนาโตมี หรือระบบชีวะของมนุษย์ สมองของมนุษย์ส่วนที่พัฒนาช้าที่สุดคือส่วนจริยธรรม ศีลธรรมนี่แหละ ซึ่งมันอยู่ส่วนหน้าสุดของสมอง บริเวณหลังลูกตา และหน้าผากส่วนหน้า ซึ่งคนที่ไม่มีความเห็นอกเห็นใจคนอื่นเลยบางทีเกิดจากสมองส่วนนี้ที่ผิดปกติไป กลายเป็นว่ามีความเลือดเย็น มีความเห็นแก่ได้เห็นแก่ตัวเหมือนมนุษย์ดึกดำบรรพ์ที่สามารถฆ่าคนด้วยกันเพื่อเอาเนื้อมากินได้ แต่มนุษย์ในยุคปัจจุบันควรจะมีจริยธรรมสูงตามความเจริญของโลก
ดร.ตฤณห์ ย้ำด้วยว่า บอสพอลมีความจีเนียส เหมือนอีลอน มัสก์ คือมีความสามารถในการคำนวณเลขและการมองโลกที่ไม่เหมือนคนอื่น เชื่อว่าบอสพอล อาจมีลักษณะเด่นตรงนี้ ทั้งนี้ บุคคลที่สามารถสร้างความเสียหายในวงกว้างหรือทำอะไรดังระดับโลกได้ต้องถือว่าเป็นบุคคลที่ไม่เหมือนคนอื่น
“บอสพอล หลอกคนได้เป็นแสนคน มีความสามารถในการโยกเงิน วางแผนมาอย่างละเอียดรอบคอบ และมีอีคิวสูง ควบคุมอารมณ์ได้ สั่งน้ำตาได้ ถือว่าไม่ธรรมดาใช่หรือไม่”
ว่าไปแล้วลักษณะการหลงตัวเองของบอสพอลน่าจะมาจากจุดที่เขาลำบากมาก่อน จึงทำทุกวิถีทาง และต้องต่อสู้ฝ่าฟันมาไกลกว่าจะมาถึงจุดนี้ จึงเป็นเหตุเป็นผลที่ทำให้เขาทำได้ทุกอย่าง แต่ถ้าจะพูดถึงอาการไซโคพาธี หรือมีลักษณะไม่เห็นอกเห็นใจผู้อื่นที่เกิดมาจากความผิดปกติทางสมองนั้น น่าจะเป็นมาตั้งแต่เด็ก รักษาไม่ได้
“สมมติคนที่เข้าเรือนจำด้วยคดีทะเลาะวิวาทหรือคดีทางเพศ แม้จะพ้นโทษออกมาแล้วก็มักจะกลับเข้าไปใหม่เนื่องจากก่อคดีลักษณะเดิมๆ ซ้ำอีก”
ส่วนกรณีบอสพอล ต้องยอมรับว่าเขาสามารถบังคับอารมณ์ตัวเองได้ แปลว่าแม้เขาจะยังคงมีลักษณะไม่เห็นอกเห็นใจคนอื่น แต่เขาสามารถแสดงออกมาอีกแบบหนึ่งได้
“คือถ้าบอสพอล มีความทะเยอทะยานมากกว่าความเห็นอกเห็นใจคนอื่นโดยที่ไม่มีความผิดปกติทางสมองแสดงว่าเห็นแก่ตัวมากๆ บุคลิกภาพอย่างคุณพอลไม่มีทางฆ่าตัวตายไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นไปอย่างไร”
ดร.ตฤณห์ บอกด้วยว่า คนที่มีอาการดังกล่าวมีวิธีการรักษาคือต้องใช้พฤติกรรมบำบัด แต่บุคคลเหล่านี้ต้องรู้ตัวเองก่อนว่าเป็น แต่ส่วนใหญ่คนไข้จะไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็น และจะไม่ยอมรับ แต่อาการพวกนี้เราไม่ใช้คำว่าโรค เพราะเมื่อไหร่ที่เราใช้ว่าเป็นโรคทางจิตเวช จะเป็นเหตุของการบรรเทาโทษได้เช่นกัน โดยพฤติกรรมหรือบุคลิกภาพของสายดาร์ก จึงไม่ใช่เหตุบรรเทาโทษ เพราะอาการเจ็บป่วยด้านบุคลิกภาพนั้นถ้าเจ้าตัวไม่รู้เอง คนที่เป็นผู้ปกครองจะต้องเตือน แต่กรณีบอสพอลไม่มีใครเตือนเขาอยู่แล้ว คือมีผู้ปกครองน้อยมากที่จะสังเกตใกล้ชิดและเห็นอาการเวลาลูกผิดปกติหรือป่วย
“ก็ไม่รู้นะว่าแม่ของบอสพอลเป็นแรงงานจริงหรือเปล่า เขาอาจจะไม่มีเวลาดูแลใกล้ชิดหรือสังเกตอาการ เรื่องสุขภาพจิตบ้านเรามีองค์ความรู้น้อยมาก บางคนกว่าจะรู้ตัวว่าลูกสมาธิสั้น ลูกก็อยู่ ม.ต้นแล้ว ก็แก้ไขไม่ทันแล้ว”
อีกประเด็นที่น่าสนใจในการวิเคราะห์ภาษากายของ “บอสพอล” นั้น ต้องยอมรับว่าใบหน้าของพอลนั้นดูยาก แต่ที่แกะออกมาได้คือรูปที่เขาหัวเราะวันนั้นซึ่งชัดเจนว่านั่นคือการหัวเราะจริงๆ
“แต่ช่วงที่ตอบคำถามพี่หนุ่มในโหนกระแส ไม่ว่าจะครับพี่หนุ่ม ไม่เข้าใจครับ อะไรนะครับ อันนั้นคือปลอมมาก แต่พอตอนหัวเราะเนี่ยมันคือเรื่องจริง นั่นคืออารมณ์ที่เกิดมาจากความสุขจริงๆ ส่วนจะมีความสุขจากเรื่องอะไรนั้นเราไม่อาจล่วงรู้ภายในใจเขาได้ซึ่งเขาเรียกว่าพฤติกรรมภายใน”
ดร.ตฤณห์ บอกอีกว่า ในการวิเคราะห์สามารถวิเคราะห์ได้จากพฤติกรรมภายนอก ไม่ว่าจะเป็นอัตราการเต้นของหัวใจ ความดันเลือด การกะพริบตา การพูด การโกหก อันนี้เรียกว่าพฤติกรรมภายนอก แต่พฤติกรรมภายในมีแค่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้
“บอสพอลเนี่ยดูยากสุด แต่ช่วงหัวเราะมันบอกหลายอย่าง เขามีความสุขมาก คือมนุษย์เราหัวเราะได้ทั้งหมด 17 แบบ แต่จะมีแบบเดียวที่มาจากใจจริงๆ ซึ่งก็เป็นแบบที่บอสพอลหัวเราะวันนั้น เรียกว่า Duchenne Smile เป็นการทำงานของกล้ามเนื้อ 2 คู่พร้อมกัน กล้ามเนื้อรอบดวงตากับกล้ามเนื้อมุมปากใช้งานพร้อมกัน คือถ้าไม่ได้ฝึกมาอย่างดีด้วยการหัวเราะหน้ากระจก ก็ยาก แต่นักแสดงระดับโลกทำได้”
อย่างไรก็ดี การหัวเราะครั้งนั้นมั่นใจว่าเขาหัวเราะจริง เพราะสถานการณ์มันไม่น่าหัวเราะ คนที่ทะเยอทะยานสูงทำเพื่อตัวเองได้อยู่แล้วจะยอมแลกทุกอย่างให้ได้มา แต่การที่บอสพอลหัวเราะออกมานั้น จริงๆ ข้างในอาจจะสะใจหรือไม่เราไม่รู้ อาจสะใจว่ากูลากมึงลงมาด้วยแล้ว หรือว่าจะบีบก็ตายจะคายก็รอด ถ้าเทวดาทั้งหลายที่เกี่ยวข้องไม่ช่วยให้ถึงที่สุดก็โดนเปิดชื่อ
‘นี่คือความฉลาดของบอสพอล คนที่จะก่อคดีที่เสียหายใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้มีเยอะ สร้างหายนะให้สังคม คนแบบนี้น่ากลัวครับ”
กรณี “บอสกันต์” หลายคนมองว่าอาจเป็นโรคหลงตัวเอง แต่จริงๆ ตอนที่เขาอยู่สูงมากๆ อาจจะหลงระเริงไปกับสิ่งพวกนี้ มันเหมือนความโลภ เขาน่าจะมาจากคนที่ไม่มีมาก่อน เพราะเขาดูกระโจนหาความมั่งมีใช่หรือไม่
“ถ้าจะบอกว่านี่คือบุคลิกภาพหลงตัวเองไหม ก็ต้องดูว่าเขาไม่ได้เป็นตัวควบคุมบงการ แต่เขาเป็นแค่หมากตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ถ้าบอสกันต์จะบอกว่าไม่รู้เรื่องเลย ผมก็ไม่เชื่อ เหตุการณ์นี้กันต์โดนหนักพอๆ กับบอสพอล เพราะว่าเขาได้ค่าตอบแทนเยอะมากๆ เรียกว่ามหาศาล”
สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับบอสกันต์ ครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตเพราะเขาเริ่มธุรกิจจากการพูดไม่จริง ส่วนการอวดรวยมันเป็นผลพลอยได้ตามมา คือการอวดทรัพย์สินเพราะความภูมิใจที่หามาได้จากการทำงานของตัวเองนั้นไม่แปลก แต่มันผิดตรงที่ว่าสิ่งที่เขาพูดไปมันไม่จริง มันคือการหลอกลวงคนอื่น หลอกลวงตั้งแต่เรื่องตำแหน่งที่พอมีปัญหาก็บอกว่าไม่มีส่วนในการบริหาร แต่ก่อนหน้านี้บอสกันต์ทำให้คนเข้าใจผิดว่าเขาคือเจ้าของหรือหุ้นส่วนดิไอคอน ใช่หรือไม่ไปย้อนดูคลิปที่ปรากฏออกมาได้
สำหรับ “บอสมิน” พฤติกรรมที่แสดงออกให้เห็นเป็นคนที่ดูเอาแต่ใจตัวเอง หรือเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก Self-Esteem สูง ซึ่งอาจจะต่างจาก Self-Esteem ของบอสกันต์ คือความตั้งใจของบอสกันต์คืออยากจะทำเงินให้ได้
แต่ของบอสมินนั่นแสดงออกถึงความมั่นใจมากว่าเขาทำได้ คือเวลาวิเคราะห์พฤติกรรมนั้นจะต้องไม่ได้ดูภาพตัดแปะจากเหตุการณ์เดียวแล้วเอามาวิเคราะห์ แต่จะต้องนำเอาเหตุการณ์อื่นมาเปรียบเทียบกัน ซึ่งบอสมิน เคยโดนคดีหิ้วกระเป๋าแอร์เมสกลับไทยโดยไม่เสียภาษี ลักษณะนิสัยตอนนั้นเป็นยังไง ปัจจุบันก็เป็นแบบนั้น บอสมินทำให้คนเข้าใจว่าตนเองเป็นเจ้าของหรือหุ้นส่วนดิไอคอนเหมือนกัน พอดาราเป็นเจ้าของคนก็มีความเชื่อถือ
ขณะที่ “บอสแซม” มองว่าเขารู้ข้อมูลน้อยสุดเพราะดูบอสแซม ไม่ได้ใส่ใจอยากจะรู้รายละเอียดมากเท่าไหร่ ด้วยความที่เขาเป็นผู้ใหญ่และมีฐานะอยู่แล้ว จึงไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของธุรกิจก็เป็นได้ โดยเฉพาะถ้าดูภาษากายตอนที่ขึ้นรถไปกับสอบสวนกลางก็ดูอ่อนน้อม คือเขาเป็นผู้ใหญ่น่าจะปลงได้ระดับหนึ่ง
“ส่วนตัวคิดว่าบรรดาคนที่มีคำว่าบอสนำหน้ารู้หมดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ถูก ผิด เทา ขาว ดำ รู้หมด ในบรรดาบอสดารา บอสมินรู้ดีที่สุดเพราะบอสมิน ไม่ได้ทำธุรกิจนี้เป็นธุรกิจแรก เขาทำ Unicity มาก่อนใช่หรือไม่ ซึ่งรูปแบบโครงสร้างธุรกิจเหมือนกัน ฉะนั้นบอสมินจะไม่รู้เลยหรือว่าค่าตอบแทนที่ได้มาแต่ละเดือนหรือเป็นรายปีมันได้มาจากการคิดคำนวณแบบไหน ดาราเขาต้องสนใจเรื่องค่าตอบแทนอยู่แล้ว”
อีกทั้งบอสมิน ต้องเข้าใจคำว่าค่าตอบแทนมาจากทางไหน เพราะบอสมิน บอกว่าเขาเติบโตมาในครอบครัวนักธุรกิจ ยิ่งต้องรู้ คนอื่นอาจจะรู้น้อยกว่าด้วยซ้ำ และถ้าจับอารมณ์ของบอสดารา จะพบว่าอารมณ์เด่นของกันต์ คือทั้งเครียดและกลัว แต่อารมณ์เด่นของบอสมินคือไม่พอใจ ตามด้วยโกรธ และเครียด แต่ไม่พอใจเป็นอารมณ์เด่นของบอสมิน ดูจากตอนเดินขึ้นรถบอสมินจะกระแทก สะบัดมือ
“วันที่บอสมินร้องไห้ก็ดูออกว่ามันไม่จริง อารมณ์ประมาณลูกคุณหนู ส่วนบอสกันต์ ถ้ามีระดับความเครียดมากๆ หากอารมณ์ชั่ววูบก็มีโอกาสที่จะทำสิ่งที่เป็นผลร้ายต่อตัวเองได้ หากมีภาวะซึมเศร้ารุนแรงและเฉียบพลัน ซึ่งมันรุนแรงมากกว่าโรคซึมเศร้า มันเกิดในระยะสั้น 5 นาที 10 นาที เป็นภาวะดิ่งที่เข้มข้น แต่บอสกันต์ ก็มีเครื่องยึดเหนี่ยว คืออาจจะฉุกคิดได้เพราะมีลูกกับเมียเป็นพลังใจอยู่”
ดร.ตฤณห์ ยังได้เตือนสติให้คนต้องฉุกคิดเพราะองค์ประกอบของการก่ออาญากรรม คือเรื่องของความโลภ (Greedy) เพราะมันเป็นมุมมืดในใจมนุษย์ที่มนุษย์เกือบทุกคนต้องเพลี่ยงพล้ำ เรื่องความไม่รู้จักพอ มันไม่ได้เกี่ยวว่ารวยหรือจน คือถ้ามีเงิน 1 ล้านบาทวางตรงหน้า ถ้าไม่มีกล้องวงจรปิดก็ไม่มีใครเห็น รวยหรือจนไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ว่าคุณจะหยิบเงินก้อนนั้นไปเป็นของตัวเองหรือไม่ ซึ่งองค์ประกอบในการก่ออาชญากรรม จะมี 3 อย่าง 1.คือผู้ก่อเหตุ คือคนที่อยากได้อยากมีก็อาจจะก่อการ 2.โอกาสในการได้มาซึ่งสิ่งผิด และ 3.คือเหยื่อที่เหมาะสม ถ้าเงินคือเหยื่อที่เหมาะสม โอกาสคือตรงนั้นไม่มีกล้องซีซีทีวี ถ้ามีเหยื่อที่เหมาะสมและโอกาสแต่ไม่มีผู้ก่อเหตุเพราะไม่มีคนอยากได้มันก็ไม่เกิดอาชญากรรม การจะเกิดได้จึงต้องมีครบทั้ง 3 องค์ประกอบ
ในส่วนของลูกข่ายดิไอคอนจะมี 2 กรณี คือ คนที่ไม่รู้จริงๆ แล้วเอาเงินก้อนที่ตัวเองเก็บมาลงทุนเพราะหลงไปกับคำพูดเกี่ยวกับตัวเงินที่จะได้รับกลับมา คนพวกนี้คือโดนหลอกว่าจะได้เป็นเจ้าของร่วม แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นแค่ลูกค้า พอดิไอคอนได้เงินจากคุณไปแล้วตูมเดียวก็จบ มันคือการเอาเงินมาล่อน่ะแหละ
นอกจากนี้ ในกรณีของบอสพอล ที่บอกว่าลืมรหัส Private key เข้าบิตคอยน์ ที่มีถึง 24 ตัวนั้น ดร.ตฤณห์ บอกว่า น่าจะใช้เวลาหลายปีก็น่าจะแกะได้ไม่เกิน 5 ตัว เพราะรหัสถึง 24 ตัวมันคือระบบความปลอดภัยชั้นสูงของคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ซึ่งเป็นช่องทางในการฟอกเงินของธุรกิจสายเทาดำ
“ในฐานะเป็นนักอาชญาวิทยา ผมว่าถ้าเอาพาสเวิร์ดที่ใกล้เคียงมาให้บอสพอล ดูแล้ววัดคลื่นสมองไปด้วยน่าจะพอสามารถบอกได้ว่าพาสเวิร์ดไหนเป็นพาสเวิร์ดจริง ปกตินักอาชญาวิทยาจะถูกเชิญไปในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญคดีสำคัญๆ ซึ่งเราทำได้แค่ลงน้ำหนักไปที่ผิดมาก ผิดน้อย ไม่ได้ให้อำนาจในการร่วมสืบสวน ต้องรอฟังตำรวจน่าจะมีวิธีได้พาสเวิร์ดมาอย่างไร”
ทั้งนี้ ในการวิเคราะห์ตามหลักวิชาการของนักอาชญาวิทยาฯ เชื่อว่า บอสทั้ง 18 คนรู้ และเข้าใจสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจของดิไอคอนกรุ๊ปแน่นอน!
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j