xs
xsm
sm
md
lg

“ดร.เจษฎ์” ชี้ถ้า 18 มิ.ย. “ทักษิณ” เบี้ยวอัยการจะถูก “หมายจับ” ทันที คดีนี้สู้ได้แค่ชั้นอุทธรณ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“รศ.ดร.เจษฎ์” ระบุหาก “ทักษิณ” ดื้อเพ่ง ไม่ไปเข้าพบอัยการในวันที่ 18 มิ.ย. จะถูก “ออกหมายจับ” ทันที และไม่สามารถประกันตัวได้ ชี้มีโอกาสต่อสู้ได้แค่ 2 ศาล คือศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เนื่องจากเป็นการพิจารณาพยานหลักฐานตามข้อเท็จจริงเท่านั้น เชื่อหากมีการแหกดีล ทักกี้คงเจอศึกหนัก หมดโอกาสเป็นนักโทษเทวดา และถ้าไม่รอดในคดี 112 “เพื่อไทย” ระส่ำแน่ อาจถึงขั้นต้องให้แคนดิเดตจากพรรคอื่นขึ้นเป็น “นายกฯ” แทน “เศรษฐา” ที่ถูกสอยร่วงอีกคน เตือนหาก “พท.” จับมือ “ก้าวไกล” ดันนิรโทษกรรม พ่วง ม.112 จะพากันพังทั้งสองพรรค สอดคล้องกับ “ผศ.ดร.วันวิชิต” ที่เห็นว่าเสี่ยงเกินไปที่จะนิรโทษกรรม ม.112 คาด “แม้ว” รีบลดบทบาท

เป็นกรณีที่น่าจับตาอย่างยิ่งสำหรับกรณีที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้อง ‘นายทักษิณ ชินวัตร’ ในคดีมาตรา 112 โดยมีคำสั่งให้นายทักษิณ ไปพบอัยการในวันที่ 18 มิ.ย.2567 เพื่อส่งฟ้องต่อศาลต่อไป ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าคดีของนายทักษิณ นั้นจะส่งผลต่อพรรคเพื่อไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ส่วนว่าแนวทางของคดีนี้จะออกมาในทิศทางใดได้บ้างนั้นคงต้องฟังมุมมองความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย

รศ.ดร.เจษฎ์  โทณะวนิก ประธานหลักสูตรคณะนิติศาสตร์  วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย
รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวนิก ประธานหลักสูตรคณะนิติศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย ชี้ว่า ถ้าในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ นายทักษิณ ยังใช้วิธีเดิมคืออ้างว่าป่วยและไม่สามารถไปรับฟังคำสั่งฟ้องของอัยการในคดี 112 ได้ อัยการจะไม่สามารถนำตัวทักษิณ ส่งฟ้องในวันดังกล่าวได้ ซึ่งอัยการจะออกหมายจับทักษิณ ทันที ถึงตอนนั้นหากทักษิณจะยื่นขอประกันตัวจะมีปัญหา แต่หากนายทักษิณไปพบอัยการตามกระบวนการ แล้วอัยการส่งฟ้อง ทักษิณสามารถขอประกันตัวออกมาสู้คดีได้ ทั้งนี้หากดูจากรูปคดีแล้วคดีนี้น่าจะพิจารณาสิ้นสุดที่ 2 ศาล คือ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เนื่องจากเป็นการพิจารณาตามข้อเท็จจริงเท่านั้น แต่หากจะถึง 3 ศาล ต้องขออนุญาตฎีกา คือถ้าเห็นว่ากระบวนการพิจารณาผิดพลาด ข้อกฎหมายไม่ชัดเจนสามารถขอฎีกาได้ แต่ถ้าพิจารณาแค่ข้อเท็จจริงแล้วแย้งว่าผู้ต้องหาไม่ได้ทำ พยานหลักฐานตามที่นำสืบโดยข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น คงยากที่ศาลจะรับฎีกา ดังนั้นคดีนี้จึงมีแนวโน้มว่าจะจบแค่ 2 ศาล

รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวต่อว่า คดี ม.112 ของนายทักษิณนั้นมองได้ 2 ลักษณะ คือ

1.เป็นคดีความผิดฐานความมั่นคงตามมาตรา 112 ซึ่งจะมีพยานหลักฐานมากน้อยแค่ไหน จะสามารถพิสูจน์ได้ในระดับที่สิ้นสงสัยว่าทักษิณกระทำความผิดและศาลสั่งลงโทษได้หรือเปล่าก็ว่าไปตามนั้น

2. สมมติว่ามีดีลลับ ก็เป็นไปได้สองกรณี คือ 1) ทักษิณแหกดีล หรือไม่ได้ทำตามที่ดีลกันไว้ เช่น ดีลกันไว้ว่าถ้าทักษิณกลับมาต้องติดคุก 1 ปี แต่ทักษิณกลับไม่ยอมอยู่ในคุก ต่อให้ทักษิณไปตามนัดในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ ทักษิณก็ถูกจับและไม่ได้รับการประกันตัว ต้องถูกคุมขังเพื่อรอการพิจารณา ซึ่งคราวนี้คงยากที่จะอ้างว่าป่วยเพื่อไปนอนโรงพยาบาล 2) ไม่ได้เกิดการแหกดีล และปล่อยให้ทักษิณเคลื่อนไหวเหมือนที่ทำอยู่ทุกวันนี้ เมื่อทักษิณไปพบอัยการในวันที่ 18 มิ.ย. จะได้รับการประกันตัว และเมื่อถึงกระบวนการพิจารณา ศาลก็ยกฟ้อง

“ถ้าแหกดีลหรือดีลพลิกคุณทักษิณคงเดือดร้อนหนัก หากถูกมองว่าเกินเบอร์ ทำให้บ้านเมืองมีปัญหา ทำให้กระบวนการต่างๆ ถูกมองในแง่ร้าย คุณทักษิณอาจจะโดนหนัก คดีความจะเดินไปเรื่อย ไม่ได้ประกันตัว ไม่ได้สิทธิเป็นนักโทษเทวดา ไม่สามารถอ้างอาการป่วยแล้วไปนอนโรงพยาลได้” รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าว

ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
ส่วนว่าถ้าทักษิณไม่รอดคดี 112 จะเกิดอะไรขึ้นกับพรรคเพื่อไทยนั้น “ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง” อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต วิเคราะห์ว่า ถ้าศาลตัดสินว่านายทักษิณมีความผิดจะส่งผลต่อสถานะและความเชื่อมั่นของพรรคเพื่อไทยอย่างมาก ถึงขั้นเข้าสู่ภาวะปั่นป่วนเลยทีเดียว เนื่องจากเสาหลักของพรรคได้รับผลกระทบทางคดี ที่ผ่านมาทุกอย่างล้วนเดิมพันด้วยการเคลื่อนไหวของนายทักษิณ จะเห็นได้ว่าทักษิณไปพบผู้นำในตระกูลการเมืองใหญ่ๆ และไปเยือนจุดยุทธศาสตร์ของคนเสื้อแดง อย่าง จ.เชียงใหม่ จ.นครราชสีมา เพื่อจะต่อจิ๊กซอว์ทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยให้สมบูรณ์ ขณะที่ตัวบุคคลที่มีบารมีในพรรคเพื่อไทยในตอนนี้แทบจะไม่มีเลย ไม่มีใครฉายแสงเท่าทักษิณ นายเศรษฐา ทวีสิน ไม่ใช่เจ้าของพรรค ส่วน “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังอยู่ระหว่างการบ่มเพาะ ซึ่งสถานการณ์ที่อยู่ระหว่างหน้าสิ่วหน้าขวานคงทำอะไรไม่ได้ ทิศทางการเคลื่อนไหวของเพื่อไทยน่าจะเป็นไปแบบสะเปะสะปะ

ขณะที่พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นรัฐบาลมาถึง 11 เดือนแต่ยังไม่มีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ที่สำคัญยังถูกดิจิทัลฟุตพรินต์ของนโยบายหาเสียงต่างๆ ตามหลอกหลอน มีแต่อีเวนต์ที่เหมือนจะมีผลงานแต่จริงๆ ไม่มี ทำให้คนที่เลือกเพื่อไทยรู้สึกผิดหวังพอสมควร เพราะโดยธรรมชาติตั้งแต่ครั้งรัฐบาลไทยรักไทย พลังประชาชน จนถึงรัฐบาลเพื่อไทยในสมัยที่ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ต่างสามารถผลักดันนโยบายให้ออกมาเป็นรูปธรรมได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากที่มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภา สามารถคุมกระทรวงสำคัญทางเศรษฐกิจไว้ได้หมด การขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ จึงทำได้อย่างรวดเร็ว แต่พอมาถึงรัฐบาลเศรษฐากลับไม่สามารถผลักดันนโยบายอะไรได้เลยเนื่องจากมีพรรคร่วมรัฐบาลมากถึง 11 พรรค ที่เห็นได้ชัดคือโครงการดิจิทัลวอลเล็ตซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้ขานรับหรือให้การสนับสนุน มีแค่แกนนำพรรคเพื่อไทยเท่านั้นที่ออกมาผลักดัน

ด้าน “รศ.ดร.เจษฎ์” เชื่อว่าถ้าทักษิณถูกส่งฟ้องศาลแล้วไม่ได้รับการประกันตัว คดีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญกรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เจ้าของฉายาทนายถุงขนม เป็นรัฐมนตรี ก็อาจจะไม่รอดเช่นกัน ซึ่งหากนายเศรษฐาหลุดจากตำแหน่งนายกฯ อาจจำเป็นต้องดัน “อุ๊งอิ๊ง” ขึ้นมาเป็นนายกฯ แทน แต่ต้องคิดหนักเพราะหากทักษิณติดคุกพรรคเพื่อไทยจะระส่ำระสายอย่างหนัก แล้วอุ๊งอิ๊งจะไหวหรือ ขณะที่ นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกคนของพรรคเพื่อไทยมีอาการป่วย ดังนั้นเพื่อไทยอาจจะให้แคนดิเดตของพรรคอื่นขึ้นมาเป็นนายกฯ แทนเพื่อที่จะรักษาอุ๊งอิ๊งไว้ โดยอาจจะเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ขึ้นมาเป็นนายกฯ ส่วนจะจัดคณะรัฐมนตรีกันอย่างไรก็ต้องรอดูอีกที

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
ขณะที่ ผศ.ดร.วันวิชิต ระบุว่า หากนายเศรษฐา ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่ามีความผิดในกรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี ก็ต้องให้ อุ๊งอิ๊ง หรือนายชัยเกษม ซึ่งเป็นแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน ซึ่งแน่นอนว่าน่าจะเป็นอุ๊งอิ๊งมากกว่า ซึ่งเท่ากับว่าทายาทตระกูลชินวัตรต้องขึ้นมากุมบังเหียนพรรคเร็วกว่ากำหนดเพราะอุ๊งอิ๊งยังบ่มเพาะประสบการณ์ในการเดินเกมทางการเมืองไม่มากพอหากขึ้นมาเป็นนายกฯอาจถูกการเมืองเล่นงาน ดังนั้น คนอาจจะไม่เชื่อมั่นพรรคเพื่อไทย โอกาสที่การเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยจะเป็นที่ 1 ในสนามเลือกตั้งจะยากขึ้นเรื่อยๆ

นอกจากนี้ รศ.ดร.เจษฎ์ ยังได้ประเมินสถานการณ์ว่า นอกจากกรณีความผิดตามมาตรา 112 ของนายทักษิณแล้ว อาจมีคนไปยื่นเรื่องให้ยุบพรรคเพื่อไทยเนื่องจากที่ผ่านมาทักษิณมีพฤติกรรมครอบงำพรรค ชี้นำและควบคุมการดำเนินการต่างๆ ของพรรคเพื่อไทยทำให้ขาดอิสระในการทำงานทางการเมือง ขณะที่พรรคก้าวไกลอาจจะโดนยุบพรรคด้วย อีกทั้งพรรคภูมิใจไทยที่ถูกยื่นยุบพรรคก่อนหน้านี้อาจจะโดนยุบเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลให้ภูมิทัศน์ทางการเมืองของไทยเปลี่ยนไป เมื่อพรรคดังกล่าวถูกยุบ ส.ส.จะกระจัดกระจายย้ายพรรค อาจจะเข้าสังกัดพรรคที่มีอยู่เดิมหรือเข้าพรรคที่จัดตั้งขึ้นใหม่ และเมื่อทั้งสามพรรคถูกยุบ พรรคที่เหลือต้องฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาลกันใหม่ ซึ่งอาจจะมีการวางหมากกันไว้โดยนายกรัฐมนตรีคนใหม่อาจจะประกาศยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ก็เป็นได้

“ถ้าไม่รุนแรงมากอาจแค่คุณทักษิณถูกจำคุกในฐานความผิดตามมาตรา 112 ส่วนคนอื่นก็ปล่อยไปตามครรลอง ไม่ได้มีทฤษฎีสมคบคิดอะไร พรรคเพื่อไทยอาจจะหวาดเสียวหน่อย และการเคลื่อนไหวของเพื่อไทยคงจะลดน้อยลงเพราะไม่มีศักยภาพของคุณทักษิณคอยหนุน และแน่นอนว่าถ้าทักษิณถูกจำคุกภูมิทัศน์ทางการเมืองจะเปลี่ยนไปพอสมควร” รศ.ดร.เจษฎ์ ระบุ

“อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย
ส่วนที่บางคนคาดการณ์ว่าหากนายทักษิณโดนคดี 112 พรรคเพื่อไทยอาจจะร่วมมือกับพรรคก้าวไกลในการออกกฎหมายนิรโทษกรรม โดยรวมความผิดในมาตรา 112 ไว้ด้วยนั้น “รศ.ดร.เจษฎ์” มองว่า พรรคเพื่อไทยอาจจะทำแบบนั้น แต่อย่าลืมว่าสังคมมีแรงต้านในเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย จากเดิมคนที่ผลักดันเรื่องการแก้ไข ม.112 มีแค่คนที่ไม่เห็นด้วยกับพรรคก้าวไกล แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยมาร่วมด้วย แรงต้านจะมีทั้งกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับพรรคก้าวไกลและกลุ่มที่ต่อต้านพรรคเพื่อไทย และจะกลายเป็นคนที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต คนที่ไม่เห็นด้วยกับการนำข้าว 10 ปีจากโครงการรับจำนำข้าวออกมาขาย คนที่ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นค่าแรง 400 บาท จะออกมาผสมโรงกันหมด ทำให้แรงต้านที่มีต่อการออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เพราะคนจำนวนไม่น้อยเห็นว่าความผิดในคดี ม.112 ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นความผิดต่อกฎหมายที่คุ้มครองพระราชสถานะของพระมหากษัตริย์ ซึ่งเมื่อกระทำผิดแล้วจะนิรโทษกรรรมไม่ได้ ต้องขอพระราชทานอภัยโทษเท่านั้น

“ผมคิดว่าถ้าคุณทักษิณไม่ได้ประกันตัวเขาก็คงสรุปว่าเพราะ ม.112 เขาอาจจะคิดว่าถ้าเล่นเกมยอมแล้วไม้ได้ผลอาจจะหันเล่นเกมสู้ แต่อาจจะไม่ได้สู้แบบชนเลยอะไรแบบนั้น เพราะเชื่อว่าถ้าออกกฎหมายนิรโทษกรรมโดยพ่วง ม.112 เข้าไปด้วยจะยิ่งพังไปกันใหญ่ เพื่อไทยก็จะเดือดร้อนมากกว่าเดิม” รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าว

ด้าน “ผศ.ดร.วันวิชิต” มองว่า อาจมีการพูดคุยหารือระหว่างเพื่อไทยกับก้าวไกลเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม แต่คงไม่ง่ายเพราะเพื่อไทยคงไม่คุยเรื่องมาตรา 112 เนื่องจากที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลเดินหน้าเต็มตัวในการผลักดันให้มีการแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากระแสสังคมบางส่วนไม่เห็นด้วย ดังนั้นบางเรื่องบางมุมคงไม่สามารถคุยกันได้อย่างลงตัว ถ้าต่างฝ่ายต่างต้องการสิ่งสูงสุดที่ตัวเองตั้งเป้าไว้

“ผมคิดว่าเสี่ยงเกินไปที่เพื่อไทยจะจับมือกับก้าวไกลเพื่อผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมโดยพ่วงมาตรา 112 เพราะไม่เป็นผลดีต่อทักษิณและพรรคเพื่อไทย จะเป็นการเปิดศึกหลายด้าน เพราะจะเห็นได้ว่าตั้งแต่คุณทักษิณกลับไทยและได้พักโทษส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยอย่างต่อเนื่อง สมาชิกพรรคเพื่อไทยบางคนอาจจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพราะคุณทักษิณคือจิตวิญญาณของพรรค และเป็นเจ้าของพรรคตัวจริง ช่วงนี้คุณทักษิณคงจะลดบทบาทตัวเองลงมา ไม่เคลื่อนไหวอะไร” ผศ.ดร.วันวิชิต ระบุ

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่


Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j


กำลังโหลดความคิดเห็น