คดีบิ๊กโจ๊ก ที่ต่างฝ่ายต่างงัดหลักฐานมาตอบโต้กัน เสมือนเป็นศึกระหว่าง ‘ต. กับ จ.’ ที่สังคมสนใจและเคลือบแคลงใจว่าใครของแท้กันแน่ ขณะที่ผู้การแต้ม ชี้ผลประโยชน์ที่เคยเกิดบนโรงพัก เดี๋ยวนี้เปลี่ยนรูปใน ‘อากาศ’ บนออนไลน์ ทำให้ตำรวจวิ่งเต้น ซื้อตำแหน่งมาอยู่ที่นี่ ส่วนเลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ระบุเส้นทางความร่ำรวยของตำรวจ ง่ายๆ ‘โกง-รีดไถ-ทุจริต’ ยอมรับตำรวจไทย เป็นอาชีพข้าราชการที่รวยที่สุด ขณะที่เลขาธิการ ACT แจงทุกยุค “ตำรวจบนโรงพัก แตะอะไรก็เป็นเงิน..” 5 กลุ่มผลประโยชน์ ส่งส่วยเป็นทอดๆ ยันตำแหน่งสูงๆ ส่วนใหญ่จะรวยทั้งนั้น เชียร์บิ๊กโจ๊ก เปิดเส้นทางเงินที่ทำให้ตายหมู่ เพื่อให้สังคมกระจ่างชัดต่อไป!
เรื่องฉาวๆ วงการสีกากีที่พาดพิงว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เข้าไปพัวพันกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ บีเอ็นเค มาสเตอร์ (BNK MASTER) ซึ่งเป็นคดีที่แยกออกมาจากคดีเว็บไซต์พนันออนไลน์ที่รู้จักกันว่า ‘คดีมินนี่’ ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับเรื่องนี้ไว้พิจารณาแล้วก็ตาม
แต่เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดต่อเนื่องยิ่งดูเหมือนว่าตำรวจอีกขั้วก็ยิ่งขุดและหาหลักฐานเพื่อชี้ให้สังคมได้เห็นว่า ‘บิ๊กโจ๊ก’ พัวพันจริงใช่หรือไม่? โดยมีคนใกล้ชิดบิ๊กโจ๊ก เป็นตัวละครสำคัญ
ส่วนบิ๊กโจ๊ก ต้องเดินหน้าสู้ ทั้งออกมาเชิงขู่ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าเขาก็มีข้อมูลเช่นกัน หากตัดสินใจเปิดเส้นทางการเงินเมื่อไหร่ คงได้ตายหมู่กันทั้งหมด พร้อมกับให้ทนายออกมาแถลงข่าว เพื่อชี้ให้สังคมได้เห็นว่าใช่ไม่ใช่อย่างไร!
ล่าสุด ทนายบิ๊กโจ๊ก พร้อม พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ อดีต ผบก.ศฝร.บช.น. ในฐานะผู้ต้องหาคดีมินนี่ ก็มาร่วมให้ข้อมูลเป็นฉากๆ รวมไปถึงเหตุที่ถูกจับยกแก๊ง เพราะไปจับ ‘คดีกำนันนก-ส่วยทางหลวง’ จนมีตัวละครที่เป็นอักษรย่อเกิดขึ้นมากมายซึ่งไปเกี่ยวข้องกับอีกฝ่ายหนึ่ง
โดยเฉพาะเปิดเผยเส้นทางการเงินที่ 3 เชื่อมโยงถึงนาย ค. ซึ่งมีการทำธุรกรรม และโยงไปถึงญาติ ประกอบด้วยภรรยา พี่สาว และพี่ชายของผู้บังคับบัญชาระดับสูง ยศนายพล อักษรย่อ “ต.” โดยภรรยามีอักษรย่อ ก. ส่วนพี่สาวมีอักษรย่อ จ. และพี่ชายอักษรย่อ ช. พร้อมยืนยันว่าไม่ใช่เส้นทางการเงินที่กระทำความผิด แต่เป็นเส้นทางการเงินที่เชื่อมไปถึงว่ามีการทำธุรกรรม
งานนี้แม้ทีมบิ๊กโจ๊ก จะไม่เปิดชื่อจริงออกมา แต่สังคมก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์ และค้นหาอักษรย่อเหล่านี้ พร้อมๆ กับลุ้นกันว่านี่คือวิธีการต่อรองหรือจะดับเครื่องชนกันแน่ ระหว่าง ‘ต. กับ จ.’ โดยตรง และเชื่อว่าศึกครั้งนี้ไม่จบง่ายๆ ดั่งสุภาษิตที่ว่า ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่!?
อย่างไรก็ดี การเปิดโปงของแต่ละฝ่ายยังทำให้สังคมตั้งคำถามว่า อาชีพตำรวจรวยมาจากไหน หรือทำไมถึงฐานะดีจัง
พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ (ผู้การแต้ม) อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เจ้าของฉายา ‘มือปราบหูดำ’ บอกว่า อยากจะบอกว่าตำรวจจนๆ มีจำนวนมากโดยเฉพาะที่อยู่ต่างจังหวัด แต่พวกตำรวจที่มีตำแหน่งทำให้วงการตำรวจเสียหาย ประชาชนหมดศรัทธากับตำรวจ
“เดิมตำรวจรับเงินจากบ่อน ปัจจุบันคนมันเล่นพนันออนไลน์ เล่นในโทรศัพท์ ตำรวจก็เลยวิ่งเต้นซื้อตำแหน่งเพื่อมาอยู่ตรงนี้ ตรงนี้แหละที่ทำให้องค์กรตำรวจเสียหาย ไปดูเอาว่าหน่วยงานไหน ผมไม่ระบุ แต่ให้รู้ไว้ว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอากาศมันแพงหมด”
ที่ผ่านมาบรรดา โรงพัก หรือ สน. จะมีรายได้ เพราะบางโรงพักมีสถานบริการ มีบ่อน ก็ดูแลกันตามปกติ ถ้าโรงพักใดไม่มีบ่อน ตำรวจก็กินแกลบเหมือนกัน
“ผมก็เคยได้รับ แบ่งมาแค่ 300 บาท ไม่ได้มากมาย แต่เรามีตำแหน่งหน้าที่ก็ไปหาอาชีพข้างนอกทำเพิ่ม สมัยผมเป็นร้อยโท เพื่อนทำกระดาษเช็ดก้น ก็เอาผมไปหุ้นด้วย เราอาศัยบารมีตำรวจ เขาลงทุนเยอะเราลงทุนน้อย เขาแบ่งรายได้เป็นหุ้น เขาให้เราช่วย เวลารถขนส่งถูกเจิมก็ให้เราประสานให้หน่อยตำรวจ ถ้าขยัน ก็มาทำอาชีพอื่นเสริมได้ อย่างสมัยก่อนที่ทำกัน แต่สมัยนี้ไม่ทำกันแล้ว”
สิ่งสำคัญควรมองดูคุณภาพชีวิตของตำรวจที่อยู่แฟลตตำรวจในกรุงเทพฯ ก็ได้ บางแห่งยิ่งกว่าสลัม แต่ละ สน.มีตำรวจเท่าไหร่ ตำรวจธุรการจะได้เงินจากที่ไหน ตำรวจสายตรวจ ก็วิ่งระงับเหตุอย่างเดียวจะได้เงินจากที่ไหน
“จราจรก็รีดไถ 100 หรือ 200 บาทเท่านั้น จะมีพวกสายสืบที่ไปดูแล พวกเทาๆ มืดๆ ของผิดกฎหมายที่จะได้ตังค์ แผนกอื่นไม่ได้กันหรอก ฝ่ายปราบปรามก็คือสายตรวจ ไม่ได้อะไร จะได้ก็แค่เศษๆ ที่เขาแบ่งให้ ส่วนฝ่ายสืบสวนเป็นพวกนอกเครื่องแบบนี่แหละได้ตรงๆ ซึ่งสายสืบโรงพักจะมีแห่งละ 6-10 คน จะให้ในกลุ่มเดียวกัน จราจรเขาจะให้มั้ย ก็ไม่ให้ ธุรการเขาจะให้มั้ย ก็ไม่ให้ เพราะไม่เกี่ยวอะไรกับเขา ตำรวจที่มันรวย มันทำให้เสียชื่อเสียง ทำให้เสียกันทั้งโรงพัก”
ผู้การแต้ม บอกต่อว่า ที่มีข่าวซื้อตำแหน่งก็จะเป็นตำรวจยศสูงๆ ที่ต้องการจะขึ้นผู้กำกับ ก็ต้องวิ่งกัน เพราะถ้าไม่ได้ขึ้นผู้กำกับก็ไม่สามารถขึ้นเป็นนายพลได้ เพราะหากขึ้นผู้กำกับได้ ก็เป็นรองผู้การ และเมื่อเป็นรองผู้การก็เป็นนายพลได้แน่นอน
“ผู้กำกับเทียบได้กับ ม.8 สมัยก่อน ถ้าไม่จบ ม.8 ก็จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ ต้องวิ่งเต้นซื้อตำแหน่งกัน แต่ใช่ว่าจะได้ทุกคน บางคนไม่ซื้อ แต่ใช้การทำงานเข้าแลก แต่บางคนไม่ทำงานก็ต้องซื้อตำแหน่ง จนกลายเป็นเรื่องปกติของวงราชการไม่ใช่เฉพาะตำรวจนะ”
เรื่องของผลประโยชน์ต่างๆ ตามโรงพักที่เคยได้รับนั้น ผู้การแต้ม บอกว่า มันน้อยลง แต่ให้ดูกันให้ดี ผลประโยชน์มันเปลี่ยนรูปไปตามยุคสมัย ตามเทคโนโลยี การพนันทุกอย่างเล่นกันทางออนไลน์ มันอยู่ในโทรศัพท์ หน่วยงานไหนคุมโทรศัพท์ คุมอากาศก็ต้องไปดูกัน
“ผมไม่ได้พูดนะว่าหน่วยงานนั้นเป็นแหล่งทำมาหากิน เพียงจะบอกว่าสมัยนี้อะไรที่เป็นอากาศมันดีหมด ไม่ใช่หน่วยงานตำรวจอย่างเดียว ทุกหน่วยงานอะไรที่มันลอยทางอากาศ มันดีหมด”
สำหรับคดีบิ๊กโจ๊กนั้น ผู้การแต้มบอกว่า บิ๊กโจ๊กก็เหนื่อย ต้องไปดูสารตั้งต้น ต้องไปดูกันให้ละเอียดต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ระบุว่า ถ้าจะพูดถึงเส้นทางความร่ำรวยของตำรวจ ง่ายๆ คือ โกง รีดไถ ทุจริต เพราะตำรวจมีอำนาจ แต่ไม่มีการตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยปราบปราม หน่วยสอบสวนและหน่วยสืบสวน เพียงแต่ว่ามีการเก็บกันคนละอย่าง หน่วยปราบปรามก็เก็บสถานบันเทิง พวกสืบสวนก็เก็บของเถื่อน ของอะไรไป แล้วพวกเราไปยอมรับว่า เป็นบิ๊กโน่น บิ๊กนี่ ซึ่งจริงๆ ก็เป็นพวกขี้โกง
อีกทั้งคดีบิ๊กโจ๊กที่กำลังเกิดเป็นข่าวดังต้องว่ากันไปตามข้อมูลพยานหลักฐานที่มีอยู่ และที่บิ๊กโจ๊ก บอกว่า ถ้าเขาเปิดข้อมูลเส้นเงินออกมาเมื่อไหร่ได้มีการตายหมู่นั้น ส่วนตัวคิดว่า ไม่มีอะไร คงขู่ไปอย่างนั้นแหละ ก็คงต้องใช้เวลาในการต่อสู้คดีกันไป
“ตำรวจไทยเป็นอาชีพข้าราชการที่รวยที่สุด ทั้งที่เงินเดือนที่จบออกมาก็ไม่น้อย แต่ถ้าโกง มันรวยกว่าพวกราชการอื่นอยู่แล้ว”
ขณะที่ ดร.มานะ นิมิตมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ACT) ระบุว่า ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป จนถึงปัจจุบันยืนยันได้ว่า
“ตำรวจบนโรงพักแตะอะไรก็เป็นเงิน..” ซึ่งมีงานวิจัยสะท้อนภาพคอร์รัปชันของ “ตำรวจบนโรงพัก” ที่ทำงานใกล้ชิดประชาชน มีช่องทางโกงกิน สินบน ส่วย รีดไถ แบ่งตามสายงาน ดังนี้
1) สายงานป้องกันปราบปราม ประกอบด้วย ตู้แดง สถานบริการ ม่านรูด ร้านทอง สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ งบบริการ โรงงาน โต๊ะโทรศัพท์ ยักยอกของกลางและงดเว้นการจับกุม
2) สายงานสืบสวน ประกอบด้วย บ่อน ซ่อง รับจ้างจับผู้ต้องหา รับจ้างสืบสวนส่วนตัว ร้านค้าขายสื่อลามก หวยใต้ดิน ตู้ม้า โต๊ะสนุกเกอร์เถื่อน สร้างสายปลอมเพื่อรับสินบน โต๊ะรับพนันบอล สินค้าหนีภาษี ร้านค้าละเมิดลิขสิทธิ์ แรงงานต่างด้าว ยักยอกของกลาง งดเว้นการจับกุม และการสร้างผู้สนับสนุนปลอมเพื่อรับส่วนแบ่ง
3) สายงานสอบสวน ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการทำสำนวนคดี ประกอบด้วย ไม่สอบพยาน ปิดสำนวนหลักฐาน ไกล่เกลี่ยคดี ส่วนแบ่งจากคู่กรณี บริษัทประกันและการประกันตัว รวมถึงขายสำนวน (ผู้เขียน)
4) สายงานจราจร ประกอบด้วย วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง วินรถตู้ วินรถสองแถว การตั้งด่านผี รถบรรทุกน้ำหนักเกิน ห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงพยาบาลเอกชน ร้านอาหาร อู่รถแท็กซี่ อู่รถตุ๊กตุ๊ก และการสร้างผู้แจ้งเบาะแสปลอมเพื่อรับส่วนแบ่งสินบนนำจับ
5) สายงานอำนวยการ ประกอบด้วย คอมมิชชัน การประมูลร้านขายอาหารบนโรงพัก ค่าธรรมเนียมขายใบอนุญาต การอำนวยความสะดวก น้ำมัน เงินค่าล่วงเวลา
ทั้งนี้ ปัญหาของตำรวจเป็นปัญหาจากโครงสร้างและวัฒนธรรมองค์กรที่มีการรวมศูนย์อำนาจไว้มากเกินไป ทำให้ทุกอย่างล่าช้า เกิดการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองและความสัมพันธ์แบบอุปถัมภ์ ทำให้การเลื่อนตำแหน่ง การแต่งตั้งโยกย้ายเกิดระบบเส้นสายและการซื้อขายตำแหน่ง แม้แต่อำนาจการบริหารของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ถูกแทรกแซงจากนักการเมือง การมีอำนาจบังคับตามกฎหมายมากมายแต่ขาดการตรวจสอบถ่วงดุล ย่อมทำให้คนหลงผิดจนเกิดเป็นปัญหาทุกวันนี้
เลขาธิการ ACT ย้ำว่า ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นบนโรงพักจะมีการส่งเงินไปเป็นทอดๆ ผลที่เกิดขึ้นตามมา คือ จะมีการซื้อขายตำแหน่งเกิดขึ้น ส่วนจะจ่ายมากหรือน้อยต้องดูที่พื้นที่เป็นหลัก ถ้าเป็นโรงพักเกรด A จะต้องเป็นพื้นที่ 1.มีแหล่งอบายมุข หวย บ่อน ซ่อง 2.มีธุรกิจสีเทาๆ เช่น สถานบันเทิง ขายเหล้า เบียร์ มีแรงงานต่างชาติ หรืออย่างแถวบางนา มีเรื่องจราจรเพราะเป็นพื้นที่มีรถบรรทุกวิ่งเข้าออกสูงมาก
“โรงพักเกรด A เก้าอี้ผู้กำกับจะแพงหน่อย เข้ามาก็หารายได้ และต้องส่งส่วยต่อ เพราะผู้ใหญ่ต้องใช้ซื้อ สะสมทุน เพื่อซื้อตำแหน่ง ผู้บังคับการจังหวัดก็ว่ากันเป็นทอดๆ ไปจนสุด”
ขณะเดียวกัน เงินเดือนตำรวจก็ไม่ต่างจากอาชีพข้าราชการทั่วไป แต่ที่น่าประหลาดใจคือ เมื่อมีตำแหน่งสูงๆ ส่วนใหญ่จะรวยทั้งนั้น และที่มีคดีดัง อย่างคดีของบิ๊กโจ๊ก พร้อมมีการเปิดเส้นเงินของอีกฝ่าย ก็ล้วนเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคมไทย แต่เป็นเรื่องที่แก้ยาก เนื่องจากตำรวจที่อยู่ในเส้นทางเติบโตขัดขวาง ไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
“นักการเมืองจะใช้ประโยชน์จากข้อจำกัดของระบบตำรวจไปเป็นเครื่องมือของตัวเองในการขับเคลื่อนผลประโยชน์ทางการเมือง จึงเป็นการพึ่งพิงซึ่งกันและกัน”
ดังนั้น การที่ตำรวจระดับสูงออกมาทะเลาะกันและเปิดโปงเส้นทางเงินกันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกและเป็นที่รู้กันมานานแล้ว เพียงแต่ยังทำอะไรไม่ได้ เพราะผู้มีอำนาจไม่ยอมคิดที่จะเปลี่ยนแปลง
“ผมเชียร์ให้บิ๊กโจ๊ก เปิดข้อมูลและเส้นทางเงินว่าถึงใครอย่างไร ระดับสูงด้วย เรื่องนี้ประชาชนอยากฟัง ทุกคนจะได้รู้กันชัดๆ ในสิ่งที่คนไทยเชื่อมานาน เมื่อออกจากปากนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ อย่างบิ๊กโจ๊ก ให้ชัดๆ เพื่อให้สิ้นข้อสงสัยกันไปเลย” ดร.มานะ ย้ำ
ล่าสุด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. หรือบิ๊กต่อ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล (บิ๊กโจ๊ก) รอง ผบ.ตร. เข้ามาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งบิ๊กต่อ บอกว่าจากนี้ไปคดีที่เกี่ยวกับบิ๊กโจ๊ก จะส่งให้ ป.ป.ช.ทั้งหมด
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j
