เศรษฐกิจไทยไม่ฟื้นทั้งธุรกิจปิดตัว-เลิกจ้าง แถมน้ำท่วมหลายพื้นที่ จนคนไทยกังวลไม่กล้าใช้จ่ายกระทบขาเที่ยวคนรุ่นใหม่วัยเริ่มทำงาน ลดงบท่องเที่ยวลงไม่ไปเอง ยอมไปกับทัวร์เพื่อลดค่าใช้จ่ายแต่ยังได้เที่ยว เป้าหมายคือรอสอยทัวร์ไฟไหม้มอนิเตอร์ Social เข้มโปรแกรมลงตัวเมื่อไหร่พร้อมลางาน เอเยนต์ทัวร์ดังยอมรับลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้น ด้านคนทำทัวร์ดูรายละเอียดให้ดี
3 เดือนสุดท้ายของปีถือว่าเป็นช่วงที่คนไทยจำนวนไม่น้อยวางแผนเดินทางท่องเที่ยว หลังจากที่ทุกประเทศเปิดรับนักท่องเที่ยว แน่นอนว่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยแล้วยังคงมองหาที่สถานที่ท่องเที่ยวที่หมายตาอยู่ โดยผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวฟันธงตรงกันว่า ปีนี้ปลายทางอย่างประเทศจีนมาแรงที่สุด หลังจากที่จีนเปิดฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวไทยเมื่อ 1 มีนาคม 2567 รองลงมาเป็นญี่ปุ่น ส่วนเกาหลีใต้ แม้จะผ่าน K-eta แต่ต้องไปวัดดวงที่ตรวจคนเข้าเมืองอีก เมื่อเข้มนักก็ไม่ไป ราคาต่ำหมื่นยังมีคนไปน้อย
สำหรับคนไทยแล้ว คนที่มีกำลังซื้อคงไม่มีปัญหาเรื่องปลายทางอย่างยุโรป ก็ยังมีคนเดินทางไปอยู่ ส่วนคนที่มีงบจำกัดอาจตัดยุโรปทิ้ง เพราะแพงขึ้นกว่าเดิม มีเรื่องความไม่ปลอดภัยเรื่องขโมยที่มักเล็งนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษโดยเฉพาะเอเชีย มีเรื่องของการเหยียดเชื้อชาติอีก เอเชียจึงเป็นคำตอบของปลายทางในช่วงปีที่แล้วและปีนี้
เศรษฐกิจไม่ดีลดงบเที่ยว
อย่างไรก็ตาม ภายใต้สภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ไม่ดีนัก การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทำได้ล่าช้า บางธุรกิจปิดตัวลง รายได้ของมนุษย์เงินเดือนถูกปรับลดลง สวนทางกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น อีกทั้งหลายพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วม ส่งผลให้บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวคึกคักน้อยลง
หนึ่งในทีมที่ติดตามข้อมูลด้านการท่องเที่ยวกล่าวว่า แม้เศรษฐกิจเราจะไม่ดี แต่คนยังอยากท่องเที่ยวอยู่ เพียงแต่ควบคุมหรือลดงบประมาณสำหรับท่องเที่ยวลงและปรับเปลี่ยนรูปแบบการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับเงินในกระเป๋า
คนที่อยากเที่ยวจะมีเงื่อนไขเฉพาะตัว บางคนเคยไปเส้นทางนั้นแล้วแต่อยากไปอีก ไม่อยากหาข้อมูลเพิ่ม มีงบประมาณจำกัด ไปเที่ยวซ้ำก็ไม่เป็นไร ขอให้ได้ไปเปลี่ยนบรรยากาศ ไปกับทัวร์แม้ไม่ฉ่ำเหมือนไปเอง แต่ได้ที่เที่ยวเพิ่มขึ้น
เล็งทัวร์ไฟไหม้
ตอนนี้พบว่ากลุ่มคนวัยทำงานเริ่มหันมาให้ความสนใจท่องเที่ยวผ่านบริษัททัวร์เพิ่มขึ้น เพราะคุมเรื่องค่าใช้จ่ายได้และบางเส้นทางมีความปลอดภัยและประหยัดกว่าเดินทางเอง
“น้องๆ ที่ทำงานหลายคนจากเดิมที่ไปเที่ยวเอง จองตั๋วเครื่องบิน ที่พักโรงแรม และวางแผนเดินทางเองทั้งใช้รถสาธารณะหรือเช่ารถขับ ตอนนี้เปลี่ยนมาเล็งโปรแกรมทัวร์แทน โดยเฉพาะที่เล็งเป็นพิเศษคือทัวร์ไฟไหม้ เปิดเฟสหรือมอนิเตอร์ไลน์กลุ่มบริษัททัวร์ที่ออกโปรไฟไหม้เล็งไว้ตลอดเวลา ถ้าโปรแกรมลงล็อกกับวันว่างที่พร้อมลางานก็จะรีบจอง”
หลายคนพอจะทราบดีว่าผู้ที่ใช้บริการท่องเที่ยวผ่านทัวร์ถือเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ และหรือกลุ่มคนที่เพิ่มเริ่มต้นเดินทาง หรือเพื่อสำรวจกับการวางแผนท่องเที่ยวด้วยตัวเองในครั้งต่อไป แต่ตอนนี้คนวัยทำงานอายุไม่มาก เคยชอบวางแผนท่องเที่ยวเองได้เปลี่ยนมาใช้บริการทัวร์ แต่เน้นไปที่ทัวร์ไฟไหม้แทน
สภาพเศรษฐกิจน่าจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้คนต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการท่องเที่ยว บางคนกังวลว่ายังจะได้ทำงานต่อไปหรือไม่ แต่ยังอยากเที่ยว ลดงบเที่ยวลง ไปที่ซ้ำก็ยอม ขอให้ได้ไปเที่ยว แต่ราคาต้องถูก จึงเล็งไปที่ทัวร์ไฟไหม้ เพราะราคาถูก ยอมแลกกับการลางานที่กะทันหัน
เศรษฐกิจไม่ดีคนใม่กล้าใช้เงิน
สอดคล้องกับเอเยนต์ทัวร์อย่างนิดหน่อย ทราเวล เพจรวมทัวร์ไฟไหม้ และทราเวลซี้ด ที่ยอมรับว่าระยะนี้มีลูกค้าสนใจโปรแกรมทัวร์ไฟไหม้มากขึ้นจริง
ผู้บริหารเพจรวมทัวร์ไฟไหม้ ที่ขายโปรแกรมทัวร์ไฟไหม้เป็นหลักกล่าวว่า มีลูกค้าเข้ามามากขึ้น แต่ภาพรวมการเที่ยวน้อยลง อาจเป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจและแนวโน้มการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป อย่างช่วง Low Season เดือนมิถุนายนปีนี้ยอดลดลงจากปีก่อนราว 50% ทั้งๆ ที่ช่วงมกราคม-พฤษภาคม ตัวเลขยังดี ส่วนหนึ่งอาจมาจากปีที่แล้ว (2566) ทุกประเทศปลดล็อกท่องเที่ยวทำให้คนแห่ไปเที่ยวต่างประเทศมาก
อีกประการอาจมาจากการที่ผู้ออกโปรแกรมทัวร์ (Wholesale) มีการปรับตัวตามกำลังซื้อของลูกค้ามีน้อยลง จึงออกโปรแกรมน้อยลง
เส้นทางที่ขายดีตอนนี้ยังคงเป็นจีน อย่างโปรแกรมจางเจียเจี้ย 6,999 บาท ลูกค้าให้ความสนใจเยอะ แต่บางคนก็กลัว แต่ของเพจของเรามีเครื่องหมาย Verify จึงสร้างความอุ่นใจให้ลูกค้าได้
โปรแกรมที่ออกมาในระยะหลังๆ ราคาไม่สูงนัก อาจทั้งลงร้านมี Free day และมี Option ให้ลูกค้าได้เลือก ทัวร์ไฟไหม้ปีนี้พบเยอะขึ้น คือ ลูกค้าในวัยทำงาน เศรษฐกิจไม่ดี คนไม่กล้าใช้จ่ายก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง แต่ช่วงตุลาคมปีนี้แม้จะเริ่มเข้าช่วงหน้าหนาวแต่ยังไม่คึกคัก เนื่องจากพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีคาดว่าปีนี้น่าจะอยู่ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน
อ่านโปรแกรมก่อนตัดสินใจ
แหล่งข่าวในวงการทัวร์แนะนำว่า ทัวร์ไฟไหม้มาจากลูกค้าที่จองทัวร์ไว้แล้วไม่สามารถเดินทางได้ในทุกเหตุผล หรือผู้ออกโปรแกรมทัวร์นั้นขายได้ไม่หมด นำเอาที่นั่งที่ว่างของกรุ๊ปนั้นมาลดราคา อาจทั้งเพื่อลดขาดทุน หรือได้เงินมาบางส่วนดีกว่าเป็น 0 บาท บริการทุกอย่างเหมือนกับลูกค้าปกติ ถ้าเทียบกับลูกค้าปกติอาจดูไม่เป็นธรรมนัก แต่ต้องเข้าใจลูกค้าที่ซื้อโปรไฟไหม้ด้วยว่า ต้องจ่ายเงินทันทีและมีเวลาเตรียมตัวเดินทางไม่กี่วัน
ส่วนวิธีการดูว่าหลอกลวงหรือไม่ แนะนำว่าให้เลือกจากเอเยนต์ทัวร์ที่น่าเชื่อถือ มีฐานลูกค้าระดับหนึ่ง ทำธุรกิจนี้มานาน และดูจากรีวิวต่างๆ มาประกอบการตัดสินใจ
ที่จริงแล้วคนที่จะเล็งทัวร์ไฟไหม้ควรติดตามราคาทัวร์ในเส้นทางที่สนใจมาระยะหนึ่งเพื่อเป็นฐานราคาให้เปรียบเทียบได้ว่าถูกกว่าเดิมมากน้อยแค่ไหน เพราะบางโปรแกรมราคาอาจไม่ได้ลดลงจากราคาปกติมากนัก ตรงนี้ต้องดูให้ดี
นอกจากนี้ ควรต้องศึกษาโปรแกรมปลายทางที่หมายตาเอาไว้บ้างว่า มีรายละเอียดอย่างไร ตอนนี้เส้นจางเจียเจี้ยมีการกดราคาลงมาต่ำกว่า 1 หมื่นบาท ขณะที่บางทัวร์ขายในราคา 1.7-1.8 หมื่นบาทหรืออาจสูงกว่านี้
ทั้งนี้ ราคาที่เราเห็นทั้งต่ำหมื่นหรือ 1 หมื่นปลายๆ ส่วนใหญ่มักบรรจุโปรแกรมลงร้านค้าทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับจะมากหรือน้อยเท่านั้นเอง
คราวนี้ลองมาเปรียบเทียบกัน สมมติว่าวันเดินทางใกล้เคียงหรือเท่ากัน ความต่างมีรายละเอียดมาก ตั้งแต่สายการบินเป็นแบบไหน เวลาบินดีหรือไม่ บางโปรแกรมบินตรงไปที่จางเจียเจี้ย บางโปรแกรมลงสนามบินฉางซาที่ต้องนั่งรถต่อไปอีกราว 5 ชั่วโมง
สมมติว่าอาหารที่พักเหมือนกัน ความต่างคือ มีฟรีเดย์หรือไม่ ส่วนใหญ่ทัวร์ราคาถูกจะมีฟรีเดย์ นั่นคือลูกทัวร์จะต้องดูแลตัวเองทั้งหมด เช่น มื้ออาหาร หรือค่าพาหนะในการเดินทาง ในฟรีเดย์ทางทัวร์จะมี Option เสริมขาย ลูกทัวร์จะซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้ เช่น ชมโชว์นางพญาสุนัขจิ้งจอก 400 หยวนต่อคน หรือ Option ชมยอดเขาเทียนเหมินซานคิดค่าบริการ 600 หยวน ชมหุบเขาอวตาร 700 หยวน อาจมีการกำหนดจำนวนคนขั้นต่ำไว้ หากไม่ครบก็อาจปรับเปลี่ยนเรื่องพาหนะหรือไม่เดินทางไป
ลงร้าน-ไม่ลงร้าน
เส้นทางจีนเริ่มมีประเภทของทัวร์ให้เลือกเพิ่มขึ้นอีกคือลงร้านกับไม่ลงร้าน คนที่เคยเที่ยวเมืองจีนกับบริษัททัวร์ย่อมทราบดีว่าเกือบทุกโปรแกรมจะมีการพาไปร้านค้า ต้อนเข้าไปนั่งฟังบรรยายสรรพคุณ ใบชา หยก ผ้าไหม หมอนโอโซน ไข่มุก บัวหิมะ นวดฝ่าเท้า แลกกับราคาทัวร์ที่ถูกลง ซื้อไม่ซื้อไม่ว่ากัน แต่หลังๆ คนไทยเริ่มไม่ซื้อ เจ้าของร้านก็หน้าไม่รับแขก
ตอนนี้มีทัวร์จีนไม่ลงร้านออกมามากขึ้น ราคาปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมอยู่ไม่น้อย เท่าที่ขายโปรแกรมทัวร์อยู่ทัวร์จีนไม่ลงร้าน ไม่มีโปรแกรมไหนต่ำกว่า 2 หมื่นบาท หรือถ้ามีก็อาจเป็นทัวร์ที่มี Option ขายเพิ่ม คือถ้านับรวมๆ ที่ต้องเข้าร้านหากมากก็เบียดเวลาเที่ยวไปเยอะ ลูกทัวร์บางท่านก็รำคาญยอมจ่ายเพิ่ม
ทัวร์ไม่ลงร้านมีลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่ชื่นชอบ แต่จำนวนไม่น้อยยังคงเลือกทัวร์จีนที่ลงร้าน เพราะเขายึดที่งบประมาณเป็นหลัก เข้าไปฟังแล้วไม่ซื้อหรือซื้อบ้างในบางชิ้น แลกกับประหยัดเงินไปได้มากกว่า 3 พันบาทต่อคน ประหยัดไว้ซื้อของฝากได้ไม่น้อย
บาทแข็งกระทบระยะยาว
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่เสริมการท่องเที่ยวอีกประการหนึ่ง คือ เงินบาทแข็งค่าอยู่ที่ราว 32.44 บาทต่อดอลลาร์ หรือเทียบกับเยนของญี่ปุ่นอยู่ที่ 100 เยนเท่ากับ 22.27 บาท และ 1 หยวนจีนเท่ากับ 4.63 บาท
หากมองเฉพาะอัตราแลกเปลี่ยน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแรงกระตุ้นให้หลายคนอยากเดินทางไปต่างประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่น ของกินของฝากย่อมมีราคาถูกกว่าก่อนหน้านี้ แต่ถ้าใครที่ตามราคาทัวร์ญี่ปุ่นมาตลอดย่อมพอจะทราบดีว่า ทัวร์ญี่ปุ่นได้ปรับราคาสูงขึ้นกว่าก่อน Covid มากกว่า 20-30% หักลบกันแล้วย่อมไม่ได้เปรียบหรือเสียเปรียบกันมากนัก
ราคาทัวร์ญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นไปหลัง Covid แล้วไม่ลดลงมา ทัวร์ไฟไหม้เท่าที่เห็นในเวลานี้ต่ำสุดน่าจะอยู่ที่ 15,999 ถือว่ามีน้อยมาก หลายๆ โปรแกรม เช่น ฟุกุโอกะไม่มีต่ำกว่า 2 หมื่น เดิมเคยหล่นมาต่ำกว่า 2 หมื่น
อีกด้านหากมองในด้านที่นักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นที่จะเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยจากค่าเงินบาทในขณะนี้ ต้องแยกดูเป็นประเทศไป บางที่ได้เปรียบมาก ได้เปรียบน้อย หรือบางที่เจอคู่แข่งใช้กลยุทธ์การตลาดชิงนักท่องเที่ยวก็มี เช่น เกาหลีใต้ที่ต้องการดึงนักท่องเที่ยวจีนก็มีโปรโมชันจูงใจ
แต่ในช่วง High Season นี้คนที่ตัดสินใจแล้วคงไม่เปลี่ยนใจแม้จะมีเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ในระยะยาวอาจมีผลต่อการวางแผนหากเงินบาทยังแข็งค่าแบบนี้ต่อไป
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j