“ผอ.นิด้าโพล” ชี้ “ทักษิณ” เล่นบทคนเบื้องหลัง แต่เป็นศูนย์กลางอำนาจ ใช้กลยุทธ์ “เดิน 2 ขา” หวังชนะ“ก้าวไกล” โดยใช้ความนิยมในตัว “ทักกี้” ดึงคะแนนที่เคยเลือกเพื่อไทยคืน โดยมุ่งเจาะกลุ่มอายุ 36 ปีขึ้นไป พร้อมทั้งดัน “อุ๊งอิ๊ง”ให้ขึ้นมามีบทบาท เร่งสร้างผลงานและสร้างภาพความเป็นผู้นำ เพื่อชิงคะแนนกลุ่มวัยรุ่น ช่วงอายุ 18-35 ปี เชื่อปรับ ครม.ครั้งนี้มีชื่อ “แพทองธาร” เป็นรัฐมนตรีแน่!
กล่าวได้ว่าการเคลื่อนไหวของ “นายทักษิณ ชินวัตร” หลังจากได้รับการพักโทษและกลับไปอยู่บ้าน “จันทร์ส่องหล้า” นั้นฉายชัดว่าเป็นการเดินหน้าเข้าสู่โหมดการ “กระชับอำนาจ” ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีทั้งประชาชนและข้าราชการแห่แหนมาต้อนรับ หรือการเดินทางเข้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งมี ส.ส.และสมาชิกพรรคต่อคิวเข้าพบเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้บรรดาคอการเมืองต่างคาดการณ์กันว่าน่าจะเป็นการส่งสัญญาณว่า “ทักษิณ” เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริงกำลังจะกลับมากุมบังเหียนและนำการขับเคลื่อนพรรคอย่างเต็มตัว
ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" (NIDA Poll) ชี้ว่า การที่นายทักษิณ ออกมาพบปะประชาชนในช่วงนี้น่าจะมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความฮึกเหิมให้แฟนคลับพรรคเพื่อไทย แม้จะมีคนสงสัยว่าทักษิณป่วยจริงหรือป่วยปลอม แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยสามารถทำให้เศรษฐกิจกลับมาดี คนก็จะลืมข้อครหาดังกล่าวไปเอง โดยจะเห็นได้จากผลโพลของนิด้าโพล เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2567 ซึ่งพบว่า คะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งมีภาคใต้เป็นฐานเสียงหลักนั้นมีคะแนนสูสีกับพรรคเพื่อไทย โดยสาเหตุที่เพื่อไทยได้คะแนนจากคนใต้เนื่องมาจากราคายางในช่วงที่นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ปรับตัวสูงขึ้น จึงส่งผลให้คะแนนนิยมของพรรครัฐบาลในขณะนั้นดีขึ้นไปด้วย
ผศ.ดร.สุวิชา ยังได้วิเคราะห์ว่า ขณะนี้ทักษิณกำลังดำเนินกลยุทธ์ “เดิน 2 ขา” เพื่อให้พรรคเพื่อไทยสามารถช่วงชิงคะแนนนิยมจากประชาชนและเอาชนะพรรคก้าวไกลได้
โดย “ขาที่หนึ่ง” คือตัวนายทักษิณเอง โดยทักษิณมุ่งเดินสายพบปะประชาชนเพื่อกระตุ้นให้แฟนคลับเพื่อไทยคึกคักขึ้นมา และเพื่อดึงคะแนนของคนที่เคยเลือกเพื่อไทยแต่เปลี่ยนใจไปเลือกพรรคอื่น โดยเฉพาะพรรคก้าวไกลให้กลับคืนมา ซึ่งคนกลุ่มนี้คือคนที่มีอายุตั้งแต่ 36-60 ปีขึ้นไป ทั้งนี้ หากดูจากโครงสร้างประชากรจะพบว่าคนที่อายุ 18-25 ปี มีแค่ 12% ของจำนวนประชากรทั้งหมด ส่วนคนที่อายุ 26-35 ปี มีอยู่ 17% ของจำนวนประชากร เมื่อรวมทั้ง 2 กลุ่มจะเห็นว่ามีอยู่ 29% ของจำนวนประชากร ขณะที่คนซึ่งมีอายุ 36-59 ปี จะมีถึง 26% ของจำนวนประชากร ส่วนคนที่อายุ 60 ปีขึ้นไปมีอยู่ 23% ของจำนวนประชากร ดังนั้นเมื่อรวมประชากรทั้ง 2 กลุ่มจะมีถึง 49% ของจำนวนประชากร คือมีถึงครึ่งหนึ่งของประเทศ ซึ่งทักษิณต้องการคะแนนคนทั้ง 2 กลุ่ม คือคนที่อายุ 36 ปีขึ้นไป ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยที่เคยเลือกเพื่อไทยมาก่อน แต่ปัจจุบันกระจายไปอยู่พรรคโน้นพรรคนี้ ให้กลับคืนมา
จากการศึกษาจะพบว่าสาเหตุที่คะแนนของพรรคก้าวไกลชนะเพื่อไทยค่อนข้างมากเพราะคะแนนของคนรุ่นใหม่เทไปที่ก้าวไกลพรรคเดียว ขณะที่คะแนนของคนที่อายุ 36 ปีขึ้นไปนั้นกระจายไปหลายพรรค โดยคะแนนนิยมของผู้นำพรรคนั้นพบว่า 70% ของคนที่อายุ 18-25 ปี เลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ 50% ของคนที่อายุ 26-35 ปี เลือกนายพิธา ส่วนคะแนนนิยมของพรรคนั้นพบว่า 70% ของคนที่อายุ 18-25 ปี เลือกพรรคก้าวไกล และ 60% ของคนที่อายุ 26-35 ปี เลือกพรรคก้าวไกลเช่นกัน ขณะที่ 50% ของคนที่อายุ 36-45 ปี เลือกพรรคก้าวไกล และอีก 50% กระจายไปพรรคอื่น ส่วนคนที่อายุ 46 ปีขึ้นไปนั้นคะแนนกระจายไปยังผู้นำของหลายพรรค ไม่ว่าจะเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน พรรคเพื่อไทย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค พรรครวมไทยสร้างชาติ นายอนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทย หรือนายวราวุธ ศิลปอาชา พรรคชาติไทยพัฒนา
“คุณทักษิณรู้ตัวว่าไม่สามารถดึงคะแนนกลุ่มคนรุ่นใหม่ คือคนที่มีอายุตั้งแต่ 18-35 ปีได้ จะเห็นได้ว่าเมื่อครั้งที่คุณทักษิณไปเชียงใหม่แทบจะไม่มีคนรุ่นใหม่มาต้อนรับเลย แกรู้ตัวว่าแกเอาคะแนนจากคนกล่มนี้ไม่ได้ แกเลยไปมุ่งเอาคะแนนจากผู้สูงอายุ โดยจากผลโพลพบว่าคะแนนที่คุณเศรษฐา และพรรคเพื่อไทยสามารถเอาชนะคุณพิธา และพรรคก้าวไกลได้คือคะแนนจากกลุ่มคนที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ส่วนกลุ่มคนที่อายุ 36-60 ปี พรรคเพื่อไทยสามารถต่อสู้ได้สูสีโดยที่ก้าวไกลเหนือกว่าเล็กน้อย แต่ช่วงอายุ 18-35 ปีคะแนนเป็นของก้าวไกลหมด ดังนั้นหากสามารถทำให้คะแนนของคนที่อายุ 36 ปีขึ้นไปเทมาที่เพื่อไทยได้ เพื่อไทยสามารถชนะก้าวไกลได้ เพราะสัดส่วนจำนวนประชากรของวัยผู้ใหญ่นั้นมากกว่าวัยรุ่น คุณทักษิณไม่ได้ต้องการคะแนนใหม่ แต่ต้องการเอาคะแนนเดิมที่เคยเลือกเพื่อไทยคืนมา ส่วนจะเอาคืนมาได้มากน้อยเพียงใดคงต้องรอดูผลโพลในเดือน มิ.ย.นี้” ผศ.ดร.สุวิชา ระบุ
ผศ.ดร.สุวิชา กล่าวต่อว่า สำหรับ “ขาที่ 2” ที่ทักษิณต้องการขับเคลื่อนคือ อุ๊งอิ๊ง-น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งมีภาพลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ โดยพรรคเพื่อไทยพยายามขายอุ๊งอิ๊งกับคนรุ่นใหม่ ซึ่งตอนนี้อุ๊งอิ๊งยังเรียกคะแนนคนรุ่นใหม่ได้ไม่มากนักเนื่องจากยังไม่มีผลงานที่ชัดเจน และยังไม่มีบทบาทนำ ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจะต้องวางตำแหน่งสำคัญให้อุ๊งอิ๊งเพื่อให้สามารถแสดงบทบาทนำและสร้างคะแนนให้ตัวเอง โดยไม่ต้องอาศัยคะแนนของพ่อ โดยอุ๊งอิ๊ง และกรรมการบริหารพรรคที่เป็นคนรุ่นใหม่ต้องแสดงบทบาทเพื่อชิงคะแนนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอายุ 18-35 ปีมาให้ได้ ทั้ง 75% ที่เลือกพิธา และอีก 25% ที่เลือกผู้นำพรรคอื่น โดยมีเป้าหมายว่าอย่างน้อย 25% ต้องเทมาที่เพื่อไทย และได้คะแนนบางส่วนจาก 75% ที่เลือกก้าวไกล
“ทั้ง 2 ขาดังกล่าวของพรรคเพื่อไทยนั้นจะสามารถขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการสนับสนุนของกลไกอำนาจรัฐที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล โดยมีนายกฯเศรษฐาเป็นผู้ใช้กลไกอำนาจรัฐในการสนับสนุนกลไกทั้ง 2 ขา ให้สามารถสร้างกระแสคะแนนนิยมให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งเชื่อว่าการปรับ ครม.ครั้งหน้าจะมีคนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นรัฐมนตรี โดยเฉพาะคุณอุ๊งอิ๊ง เพราะถ้าคุณอุ๊งอุ๊งไม่มีบทบาท ไม่มีผลงาน สมัยหน้าไม่มีทางได้เป็นนายกฯ” ผศ.ดร.สุวิชา กล่าว
ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าการกลับมาของทักษิณเพื่อกระชับอำนาจทางการเมืองนั้น ผศ.ดร.สุวิชา ระบุว่า โดยส่วนตัวมองเช่นนั้น เพราะการกลับมาของนายทักษิณซึ่งแสดงบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ นั้นเป็นการส่งสัญญาณให้คนในพรรคเพื่อไทยรู้ว่าทักษิณอยู่เบื้องหลัง แต่ยังเป็นศูนย์กลางอำนาจ เนื่องจากทักษิณออกหน้ามากไม่ได้เพราะอาจโดนข้อหาครอบงำพรรค
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j