xs
xsm
sm
md
lg

มหากาพย์ “เชื่อมจิต” สู้กันยาว ธรรมราชรอถล่ม “ต้นอ้อ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทีม Avengers ไม่หวั่น “ต้นอ้อ” ถูกเพื่อนร่วมมูลนิธิฯ แฉผิด-ถูกว่ากันด้วยกฎหมาย เดินหน้าต่อเรื่องเชื่อมจิต เรื่องต้นอ้อถูกปูดตั้งแต่ช่วงที่อยู่สุราษฎร์ฯ ทนายธรรมราชยังรู้บอกมีคนส่งข้อมูลมาเลยเข้าทาง เปิดมติมหาเถรสมาคม 424/2567 ปฏิเสธทุกข้ออ้างจากฝั่งเชื่อมจิต แถมสำนักพุทธฯ แจ้งความดำเนินคดี ด้านซ้อลักษณ์-นายแม่ปุ๊กกี้ พึ่งทนายรณณรงค์ คนวงในมองเรื่องนี้แปลกๆ

กลายเป็นอีกหนึ่งมหากาพย์สำหรับเรื่องราวของเด็ก 8 ขวบกับเรื่องราวเชื่อมจิต ที่มีการฟ้องร้องกันไปมาระหว่างครอบครัวของน้องกับพิธีกรคนดังอย่างหนุ่ม กรรชัย ล่าสุด เมื่อ 1 กรกฎาคม 2567 หนุ่ม กรรชัย และคณะ เดินทางไปสุราษฎร์ธานีเพื่อไต่สวนมูลฟ้อง ในข้อหาความผิดหมิ่นประมาท นำข้อความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์

ในวันดังกล่าวจะมีทั้งฝ่ายที่สนับสนุนทีมหนุ่ม กรรชัย และทีมสนับสนุนน้อง 8 ขวบออกมาให้กำลังใจกันทั้ง 2 ฝ่าย ไม่มีการกระทบกระทั่งกันแต่อย่างใด

วันนั้นเริ่มมีข่าวของต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ออกมาจากคำกล่าวของทนายธรรมราช สาระปัญญา หลังจากมีผู้ส่งข้อมูลให้เพียงแต่ไม่เอ่ยชื่อว่าเป็นใคร

เมื่อทีมหนุ่ม กรรชัย กลับเข้ากรุงเทพฯ เรื่องของต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ก็ถูกเปิดออกมาทั้งเรื่องซื้อวุฒิการศึกษา บัตรแสดงตนทางการเมือง โดยผู้ที่ออกมาแฉคืออดีตเพื่อนร่วมทีมของมูลนิธิเป็นหนึ่งนั่นเอง ซึ่งเรื่องนี้ต้นอ้อให้การปฏิเสธ ตามมาด้วยเรื่องวงแชร์

เชื่อมจิตยังเดินหน้าต่อ

“ต้นอ้อคงต้องกลับมาแก้ปัญหาที่ถูกพาดพิง ต้องแยกว่าเรื่องที่ถูกกล่าวหาตามที่เป็นข่าวนั้น จริงหรือไม่ก็ต้องพิสูจน์กัน ส่วนเรื่องเชื่อมจิตยังต้องเดินหน้าต่อไป” หนึ่งในทีมงาน Avengers กล่าว

อย่าลืมว่าเรื่องเชื่อมจิต ต้นอ้อเป็นคนแรกๆ ที่ออกมาเปิดเรื่องนี้จนถูกกล่าวถึงในวงกว้าง หลายหน่วยงานต้องเข้ามาร่วมยุติปัญหาที่เกิดขึ้นกับวงการพระพุทธศาสนา ส่วนจะเป็นความบังเอิญหรือไม่ที่มีการออกมาแฉต้นอ้อ คงต้องพิสูจน์กันต่อไป ผิดถูกก็ว่ากันไปตามกฎหมาย แต่เรื่องเชื่อมจิตเดินหน้าต่อแน่นอน

มันไม่ต่างกับการรบ ทีม Avengers อาจสูญเสียกำลังพลไปบ้าง ส่วนที่เหลือยังเดินหน้าต่อไป เพราะการรวมตัวกันเพราะเป้าหมายเดียวกัน ส่วนใครจะมีที่มาอย่างไรนั้น เป็นเรื่องส่วนบุคคลก็ต้องรับผิดชอบกันเอง


ชัดๆ กับมติมหาเถรสมาคม

สำหรับคดีความที่ฟ้องร้องกันระหว่างฝ่ายที่เห็นต่างกับกลุ่มเชื่อมจิต ส่วนใหญ่เป็นเรื่องหมิ่นประมาทหรือนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ แต่เรื่องความเชื่อ หรือคำกล่าวอ้างต่างๆ นั้น น่าจะยุติได้แล้วหลังจากมีมติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 13/2567 มติที่ 424/2567 เรื่อง กรณีลัทธิเชื่อมจิต ออกมา

ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๑๓/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๗ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า ตามที่มี
การนำเสนอข่าวทางสื่อมวลชนและช่องทางออนไลน์ต่างๆ เกี่ยวกับกลุ่มบุคคลนำเอาหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนามากล่าวอ้าง ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า คำสอนนั้นเป็นไปตามหลักธรรมที่ปรากฏในพระไตรปิฎกหรือไม่ และถามถึงอำนาจหน้าที่ของสำนักงาน-พระพุทธศาสนาแห่งชาติว่า สามารถดำเนินการเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวได้อย่างไรหรือไม่นั้น

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติขอนมัสการมหาเถรสมาคม ดังนี้

- ประเด็นการเชื่อมจิตนั้น ไม่ปรากฏหลักฐานในพระไตรปิฎกแต่อย่างใด การเชื่อมจิตเพื่อให้บุคคลเข้าถึงธรรม ขัดกับธรรมคุณ ๖ ประการ ซึ่งธรรมของพระพุทธองค์นั้น ผู้ปฏิบัติจะพึงเห็นชัดด้วยตนเอง คือ ผู้ใดปฏิบัติ ผู้ใดบรรลุ ผู้นั้นย่อมเห็นประจักษ์ด้วยตนเองไม่ต้องเชื่อตามคำของผู้อื่นผู้ใดไม่ปฏิบัติ ไม่บรรลุ ผู้อื่นจะบอกก็เห็นไม่ได้ อีกทั้งวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน คือ เป็นวิสัยของวิญญูชนจะพึงรู้ได้ เป็นของจำเพาะตน ต้องทำจึงเสวยได้เฉพาะตัว ทำให้กันไม่ได้ เอาจากกันไม่ได้ และรู้ได้ประจักษ์ที่ในใจของตนนี่เอง

- ประเด็นที่มีบุคคลกล่าวอ้างว่า เป็นอนาคามีแล้วลงมาเกิดเป็นพญานาคก่อน แล้วมาเกิดเป็นมนุษย์ชาตินั้น ตามหลักพระพุทธศาสนา ผู้ที่บรรลุธรรมถึงขั้นอนาคามี จะไม่กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก ตามหลักธรรมที่ปรากฏในพระไตรปิฎก

- ชื่อเรียกพระพุทธศากยมุนีเป็นคำพุทธพยากรณ์ของพระพุทธเจ้าในอดีตที่ทรงพยากรณ์แด่พระโคตมพุทธเจ้าว่า จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตนามว่าพระพุทธศากยมุนี หรือพระโคตมพุทธเจ้านั่นเอง แต่พระโอรสของพระพุทธโคตมพุทธเจ้ามีพระองค์เดียวคือ “พระราหุล” และพระราหุลนั้นท่านได้บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ย่อมไม่มาเกิดอีก

- ประเด็นที่มีบุคคลกล่าวอ้างว่าพระพุทธเจ้าและเทพเกลียดดอกไม้สีเหลืองให้เอาดอกไม้สีเหลืองออกจากโต๊ะหมู่บูชานั้น ไม่ปรากฏหลักฐานในพระไตรปิฎก และขัดกับพระพุทธจริยา (บำเพ็ญบารมี ๑๐ ประการ)

- ประเด็นที่มีบุคคลกล่าวอ้างว่าได้แสงสีทองจากพระพุทธเจ้ามาเชื่อมจิตนั้น ในหลักอภิญญา ๖ ไม่มีการเชื่อมจิตและในหลักของพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท พระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ เมื่อดับขันธปรินิพพานแล้ว จะไม่ปรากฏรูปนามอีกต่อไป

- ประเด็นที่มีบุคคลกล่าวอ้างว่าได้รับบัญชาจากพระพุทธเจ้ามาเพื่อฟื้นฟูศาสนานั้น พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงมอบหมายให้ผู้ใด แต่ตรัสกับพระอานนท์ ว่า ธรรมและวินัยที่พระองค์แสดงแล้ว บัญญัติแล้ว เมื่อพระองค์ล่วงไป จักเป็นพระศาสดาของท่านทั้งหลาย

ที่ประชุมมหาเถรสมาคมมีมติ

1.รับทราบการดำเนินการของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และมอบหมายให้ดำเนินการคุ้มครองพระพุทธศาสนาตามหน้าที่และอำนาจให้เท่าทันต่อเหตุการณ์ เพื่อป้องกันระงับยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อพระพุทธศาสนา

2.กรณีที่มีการกระทำใดๆ ซึ่งอ้างถึงหลักธรรมหรือวิธีการปฏิบัติทางพระพุทธศาสนา แต่มิได้ปรากฏหลักคำสอนดังกล่าวในพระไตรปิฎก คัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา มติ อาณัติ และอรรถาธิบายของคณะสงฆ์ที่ชอบด้วยหลักพระพุทธศาสนา หากเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติพิจารณาดำเนินการ และบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามพฤติการณ์แห่งกรณี

3.กำชับเจ้าคณะ พระสังฆาธิการ และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทุกจังหวัดให้หมั่นกวดขันตรวจตรา อธิบาย และชี้แจงให้สาธารณชนเข้าใจถึงหลักธรรมและวิธีการปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวอีก และให้ดำเนินการได้ทันที โดยไม่ต้องรอรับรองรายงานการประชุม

ทั้งนี้ ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้แจ้งความเอาผิดกับฝั่งลัทธิเชื่อมจิต พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์แล้วเช่นกัน


ธรรมะกับกฎหมาย

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการฟ้องร้องกันไปมาระหว่างฝ่ายเชื่อมจิตและผู้เห็นต่างนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีการใช้กฎหมายเข้ามายุติปัญหาของทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนใครจะเริ่มก่อนหรือฟ้องแบบไม่เป็นเรื่องก็เห็นๆ กันอยู่ ล่าสุดศาลยกฟ้องไปคดีหนึ่ง

ที่จริงในเรื่องการเอากฎหมายมาบังคับใช้กับหลักธรรมคำสอนในทางพุทธศาสนา ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างย้อนแย้งกันไม่น้อย นอกจากนี้ความขัดแย้งในหลักของพุทธศาสนาตอนนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ออกมาสร้างความกระจ่างให้สังคมมากขึ้น อะไรที่ผิดไปจากหลักธรรมคำสอน หรืออ้างที่มาที่บิดเบือนก็มีการชี้แจงออกมาแล้ว

นายอรรณพ บุญสว่าง ทนายความ โพสต์ข้อความถึงเรื่องมรรยาททนายความ บน Facebook ส่วนตัวว่า หลายคนถามผมว่า ทนายความทำแบบนั้น แบบนี้ ไล่ฟ้องคนเห็นต่างไปทั่วได้หรือ? แกล้งฟ้องให้เดือดร้อนเล่นๆ ให้เดินทางไปต่อสู้คดี? พอจะแพ้แล้วถอนฟ้อง? ทนายคนนั้นเขารู้จักผู้ใหญ่คนโน้น? คนนี้? ทนายความคนนั้นเขาออกทีวีนะ? ทนายความคนนี้เขาทำแต่คดีดังๆ คดีใหญ่ๆ เรื่องแบบนี้ทนายคนนั้นเขาว่าฟ้องได้นะ? ทำไมทนายคนนี้ไม่ฟ้องให้?

มรรยาททนายความ ควบคุมเราไว้น่ะสิครับ ข้อ 9 ยุยงส่งเสริมให้ฟ้องร้องคดีกันในกรณีอันหามูลมิได้ ข้อ 10 ใช้อุบาย อวดเก่ง อวดอุตริ และอวดอ้างว่ารู้จักคนใหญ่คนโตช่วยเหลือได้ ข้อ 17 ประกาศโฆษณาค่าจ้าง หรือโฆษณาว่าฟรี หรือคุณวุฒิเชิงโอ้อ้วดให้ได้งาน ข้อ 18 ประพฤติตนฝ่าฝืนศีลธรรมหรือเสื่อมเกียรติคุณของทนายความ

ผมเคารพ มรรยาทและข้อบังคับนะครับ ผมเชื่อว่า ถ้าละเมิดกฎเหล่านี้จะทำให้ "สังคมวุ่นวาย แต่ทนายความร่ำรวย" สิ่งที่ผมทำคือ ผมรับว่าความให้เฉพาะคนรู้จัก หรือแนะนำปากต่อปากเท่านั้น

หลังจากผมทำคดีเป็นที่สนใจของสื่อมวลชน ช่วงแรกผมไม่รับเชิญไปให้ความรู้กับสื่อใดๆ เลย ผมยิ่งระวังไม่ให้เป็นการโฆษณา จนกระทั่งผมเริ่มเปิดใจและเห็นว่าหลายเรื่องเป็นประโยชน์ต่อสังคม ที่จะระมัดระวังให้เท่าทันมิจฉาชีพ หรือเปลี่ยนความเข้าใจให้ถูกต้อง เพื่ออยู่รอดในสังคมที่เต็มไปด้วยเฟกนิวส์

ผมเองไม่ใช่ผู้ชำนาญเรื่องมรรยาท จริยธรรม คุณธรรม หรือทำตัวเป็นคนดีอะไรนักหรอก พอใจที่จะเป็นคนธรรมดามากกว่า คนทำผิดผมก็พาไปขอโทษ แก้ไข เยียวยา คนโดนรังแกก็ช่วยเท่าที่ทำได้

ส่วนใครเป็นทนายความแล้วจะทำตัวยังไงนั้น มันคงเป็นเรื่องของเขา ลูกความกับทนายความ ผมเชื่อว่ามันคงเป็นเรื่องของ "ศีลเสมอกัน"


มันแปลกๆ

กรณีของต้นอ้อ เป็นหนึ่ง มีผลต่อความน่าเชื่อถือของกลุ่มที่ยืนตรงข้ามกับเชื่อมจิตอยู่บ้าง แต่ไม่ทำให้รูปขบวนเสียไป หลายคนก็แปลกใจว่าทำไมเพิ่งจะออกมาแฉในช่วงที่เกิดคดีความกับทางเชื่อมจิต ทั้งวันและเวลาที่ไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจสกลนครมันพอดีกันไปหมด และทนายธรรมราชได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่ามีคนส่งข้อมูลมาให้ แต่ไม่ระบุชื่อว่าเป็นใคร และเตรียมหาหลักฐานเพิ่มเพื่อเอาผิดโดยระบุคดีนี้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ

ทั้งนี้ ผู้เสียหายที่ออกมาแฉต้นอ้อ ได้ไปร้องที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรม

ผู้ที่ออกมาแฉต้นอ้อคือซ้อลักษณ์ และนายแม่ปุ๊กกี้ เป็นหนึ่ง พึ่งได้ ที่ได้โพสต์ว่าทนายของเราคือทนายรณรงค์ตั้งแต่แรกจนถึงวันนี้ไม่ใช่ทนายธรรมราช...

มันก็แปลกๆ มีการทิ้งช่วงนานกว่าจะออกมาแฉกัน ที่น่าสนใจคือการร้องนั้นเป็นการร้องไปที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมของทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ซึ่งเป็นพิธีกรที่อ่านข่าวรายการโหนกระแสแต่เช้า ออกอากาศเช้าวันอาทิตย์ ทางช่อง 3 ชื่อรายการก็บอกอยู่แล้วว่าโหนกระแส และหนุ่ม กรรชัย ก็คุ้นเคยกับทนายเป็นอย่างดี ที่ผ่านมาคุณหนุ่มกับคุณต้นอ้อก็ร่วมงานเรื่องเชื่อมจิตกันมาตลอด เรื่องนี้มันก็เลยออกแปลกๆ ไปสักหน่อย

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่


Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j


กำลังโหลดความคิดเห็น