แกนนำ 3 นิ้วทยอยกันแจ้งลี้ภัย สูตรสำเร็จหลังหมายจับ 15 กันยา ไมค์ 1 ตุลา-เพนกวิน ส่วนรุ้งปนัสยามอบตัวยังอยู่เมืองไทย คนการเมืองคาด “รุ้ง” คงอีกไม่นาน เผยสายสีส้มปลุก “เผด็จการ” ไม่ได้อีกต่อไปตอนนี้ตัวใครตัวมัน เห็นชัดลี้ภัยแกนนำเหนือกว่าแกนตาม นักวิชาการแม่ฟ้าหลวงสวดพรรคประชาชนสอบตกน้ำท่วมเลือกครั้งหน้าแพ้ทั้งเชียงราย
กลายเป็นสูตรสำเร็จไปแล้วสำหรับแกนนำน้องๆ 3 นิ้วที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย หลังจากที่พรรคอนาคตใหม่ในขณะนั้นถูกยุบพรรค โดยที่มีพรรคการเมืองที่เสียประโยชน์ให้กำลังใจในการเคลื่อนไหว จนน้องๆ เหล่านี้มีคดีติดตัวมากมาย มีหลายครั้งที่ ส.ส. รวมถึงหัวหน้าพรรคก้าวไกลในขณะนั้นใช้ตำแหน่งของตัวเองช่วยประกันตัวเยาวชนเหล่านี้ จนเป็นเหตุให้เกิดการยุบพรรคก้าวไกลในเวลาต่อมา
ขณะที่คดีความของเยาวชนที่เคลื่อนไหวทางการเมืองในแนวทางเดียวกับพรรคการเมืองนั้นยังเดินหน้าต่อ บางคดีที่มีหมายเรียก 2 ครั้งแล้วไม่มารายงานตัวหรือรับทราบข้อกล่าวหาถึงขั้นตอนการออกหมายจับ
สิ่งที่สังคมได้เห็นแล้วคือ 2 แกนนำคนสำคัญของการชุมนุมในขณะนั้นได้หลบหนีไปต่างประเทศแล้ว เริ่มกันที่นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง ที่ออกมายอมรับว่าได้เดินทางออกไปต่างประเทศแล้วเมื่อ 15 กันยายน 2567
จากนั้น 1 ตุลาคม 2567 นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ที่ถูกออกหมายจับเช่นเดียวกัน ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กว่า เขาได้รับโอกาสทางด้านการศึกษาในต่างประเทศ
ไมค์รักแม่
นายภาณุพงศ์ จาดนอก (มะณีวงศ์) หรือไมค์ ระยอง หลังจากถูกออกหมายจับและไม่พบว่าเข้าไปมอบตัว จนเจ้าตัวโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเมื่อ 15 กันยายน 2567
การตัดสินใจออกจากประเทศผมพยายามคิดอย่างถี่ถ้วนและรอบคอบที่สุด ทบทวนอยู่หลายต่อหลายครั้งว่าจะกระทบกับใครมากน้อยเพียงใด แต่เมื่อความคิดนั้นตกตะกอน จึงรู้ว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้นไม่ได้มาจากตัวผม แต่ต้นเหตุสำคัญที่แท้จริงเกิดจากกระบวนการยุติธรรมที่ไม่ยุติธรรมได้กระทำย่ำยีกับพวกเราจนหลายคนต้องสูญเสียอิสรภาพและเลวร้ายที่สุดคือการจากลา
ผมเชื่อว่าทุกคนย่อมเข้าใจดีว่าการจากลาไม่ใช่เรื่องง่ายเลยการที่ผมต้องออกจากประเทศไทย ไม่ใช่เพราะความอ่อนแอแต่เป็นเพราะสถานการณ์ความไม่ยุติธรรมที่ผมได้รับ ความไม่ปลอดภัย การถูกจำกัดเสรีภาพและการที่ผมไม่สามารถแสดงออกในสิ่งที่เชื่อมั่นได้ ทำให้ต้องตัดสินใจเลือกหนทางใหม่
เพนกวิน เรียนต่อโท-เอก
จากนั้นเป็นคิวของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำคนสำคัญ ที่มีข่าวทั้งบวชพระในพื้นที่ภาคเหนือ ก็ถูกออกหมายจับและไม่เข้ามอบตัวเช่นเดียวกัน เพนกวินได้ออกมาโพสต์เมื่อ 1 ตุลาคม 2567 แจ้งว่า
วันนี้ผมมีข่าวดีมาแจ้งให้พี่น้องทุกคนได้ทราบว่า ผมได้รับทุนการศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอกแบบเต็มจำนวน จากมหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งหนึ่งในประเทศโลกเสรี การได้ศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงระดับโลกนั้นถือเป็นโอกาสสำคัญยิ่งของชีวิตผม แต่เนื่องด้วยสถานการณ์การใช้กฎหมายปิดกั้นเสรีภาพและปราบปรามผู้เห็นต่างทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมจึงจำเป็นต้องเดินทางไปศึกษาต่อโดยไม่ได้ร่ำลาและแจ้งให้พี่น้องได้ทราบกันล่วงหน้า ตัวผมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้
นับจากวันนี้ไป ผมเชื่อว่าคงจะมีหลายคนซึ่งอาจยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามทางการเมืองกับผมออกมาเย้ยหยันว่าผมเป็นนักโทษหนีคดี เหมือนกับที่เคยเย้ยหยันคนอื่นๆ มาก่อน ขอใช้โอกาสนี้เรียนไปถึงกลุ่มคนเหล่านั้นว่าการดำเนินคดีความทั้งหลายกว่า 30 คดีที่ผมตกเป็นจำเลยหรือผู้ถูกกล่าวหานั้น ล้วนแล้วแต่ได้รับการยอมรับในสังคมนานาชาติว่าเป็นการดำเนินคดีความทางการเมือง ไม่ใช่การดำเนินคดีทางอาญา
อีกทั้งกฎหมายที่ใช้กล่าวหาและดำเนินคดีผม โดยเฉพาะกฎหมายมาตรา 112 นั้น เป็นกฎหมายป่าเถื่อน ล้าหลัง และปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของประชาชน ไม่เป็นที่ยอมรับของประชาคมนานาชาติ ผมจึงมิได้เป็นอาชญากรในสายตาสังคมอารยะประเทศทั้งหลาย ในทางตรงกันข้าม บุคคลและระบอบที่ใช้กฎหมายป่าเถื่อนล้าหลังดำเนินคดีผู้อื่นอย่างไม่เป็นธรรมเพื่อปราบปรามทางการเมืองต่างหากที่จะถูกถือว่าเป็นอาชญากร
รุ้งเจอหมายจับ
10 กันยายน 2567 ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ออกหมายจับ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หลังจากไม่มาศาลโดยอ้างว่า จำเลยเป็นนักศึกษาปริญญาโท สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล มีนำเสนองานเก็บคะแนนที่มหาลัย แต่ศาลเห็นว่ามีพฤติการณ์ประวิงคดี ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี มีพฤติการณ์หลบหนี ให้ออกหมายจับ ปรับนายประกัน จากนั้นรุ้งได้เดินทางไปมอบตัวในวันดังกล่าวทันที และได้รับการประกันตัว
“ตอนนี้รุ้งยังอยู่ในประเทศไทย ต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมกันต่อไป ส่วนอนาคตข้างหน้าจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศหรือไม่ เจ้าตัวน่าจะรู้ดีที่สุด” แหล่งข่าวแวดวงการเมืองกล่าว
ฟอร์ด-ทัดเทพหนีก่อน
สอดคล้องกับทีมติดตามสถานการณ์ทางการเมืองรายหนึ่งกล่าว หนีไปต่างประเทศแล้ว 2 ไมค์ ระยอง และเพนกวิน แม้ไม่มีการแจ้งประเทศปลายทางของไมค์ ระยอง แต่จากโพสต์ของตั้ง อาชีวะ ที่ลี้ภัยไปนิวซีแลนด์แจ้งว่าปลายทางของไมค์คือฝรั่งเศส ส่วนปลายทางของเพนกวินคาดเดากันว่าน่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา
ที่จริงน้องๆ เยาวชนที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองแล้วหนีคดีไปต่างประเทศมีมาก่อนหน้านี้หลายคน คนแรกๆ น่าจะเป็นนายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี หรือฟอร์ด ผู้ต้องหาคดีอาญามาตรา 112 แกนนำเยาวชนปลดแอก โดยเดินทางไปที่ประเทศแคนาดาเมื่อปี 2564 พร้อมกับนายภาณุมาศ สิงห์พรม หรือเจมส์ แอดมินเพจเฟซบุ๊กเยาวชนปลดแอก
เพจเยาวชนปลดแอกถือเป็นกลุ่มแรกๆ ที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ก่อนที่จะมีการรวมตัวกันของกลุ่มต่างๆ จากนั้นมีอีกหลายคนที่ลี้ภัยไปต่างประเทศ เช่น พลอย และเมนู จากกลุ่มทะลุวัง ที่ย้ายไปอยู่แคนาดาเช่นกัน และอีกหลายคน
แกนนำเหนือกว่าแกนตาม
ใครจะหนีไปก่อนหรือหลังไม่ใช่เรื่องสำคัญ มันขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละคนและประเทศปลายทางว่าเปิดรับหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการเจรจากับปลายทางว่าจะอนุญาตให้เข้าไปในสถานะใด และปฏิเสธไม่ได้ว่าต้องมีคนในประเทศไทยประสานงานให้ความช่วยเหลือ
อย่างของเพนกวิน ถือว่าไปโดยเงื่อนไขที่ดี ได้ทุนปริญญาโทและเอก ถ้าไม่กลับมาประเทศไทยก็สามารถทำงานที่นั่นได้ ด้วยค่าแรงตามวุฒิการศึกษา แตกต่างจากการไปโดยไม่ได้ทุน ถ้าไม่ขวนขวายเรียนต่อ อาจต้องหาเลี้ยงชีพเองหรืออาจมีเงินสนับสนุนบางส่วนจากองค์กรต่างๆ
นั่นคือกรณีคนที่สามารถลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศได้ แต่มีแกนนำหรือแนวร่วมอีกไม่น้อยที่ไม่สามารถเดินทางไปได้ ทั้งความไม่พร้อมส่วนตัว (ครอบครัว) หรือไม่มีคนให้ความช่วยเหลือก็ต้องยอมรับสภาพ ต้องต่อสู้คดีและอาจถูกจำคุก
“ตกลงว่าคนเท่าเทียมกันตามอุดมคติของน้องๆ หรือไม่ มันค่อนข้างชัดว่าระดับแกนนำมักจะได้เงื่อนไขที่ดีกว่าแนวร่วมอื่นๆ เสมอ แกนนำชั้นรองๆ ที่ไม่มีลู่ทางต้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันต่อไป”
ลี้ภัย-เสรีภาพจำกัด
อีกประการหนึ่งคนที่ลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ คุณจะเคลื่อนไหวอะไรก็ต้องดูกฎระเบียบหรือข้อตกลงด้วยว่า คุณทำผิดข้อตกลงหรือไม่ แล้วมันเสรีอย่างที่น้องๆ วาดฝันไว้หรือไม่ ทุกที่ต้องมีกฎระเบียบทั้งนั้น คุณอยู่เมืองไทยเรียกร้องนั่นนี่ วันที่คุณลี้ภัยไปอยู่ต่างแดนแล้ว ถ้าการกระทำใดที่มันไม่เสรีอย่างที่คุณคิดไว้ คุณจะกล้าโวยวายหรือเรียกร้องหรือไม่
บางคนต้องจบชีวิตลงด้วยอุดมคติที่สุดโต่ง การเคลื่อนไหวของเธอสอดคล้องกับแนวทางของพรรคการเมือง สุดท้ายแล้วความโศกเศร้าเสียใจตกอยู่กับครอบครัวของผู้สูญเสียเท่านั้น
วันหนึ่งที่น้องๆ โตพอก็จะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้น กลายเป็นเครื่องมือให้กลุ่มการเมืองที่ใช้ประโยชน์จากน้องๆ เพื่อเป้าหมายทางการเมืองของพวกเขา
3 นิ้วหมดความสำคัญ
ตอนนี้ถือว่าตัวใครตัวมัน พรรคก้าวไกลถูกยุบพรรคไปแล้ว แม้จะโยก ส.ส.ไปสังกัดพรรคประชาชน แต่ยังมีคดีแก้ไขมาตรา 112 ติดตัว ส.ส.อีก 44 คน
หนึ่งในเหตุที่ถูกยุบพรรคประชาชนก็เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวร่วมกับเยาวชนที่ออกมาเรียกร้องเรื่องมาตรา 112 ตอนนี้พรรคประชาชนเงียบเรื่องนี้ การเอาตำแหน่ง ส.ส.มาช่วยประกันตัวไม่มีอีกต่อไป
ประการต่อมา การที่จะออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการเหมือนอดีตนั้นสถานการณ์ได้เปลี่ยนไปจากเดิม ที่จริงรัฐบาล พล อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มาจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 แต่ถูกบิดว่ามาจากการสืบทอดอำนาจ ถูกปลุกจนมีเยาวชนออกมาร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมาก และส่งผลต่อการเลือกตั้งในปี 2566 พรรคก้าวไกลในขณะนั้นได้รับการเลือกเข้ามาเป็นอันดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
ถึงวันนี้พรรคก้าวไกล (พรรคประชาชน) ไม่สามารถปลุกเรื่องไม่เป็นประชาธิปไตยได้แล้ว เพราะทุกอย่างมาจากการเลือกตั้ง ดังนั้นแนวร่วม 3 นิ้วจึงหมดความสำคัญลง แถมการถูกยุบพรรคก็เป็นเพราะการเข้าไปร่วมกับเยาวชนเหล่านั้น ใครที่ติดคดีต้องสู้คดีกันไป ใครลี้ภัยได้ก็ต้องทำอย่างที่เห็น
กระแสเริ่มถดถอย
อาการเป๋ของพรรคประชาชนเริ่มเห็นได้มากขึ้น หลังถูกยุบพรรค โยกมาใช้ชื่อพรรคประชาชนแทน พระเอกขวัญใจสาวๆ อย่างนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถูกตัดสิทธิ 10 ปี ได้นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เป็นหัวหน้าพรรคประชาชน ดูเหมือนกระแสความนิยมในพรรคสีส้มเริ่มลดลง เห็นได้จากผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) หลายแห่งที่คนของพรรคสีส้มยังไม่สามารถชนะบ้านใหญ่ในแต่ละจังหวัดได้เลย แถมเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดพิษณุโลกเขต 1 พื้นที่ของนายปดิพัทธ์ สันติภา ก็พ่ายแพ้ให้พรรคเพื่อไทย
ผลโพลที่ออกมาก็ชัดว่ามีตัวเลขที่ถดถอยลง พร้อมๆ กับกระแสของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่คะแนนขยับขึ้นมา โดยเฉพาะการแจกเงิน 1 หมื่นบาทนำร่องให้กลุ่มเปราะบางและผู้พิการ
ครั้งหน้าแพ้ทั้งจังหวัด
แถมสถานการณ์น้ำท่วมที่เชียงราย หลายฝ่ายจับจ้องไปที่พรรคประชาชนมี ส.ส.ในพื้นที่ 2 แต่กลับมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาจำนวนไม่น้อย
นายสืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการ สำนักนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โพสต์ข้อความถึงพรรคประชาชนต่อสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดเชียงรายเมื่อ 30 กันยายน 2567 ว่า จากใจสมาชิกพรรคประชาชนตลอดชีพ พรรคประชาชนไม่ได้ร่วมทุกข์อะไรกับคนเชียงรายในเหตุการณ์น้ำท่วม เลือกตั้งครั้งหน้าเตรียมแพ้ทั้งจังหวัดได้เลย ผมทั้งฟังและเห็นมากับตาตัวเองว่า ทีมจังหวัดทำงานไม่เป็น เชื่องช้า ไม่รู้ว่าต้อง positioning ตัวเองยังไง แถมเล่นการเมืองกันเองอีกต่างหาก
ส.ส.เขต 1 อยู่ไหนก็ไม่รู้ ส่วน ส.ส.เขตอีกคนก็ลุยแจกของทำราวเป็นหน่วยสงเคราะห์ ฟังมาอีกว่าพวกเขาเกาเหลากันอีก คุณเคยเห็นพวกเขาสองคนทำงานด้วยกันมั้ยล่ะ
หัวหน้าพรรคมาลงพื้นที่หลายครั้ง แต่กลับไปทำได้แค่ตั้งกระทู้ถาม
น้ำท่วมสร้างผลกระทบเศรษฐกิจสูง แต่เราไม่เห็นศิริกัญญาลงพื้นที่มารับฟังปัญหาจากประชาชนและภาคธุรกิจ อยุ่บนหอคอยงาช้างจริงๆ
คณะก้าวไกลไม่ได้สนใจจะมาดูเลยว่าท้องถิ่นกระตือรือร้นแต่ทำงานเกินกำลังอย่างไร จะชนะการเลือกตั้งท้องถิ่นกี่โมง
Think Tank ที่มาลงพื้นที่จะทำอะไรได้ แค่รับฟังและบอกจะมารับฟังต่อ อับจนทางปัญญาจริงๆ ครับ
สรุปคือ พวกคุณเตรียมแพ้ในทุกสนามเลือกตั้งของเชียงรายได้เลย
ปล.ผมเพิ่งได้รับบัตรสมาชิกจากพรรค พรุ่งนี้จะทิ้งถังขยะครับ
นายสืบสกุลกล่าวทิ้งท้ายว่า น้ำท่วมกลายเป็นจุดอ่อนของพรรคประชาชน แถมการลงมาแก้ปัญหากลับไม่ได้ใจชาวบ้าน เป็นพรรคฝ่ายค้านต้องทำการบ้านอย่างมีระบบ เสียศักดิ์ศรีฝ่ายค้านมืออาชีพ
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j