จับตา 2 คดีดังทั้งคดี ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ถูกฟ้องคดี 112 และคดีนายกฯเศรษฐา ทวีสิน กรณี ส.ว.40 คนยื่นถอดถอนจากตำแหน่งปมเสนอ ‘พิชิต ชื่นบาน’ เป็นรัฐมนตรี ถึงขั้น ‘นายใหญ่’ แนะให้เศรษฐา เชิญ ‘วิษณุ เครืองาม’ มาช่วยหาช่องโหว่สู้คดีด่วน หวั่นลุกลามไปถึงยื่นฟ้องศาลอาญา ม.157 ยอมรับนายวิษณุ เจ๋งจริงขนาดนายใหญ่ ยังไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว ส่วนคดีทักษิณ มั่นใจ 18 มิ.ย.ไปตามนัดและสู้คดีจนถึงที่สุด ขณะที่เพื่อไทยเตรียมผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมคดี 112 ให้แล้วเสร็จก่อนปิดประชุมสภา!
การเคลื่อนไหวทางการเมืองในเวลานี้มีเรื่องที่ต้องจับตา 2 ประเด็นใหญ่ ทั้งเรื่องอัยการสูงสุด มีความเห็นสั่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2558 ที่กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) และประเทศไทยเกี่ยวพันกันเนื่องจากคดีนี้เป็นคดีความผิดที่มีโทษตามกฎหมายไทย โดยวันนี้ (29 พ.ค.67) อัยการยังไม่สามารถนำตัวส่งฟ้องศาลได้เนื่องจากผู้ต้องหาแจ้งว่าติดเชื้อโควิด โดยมีใบรับรองแพทย์มายืนยัน จึงให้มีการเลื่อนนัดเป็นวันที่ 18 มิ.ย.67 เพื่อนำตัวส่งฟ้องศาลต่อไป
สำหรับคดีนี้เมื่ออัยการสูงสุดสั่งฟ้องจึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าเมื่อถึงวันนัด 18 มิ.ย.นั้นจะมีการเลื่อนนัดต่อไปอีกหรือไม่ เพราะเหตุใด และถ้าไม่เลื่อนก็อยู่ที่ศาลอาญาว่าจะพิจารณาให้ประกันตัวหรือไม่ให้ประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีกันต่อไป
อย่างไรก็ดี แกนนำพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าคดี 112 นี้ หากทักษิณรอดไม่มีความผิด จะเกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองและตอบสังคมยากว่า ทำไมคนจากพรรคก้าวไกล หรือบรรดาคนหนุ่มสาวที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้จึงถูกตัดสินความผิดกันทั่วหน้า แล้ว นายทักษิณ ทำไมถึงรอดได้
“คดีนี้มั่นใจว่า นายใหญ่ต้องไปมอบตัวสู้คดีตามนัดแน่ หากมีความผิดก็ต่อสู้กันจนคดีถึงที่สุด นั่นเป็นการสู้คดีในศาล แต่ในสภามีการเสนอแก้กฎหมายนิรโทษกรรมในคดี 112 อยู่แล้ว ซึ่งมีนายชูศักดิ์ ศิรินิล จากพรรคเพื่อไทยเป็น ปธ.กมธ.วิสามัญศึกษาตรากฎหมายนิรโทษกรรม เสียงของเพื่อไทย และก้าวไกล เป็นเสียงข้างมาก ผ่านฉลุย เพื่อไทยไม่ต้องเหนียมอายอีกแล้ว ต้องจับมือกันเร่งพิจารณากฎหมายนี้ก่อนสภาปิดปลายปีนี้ ซึ่งเชื่อว่ากฎหมายนี้จะมีผลบังคับใช้ก่อนที่คดีนายใหญ่จะถึงที่สุด เมื่อถึงที่สุดก็สามารถได้รับนิรโทษกรรมได้เช่นกัน ส่วนคนอื่นๆ ที่ต้องคดี 112 ที่ผ่านมาย่อมได้ประโยชน์ทั่วหน้า เป็นการจัดแถวทางการเมืองกันใหม่”
ขณะเดียวกัน ยังมีประเด็นชวนให้ติดตามอีกเรื่องก็คือ กรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ไปพบ นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อชวนมานั่งเป็นที่ปรึกษาสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ซึ่งนายวิษณุ ก็ยอมรับว่าได้รับตำแหน่งนี้จริง
ล่าสุด นายกเศรษฐา ได้ปรับเปลี่ยนการตั้งนายวิษณุ จากข่าวตั้งเป็นที่ปรึกษา สลค.เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีแทน
ส่วนในเรื่องขอบเขตการทำงานในฐานะที่ปรึกษา จะแค่ไหนอย่างไร คงต้องรอหนังสือแต่งตั้งอย่างเป็นทางการที่จะออกมาน่าจะชัดเจนที่สุด
แหล่งข่าวระดับแกนนำพรรคเพื่อไทย บอกว่า การที่นายเศรษฐา ไปพบ นายวิษณุ เพื่อขอคำปรึกษาและเชิญมานั่งอย่างเป็นทางการเพราะต้องการหาทางรอดคดีที่ 40 ส.ว. ยื่นเรื่องต่อศาล รธน. ขอให้วินิจฉัยความสิ้นสุดลงของตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน และคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีของนายพิชิต ชื่นบาน รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
โดยผู้ร้องระบุว่า นายพิชิต ไม่สามารถเป็นรัฐมนตรีได้ เพราะขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และ(5) ในประเด็นเรื่องคดีถุงขนม 2 ล้านบาท แต่นายเศรษฐา นายกฯ กลับนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายจนได้เป็น รมต.สำนักนายกฯ ทั้ง 2 คนจึงมีพฤติกรรมเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 170 (4)และ (5)
“แม้ว่านายกฯ จะมั่นใจว่าได้มีการปรึกษากฤษฎีกาและฝ่ายกฎหมายมาแล้ว แต่นายใหญ่เชื่อว่าดีที่สุดควรไปพบ นายวิษณุ และขอคำปรึกษาเพราะนายใหญ่มั่นใจว่านายวิษณุ จะหาช่องโหว่เพื่อให้รอดคดีได้ แม้ว่านายใหญ่กับนายวิษณุ จะเคยมีปัญหาต่อกันมายาวนาน ซึ่งไม่ใช่แค่นายใหญ่เท่านั้น คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็โดนเรื่องข้าวจากฝีมือของนายวิษณุ เช่นกัน ไปดูหลักฐานจากหนังสือโลกคือละคร ของนายวิษณุ ที่สำนักพิมพ์มติชน จัดพิมพ์ ล้วนแต่มีเรื่องเจ็บๆ และปมขัดแย้งให้เห็น”
แหล่งข่าวย้ำว่า ไม่ว่าจะมีปัญหาขัดแย้งกันอย่างไร แต่เมื่อที่สุด นายวิษณุ ซึ่งเป็นนักกฎหมายที่เก่งและเชี่ยวชาญมาก อีกทั้งยังเป็นบุคคลที่จะสามารถเชื่อมถึงกลุ่มอนุรักษนิยมและผู้มากบารมีได้ด้วย เพราะในช่วงที่นายทักษิณ ชินวัตร จะกลับมาอยู่ที่ประเทศไทยได้นั้น ต้องยอมรับว่านายวิษณุ ก็มีส่วนช่วยที่ทำให้นายทักษิณ กลับมาบ้านได้ และไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว
หากยังจำกันได้ เมื่อช่วง 22 ส.ค.2566 นายวิษณุ ในฐานะรองนายกฯ และรักษาราชการแทน รมว.ยุติธรรม ได้ไปพบผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อมอบแนวทางการปฏิบัติหลังจากรับตัวนายทักษิณ เข้าคุมขังในเรือนจำในวันแรกซึ่งก็เป็นวันเดียวกันกับที่นายวิษณุ ไปพบผู้บัญชาการเรือนจำ และค่ำของวันที่ 22 ส.ค.66 นั่นเอง ที่นายทักษิณ ได้ย้ายไปพักรักษาตัวด้วยอาการเจ็บป่วยที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ และไม่ได้กลับเข้าเรือนจำอีกเลย จนถูกข้อครหา เป็นนักโทษที่ไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว ตามที่นายทักษิณ เคยลั่นวาจาไว้ใช่หรือไม่?
“นี่คือสิ่งที่นายใหญ่มั่นใจมากว่า นายวิษณุ ต้องหาช่องทางช่วยนายกฯ เศรษฐาได้ จึงให้นายกฯ ไปพบนายวิษณุ เพราะต้องยอมรับว่าถ้าจะให้นายเศรษฐา ไปพบเองยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะนายเศรษฐา อ่อนต่อโลกการเมืองมากๆ บารมีก็ยังไม่มี ชีวิตในเส้นทางการเมืองก็มีแค่นายใหญ่และคุณปู เท่านั้น“
นอกจากนี้ ในพรรคมีการตั้งคำถามกันว่าพรรคมีนักกฎหมายที่เชี่ยวชาญไม่ว่าจะเป็นนายชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุด และเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค หรือนายชูศักดิ์ ศิรินิล ล้วนแต่เป็นมือกฎหมายที่เชี่ยวชาญ ทำไมพรรคถึงไม่เลือกใช้คนเหล่านี้ จะบอกว่านายชัยเกษม สุขภาพไม่ดี ก็ไม่ใช่แล้ว เพราะทุกวันนี้แข็งแรงและมองกฎหมายทะลุทะลวงมาก แต่ทั้ง 2 ท่านไม่ใช่คนที่จะหาทางออกตรงนี้ได้
“นายกฯ เศรษฐา เลือกจะใช้สำนักงานกฎหมาย Baker & McKenzie มาช่วยดูแล นายใหญ่ ก็บอกไม่ใช่เพราะเขาเก่งกฎหมายอาญา กฎหมายแพ่ง แต่คดีนี้มันเป็นกฎหมายแบบไทยๆ ต้องอาจารย์วิษณุเท่านั้น เชื่อมโยงกลุ่มอนุรักษ์ได้อย่างดี เชี่ยวชาญกฎหมาย มีบารมีมากในการที่จะพูดหรืออธิบายให้คนยอมรับได้”
ดังนั้นคดีที่ 40 ส.ว.ยื่นเพื่อจะถอดถอนและเอาผิดนายกฯ เศรษฐานั้น ต้องให้นายวิษณุเท่านั้นที่จะมาแก้ต่างให้หนักเป็นเบา เมื่อสังคมได้ฟังที่นายวิษณุชี้แจง ก็จะยอมรับได้ เพราะในการพิจารณาของศาบนั้นอยู่ที่ว่าจะใช้หลักนิติศาสตร์ หรือหลักรัฐศาสตร์นำ เพราะถ้าใช้หลักนิติศาสตร์นำ ต้องตีความถ้อยคำตามกฎหมาย ก็จะมาตายในเรื่องของจริยธรรม เจตนา หรือรู้หรือไม่ว่านายพิชิต ชื่นบาน มีพฤติกรรมอะไรที่ไม่เหมาะสมหรือไม่เข้าข่ายที่จะเป็นรัฐมนตรี เพราะถ้ารู้แล้วยังเสนอตั้งและทูลเกล้าฯ นี่แหละนายกฯ เศรษฐา จะโดนคดีแน่ๆ ส่วนจะหนักเบาแค่ไหนอยู่ที่ศาลพิจารณาตัดสิน
แต่ถ้าใช้หลักรัฐศาสตร์นำ ศาลอาจมองที่บริบทของสังคม ถ้าตัดสินผิด จะเกิดสุญญากาศทางการเมืองหรือไม่ หรือนำเรื่องของพรรคก้าวไกล ที่กลุ่มอนุรักษนิยมกังวล มาใช้ในการพิจารณาร่วม ตรงนี้แหละจะทำให้ศาลเลือกจะวินิจฉัยไปทางไหน หากใช้หลักรัฐศาสตร์นำโอกาสรอดสูงตามไปด้วยใช่หรือไม่?
“มีการคุยกันระหว่างนักการเมืองด้วยกันเชื่อว่านายกฯ มีความสุ่มเสี่ยงมากๆ เพราะเรื่องการตั้งนายพิชิต มีการคัดค้านมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การตั้งรัฐบาลครั้งแรกแล้ว แต่พอปรับ ครม.เศรษฐา 1/1 ยังตั้งเข้ามาอีก ก็แปลว่านายกฯ รู้อยู่แต่ยังกระทำ หากศาลตัดสินว่านายเศรษฐา ไม่รอดจะเท่ากับเชือดไก่ให้ลิงดู ต่อไปการเมืองจะมีความระมัดระวังมากขึ้น จะตั้งใครต้องตรวจสอบให้ดีและต้องไม่ทำตามคำสั่งใครเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณ”
สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดสำหรับนายเศรษฐา ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคกังวลคือจะมีบรรดานักร้อง ที่คอยจ้องและเตรียมการยื่นฟ้องคดีอาญา มาตรา 157 ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
แหล่งข่าวระบุว่า เรื่องของกฎหมายอาญา 157 เป็นเรื่องที่คนใกล้ชิดเป็นห่วงนายกฯ เศรษฐามาก เพราะนายกฯ มีประสบการณ์ทางการเมืองน้อยมาก เรื่องระเบียบทางราชการก็รู้น้อย แต่ยอมรับว่านายกฯ เก่งเรื่องของการบริหารธุรกิจ แต่นี่มันคือการบริหารประเทศไม่ใช่แค่องค์กรแสนสิริเท่านั้น
“การดันนายพิชิต เข้ามา หากศาลมองว่าเป็นการทำของผิดให้เป็นถูกทั้งๆ ที่มีคนคัดค้านมาอย่างต่อเนื่อง ยังจะกระทำเป็นการปฏิบัติโดยทุจริต แบบนี้ฟันแน่ๆ เมื่อได้ นายวิษณุ มาช่วยคดีนี้นายกฯ เศรษฐา ยังพอมีความหวังทั้งเรื่องทำคำชี้แจงศาล รธน.และรับมือกับ ม.157 ที่จะมีโอกาสเกิดตามมาไว้ด้วย”
จากนี้ไปสังคมต้องเกาะติดทั้งคดีของนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ที่ 40 ส.ว.ยื่นศาล รธน. และนายทักษิณ ชินวัตร ในคดีมาตรา 112 จะทำให้ ‘ตายคู่’ หรือไม่ อีกทั้งนายวิษณุ เครืองาม ‘เนติบริกร’ จะช่วยนายกฯ เศรษฐา ได้จริงหรือไม่?....อีกไม่นานเกินรอมีคำตอบ!
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j