ขายของออนไลน์สร้างความเสียหายให้ลูกค้าเป็นวงกว้าง “แม่ตั๊ก-แม่ใบหนาด” Live ขายทองคำ สุดท้ายถูกจับ ส่วน The iCon Group ธุรกิจขายของออนไลน์ ที่มีดาราหลายคนร่วมงาน ผู้เสียหายทยอยแจ้งความ บอยปกรณ์-มิน พีชญา ขอยกเลิกสัญญา คนวงการตลาดชี้คอร์สสอนขายของออนไลน์เป็นตัวเปิดทางหาลูกค้าก่อนถูกต่อยอดไปขายสินค้าหรือเน้นหาสมาชิก และอาจกลายพันธุ์ไปเป็นแชร์ลูกโซ่
ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา เกิดความเสียหายกับผู้ซื้อสินค้าออนไลน์เป็นวงกว้าง จนผู้เสียหายต้องเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ขายสินค้า 2 ราย ที่ขายทองคำผ่านการ Live สด ด้วยกลยุทธ์ลดแลกแจกแถม และกระตุ้นการเข้ามารับชมด้วยการดึงเอาดารา หรืออินฟลูเอนเซอร์คนดังเข้ามาร่วมขาย จนสร้างยอดขายได้สูงมากต่อการ Live 1 ครั้ง
แต่สุดท้ายก็เกิดปัญหาขึ้นทั้งเรื่องคุณภาพทองและน้ำหนักไม่ได้มาตรฐาน ส่วนอีกรายขายทองราคาถูกแต่กลับไม่ส่งให้ลูกค้า
แม่ตั๊กป๋าเบียร์
30 กันยายน 2567 รายงานข่าวแจ้งว่า ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) กองบัญชาการสอบสวนกลาง นำกำลังบุกค้นบ้านพักของ น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือแม่ตั๊ก กับนายกานต์พล เรืองอร่าม หรือป๋าเบียร์ ตามหมายค้นของศาลอาญามีนบุรี โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์ พร้อมกันนี้ ยังนำกำลังไปค้นร้านทองเคทูเอ็น
ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ออกมาเตือนในระยะแรกส่วนใหญ่จะไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ นี่จึงเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ความเสียหายเกิดขึ้นเป็นวงกว้าง
แม่ใบหนาด
ถัดมา 9 ตุลาคม 2567 ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จับกุมนายพรมธาดา หรือแม่ใบหนาด อายุ 31 ปี กรรมการบริษัทห้างเพชรทองธาดาโกลด์ ตามหมายจับศาลอาญาที่ 4953/2567 ลงวันที่ 8 ตุลาคม 2567 ข้อหาความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชน หลังไลฟ์สดกลอกขายทองเหยื่อกว่า 500 ราย ทำเสียหายกว่า 180 ล้าน
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการว่าจ้างอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังให้มาร่วมไลฟ์ขายของด้วยจึงทำให้มีผู้หลงเชื่อเป็นจำนวนมาก รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท ก่อนจะยุติการขายในปี 2567 เนื่องจากราคาทองมีการเปลี่ยนแปลง
ดิไอคอนกรุ๊ป
จนมาถึงกรณีของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ที่กำลังถูกพูดถึงกันมากในเวลานี้ เนื่องจากมีดาราเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้หลายคน เช่น แซม-ยุรนันท์ ภมรมนตรี กันต์ กันตถาวร มิน-พิชญา วัฒนามนตรี บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ โดม-ปกรณ์ ลัม
โดยตอนนี้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว และไปออกรายการทีวีเพื่อสะท้อนถึงเสียหายที่เกิดขึ้นกับพวกเขา
คดีดังกล่าว พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แต่งตั้ง พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เข้ามาดูแลร่วมกับกองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ ตำรวจสอบสวนกลาง และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เพื่อจัดการกับคดีความเสียหายจากการเชิญชวนประชาชนร่วมลงทุน รวมไปถึงกรณีดิไอคอนกรุ๊ปด้วย
สะท้อนให้เห็นถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความสำคัญกับคดีนี้
ในแง่ของสาธารณชนเริ่มจับจ้องไปที่ท่าทีของพิธีกรดังอย่างหนุ่ม กรรชัย ที่โพสต์บอกนัยบางอย่าง จนในที่สุดก็ปรากฏชื่อของดิไอคอนกรุ๊ปขึ้นมา โดยเรื่องถูกขยายมากขึ้นจากฝ่ายของผู้เสียหาย ทำเอาแซม ยุรนันท์เริ่มออกมาชี้แจง กันต์ กันตถาวร ลาออกจากการเป็นพิธีกรในค่าย Work point บอย ปกรณ์ออกโหนกระแสแจ้งยกเลิกสัญญาและคืนเงิน ส่วนมิน พีชญาชี้แจงเมื่อศุกร์ที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมาขอยุติสัญญากับทาง The iCon Group
แจ้งความดำเนินคดี
10 ตุลาคม 2567 มูลนิธิรณรงค์ฯ ทนายเดชา เดชา กิตติวิทยานันท์ พร้อมด้วยต้นอ้อ มูลนิธิเป็นหนึ่ง และนายแทนคุณ จิตต์อิสระ พาผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบบางส่วนจากการลงทุนกับบริษัท The icon group กว่า 10 ราย เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.)
นายแทนคุณ จิตต์อิสระ กล่าวว่า พฤติการณ์ของบริษัทนี้ให้ข้อมูลไม่ครบถ้วนและโฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับการขายสินค้าออนไลน์ เมื่อมีผู้หลงเชื่อจะชักชวนให้ร่วมลงทุน เปิดคอร์สราคา 98 บาท
จากนั้นชักชวนให้ร่วมลงทุน เริ่มต้นที่ 2,500 บาทในระดับ Distributor ขั้นต่อมา 25,000 บาท เป็นระดับ Supervisor และ 250,000 เป็นระดับ Dealer โดยมีการชวนเชิญด้วยเทคนิคต่างๆ เช่น เอาความฝันมาล่อ เอาการไปท่องเที่ยวต่างประเทศมาล่อ เน้นหา ดาวไลน์
ขั้นตอนต่อไปต้องมีการให้ยิง Ad (โฆษณา) ที่จะต้องจ่ายเงินเพิ่ม ซึ่งไม่ได้ลูกค้าตามเป้าหมายที่มีคุณภาพ จนเป็นหนี้สินมากมายเพราะขายไม่ได้ ของก็เหลือเยอะ การกระทำดังกล่าวอาจจะเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน
“บอสพอล” ขอความเป็นธรรม
นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล เจ้าของ The iCon Group โพสต์ชี้แจงว่า ตลอดระยะเวลาที่ผมทำธุรกิจขายปลีก-ขายส่งผ่านระบบตัวแทน ภายใต้บริษัทดิไอคอนกรุ๊ปมาเป็นระยะเวลา 6 ปีกว่าแล้ว ผมเชื่อมั่นว่าผมดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องโปร่งใสมาโดยตลอด
แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดเป็นกระแสสังคมขึ้น ณ ขณะนี้ ผมติดตามข้อมูลต่อเนื่องมาและรู้สึกเสียใจอย่างมากที่เกิดเหตุว่า มีผู้เสียหายเกิดขึ้นเนื่องจากการทำธุรกิจกับบริษัทของผม
ผมได้ให้ทีมงานตรวจสอบข้อมูล ปรากฏมีหลายเคสตามที่เกิดดรามาที่ออกมา ต่อว่า ด่าทอบริษัท กลับไม่ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายของผม แบบที่เขากล่าวอ้างเลย และมีอีกหลายเคสที่ขายของกับบริษัทผม แล้วได้เงินกำไรไปจำนวนมาก แต่กลับมาต่อว่า ด่าทอ ในโลกโซเชียลเช่นเดียวกัน
ผมยอมรับตรงๆ ว่าผม งง และสับสนมากครับ พยามตั้งสติ พยามติดตาม ดูข้อมูลว่าอันไหนเป็นข้อมูลจริง อันไหนเป็นการกลั่นแกล้ง ใส่ความ ปลุกปั่น บ้างก็ด่าเอามัน เอาสะใจ โดยมีข้อมูลถึงขั้นที่ว่าทำธุรกิจกับบริษัทของผมแล้วฆ่าตัวตาย
อันนี้คือประเด็นใหญ่ที่สุดที่ผมเองไม่เคยได้รู้มาก่อนเลยครับ และยังคงสงสัยอยู่ว่าถ้าเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แล้วทำไม? ถึงไม่มีใครในองค์กรรู้มาก่อนบ้างเลย
อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นเรื่องจริงผมคงรู้สึกเสียใจมากและอยากที่จะช่วยเหลือ เยียวยาครอบครัวผู้ที่สูญเสียอย่างเต็มที่ครับ ขอเพียง ท่านติดต่อกลับมาที่บริษัท แต่ขอย้ำอีกครั้งนะครับว่า ผมไม่เคยทราบข้อมูลมาก่อนจริงๆ
ส่วนที่ถามว่าทำไมผมถึงยังไม่ออกมาพูดอะไร ผมขอตอบตรงๆ ว่า เมื่อไตร่ตรองโดยสติแล้ว ผมคิดว่า ไม่ว่าจะตอบอะไรออกมาในช่วงที่กระแสสังคม เปรียบเหมือนน้ำเชี่ยว จากการรับข้อมูล “ทางเดียว” ในตอนนี้ ยิ่งจะเป็นการทำให้สถานการณ์ที่หนักอยู่แล้วหนักยิ่งขึ้น
ผมจึงใช้เวลาทั้งหมดในการเตรียมข้อมูล ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง รวมทั้งหลักฐานต่างๆ ที่จะชี้แจงให้ทราบผ่านกระบวนการยุติธรรม ทางกฎหมาย
ผมพร้อมเข้าสู่กระบวนการ เพราะผมเชื่อว่า เราต่างเป็นสุจริตชนที่อยู่ภายใต้ “กฎหมาย” ไม่ใช่การใช้ “กฎหมู่” หรือกระแสสังคมในการทำลายกัน
ผมพร้อมจะเข้าไปแสดงตัว ”มอบตัวกับตำรวจ“ ตามที่ตำรวจจะแจ้งให้ทราบทุกเมื่อ ผมรอพิสูจน์ความจริง อยู่ตรงนี้ไม่หนีไปไหน แน่นอนครับ และพร้อมนำข้อเท็จจริงและหลักฐานทั้งหมดเข้าชี้แจงผ่าน “กระบวนการยุติธรรม”
ทุกท่านอดใจรอหน่อยนะครับ เดี๋ยวความจริงจะเปิดเผยออกมาให้ทุกท่านทราบ ถ้าผมทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา ผมย่อมจะต้องได้รับโทษทางกฎหมายอย่างถึงที่สุดแน่นอนครับ
เมื่อถึงวันนั้นค่อยด่าทอ ประณาม เหยียบย่ำ ผมได้เลยครับ เชื่อว่า… ไม่ช้าเกินไป แต่วันนี้ ผมเป็นผู้บริสุทธิ์ครับ และผมเชื่อในความบริสุทธิ์ของผม ผมส่องกระจกดูตัวเองแล้ว ผมยังสามารถสบตาตัวเองได้ “อย่างเต็มตา”
ในขณะเดียวกัน ผมก็สลดใจที่ตัวเอง และ องค์กรต้องมาถูกเหยียบย่ำ ทำลายต่างๆ นานา ในขณะที่ยังไม่ได้มีการตัดสินจากกระบวนการยุติธรรม ที่พวกเราเชื่อมั่น เชื่อถือ
ผมอยากข้อร้อง วิงวอนให้ทุกท่านโปรดให้โอกาสผมและองค์กรได้พิสูจน์ตัวเองผ่านกระบวนการยุติธรรม ก่อนที่จะด่วนตัดสินกันนะครับ
ดาราแค่ช่วยทำการตลาด
จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ดาราที่เข้ามาร่วมงานกับทาง The iCon Group ทำให้บริษัทดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ต้องออกมาชี้แจงว่า คุณกันต์ กันตถาวร คุณแซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี และคุณมิน พีชญา วัฒนามนตรี ไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจลงนามตามหนังสือรับรองของบริษัท และไม่ได้เป็นผู้มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทแต่อย่างใด เป็นเพียงผู้ช่วยทำการตลาดสินค้าของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป จึงขอชี้แจงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
ตามมาด้วยชี้แจงเรื่องของ บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ เป็นพรีเซ็นเตอร์ Room Coffee และ โดมปกรณ์ ลัม เป็นพรีเซ็นเตอร์ Boom Collagen ไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจลงนามตามหนังสือรับรองของบริษัท และไม่ได้เป็นผู้มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทแต่อย่างใด เป็นเพียงพรีเซ็นเตอร์สินค้าทำการตลาดสินค้าของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป จึงขอชี้แจงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
ไลฟ์ขายทองคำ
แหล่งข่าวจากวงการตลาดกล่าวว่า เราเพิ่งเห็น 2 เคสใหญ่ที่ขายทองออนไลน์ไป รายหนึ่งขายทองคุณภาพและน้ำหนักอาจไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ซื้อแล้วเอาไปขายต่อได้เงินคืนมาน้อย หรืออีกรายขายทองราคาถูกแล้วไม่ส่งมอบให้ลูกค้า รวมทั้ง 2 กรณีมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก เจ้าของร้านทองที่เป็นปัญหาถูกจับกุมไปแล้ว
การขายทองร้านทองเคทูเอ็นของแม่ตั๊ก กรกนก และแม่ใบหนาด ใช้ช่องทางขายผ่านสื่อออนไลน์ ทำให้สามารถขายสินค้าได้ทั้งในและต่างประเทศ ผู้สนใจแสดงความจำนงและโอนเงินชำระผ่านโทรศัพท์ แล้วเจ้าของจัดส่งสินค้าให้ นอกจากนี้ มีการใช้อินฟลูเอนเซอร์หรือคนดังกล่าวมาร่วมขาย ช่วยสร้างยอดขายให้ทางร้านเป็นอย่างมาก
เดิมการขายสินค้าที่มีมูลค่าสูง อย่างเช่นทองคำลูกค้าส่วนใหญ่มักไปซื้อที่ร้านขายทองเพื่อความมั่นใจ แต่ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้ตอนนี้สินค้าที่มีราคาสูงก็ขายออนไลน์ได้ หากผู้ขายซื่อสัตย์ต่อลูกค้าจึงไม่มีปัญหา
เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการขายสินค้าในวันนี้เปลี่ยนไปจากเดิมภายใต้ความล้ำหน้าของเทคโนโลยี แต่ทั้งหมดไม่ว่าจะค้าขายในช่องทางใด ความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
การทำธุรกิจในยุคนี้ขึ้นอยู่กับการออกแบบของเจ้าของธุรกิจว่าจะต้องการให้กิจการเป็นไปในทิศทางใด เรื่องคอร์สสอนขายของออนไลน์ 89 บาท หลายคนก็ทำกัน ส่วนปลายทางจะชวนลูกค้าที่มาอบรมไปทำอะไรต่อก็แล้วแต่ทีมงานนั้นๆ
คอร์สสอนออนไลน์ถือว่าเข้ากับยุคปัจจุบัน หลังจากสถานการณ์ Covid บางคนตกงาน ถูกลดเงินเดือน ต้องการสร้างรายได้เพิ่ม คอร์สแบบนี้มีเยอะมาก
ในอีกด้านหนึ่งถือเป็นการดึงเอาลูกค้าที่ต้องการสร้างรายได้เข้ามาให้ไปในตัว ถ้าเป็นการชักชวนให้เสนอขายสินค้าตามปกติ คงไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าเน้นไปที่การชักชวนให้เพิ่มสมาชิกใหม่แล้วให้ผลตอบแทนกับผู้ชักชวน ตรงนี้อาจเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ได้ ส่วนจะดีไซน์ให้ออกมาแบบไหนขึ้นอยู่กับเจ้าของ
เกือบทุกกรณีของกิจการที่ประกอบธุรกิจที่เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ จะทราบเรื่องก็ต่อเมื่อเกิดความเสียหายเป็นวงกว้างแล้ว เพราะไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปยับยั้งได้ เนื่องจากกฎหมายเมืองไทยเป็นระบบกล่าวหา ต้องให้มีผู้เสียหายเจ้าไปแจ้งความก่อนหน่วยงานต่างๆ จึงจะเข้าไปได้ อย่างสื่อมวลชนแม้พอจะทราบว่ากิจการใดอาจเป็นแชร์ลูกโซ่การนำเสนอข่าวอาจถูกฟ้องหมิ่นประมาทได้ ดังนั้นการออกมาเตือนในระยะแรกส่วนใหญ่จะไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ นี่จึงเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ความเสียหายเกิดขึ้นเป็นวงกว้าง
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j