จับตาหลังเดือน พ.ย.ดวงนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร จะยิ่งโดดเด่นเหมือนเครื่องบินทะยานขึ้นท้องฟ้า จนอยู่ครบเทอมปี 2570 อดีต ส.ว.วันชัย สอนศิริ ระบุ นายกฯ อิ๊ง อย่าพะวงกับขบวนการต่อสู้ 3 ทาง ทั้งในสภา-นอกสภา ชุมนุมประท้วง และการต่อสู้แบบนิติสงคราม โดยเฉพาะคดีอัลไพน์ ประเด็นจริยธรรม มีทางสู้ไม่ยาก แม้ศาลได้สั่งจำคุก ‘ยงยุทธ วิชัยดิษฐ’ จากคดีนี้ 2 ปีก็ตาม แต่คดีนี้เอื้อมไม่ถึงนายกฯ แน่ เพียงแต่ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าได้ที่ดินมาอย่างสุจริต ไปดูสตอรีจะเห็นช่องและจบที่มูลนิธิขายได้ ส่วนนักร้องที่พุ่งไปให้โอนที่ดินคืนวัดก็เชื่อว่าโอนให้ได้ แต่วัดและมูลนิธิต้องจ่ายเงินคืนทั้งหมด ชี้การต่อสู้แบบนิติสงครามต้องมีทีมกฎหมายเข้มแข็ง ครบถ้วน รอบด้าน อย่าปล่อยให้อีกฝ่ายชกเหมือนกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน แนะนายกฯ เร่งสร้างผลงาน แก้วิกฤตปากท้องประชาชน บวกกับพื้นดวง ‘ราชาโชค’ ประชาชนจะเป็นเกราะปกป้องได้อย่างดี โอกาสยุบสภาก่อนครบเทอมย่อมเกิดได้ แต่ถ้าไม่มีผลงานต่อให้ดวงดีก็ร่วงได้เช่นกัน!
สถานการณ์ของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร เวลานี้มีทั้งข่าวดีที่ทำให้หัวใจพองโต โดยเฉพาะจากผลสำรวจของนิด้าโพล เรื่อง ‘การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง’ รายไตรมาสครั้งที่ 3 ซึ่งสำรวจระหว่างวันที่ 16-23 ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่าคนที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุดคือ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ ถึงร้อยละ 31.35 โดยคะแนนที่ได้กระโดดจากครั้งที่ 2 ที่ได้เพียงร้อยละ 4.85 และครั้งที่ 1 ได้เพียงร้อยละ 6.00 เหตุผลจากความเป็นผู้นำ และมีความพยายามในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ส่วนนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้รับความนิยมมาเป็นอันดับ 3 ร้อยละ 22.90 เพราะเป็นคนรุ่นใหม่ มีแนวคิดและทัศนคติที่ดี
แต่ท่ามกลางข่าวดี ยังมีข่าวที่นายกฯ อิ๊ง และพรรคเพื่อไทยอาจสะดุดทางการเมืองจากบรรดานักร้องที่ยื่นร้องเรียนไม่น้อยกว่า 9 เรื่อง ว่ากันว่าคดีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ เป็นที่ดินสงฆ์หรือไม่? ยังเป็นประเด็นที่น่ากังวล โดยนายกฯ ได้ถือหุ้นจำนวน 22,410,000 หุ้น (30%) มูลค่าตามทุนจดทะเบียน 224.1 ล้านบาท แม้ปัจจุบันจะมีการโอนหุ้นดังกล่าวไปให้คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ แล้วก็ตาม แต่มีนักกฎหมายบางส่วนยังเชื่อว่าที่ดินแปลงนี้ได้มาโดยมิชอบ ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งที่ 2308/2544 ให้เพิกถอนการจดทะเบียนที่ดินแปลงดังกล่าวไปแล้ว จึงเข้าข่ายมีความเสี่ยงผิดมาตรฐานจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญ
ดังนั้น จึงมีความพยายามเชื่อมโยงให้เห็นว่าคดีที่ดินอัลไพน์นั้นมีคำพิพากษาให้จำคุก นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นเวลา 2 ปี จากกรณีเพิกถอนคำสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวของอธิบดีกรมที่ดินที่เห็นว่าที่ดินนั้นเป็นที่ดินสงฆ์ของวัดธรรมิการามวรวิหาร ถือเป็นการจงใจหาผลประโยชน์ให้บริษัทอัลไพน์ได้รับผลประโยชน์ ทำลายศรัทธาผู้เลื่อมใสพระพุทธศาสนาอย่างนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา ที่บริจาคที่ดินเพื่อผลประโยชน์ในทางพุทธศาสนา และทำให้กรมที่ดินซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐต้องเสื่อมเสียจากการถูกเพิกถอนคำสั่ง
ที่ดินอัลไพน์จึงกลายเป็นประเด็นสำคัญที่เชื่อว่าจะทำให้นายกฯ อิ๊ง ต้องเผชิญวิบากกรรมได้!
นายวันชัย สอนศิริ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ซึ่งเป็นนักกฎหมายและสวมบทโหรการเมืองทำนายเหตุการณ์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง บอกว่า ไม่ว่าเรื่องเก่าหรือเรื่องใหม่ที่อยู่ในเครือข่ายของนายทักษิณ ชินวัตร บรรดานักร้องทางการเมืองจะขุดมาร้องได้หมด และขบวนการร้องล้วนมีเบื้องหน้า เบื้องหลังทั้งสิ้น ซึ่ง สรุปได้ว่ากระบวนการและขบวนการต่อสู้มีด้วยกัน 3 ทาง
1.การต่อสู้ในสภาฯ ก็จะเป็นการต่อสู้กันระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน
2.การต่อสู้นอกสภาฯ จะเป็นการเคลื่อนไหวบนถนน ชุมนุมประท้วง
3.นิติสงคราม ที่เห็นว่าการต่อสู้ในระบบสภาไม่สามารถคว่ำได้ และถ้าจะใช้วิธีนอกสภาก็ไม่สามารถก่อม็อบได้ จึงเลือกเส้นทางที่ 3 คือนิติสงคราม
“เขาเห็นช่องทางที่ 3 ทำได้สำเร็จ กรณีคุณเศรษฐา ทวีสิน ต้องพ้นจากนายกฯ จึงมีขบวนการนี้ขึ้นมาร้องมันทุกเรื่อง ทุกประเด็น ทุกดอกไม่ว่าจะร้องนายกฯ ร้องรัฐมนตรี ซึ่งเชื่อว่าต้องมีสักดอกหนึ่งอาจโดนก็ได้ หรือไม่โดน ก็ไม่เสียแรงอะไรเหมือนการชุมนุมนอกสภา”
นายวันชัย ย้ำว่า กระบวนการทำงานแบบนี้ เป็นวิธีการที่ง่ายที่สุด ซึ่งทั้งหมดไม่ได้เป็นการกระทำโดยลำพัง แต่การกระทำที่เป็นขบวนการและมีเป้าหมาย โดยทุกเรื่องที่มีการร้องอยู่ในขณะนี้ เชื่อว่าไม่มีอะไรที่จะทำให้นายกฯ อิ๊งเพลี่ยงพล้ำ เพียงแต่คนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต้องมีคุณสมบัติเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
“ถ้ามันมีอะไรบกพร่อง ผิดพลาด ต้องถือเป็นความผิดพลาดของตัวเอง จะโทษคนอื่นไม่ได้เมื่อเขาร้องเรื่องการถือหุ้น อย่างกรณีอัลไพน์ เป็นเรื่องที่เกิดมาแล้ว ถ้านายกฯ เชื่อมั่นว่าบริสุทธิ์ก็ต้องพิสูจน์กันต่อไป ไม่ต้องมาวิตกเรื่องพวกนี้ เพราะเป็นเรื่องที่เกิดมาแล้ว ก็ต้องสู้กันไปว่านายกฯ ไม่ได้ทำผิดอย่างไร เพราะคนตัดสินคือศาลรัฐธรรมนูญหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง”
ที่สำคัญนายกฯ อย่ามากังวลกับขบวนการที่เกิดขึ้นทั้ง 3 ทาง ในสภา นอกสภา และนิติสงคราม ควรพุ่งเป้าไปที่การสร้างผลงานมากกว่า โดยเฉพาะจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของพี่น้องประชาชนให้ดีขึ้นและรวดเร็วได้อย่างไร เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และสำคัญมากกว่าเรื่องที่บรรดานักร้องเคลื่อนไหว
“เรื่องที่ดินอัลไพน์เป็นเรื่องจริยธรรม และเรื่องนี้คุณยงยุทธ วิชัยดิษฐ เคยถูกศาลสั่งจำคุกไปแล้ว แปลว่ากระบวนการเหล่านี้มันมีการกระทำที่ไม่ชอบ”
ประเด็นปัญหาจึงอยู่ที่บริษัทอัลไพน์ซื้อที่ดินแปลงนี้มา และบริษัทอัลไพน์มีนายกฯ ถือหุ้นอยู่ ทำให้ผู้ร้องมองว่า เมื่อกระบวนการเหล่านี้ไม่ชอบ คนที่ได้ที่ดินมาและถือที่ดินมาน่าจะมีพฤติกรรมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยเช่นกัน คนกลุ่มนี้จึงร้องในประเด็นนี้
“เขามองว่าการที่ได้ที่ดินมาจากที่ดินพินัยกรรมจนกระทั่งโอนมาเป็นของบริษัทอัลไพน์ ซึ่งเขาถือว่ากระบวนการต่างๆ เหล่านี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย คนถือที่ดินแปลงนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผิดจริยธรรม”
อย่างไรก็ดี ในฐานะนักกฎหมาย ต้องถามว่าในการซื้อมานั้นโดยสุจริตหรือไม่ ถ้าสุจริต ไม่มีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับการกระทำที่ไม่ชอบเหล่านี้ก็ไม่มีอะไรผิด เพราะตัวเราคือนายกฯ ไม่รู้เกี่ยวกับกระบวนการเหล่านี้คนที่ขายคือมูลนิธิมหามกุฎฯ และเราก็ซื้อมา เพราะเชื่อว่ามูลนิธิฯ ขายได้ และมีการตรวจสอบแล้ว
ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่า นายกฯ ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ากระทำโดยสุจริต ไม่มีส่วนรู้เห็นเป็นใจต่อการกระทำทุจริต ไม่น่ามีอะไรผิดทุกอย่างอยู่ที่การพิสูจน์กันต่อไป
“การพิสูจน์ว่าสุจริตไม่ยาก ไปดูสตอรี ความเป็นอยู่ เป็นมาและเป็นไป จนกระทั่งมีคำวินิจฉัย อะไรมากมาย ผมจึงเชื่อว่าเรื่องอัลไพน์ไม่สามารถเอื้อมไปถึงคุณอุ๊งอิ๊ง ทั้งหมดอยู่ที่การแก้ข้อกล่าวหาให้ได้”
นายวันชัย ระบุว่า ในที่สุดกระบวนการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงมหาดไทย สำนักพุทธ มูลนิธิมหามกุฎ หรือกระทั่งวัด ก็แสดงเจตนาที่จะขาย ซึ่งมีรายละเอียดของเรื่องและวัดก็ไม่ประสงค์ที่จะรับโอนที่ดินแปลงนี้ แม้ว่ายายเนื่อมจะให้แล้ว ซึ่งมีการพิจารณารอบด้าน จนในที่สุดก็ตกเป็นของมูลนิธิมหามกุฎฯ จึงเป็นเรื่องที่นายกฯ จะพิสูจน์ไม่ยาก
“ถ้าจะเล่นเรื่องจริยธรรม ไม่ว่าอุ๊งอิ๊งจะโอนให้คุณหญิงไปแล้ว ถ้าทุกอย่างมันผิดก็คือผิด ที่เข้าร้องเรียนคือต้องการให้โอนคืนวัด ซึ่งจริงๆ จะโอนคืนก็ได้แต่วัดต้องจ่ายเงินมา หรือองค์กรที่ขาย หรือมูลนิธิต้องจ่ายเงินมา ทุกอย่างมันมีกระบวนการ อยู่ๆ จะให้อุ๊งอิ๊งโอนคืนไม่ได้”
ทั้งนี้ ในการต่อสู้ทางการเมืองนั้นในระบบสภาก็จัดทีมตอบโต้ได้ ส่วนนอกสภาให้เป็นไปตามธรรมชาติ แต่การต่อกรในทางนิติสงครามนั้น ต้องมีทีมกฎหมายที่เข้มแข็ง ครบถ้วน รอบด้าน และอย่าปล่อยให้อีกฝ่ายรุกจนเหตุการณ์บานปลาย เหมือนกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน
ขณะเดียวกัน สิ่งที่จะทำให้นายกฯ แพทองธาร อยู่มั่นคงหรือจะไปไม่ได้อยู่ที่ประเด็นร้องเรียน แต่อยู่ที่การเร่งสร้างผลงาน รีบแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องประชาชนที่กำลังเดือดร้อน ถ้าทำได้ผลงานจะกลบเสียงร้องของบรรดานักร้องได้ อย่ามัวเต้นไปเต้นมากับเสียงร้องเหล่านี้ เพราะถ้าไม่มีผลงานก็พลาดได้
“ดวงนายกฯ ดีอยู่แล้ว ดวงเป็นดาวเสาร์เป็นราชาโชค จะมีตำแหน่งที่มั่นคง แน่นหนา ตำแหน่งราชการเขาสูงส่ง ชื่อเสียงเกียรติยศโด่งดัง แต่ต้องจำไว้ถึงแม้พื้นดวงจะดีอย่างไร ถ้าไม่มีผลงาน แค่ยึดดวงดีก็ร่วงได้ แต่ถ้าผลงานดี พื้นดวงดี มันจะเสริมเติมให้เกิดความมั่นคงได้”
ดังนั้น นายกฯ จะต้องเร่งสร้างผลงาน วันนี้ไม่ต้องไปสนใจใครจะประท้วง จะชุมนุมขับไล่ ถ้าผลงานออกมาดีจะเป็นเกราะคุ้มกันและเป็นพลังหนุนให้อยู่ต่อไปได้ ซึ่งตามพื้นดวง ถ้าผ่านเดือน พ.ย.2567ไปได้ จะไม่มีอะไรอาจขลุกขลักบ้างในช่วง ต.ค.-พ.ย.2567 เมื่อหลัง พ.ย.ไปแล้ว ก็เปรียบเสมือนเครื่องบินที่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พร้อมจะบินไปได้ตลอดรอดฝั่ง
“ปี 2568 ดวงนายกฯ จะทะยานขึ้นไปเรื่อยๆ จะอยู่ได้ตลอดรอดฝั่ง ประชาชนจะช่วยกันประคับประคองให้รัฐบาลนี้ผ่านไป
และถ้าเสียงดีในทางการเมืองประชาชนนิยมมากๆ นายกฯ อาจยุบสภาก่อนจะหมดวาระในปี 2570 ย่อมเกิดขึ้นได้”
จากนี้ไปต้องจับตาว่าขบวนการนิติสงครามรวมทั้งคดีที่ดินอัลไพน์ จะสามารถสอยนายกฯ อิ๊ง ได้จริงหรือไม่? โดยเฉพาะหากนายกฯ เร่งสร้างผลงาน ประกอบกับพื้นดวงที่โดดเด่นจะทำให้พรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นพรรคอันดับ 1 หรือไม่ยังต้องพิสูจน์กันต่อไป
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j