xs
xsm
sm
md
lg

‘ฝรั่งหัวดำ’ ตีตราจองยึดพื้นที่ตั้งกาสิโน รุกรวมที่ดิน ‘บางละมุง-อู่ตะเภา-ภูเก็ต’ คึกคัก!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จับตากาสิโนถูกกฎหมายภายใต้โครงการเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ใกล้เป็นจริง! วงในชี้ปัจจัยสนับสนุนและกรอบเวลาแล้วเสร็จปลายปี 2568 เพื่อออกใบอนุญาตครั้งแรกแห่งละ 5 พันล้านบาท แถมเหลือเวลาดำเนินการ 1 ปีเศษ ก่อนรัฐบาลหมดวาระ พร้อมเลือกตั้งปี 2570 เอื้อ ‘เพื่อไทย’ มาวิน ระบุจาก 5 แห่งเป็น 8 แห่ง ชี้ฝรั่งหัวดำตีตราจองกันแล้ว ส่งมือดีๆ รวมที่ดินย่านบางละมุง อู่ตะเภา และภูเก็ต มั่นใจแห่งแรกอยู่ที่พัทยา ส่วนคลองเตย น่าจะมีอุปสรรค หากจะเกิดต้องใช้อำนาจ Super Board ที่มีนายกฯ อิ๊ง เป็นประธานรื้อกฎหมาย ด้านเลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ย้ำกาสิโนไม่ควรอยู่ใจกลางเมืองแนะสังคมจับตาร่าง พ.ร.บ. เอื้อคนไทยเข้ากาสิโนและติดหนี้การพนันถูกกฎหมาย นี่คืออันตรายสำหรับคนไทย!

“กาสิโนถูกกฎหมาย” ที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย ภายใต้โครงการเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) หรือสถานบันเทิงครบวงจร ใกล้ความจริงเข้ามาแล้ว โครงการนี้ผ่านมือรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา มาจนถึงรัฐบาลเพื่อไทย ที่มี ‘เศรษฐา ทวีสิน’ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้บอกไว้ว่าสถานบันเทิงครบวงจรดังกล่าวจะดึงดูดการลงทุนได้กว่า 300,000 ล้านบาท เก็บภาษีได้ปีละกว่า 20,000 ล้านบาท และจะเกิดการจ้างงานกว่า 20,000 อัตรา

ทั้งนี้ มีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญฯ ที่มีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ทำการศึกษารายงานผลการพิจารณาศึกษาเรื่อง ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ และรายงานดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาเมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมา

โดยในช่วงต้นเดือนเมษายน นายเศรษฐา ได้สั่งการในที่ประชุม ครม.ให้กระทรวงการคลัง ไปหาแนวทางดำเนินการให้เป็นรูปธรรม ซึ่งกระทรวงการคลัง ได้มีการยกร่าง ‘ร่างพระราชบัญญัติ การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ...’ เสร็จเรียบร้อยแล้ว และเปิดให้มีการทำประชาพิจารณ์ พ.ร.บ.กาสิโน ซึ่งขณะนี้ผลประชาพิจารณ์ได้ข้อสรุปเรียบร้อยแล้ว และจะนำไปประกอบกับร่างกฎหมายดังกล่าวและจะมีการนำเสนอเข้า ครม.แพทองธาร ชินวัตร พิจารณาผลักดันเป็นกฎหมายของรัฐบาลเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาต่อไป


อย่างไรก็ดี แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ระบุว่ากาสิโนหรือบ่อนถูกกฎหมายที่ซ่อนอยู่ในเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ เกิดได้ในรัฐบาลอิ๊ง แน่นอน และให้สังคมมองไปยังปัจจัยต่างๆ ดังนี้

ปัจจัยที่ 1 แรงผลักดันที่ทำให้นโยบายนี้เป็นจริงอยู่ที่การแสดงวิสัยทัศน์ ของนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมาในงาน Dinner Talk : Vision for Thailand 2024 หนุนให้มีเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ จะมีการลงทุนไม่ต่ำกว่าแห่งละ 1 แสนล้านบาท ในพื้นที่ กทม.และต่างจังหวัด โดยใช้พื้นที่ส่วนที่เป็นกาสิโนเพียง 10% ส่วนอื่นๆ จะเป็นทั้งสวนสนุก โรมแรม ฮอลล์คอนเสิร์ต และเปิดให้เอกชนมาลงทุนโดยที่รัฐไม่ต้องเสียเงินลงทุนด้วยตนเอง แต่จะสร้างรายได้เข้าประเทศมหาศาล

“สิ่งที่ทักษิณ ประกาศคือธงนำที่นายกฯ อิ๊ง ต้องสานต่อ เพราะเชื่อว่าไม่มีพรรคไหนค้าน พรรคประชาชนซึ่งเป็นฝ่ายค้านก็เห็นด้วยนะ เพราะมองเรื่องการสร้างรายได้ให้ประเทศเหมือนกัน หรือพรรคอนุรักษ์ อย่าง รทสช. ที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นหัวหน้าพรรคก็เห็นด้วย ในอดีตผลักดันยากและมักจะตกม้าตายที่สภา เพราะนักการเมืองค้าน ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ หวั่นเป็นการมอมเมาประชาชน ก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมตามมา ส่วนบรรดาทุนเจ้าของบ่อนเล็ก บ่อนน้อยที่มีอยู่ทั่วก็ออกแรงทั้งใต้ดิน บนดินต่อต้านกันไปหมด เพราะกลัวกระทบบ่อนตัวเอง”

ที่น่าจับตาคือก่อนหน้าที่นายทักษิณ จะออกมาพูดหนุนกาสิโนนั้น นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ออกมาแถลงข่าวว่าพรรคไม่สนับสนุนให้มีการตั้งบ่อนกาสิโน แต่ต่อมานายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาพูดสนับสนุนเห็นด้วยกับการตั้งกาสิโน เพราะเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ จนถูกกระแสโจมตีต่อมาว่าพรรคภูมิใจไทยกลับลำ

นั่นแสดงให้เห็นแล้วว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ของรัฐบาลส่งเข้าสภาผ่านฉลุย!

ปัจจัยที่ 2 ส.ส.ระดับแกนนำ เล่าสู่กันฟัง ว่ามีนายทุนอสังหาฯ รายใหญ่ของเมืองไทยที่เกี่ยวพันกับแกนนำรัฐบาล ส่งคนลงพื้นที่สั่งให้รวบรวมที่ดินโดยเฉพาะที่ดินเป้าหมายจะมีการตั้งกาสิโนแห่งแรกจะอยู่ที่พัทยา ซึ่งวันนี้รวบรวมได้มากพอสมควร เพราะที่ตรงนั้นยังมีที่ว่างเปล่าที่รอการพัฒนาอีกมาก

“เขาทำอสังหาฯ รู้นโยบาย จึงมองออก แถวบางละมุง อู่ตะเภา แนวเส้นทางเชื่อมต่อเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC เวลานี้เคลื่อนไหวกันมาก กลุ่มทุนจะได้อานิสงส์ร่วมกัน”

นอกจากนี้ กลุ่มทุนที่ภูเก็ตบอกว่า นายทักษิณ เดินทางไปที่ภูเก็ตหลายครั้งเพื่อมาวิเคราะห์ที่ตั้งบ่อนกาสิโน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าที่นี่เหมาะสมมาก และเป็นพื้นที่กลุ่มทุนต่างชาติสนใจลงทุน

ปัจจัยที่ 3 ว่ากันว่าโครงการนี้จะมีทั้งหมด 5 แห่ง ล่าสุดมีการคุยกันว่าจะขยายจาก 5 เป็น 8 แห่ง และระบุว่า 3 แห่งที่เกิดขึ้นมานั้นพาดพิงไปที่ฝรั่งหัวดำ จะเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อน ต่างชาติก็ต้องหันมาร่วมกับทุนไทยกลุ่มนี้ และพื้นที่ที่ได้รับความสนใจ คาดว่าทำเลที่ตั้งแห่งแรกบริเวณพื้นที่ EEC และพัทยา แห่งที่ 2 จะอยู่ใกล้ๆ สนามบินสุวรรณภูมิ พื้นที่ กทม. หรือสมุทรสาคร สมุทรปราการ ปทุมธานี นนทบุรี แห่งที่ 3 ภาคเหนือ จะเป็นเชียงใหม่ เชียงราย แห่งที่ 4 ภาคอีสาน อุดรฯ อุบลฯ หรือขอนแก่น แห่งที่ 5 ภาตใต้ ภูเก็ต พังงา กระบี่ เป็นต้น

ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่าการตั้งกาสิโนในเมืองไทย เป็นเรื่องที่พูดกันมานาน และนักธุรกิจหรือพวกทุนกาสิโนต่างชาติได้ส่งคนเข้ามาทำวิจัยการตั้งกาสิโนเมืองไทยไว้หมดแล้ว เขารู้ว่าที่ไหนมีศักยภาพดีที่สุด ดังนั้นหากรัฐบาลเปิดให้ลงทุน กลุ่มทุนต่างชาติเลือกใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ อันดับแรก คาดว่ารัฐคงให้สิทธิพัฒนาเพียงรายเดียว นักลงทุนรายอื่นก็เลือกทำเลถัดๆ ไป ที่เพียบพร้อมด้วยสาธารณูปโภค มีสนามบินนานาชาติ การคมนาคมสะดวกทั้งสิ้น


ปัจจัยที่ 4 โครงการนี้ควรจะเกิดได้ช่วงไหน เชื่อว่ารัฐบาลจะไม่ผลีผลาม แต่จะค่อยๆ ปล่อยผลการศึกษา เริ่มแรกปล่อยผลการทำประชาพิจารณ์ที่เวลานี้กระทรวงการคลังได้ผลสรุปออกมาแล้ว โดยเสนอให้มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นไทย 30-50% เรื่องใบอนุญาตมีการเสนอปรับลดจาก 30 ปีเหลือเพียง 10 ปี แต่ก็มีเสนอให้ใบอนุญาต 30 ปี ต่อได้ 30 ปี กำหนดให้มีใบอนุญาตไม่เกิน 7 ราย ส่วนสถานที่ตั้งควรอยู่นอกเขต กทม.และปริมณฑล และหนุนไปตั้งในพื้นที่ท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี ระยอง หัวหิน กรุงเทพฯ ค่าธรรมเนียมการเข้ากาสิโน สำหรับคนไทยควรกำหนดไว้ที่ 1,000-2,000 บาท เป็นต้น

จากนั้นน่าจะปล่อยผลการวิจัยหรือผลการศึกษาเรื่องกาสิโนที่เห็นว่าเป็นข้อมูลเชิงบวกออกมา เช่น กรณีพื้นที่คลองเตยซึ่งเป็นที่ดินของการท่าเรือ และที่นี่มีโครงการพัฒนาพื้นที่บนเนื้อที่ 2,300 ไร่ไว้แล้ว และถ้าจะดึงพื้นที่ 10% ตามร่าง พ.ร.บ. คือ 230 ไร่ มาทำกาสิโน จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างไร

สำหรับแผนพัฒนาที่ดินแปลง 2,300 ไร่ จะมีส่วนหนึ่งใช้เพื่อสร้างตึกสูง 30-40 ชั้น และผู้ที่อาศัยอยู่ก่อนในบริเวณนี้ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือกลุ่มที่ได้เงินชดเชยและให้ไปหาที่อยู่เอง ส่วนที่ 2 จะย้ายไปอยู่หนองจอก ที่เคยมีข่าวว่าจะไปตั้งเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ที่นี่ แต่จริงๆ ไว้รองรับคนตรงนี้ ส่วนที่ 3 ได้อยู่ที่คลองเตยเหมือนเดิม ว่ากันว่าจะได้ 6,000 ห้อง ซึ่งห้องหนึ่งอาจจุไม่ได้ทั้งครอบครัวเพราะคนกลุ่มนี้เป็นครอบครัวใหญ่อยู่รวมกัน ประเด็นที่รัฐกังวล คือ ตามทะเบียนราษฎรมีอยู่ 12,000 ครอบครัว แต่ถ้าไม่ใช่ทะเบียน มีประมาณ 20,000 ครอบครัว

“ต้องทยอยให้ผลการศึกษาออกมาเป็นบวก ท่ามกลางเศรษฐกิจแย่ ส่งออกลำบาก การท่องเที่ยวไม่เป็นไปตามเป้า กาสิโนคือเป้าหมายรายได้ที่จะช่วยสังคมได้ ต้องทำให้สังคมยอมรับให้ได้ว่า เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ที่มีกาสิโนซ่อนอยู่ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย ขณะที่ร่างกฎหมายเสนอเข้า ครม. ต่อด้วยสภา ตามกระบวนการไปพร้อมๆ กัน”

บรรดาพรรคร่วมคาดกันว่า จะเกิดเป็นรูปธรรมได้ในปลายปี 2568 ซึ่งเข้าสู่ปีที่ 3 ของรัฐบาลเพื่อไทยแล้ว แต่รัฐบาลเพื่อไทยยังมีเวลาอีกปีเศษกว่าจะมีการเลือกตั้งจะเป็นช่วงพฤษภาคม 2570

“เชื่อว่ารัฐบาลวางกรอบในการประมูลใบอนุญาตประมาณปีที่ 3 ถ้าลงตัวตามนี้เลือกตั้งครั้งหน้าเพื่อไทยมีโอกาสชนะสูง ส่วนการก่อสร้างไม่น่าจะทัน แต่ใบอนุญาตได้ไปแล้วก็ไม่เป็นไร เขาอาจเลือกสร้างกาสิโนก่อน ส่วนพื้นที่อื่นๆ ก็ทยอยทำได้ตามรายละเอียดในการประมูลต่อไป ซึ่งบอร์ดนโยบายมีนายกฯ เป็นประธานอยู่แล้ว”

ส่วนค่าใบอนุญาตจ่ายครั้งแรก 5 พันล้านบาทต่อ 1 แห่งระยะเวลา 30 ปี แต่จะมีการประเมินทุก 5 ปี และมีการต่ออายุได้ 10 ปี ทั้งนี้ การขอต่ออายุใบอนุญาตและอัตราค่าธรรมเนียมรายปีอีก 1 พันล้านบาท

ดังนั้น หากรัฐบาลเพื่อไทยสามารถดำเนินการตามกรอบได้ โอกาสในการชนะเลือกตั้งก็มีสูงและสิ่งที่จะได้ตามมาซึ่งสำคัญที่สุดคือ พรรคเพื่อไทยจะสามารถจัดวางกำลังคนในระบบราชการได้ตรงตามที่ต้องการ

“อยู่แล้ว 4 ปี ถ้าเลือกตั้งปี 2570 ชนะเลือกตั้ง ก็วางกำลังไปได้อีก 4 ปี ตรงนี้อยู่ที่ทักษิณ นายกฯ อิ๊ง และพรรคเพื่อไทย ไม่สะดุดปัญหาอะไรไปก่อน”


ด้านนายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ระบุว่า รัฐบาลเดินหน้าเรื่องกาสิโนถูกกฎหมาย ถึงขั้นมีการยกร่าง พ.ร.บ. ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ... เสร็จเรียบร้อยแล้ว และเปิดให้มีการทำประชาพิจารณ์สรุปกันไปแล้ว และเชื่อว่าได้มีการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มทุนไทยและกลุ่มทุนกาสิโนต่างชาติกันหลายสายไปแล้วเช่นกัน

ขณะที่เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ที่มีกาสิโนถูกกฎหมาย จะลงตัวกี่แห่งนั้น ข้อเท็จจริงคงอยู่ที่การช่วงชิง การต่อรอง สารพัดว่าจะไปลงที่ไหน หรือผลประโยชน์ระหว่างใครกับใคร

โดยเฉพาะที่มีการพูดถึงจะไปตั้งกาสิโนในพื้นที่คลองเตยนั้น เชื่อว่าหากจะตั้งกาสิโนในใจกลางเมือง ไม่เหมาะสมอยู่แล้ว ก็อยากให้มองไปที่กัมพูชา ‘NAGAWORLD’ Entertainment Complex ที่กรุงพนมเปญ สมเด็จฮุน เซน เองก็พยายามที่จะไม่ให้อยู่ในเมืองหลวง เพราะมีปัญหาอื่นๆ ตามมา

“ถ้ามีทางเลือก ไม่มีประเทศไหนอยากให้กาสิโนอยู่ใจกลางเมืองหลวงหรอก ซึ่งการที่เราจะให้อยู่คลองเตย ก็ฟังดูแปลกๆ ยิ่งแหล่งพนันอยู่ใกล้ชุมชน ยิ่งสะดวกในการเข้าถึง มันจะมีโอกาส ที่คนในประเทศหรือในชุมชนจะเข้าไปเล่นเยอะ แล้วในความเป็นจริง คนที่จะเข้ามาเล่นในกาสิโน อย่างนักท่องเที่ยวต่างชาติ มันเยอะไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้อยู่ประจำ มาแล้วไป” 

ในความเป็นจริงกาสิโนของทุกประเทศทั่วโลก สุดท้ายแล้วลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนในประเทศนั้นๆ ดังนั้นหลายประเทศถึงพยายามผลักดันให้กาสิโนไปอยู่ในพื้นที่ที่ไกลออกไป

อย่างไรก็ตาม เรื่องของกาสิโนจึงอยู่ที่การบังคับใช้กฎหมาย และระเบียบข้อบังคับต่างๆ ว่าสุดท้ายจะออกมาเป็นอย่างไรและจะเป็นช่องให้คนไทย คนจน เข้าไปเล่นได้หรือไม่ อย่างร่างเดิมคนจะเข้าไปต้องโชว์ statement ฐานะการเงิน มีบัญชีเงินฝากเกิน 500,000 บาทขึ้นไป ซึ่งตรงนี้ในร่างของกระทรวงการคลังไม่มีแล้ว จึงเป็นแค่ราคาคุยช่วงเริ่มต้น

ประเด็นต่อมา ค่าธรรมเนียมการเข้ากาสิโน 5,000 บาท ถ้าไปศึกษาดีๆ จะพบว่าเป็นการล็อกขั้นสูง แต่ไม่ได้ล็อกขั้นต่ำไว้ นั่นแปลว่าเขาอาจเก็บต่ำกว่านั้น หรือไม่เก็บค่าธรรมเนียมเลยก็ได้

ตรงนี้คือการสะท้อนให้เห็นเจตนาว่าสุดท้ายต้องการปลดล็อกให้คนไทยเข้าเล่นได้ คือ ประเทศไหนถ้ามีการบังคับใช้กฎหมายไม่แข็งแรง จะเกิดปัญหานี้ เช่น กัมพูชา ลาว สุดท้ายคนในประเทศก็เข้ามาเล่น

“ถ้าปล่อยแบบนี้จะเกิดปัญหาสังคมตามมา เรื่องกาสิโนคนอยากรู้ อยากเห็น จึงอยากลองเข้าไปเล่น”

นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน
เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนันย้ำว่า อีกประเด็นที่สังคมต้องติดตาม คือในร่าง พ.ร.บ.และมีการทำประชาพิจารณ์ไปแล้วมีการผูกโยงให้สถานประกอบการสามารถที่จะให้สินเชื่อกับผู้เข้าเล่นกาสิโนได้ โดยให้เหตุผลว่า คนรวยมักจะไม่พกเงินสด เมื่อเงินสดหมดก็ควรมีการให้เครดิตกับคนรวยเล่นต่อได้

“ที่ว่าอันตรายมากๆ เพราะกฎหมายที่เขียน ไม่ได้เขียนว่าให้เฉพาะคนที่มีสถานะทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่กฎหมายเขียนว่า กาสิโน สามารถปล่อยกู้ หรือให้สินเชื่อกับผู้เข้าเล่นได้ นั่นหมายถึงว่า ให้ทุกคนสามารถใช้บริการสินเชื่อได้ ตรงนี้อันตรายมาก”

ที่มองว่าตรงนี้อันตรายมาก เพราะว่าโดยพฤติกรรมของนักเล่น เมื่อเล่นเสีย หากตัวเขาไม่มีสถานะทางการเงินที่ดี เขาจะไม่ยอมหยุดด้วยเพราะต้องการจะเอาเงินของตัวเองที่เสียไปกลับคืน ยิ่งทำให้นักเล่นเหล่านี้มีโอกาสที่จะกู้ง่าย ซึ่งเป็นเรื่องอันตราย ถ้าเราจะให้เขาก่อหนี้โดยไม่มีสติและสุดท้ายจะกลายเป็นหนี้พนัน

“หนี้การพนัน ปัจจุบันเมืองไทยไม่ยอมรับว่าเป็นหนี้ถูกกฎหมาย แต่เมื่อไปก่อหนี้ในกาสิโนถูกกฎหมาย และกฎหมายนี้ผ่าน จะทำให้หนี้พนันเป็นหนี้ถูกกฎหมายในประเทศไทย มีการบังคับ มีการทวงถามได้ ค่อนข้างอันตราย”

ประกอบกับค่าธรรมเนียมเข้าเล่น ไม่มีการล็อกขั้นต่ำ ปล่อยให้คนฐานะไม่ดีเข้าได้ และยังมีการปล่อยกู้ได้ ตามเงื่อนไขทำให้เกิดโซนอันตรายอย่างยิ่ง

แต่ถ้าไปดูร่างของกรรมาธิการฯ และร่างคณะทำงานของรัฐบาล จะเห็นความต่างกันชัดเจนในร่าง กมธ.เสนอ entertainment complex จะมีกาสิโน มีโรงแรมระดับ 5 ดาว มีห้างสรรพสินค้าครบวงจร มีศูนย์การประชุมและจัดนิทรรศการต่างๆ แต่ร่างของรัฐบาลมีกาสิโน และบอกแค่อีก 4 กิจการอย่างน้อย ซึ่งในคำแนบท้าย โรงแรมไม่มีคำว่า 5 ดาว และคำว่า ห้างสรรพสินค้า ไม่มีคำว่าครบวงจร คำว่าศูนย์การประชุมและนิทรรศการไม่มี ที่เหลือมีสระว่ายน้ำ สวนสนุก ซึ่งตรงนี้จะไม่เหมือนภาพ “มารีนา เบย์ แซนด์ สิงคโปร์” แต่จะเป็นภาพกาสิโนแบบไทยแลนด์นั่นเอง

“กาสิโนถ้าจะเกิดที่คลองเตย ไม่น่าจะทำได้เร็ว เพราะที่นี่มี พ.ร.บ.การท่าเรือครอบอยู่ ถ้าจะทำก็ต้องไปแก้กฎหมาย พ.ร.บ.ท่าเรือ ส่วนที่เห็นว่ามีโอกาสเกิดได้เร็วคือพัทยา หรืออู่ตะเภา เพราะตรงนั้นเป็นเมืองการบินภาคตะวันออก เป็นพื้นที่เชื่อมต่อ EEC ที่ประกาศเดินหน้าเต็มที่ คงมีการเจรจาเรื่องรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน กับซีพีแล้วล่ะ คือ ถ้าทุกอย่างเดินหน้า เรื่องการเปิดกาสิโนไม่ยากอยู่แล้ว ถ้าโครงสร้างพื้นฐานพร้อม กาสิโนมีตึกก็พอแล้ว”

ที่สำคัญโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ จะเป็นความร่วมมือระหว่าง ทุนไทย กับต่างชาติ โดยเฉพาะจะต้องผ่านตัวกลางคือไทย และพัทยาจึงเป็นที่แรกที่มีโอกาสเกิดได้ ส่วนที่คลองเตยน่าจะยากเพราะการจะขับไล่ที่ชาวบ้านเป็นประเด็นอ่อนไหว

“มารีนา เบย์ แซนด์ สิงคโปร์”

มารีนา เบย์ แซนด์ กาสิโน
หากพิจารณาตามร่าง พ.ร.บ.ของกระทรวงการคลัง จะเห็นการให้อำนาจ Super Board ที่นายกฯ เป็นประธาน มีอำนาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการของเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์รวมทั้งจะให้มีกฎหมายใหม่ก็ได้

“ถ้า พ.ร.บ.การท่าเรือเป็นอุปสรรค สามารถใช้อำนาจของ Super Board ให้คำแนะนำกับรัฐบาล ก็คือ คณะเดียวกัน แก้ไข ปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคก็จะเกิดการผลักดันให้แก้ พ.ร.บ.การท่าเรือ ได้รวดเร็ว จะเป็นการลัดขั้นตอนไม่ต้องแก้ทั้งฉบับ แก้บางมาตรา อย่างการท่าเรือวัตถุประสงค์เพื่อการท่าเรือ ไม่ใช่เพื่อ entertainment complex รัฐบาลสามารถใช้กฎหมายนี้ได้”

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่


Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j


กำลังโหลดความคิดเห็น