โฉมหน้า ‘บ่อนกาสิโน’ ภายใต้ Entertainment Complex หรูเลิศอลังการ กำลังจะเกิดขึ้นจริงในรัฐบาลเพื่อไทย หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ แก้ปัญหาส่วย ปราบบ่อนพนันออนไลน์ ด้าน ‘เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน’ แจงรัฐบาลเล่นกลซ่อนกาสิโนไว้ในร่มใบใหญ่แหล่งบันเทิงครบวงจร ปลุกพลังเงียบร่วมจี้รัฐบาลทำประชามติ ทั้งนี้ ผลศึกษาของจุฬาฯ
สะท้อนภาพสังคมไม่เอากาสิโน แถมชี้ให้เห็นว่า นโยบายของจีนเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องการให้คนจีนเป็นนักพนัน สกัดข้าราชการจีนที่ทุจริตนำเงินมาฟอกขาว ส่งผลให้กาสิโนหลายแห่งต้องเจ๊ง ชี้ตัวเลขที่รัฐบาลฝันจะเป็นจริงได้อย่างไร อีกทั้งจะกลายเป็นแหล่งฟอกเงินให้นักการเมือง-ข้าราชการสีเทาได้ด้วย โดยที่ ‘ส่วย-พนันออนไลน์’ ก็ยังมีให้เห็นควบคู่กันไป!
แรงผลักดันให้ประเทศไทยมีบ่อนกาสิโนภายใต้โครงการเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) หรือสถานบันเทิงครบวงจรมีโอกาสเป็นจริงขึ้นมาแล้ว โดยเฉพาะเสียงสนับสนุนจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ออกมายืนยัน พร้อมๆ กับที่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง พรรคเพื่อไทย บอกว่า สถานบันเทิงครบวงจรดังกล่าวจะดึงดูดการลงทุนได้กว่า 300,000 ล้านบาท เก็บภาษีได้ปีละกว่า 20,000 ล้านบาท และจะเกิดการจ้างงานกว่า 20,000 อัตรา
ส่วนที่มีความกังวลประเด็นทางสังคมนั้น หากมีการนำธุรกิจกาสิโนเข้าระบบจะทำให้รัฐจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังสามารถนำเงินส่วนหนึ่งเข้ากองทุนเพื่อการบำบัดและเยียวยาเชิงสังคมและชุมชนโดยรอบ วงเงินกว่า 4-5 พันล้านบาท รวมทั้งจะกำกับดูแลด้วยกลไกที่เข้มงวดเหมือนประเทศสิงคโปร์
นอกจากนี้ นายกฯ เศรษฐา ยังเห็นว่าการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรถือเป็นก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหาบ่อนพนัน เอาเศรษฐกิจสีเทาขึ้นมากำกับดูแล และเก็บภาษีได้อย่างถูกต้อง รัฐบาลไม่ได้ต้องการส่งเสริมการพนัน แต่ต้องการกำกับดูแลให้มีประสิทธิภาพ แก้ปัญหาผู้มีอิทธิพล และนำรายได้จากการส่งเสริมการลงทุนขนาดใหญ่มาใช้ในการพัฒนาประเทศ สร้างงาน สร้างอาชีพ ซึ่ง ครม.จะต้องศึกษาและยื่นร่าง พ.ร.บ.ให้สภาพิจารณาต่อไป
“ที่ผ่านมา เราเสียเวลาและโอกาสมามากพอแล้ว รัฐบาลจะทวงคืนเวลาที่สูญเสียไปให้กลับมาเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศ และพี่น้องประชาชน ‘นายกฯ ระบุ
ดังนั้น โอกาสที่จะมีกาสิโนภายใต้ร่มเงาของสถานบันเทิงครบวงจรในยุครัฐบาลเพื่อไทยจึงมีโอกาสเป็นไปได้มากที่สุด ซึ่งแตกต่างจากรัฐบาลอื่นๆ ที่ผ่านมาไม่ค่อยจะมีเสียงและพลังที่จะผลักดันในสภาฯ เท่ายุคนี้ ขณะที่กระแสสังคมยังคงมีทั้งเสียงสนับสนุนและเสียงคัดค้าน แต่จะดังพอให้รัฐบาลเศรษฐา ชะงักหรือไม่เท่านั้นเอง!
ด้านนายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ระบุว่า ถ้าสังคมได้อ่านรายงานของ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร Entertainment Complex ที่ผ่านการรับรองจากสภาผู้แทนราษฎรด้วยมติเป็นเอกฉันท์ จะรู้ว่ามันเป็นอันตรายต่อสังคมอย่างมาก และอยากจะเชิญชวนให้สังคมอย่าไปหลงประเด็นเรื่อง Entertainment Complex ที่เป็นเปลือกนอกมาหุ้มบ่อนกาสิโน หรือบ่อนบนดินที่มีหลายขนาดตั้งแต่ไซส์ S, M, L, XL นี่คือจุดประสงค์หลักที่รัฐบาลต้องการจะตั้งกระจายไปทั่ว ว่ากันว่ามีการขีดวงกว้างมากถึง 66 จังหวัด และมีความพร้อมที่จะเปิดได้ถึง 22 จังหวัด ที่เชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่เหมาะมาก
“ตามร่างต้องการทำไซส์ XL แห่งหนึ่งก่อน จากนั้นมีโอกาสที่จะทำพื้นที่ต่อๆ ไปตามที่ขีดวงไว้ ถ้าจะทำใหญ่ขนาดนี้มันต้องมีรายละเอียด ต้องมีโมเดลให้สังคมได้เห็นว่าจะเป็นแบบนี้นะ แต่พอเอา Entertainment Complex มาคลุม ก็ทำเหมือนไม่มีอะไร”
รัฐบาลจึงควรบอกสังคมให้ชัดด้วยการนำโมเดลกาสิโนมาเสนอให้เห็นภาพที่จะเกิดขึ้น เช่น รัฐบาลพูดถึงกาสิโนที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งน่าจะหมายถึง “มารีนา เบย์ แซนส์ สิงคโปร์” เพื่อให้สังคมได้คิดตาม ก็คิดว่าสังคมน่าจะยอมรับได้ ไม่ใช่พูดถึงแต่ Entertainment Complex และอ้างแต่เศรษฐกิจไม่ดี การสร้าง Mega Project จะช่วยสร้างรายได้ให้ประเทศมหาศาล
สิ่งที่ทางมูลนิธิฯ ตระหนักจากการพูดคุยกับกลุ่มต่างๆ ทำให้เราเห็นถึงอันตรายที่จะเกิดตามมาหากเปิดกว้างมากตามที่ร่างฉบับนี้ระบุไว้ คือเรื่องของการควบคุม ความรับผิดชอบต่อสถานกาสิโน เพราะหากกำกับดูแลได้ไม่ดีจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี โดยเฉพาะหากบ่อนกาสิโนไปตั้งอยู่ในพื้นที่หรือชุมชนใด
“ที่อ้างเรื่องเม็ดเงินที่ได้มหาศาลยังไม่มีความเชื่อมั่นว่า เปิดแล้วมันจะดีจริง เป็นแค่จินตนาการและอ้างอิงจากตัวเลขของประเทศอื่น แต่ไม่ได้หมายความว่าที่บ้านเราเปิดแล้วจะได้ผลเหมือนเขา”
ที่น่ากังวลคือผลกระทบทางสังคมที่จะเกิดตามมา เนื่องเพราะมันคือการพนัน เป็นแหล่งการพนันที่มีความเข้มข้นสูง คนที่เข้าไปมีโอกาสที่จะติดการพนันได้เมื่อเข้าไปอยู่นานๆ ก็มีโอกาสเสียเงินมากเช่นกัน ซึ่งหากรัฐกำกับดูแลไม่ดี ได้คนที่ไม่เหมาะสมเข้าไปเล่นจะเกิดปัญหาอะไรตามมาบ้าง
“เมื่อย้อนไปดูกรอบที่เปิดกว้างไว้ จะเริ่มด้วยไซส์ XL บอกจะเน้น High End คนรวย คนมีฐานะ ถึงจะเข้าไปเล่นได้ แต่ยังมีไซส์ L, M และ S ซึ่งเป้าหมายไม่น่าจะเป็นนักท่องเที่ยวเป็นหลักแล้ว มันคือคนไทยนั่นแหละที่จะเข้าไปเล่น”
เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน บอกอีกว่า ถ้าเป็นกาสิโนขนาดใหญ่คงไปอยู่ไกลๆ นอกเมืองออกไป แต่ถ้าเป็นไซส์ M หรือ S คงขยับมาอยู่ใกล้มากขึ้น และหากเปิดหลายแห่ง ลูกค้าต้องเป็นคนไทย ไม่ใช่กลุ่ม High End แล้ว สุดท้ายก็จะกลายเป็นบ่อน
“จริงๆ ในรายงานมันมีความสับสนในตัวนะ ว่าเปิดกาสิโนเพราะอะไร บ้างก็บอกว่ากาสิโนเป็นยาครอบจักรวาล ทำให้เศรษฐกิจดี แก้ปัญหาส่วย พอเป็นไซส์ M หรือ S กลับตีขลุมว่า Protect คนไทยไปเล่นพนันนอกประเทศ
สรุปสุดท้าย คือ เปิดมาเพื่อรองรับคนไทยนั่นเอง”
ที่สำคัญ การเปิดกาสิโนหรือบ่อนบนดินใช่ว่า ส่วย หรือการพนันผิดกฎหมายจะหายไป หรือจะไม่มีการกระทำผิดกฎหมาย ทั้งที่ความจริง คนที่ทำผิดกฎหมายยังไม่ถูกจัดการ คือยังมีตำรวจที่เก็บส่วย หรือการทุจริตยังคงอยู่ และยิ่งถ้ากำกับดูแล กาสิโนไม่แข็งแรงจะมีการละเมิดกฎหมาย ปล่อยให้คนที่ไม่ควรเข้าไปเล่นเข้าไปได้ ปัญหาต่างๆ ก็จะตามมา และจะยิ่งทำให้เกิดแหล่งเล่นการพนัน ทั้งที่ถูกกฎหมาย และผิดกฎหมายให้คนเลือกเล่นมากขึ้น การพนันออนไลน์ไม่มีทางจะหายไปแน่นอน
“ถ้าใครเข้าไปอ่านรายงานจะเห็นว่า บอร์ดจะมีอำนาจหน้าที่เกินเลย พ.ร.บ.การพนัน คือไปอนุมัติพนันตัวอื่นที่เขาอยากให้ไปอยู่ใน Entertainment Complex ได้ทั้งหมดที่นี่ มันข้ามไปยุ่ง พ.ร.บ.พนัน อะไรที่ส่งเสริม Softpower เข้าได้หมด
อย่างไรก็ดี นายธนากร ย้ำว่า รัฐบาลไม่ควรเลี่ยงบาลีด้วยการนำ Entertainment Complex มาเป็นร่มใหญ่ว่ามีอะไรหลายอย่างในนั้น ควรบอกอย่างตรงไปตรงมาว่าจะทำกาสิโน ทำ Size ไหน ขนาดไหนให้ชัดเจน อย่างนี้ สังคมยังรู้ว่ารัฐบาลคิดจะทำอะไร แต่มาเขียนกรอบภายใต้ร่ม Entertainment Complex ทั้งๆ ที่โฟกัสอยู่ที่กาสิโน ทำให้เล็งเห็นว่ากฎหมายมีช่องโหว่เยอะมาก
“พูดกาสิโนให้ชัด สังคมน่าจะพอรับได้ว่า สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ และกลุ่มคนไทยที่มีเงิน คือ ทำเพื่อจะหาเงิน เพิ่มสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศ และต้องชี้ให้เห็นกลไก การกำกับดูแลในที่ที่เดียวให้เหมาะสม เพราะกาสิโนจะมีความหรูหรากว่า มีทั้งโซน Machinegame โซนที่เป็น Tablegame มีทั้งระดับวีไอพี ระดับทั่วไป”
ทั้งนี้ ทางมูลนิธิฯ ไม่สนับสนุนให้มีการตั้งกาสิโน และคิดว่าธุรกิจนี้อาจจะถึงจุดใกล้อิ่มตัวแล้ว เพราะการมีแหล่งพนันขนาดใหญ่ อาจไม่ใช่คำตอบ ที่อ้างกันได้นานเท่าไหร่ ว่าเป็นแหล่งเม็ดเงิน มันน่าจะมีแนวทางพัฒนาที่ใหม่กว่านี้ เพื่อจะหาจุดเด่นของประเทศ ไม่จำเป็นที่ต้องเลือกทำตามแบบประเทศอื่นๆ
“ถ้าเป็น Entertainment Complex ไม่มีกาสิโนทำได้มั้ย โดยทำเป็นสวนสนุก มีดิสนีย์เวิลด์ จะมีแรงดึงดูดมหาศาลอยู่แล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องมีกาสิโนบวกเข้ามา ซึ่งเราทำตามฝัน มีโน่นนี่นั่น มีสนามแข่งรถ มีอารีน่าขนาดใหญ่ ที่จัดคอนเสิร์ตได้ ถ้ามีได้จริงก็น่าจะเป็น Magnet ที่แรงมากพอ ไม่จำเป็นต้องมีกาสิโนก็ได้ใช่มั้ย และถ้าอ้างเพราะไม่ต้องการให้มีพนันออนไลน์ ก็ต้องปราบบ่อนให้ชัดเจนและไปปราบคอร์รัปชันกันต่อไป”
สิ่งที่สำคัญในเวลานี้ต้องพยายามชักชวนให้ประชาชนออกมาแสดงความเห็นเรื่องการตั้งกาสิโนในบ้านเรา ซึ่งจริงๆ จะมีพลังเงียบอยู่จำนวนมาก ซึ่งพิสูจน์ได้จากผลการศึกษาของ รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในทุกๆ 2 ปี จะมีการทบทวนและสอบถามกลุ่มตัวอย่างในเรื่องการมีบ่อนพนันกาสิโนว่าเห็นด้วยหรือไม่ พบว่ามีกลุ่มตัวอย่างเห็นด้วยร้อยละ 30 ไม่แน่ใจร้อยละ 10 แต่มีเกินกว่าร้อยละ 50 ไม่เห็นด้วยให้มีการตั้งบ่อนกาสิโน นี่คือข้อมูลที่ต้องรับฟังเช่นกัน
ทั้งนี้ ทางมูลนิธิฯ จะต้องพยายามทำให้เกิดเสียงของประชาชนต่อเรื่องการตั้งกาสิโนให้มากที่สุด และเชื่อว่าสุดท้ายควรจะให้มาจบที่การทำประชามติ เพราะเรื่องกาสิโนเป็นเรื่องใหญ่ แม้กระทั่งประเทศญี่ปุ่น สุดท้ายก็ยอมให้มีการทำประชามติเพราะญี่ปุ่นมีการพูดเรื่องนี้มากว่า 20 ปีเช่นกัน ไม่ใช่คุยไม่กี่ปีจึงเกิดกาสิโน
“ประเทศไทยควรมีการทำประชามติ ซึ่งฝ่ายที่อยากให้มีกาสิโนควรไปทำการบ้านมีรายละเอียดให้พร้อมทุกอย่าง มีการโยนหินถามทาง แล้วขายฝัน โดยไม่ให้ความรู้ประชาชน มันคือการหลอก”
เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ย้ำว่ายังมีงานวิชาการของทางจุฬาฯ ว่าการเปิดกาสิโนนั้น กลุ่มลูกค้าที่คาดหวังคือนักท่องเที่ยวจากจีน แต่กลับพบว่าจีนมีนโยบายในการปราบเรื่องการพนันอย่างหนัก และไม่ต้องการให้คนจีนมาเล่นการพนัน และยังประกาศอีกว่าแม้กระทั่งมาเก๊า (Macao) ซึ่งเป็นเขตบริหารพิเศษของประเทศจีน ต้องพยายามหาทางเปลี่ยนแปลงตัวเอง จะต้องไม่พึ่งพาธุรกิจพนันเป็นรายได้หลักและอาจต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นแบบเมืองเซินเจิ้นต่อไป
ดังนั้นเมื่อนโยบายของจีนเปลี่ยน จึงส่งผลกระทบทันทีกับเมืองกาสิโนหลายแหล่ง ทั้งในลาว หรือกาสิโนในสีหนุวิลล์ ที่กัมพูชา ซึ่งคนจีนเป็นเจ้าของก็ตาม บางแห่งถึงขั้นเจ๊งก็มีให้เห็นในเวลานี้ โดยเฉพาะหากไทยจะเปิดกาสิโนและคาดหวังลูกค้าเป็นกลุ่มคนจีน ก็ไม่สามารถเชื่อมั่นได้ว่าจะมีคนจีนเข้ามาเล่นที่บ้านเรา
“จีนไม่ต้องการให้คนของเขามาเป็นนักพนัน และเรารู้ว่าถ้าปล่อยให้เล่น ข้าราชการจีนจะนำเงินคอร์รัปชันมาฟอก จีนเข้มงวดเรื่องนี้มาก”
ประเด็นที่ต้องคิดต่อว่าอะไรคือความเชื่อมั่นว่าถ้าไทยเปิดกาสิโนแล้วคนจีนจะไหลมาหาเรา เนื่องเพราะไทยเป็นรายใหม่มีจุดแข็งอะไร โดดเด่นกว่าสิงคโปร์ หรือฟิลิปปินส์ ที่ประกาศตัวจะเป็นคู่แข่งสิงคโปร์ เรามีความเชื่อมั่นอะไรอย่างไร ต้องชัดเจน
ที่สำคัญที่นี่กำลังจะกลายเป็นแหล่งฟอกเงินให้กลุ่มทุจริต ที่มีให้เห็นในวงการเมืองและข้าราชการ จากเงินสีเทากลายเป็นเงินถูกกฎหมายใช่หรือไม่? ก็ต้องติดตามกันต่อไป!
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j