xs
xsm
sm
md
lg

2 กูรูแนะจัดพอร์ตเงินออมได้ผลตอบแทนสูงสุด ชี้ทองคำพุ่งถึง 38,000 เข้าถูกจังหวะรวยปีละ 8 รอบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



2 กูรูแนะบริหารพอร์ตเงินออมที่ได้มากกว่าดอกเบี้ยฝากแบงก์ ‘จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี’ นายกสมาคมค้าทองคำ บอกราคาทองคำปรับขึ้นน่าจะมาจากกองทุนต่างๆ ปั่นกระแสเข้ามาเก็งกำไร แนะคนไทยระมัดระวัง เพราะมีแต่คนแห่มาซื้อ เผยขึ้นแรงอาจลงแรงได้ คาดราคาปี 67 น่าจะอยู่ช่วง 38,000 ส่วนบาทละ 4 หมื่นอีกยาวไกล แจงอย่าซื้อเก็บเงียบต้องรู้จังหวะทำกำไรได้ 5-8 รอบต่อปีดีกว่าฝากธนาคาร ด้าน ‘ดร.ชยงการ ภมรมาศ’ นักเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร ระบุวิธีจัดสรรเงินออมไปลงทุนทั้งฝากแบงก์ ซื้อ ‘พันธบัตร-หุ้นกู้ -ทองคำ’ ที่จะได้ผลตอบแทนสูงสุด จับตารัฐบาลปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้เมื่อใดกระทบดอกเบี้ยเงินฝาก ควรรีบโยกเงินไปลงทุนด้านไหนดีที่สุด!

ในยุคที่ดอกเบี้ยเงินฝากถูกแสนถูก ขณะที่เงินเฟ้อยังคงติดลบต่อเนื่อง แถมบรรดามิจฉาชีพมีมาหลากหลายรูปแบบที่พร้อมจะดูดเงินในบัญชีของเราหายไปในเวลารวดเร็ว ดังนั้น คนที่มีเงินเก็บสะสมไว้ควรจะเลือกบริหารการเงินอย่างไรเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะถ้าจะซื้อทองคำเก็บไว้ ราคาที่เหมาะสมควรเป็นเท่าไรในสภาวะที่ทองคำขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเชื่อว่าจะไปถึงบาทละ 40,000 บาท หรือจะเลือกลงทุนอะไรจะได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดสำหรับคนมีเงินออมไม่ว่าจะเป็นผู้สูงวัยหรือผู้เกษียณอายุที่มีรายได้จากอัตราดอกเบี้ยในการยังชีพ

‘จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี’ นายกสมาคมค้าทองคำ บอกว่าราคาทองปรับตัวขึ้นสูงมากตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.ถึงวันที่ 6 มี.ค. ช่วง 09.10 น. มีการปรับขึ้นมาถึง 1,500 บาท โดยในวันที่ 1 มี.ค.ปรับขึ้น 200 บาท วันที่ 2 มี.ค.บวกขึ้น 400 บาท วันที่ 4 มี.ค. บวก 100 บาท วันที่ 5 มี.ค.บวก 700 บาท และช่วงเช้าของวันที่ 6 เวลา 09.10 น. ขึ้นไปอีก 100 บาท ส่งผลให้ราคาทองแท่งรับซื้อ จากวันที่ 1 มี.ค.บาทละ 34,500 ขึ้นไปเป็น 36,000 บาท และขายออกบาทละ 34,600 ปรับขึ้นเป็น 36,100 บาท ส่วนทองรูปพรรณขายออกอยู่ที่บาทละ 35,100 ขึ้นเป็นบาทละ 36.600 และรับซื้ออยู่ที่บาทละ 34,734.59 เป็น 35,353.12 บาท ขณะที่ทองคำโลก (Spot ) อยู่ที่ระดับ 2,091.50 ขยับขึ้นไปที่ 2,126.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

โดยการปรับขึ้นของราคาทองในช่วงนี้ข้อเท็จจริงไม่ได้มีข่าวอะไรที่น่าตื่นเต้นที่จะมาหนุนให้ราคาทองปรับขึ้นมาแรงขนาดนี้ จนมีการคาดการณ์กันไปว่าจะขยับขึ้นไปถึงบาทละ 4 หมื่นบาท นอกจากข่าวแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดจะประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยซึ่งคิดว่าไม่ใช่เดือนนี้ น่าจะเป็นช่วงไตรมาสที่ 2 มากกว่า

“ราคาทองขึ้นสูงน่าจะมาจากพวกกองทุนต่างๆ ที่ถือโอกาสสร้างกระแสเข้ามาเก็งกำไร ผมจึงอยากให้ทุกคนระมัดระวัง มันขึ้นแรงก็อาจตกแรง แต่ถ้าระยะยาว ถ้าเฟดปรับลดดอกเบี้ยทองจะมีโอกาสขึ้นประมาณบาทละ 38,000 ในปี 67 แต่จะถึง 4 หมื่น เป็นราคาที่ไกลเกินไปที่จะปรับขึ้นถึง”

กราฟราคาทองคำเรียลไทม์ (Realtime) 24 ชั่วโมง แสดง 3 วันย้อนหลัง


นายกสมาคมค้าทองคำ บอกอีกว่า ปัจจุบันราคาทองปรับสูงขึ้นแต่เท่าที่เห็นคนแห่มาซื้อมากกว่านำทองมาขายเพราะมองว่าราคาทองขยับขึ้นทุกวันจนมีทั้งกลุ่มที่เก็งกำไร และคนที่มีเงินฝากแต่ดอกเบี้ยแบงก์ได้น้อยมากจึงนำเงินมาซื้อ เพราะเขามั่นใจว่าซื้อทองจะมีผลตอบแทนที่สูงกว่า ดังนั้น จึงอยากให้ทุกคนระมัดระวัง แม้ในระยะยาวราคาทองน่าจะสร้างผลตอบแทนที่สูงได้ หากเฟดปรับลดดอกเบี้ย จึงอยากให้ทุกคนดูจังหวะในการซื้อหรือขายทองจะดีที่สุด

“ใครที่ซื้อไว้แล้วช่วงนี้มีกำไรพอควรคือกำไรบาทละพันกว่าบาท แนะนำให้แบ่งขายทำกำไรไปก่อน เมื่อราคาปรับลงมาค่อยมาซื้อเพิ่ม ส่วนคนที่ยังตัดสินใจอยู่และเชื่อว่าดีกว่าฝากแบงก์ รอราคานิ่งกว่านี้หรือรอรีบาวนด์ลงมาค่อยซื้อเก็บ คิดว่าน่าจะประมาณ 35,000 กว่าๆ พอจะเก็บได้แล้ว ต้องดูเป็น stepๆ ดูจังหวะ ถ้าดีๆ ทำกำไร ซัก 5-6 รอบ ดีกว่าฝากกินดอกเบี้ยแน่นอน”

นายจิตติ ย้ำว่า ซื้อทองคำต้องรู้จักแบ่งทำกำไรอย่าเก็บอย่างเดียว เพราะราคาทองมีขึ้น มีลง ใช่ว่าราคาทองจะขึ้นตลอดไปอย่างไม่มีเหตุผล และอย่าลืมว่าซื้อทองแม้ไม่มีดอกเบี้ยก็จริง แต่ถ้ารู้จักทำกำไรจะได้ปีละ 5-6 รอบ หรือถ้าโชคดีทำกำไร 7-8 รอบ ยังดีกว่ารอดอกเบี้ยเงินฝาก แต่ถ้าคิดซื้อแล้วไม่ขายเลยมันไม่ถูกต้องในขณะที่ราคาทองมีการปรับขึ้นลงให้เห็นต่อเนื่อง

“คนที่ซื้อทองมูลค่าสูงๆ และคิดจะถือกระดาษด้วยการฝากทองไว้ที่ร้านทองนั้น อยากแนะนำให้เอาทองกลับจะดีกว่า ซึ่งร้านทองจริงๆ ไม่อยากรับฝากเพราะเป็นภาระของร้านเขาเช่นกัน”

‘จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี’ นายกสมาคมค้าทองคำ

 ‘ชยงการ ภมรมาศ’ หรือ ดร.หุ้น อาจารย์คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร
ด้าน ‘ชยงการ ภมรมาศ’ หรือ ดร.หุ้น อาจารย์คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร ระบุว่า ปัจจัยที่กำหนดราคาทองคำ คือราคาตลาดโลก อัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งค่าเงินบาทอ่อนในปัจจุบันนี้อยู่ที่ 36 บาท ดังนั้นคนที่จะลงทุนกับทองคำจะได้กำไรชัดเจน

“คนที่มีทางเลือกกล้าลงทุนตามเศรษฐกิจโลก ไม่ว่าจะเป็นลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ซื้อ Bitcoin เวลานี้ทะลุ $ 68,000 อาจจะแตะจุดสูงสุด $69,000 ที่เคยทำไว้เมื่อปลายปี 2564 ตั้งแต่มี Bitcoin มาก็ได้นะ ช่วงนี้ได้ผลตอบแทนดี แต่ถ้าคนที่ไม่กล้าลงทุนจะเลือกฝากธนาคารกินดอกเบี้ย หรือซื้อหุ้นในประเทศ ผลตอบแทนจะต่ำมากตามมา”

อย่างไรก็ดี หากมองไปถึงกลุ่มผู้สูงวัย หรือกลุ่มผู้เกษียณอายุที่ได้เงินก้อนและมีรายได้จากดอกเบี้ยเงินฝากเพื่อใช้ดำรงชีพนั้น ถ้าจะมาลงทุนเสี่ยงๆ แบบนี้คงจะลำบาก แต่จะบริหารจัดการเม็ดเงินอย่างไรที่จะทำให้ได้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ และไม่เสี่ยงดีกว่าฝากเงินแบงก์ที่มีอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพียง 1% กว่าๆ (ดูตารางประกอบ) และยังสามารถรอดพ้นไม่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพมาหลอกเงินหรือดูดเงินจนหมดบัญชีได้เช่นกัน

 ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย
ดังนั้นควรมีการจัดพอร์ต คือไม่ควรไปฝากธนาคารทั้ง 100% ของเงินที่มีอยู่ทั้งหมด เพราะเงินฝากกินดอกเบี้ยไม่ใช่คำตอบทั้งหมด แต่จำเป็นต้องมีแบ่งฝากไว้แม้ว่าดอกเบี้ยจะน้อย แต่สภาพคล่องสูงหากเจ็บป่วย หรือมีความจำเป็นต้องใช้เงินทันที เราสามารถถอนเงินได้ทันทีเช่นกันไม่เหมือนทรัพย์สินชนิดอื่นๆ ที่แม้จะขายได้เร็ว อาจมีการขาดทุนเกิดขึ้นได้

“ผู้สูงอายุควรมีสัดส่วนเงินสดค่อนข้างสูง เช่น มีเงิน 100 ควรเก็บเป็นเงินสดไว้ 40-50 บาท ส่วนที่เหลืออาจแบ่ง เช่น ไปลงทุนในการซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่ได้ดอกเบี้ย หรือพันธบัตร หน่วยงาน หรือบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่โอกาสล้ม หรือผิดนัดชำระหนี้ต่ำ ซึ่งดูได้จากการจัดอันดับความน่าเชื่อถือสูง คือ พวกนี้จะให้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าธนาคารแน่นอน”

ทั้งนี้ ควรนำเงินในสัดส่วน 30% ไปลงทุนซื้อพันธบัตร หรือหุ้นกู้ของบริษัทขนาดใหญ่และน่าเชื่อถือจะได้อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่ต้องมีความระมัดระวัง เพราะปัจจุบันมีหุ้นกู้บางตัวให้ดอกเบี้ยสูง แต่เป็นหุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงสูง เพราะอาจอยู่ในกลุ่มธุรกิจที่อาจมีปัญหาในอนาคตได้ จะไม่สามารถชำระดอกเบี้ยหรือคืนเมื่อครบกำหนดให้ผู้ซื้อได้ ปัจจุบันมีข่าวปรากฏให้เห็นว่ามีบริษัทหลายแห่งขอเลื่อนการชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ออกไปจำนวนมาก

“ดีที่สุด และมีความเสี่ยงต่ำที่สุด คือพันธบัตรรัฐบาล ส่วนการจะไปลงทุนทองคำในเวลานี้ราคาค่อนข้างสูงเกินไปและไม่สมเหตุสมผล เพราะขึ้นไปในระดับที่คนคาดหวังว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยและเงินบาทอ่อน รวมทั้งเรื่องการเงินระหว่างประเทศด้วย แต่ถ้าจะบอกว่าราคาทองมีโอกาสไปต่อหรือไม่ก็ยังมีโอกาสนะ แต่คนที่คิดเก็งกำไรต้องเข้าไว ออกไว เพราะราคามันสูงเกินไป ส่วนคนที่จะเก็บยาวต้องรอจังหวะปรับลงและลงทุนในสัดส่วนที่ไม่สูงมากนัก จากเงินออมที่มีอยู่”




ที่สำคัญไม่ได้ปรับราคาสูงขึ้นเฉพาะทองคำเท่านั้น ราคา Bitcoin ก็ขึ้นทะลุ เพราะมีเงินไหลไปเก็งกำไรในตลาดกันแล้ว

ดร.หุ้น ระบุว่า เวลานี้คนที่มีเงินออมต้องติดตามเพราะมีกระแสเรียกร้องทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้ลดดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งถ้ามีนโยบายนี้เมื่อไหร่ต้องเตรียมพร้อมเพราะจะกระทบดอกเบี้ยเงินฝากตามมา ซึ่งปัจจุบันแค่ 1-2% เท่านั้น จะทำให้คนที่มีรายได้จากดอกเบี้ยเงินฝากลดลงไปด้วย

“ซื้อพันธบัตรน่าจะดีที่สุด หากรัฐบาลมีนโยบายลดดอกเบี้ยเมื่อไหร่ จะไม่กระทบคนซื้อพันธบัตร เพราะดอกเบี้ยคงที่ แม้ในอนาคตดอกเบี้ยเงินฝากจะลดลงก็ตาม” ดร.หุ้น ระบุ

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่


Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j


กำลังโหลดความคิดเห็น