xs
xsm
sm
md
lg

ชี้ถ้า "ทักษิณ" รอดคดี 112 สาวก “ก้าวไกล” อาจลุกฮือ!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



‘รศ.ดร.เจษฎ์’ เผยคดี ม.112 ของ ‘ทักษิณ’ เป็นไปได้ 3 แนวทาง หวั่นหากทักษิณรอด ‘ด้อมส้ม’ อาจลุกฮือ ส่งผลกระทบต่อ ‘สถาบัน’ กระบวนการยุติธรรมสั่นคลอน ตรงข้าม ถ้าทักษิณไม่รอด กระแสการเคลื่อนไหวเรื่อง ม.112 จะแผ่วลง เพราะชัดเจนว่าเรื่องนี้ไม่ว่าใครทำก็ผิด พร้อมเตือนทุกพรรคที่เคลื่อนไหวผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมความผิดตามมาตรา 112 อาจ “โดนทั้งสภา” เพราะมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณี ‘พิธา’ และ ‘ก้าวไกล’ อยู่แล้ว



เป็นที่ฮือฮาไม่น้อยเมื่ออัยการสูงสุดตั้งโต๊ะแถลงข่าวการอายัดตัว “นายทักษิณ ชินวัตร” เจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริง เพื่อพิจารณาส่งฟ้องในฐานความผิดตามมาตรา 112 จากกรณีคำกล่าวของนายทักษิณ ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับไปเมื่อหลายปีก่อน โดยล่าสุด นายทักษิณได้ยื่นร้องขอความเป็นธรรม และขณะนี้สำนวนคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคดีกิจการอัยการสูงสุด

ซึ่งหลายฝ่ายต่างอยากรู้ว่าแนวโน้มของคดีดังกล่าวจะเป็นไปในทิศทางใด อีกทั้งคำตัดสินของคดีนี้จะสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อการเมืองไทยหรือไม่ อย่างไร?

รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก ประธานหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย
รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก ประธานหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย วิเคราะห์ว่า คดี ม.112 ของนายทักษิณนั้น ขั้นตอนต่อไปจะแยกเป็น 3 กรณี คือ

1) กรณีที่อัยการสูงสุดสั่งสอบเพิ่ม จะเป็นไปได้ 3 แนวทาง คือ 1.สอบเพิ่มแล้วได้พยานหลักฐานเพิ่มเติมและปรากฏว่าไปหักล้างประเด็นที่นายทักษิณ ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด อัยการสูงสุดอาจสั่งไม่ฟ้อง 2.ถ้ามีหลักฐานเพิ่มขึ้นแล้วมัดตัวผู้กระทำความผิดคือนายทักษิณแน่นขึ้นไปอีก อัยการจะสั่งฟ้อง และ 3.ถ้าสอบแล้วไม่ได้อะไรเพิ่มเติม อัยการจะพิจารณาว่าพยานหลักฐานที่มีอยู่เดิมเพียงพอหรือไม่ ถ้าเพียงพอก็สั่งฟ้อง แต่ถ้าไม่เพียงพอก็สั่งไม่ฟ้อง

2) กรณีที่อัยการสูงสุดไม่สั่งสอบเพิ่ม เพราะเห็นว่าพยานหลักฐานที่มีอยู่เดิมเพียงพอก็จะยืนตามความเห็นเดิมคือสั่งฟ้อง

3) กรณีที่อัยการสูงสุดพิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรมของนายทักษิณ แล้วปล่อยนายทักษิณเลย

ส่วนกรณีที่คาดการณ์กันว่านายทักษิณ อาจจะขอเลื่อนคดีไปเรื่อยๆ นั้น ‘รศ.ดร.เจษฎ์’ กล่าวว่า โดยส่วนตัวเชื่อเช่นนั้นเหมือนกัน โดยนายทักษิณ น่าจะอ้างเหตุผลเรื่องความเจ็บป่วย ส่วนจะยื้อได้นานแค่ไหนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ตราบใดที่ยังไม่มีใครสามารถเข้าถึงตัวนายทักษิณได้ โดยหมออ้างว่านายทักษิณยังอยู่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ แต่ยังอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถพบใครได้ ทางด้านพนักงานอัยการก็ไม่สามารถเข้าไปสอบสวนเพิ่มเติมได้ อีกทั้งนายทักษิณ อาจจะไม่ขอพักโทษเพราะรู้ว่าหากพักโทษแล้วกลับไปอยู่บ้าน พนักงานอัยการต้องเรียกมาสอบ หรืออาจจะควบคุมตัวนายทักษิณไปขังที่เรือนจำ รวมถึงอาจจะออกหมายจับนายทักษิณด้วย โดยนายทักษิณอาจจะนอนโรงพยาบาลจนกว่าจะพ้นโทษในคดีที่ถูกตัดสินไปก่อนหน้านี้ (ทักษิณจะพ้นโทษในเดือน ส.ค.2567)

ขณะที่อัยการสูงสุดจะต้องส่งฟ้องนายทักษิณ ในคดี ม.112 ภายในวันที่ 21 พ.ค.2573 ก่อนที่คดีจะหมดอายุความ ซึ่งอัยการจะนำตัวนายทักษิณส่งฟ้องต่อศาลวันนี้เลย หรือส่งฟ้องทันทีหลังจากพ้นโทษในเดือน ส.ค.2567 หรือจะส่งฟ้องวันไหนก็ได้ โดยก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้นำหมายจับไปอายัดตัวนายทักษิณกับกรมราชทัณฑ์แล้ว

“เชื่อว่ามาถึงขนาดนี้แล้วคุณทักษิณไม่หนีหรอก แต่เพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการ อัยการควรไปอายัดตัวคุณทักษิณที่โรงพยาบาลทันทีที่คุณทักษิณพ้นโทษจากคดีก่อนหน้า เพราะถ้าจะบอกว่าคุณทักษิณไม่หนีแน่ๆ แล้วที่เคยหนีไปล่ะ แล้วคนอื่นๆ ที่เขาไม่หนีเหมือนกันล่ะ หรือคนที่เขาไม่มีปัญญาหนี ทำไมเขาโดนอายัดตัว” รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าว


ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญที่สังคมกำลังจับตาคือคำตัดสินในคดี ม.112 ของนายทักษิณจะส่งผลต่อการเมืองไทยอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ ‘รศ.ดร.เจษฎ์’ มองว่า ถ้า ‘นายทักษิณรอด’ จะเกิดปฏิกิริยาดังนี้ 1.คนที่โดนคดี ม.112 ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.พรรคก้าวไกล ผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล หรือบรรดาแนวร่วม รวมถึงแฟนคลับด้อมส้มจะออกมาเคลื่อนไหวและกล่าวหาว่าไม่มีความเป็นธรรม 2.จะเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนทั่วไปว่าทักษิณทำอะไรก็ไม่ผิด เพราะก่อนหน้านี้ประชาชนคาใจกรณีที่นายทักษิณซึ่งถูกตัดสินจำคุกแต่ไม่ต้องนอนคุกอยู่แล้ว 3.ประชาชนจะไม่เชื่อถือในกระบวนการยุติธรรม

ส่วนกรณีที่ ‘ทักษิณไม่รอด’ ในทางการเมืองอาจทำให้สิ่งต่างๆ คลี่คลาย คือ 1.ในส่วนของพรรคก้าวไกลจะมองว่าขนาดทักษิณซึ่งได้รับพระราชทานอภัยโทษ ได้ลดโทษในคดีก่อนหน้า แต่เมื่อเป็นคดี ม.112 ทักษิณมีความผิดไม่ต่างจากพรรคก้าวไกล แสดงว่าเรื่องนี้ไม่ว่าใครทำก็มีความผิดและต้องรับโทษ กระแสการเคลื่อนไหวเรื่อง ม.112 ของก้าวไกลจะอ่อนลง 2.ในส่วนของผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล ทั้งคนที่ทำผิดมาตรา 112 เช่น ขึ้นเวทีวิจารณ์สถาบันในทางเสื่อมเสีย คนที่โห่ไล่ขบวนเสด็จ รวมถึงแฟนคลับด้อมส้มจะรู้สึกว่าถ้าทำผิดทุกคนก็ได้รับโทษเท่าเทียมกัน จึงน่าจะลดกระแสความไม่พอใจของกลุ่มผู้สนับสนุนก้าวไกลลงได้ และ 3.การเคลื่อนไหวเพื่อออกกฎหมายนิรโทษกรรมในคดี ม.112 จะลดน้อยลง

“ถ้าคุณทักษิณรอดจะเกิดเสียงวิจารณ์แน่ๆ ว่าแม้กระทั่งหมิ่นสถาบันทักษิณก็ไม่ผิด ซึ่งจะกระทบชิ่งไปไกล คนจะมองว่าต้องยอมทักษิณขนาดนี้เชียวหรือ คดีก่อนหน้านี้ขอพระราชทานอภัยโทษก็ได้รับการลดโทษ นี่หมิ่นเจ้ายังไม่เป็นอะไร ประชาชนจะรู้สึกว่ากระบวนการยุติธรรมไม่มีอยู่จริง ถ้าเป็นก้าวไกลทำถึงจะโดน แต่ถ้าเป็นทักษิณทำไม่โดน ทักษิณจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ มวลชนที่สนับสนุนก้าวไกลอาจจะลุกฮือขึ้นมา ซึ่งถ้าออกแนวนี้จะมีผลเสียมากกว่าผลดี ที่สำคัญจะเป็นผลลบต่อสถาบันยิ่งกว่าสิ่งที่พรรคก้าวไกลทำก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ หรือกรณีที่ร้ายที่สุดคือทักษิณไม่รอด แต่ขอพระราชทานอภัยโทษ แล้วได้รับพระราชทานอภัยโทษอีก ก็คงวุ่นวายแน่” รศ.ดร.เจษฎ์ ระบุ


ส่วนกรณีที่ทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยเตรียมที่จะเสนอ ‘กฎหมายนิรโทษกรรม’ เข้าสู่การพิจารณาของสภา ซึ่งหลายฝ่ายเกรงจะมีการนิรโทษกรรมความผิดในมาตรา 112 ด้วยนั้น ‘รศ.ดร.เจษฎ์’ มองว่า การจะนิรโทษกรรมคดี ม.112 เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากคดี ม.112 ไม่ใช่คดีการเมือง แต่เป็นความผิดต่อองค์ประมุขของรัฐ และเป็นความผิดต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ถือเป็นความผิดต่อแผ่นดิน ดังนั้น เมื่อทำความผิดแล้วจะล้างความผิดให้ตัวเองเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้

“เรื่องนี้เป็นความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ และความผิดต่อสถาบันกษัตริย์ คนทำผิดจะมายกเลิกความผิดกันเองไม่ได้ ทักษิณทำผิดแล้วเพื่อไทยกับก้าวไกลจะช่วยยกเลิกความผิดให้ทักษิณ หรือคนของก้าวไกลทำผิดแล้วก้าวไกลกับเพื่อไทยจะช่วยกันยกเลิกความผิดให้ บ้านเมืองวุ่นวายแน่ ประชาชนที่จงรักภักดี ข้าราชการ รวมถึงบรรดาทหารคงต้องออกมาเคลื่อนไหว อาจจะมีคนไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณากรณีการออกกฎหมายการนิรโทษกรรม คดี ม.112 แล้วศาลรัฐธรรมนูญอาจจะบอกว่าขัดรัฐธรรมนูญก็ได้ เพราะก่อนหน้านี้มีคำวินิจฉัยกรณีคุณพิธา และพรรคก้าวไกลอยู่แล้ว อาจจะโดนกันหมดทั้งสภาก็ได้นะ” รศ.ดร.เจษฎ์ ระบุ

อย่างไรก็ดี ‘รศ.ดร.เจษฎ์’ เชื่อว่า แม้นายทักษิณ และพรรคก้าวไกลจะถูกดำเนินคดีจากความผิดในมาตรา 112 ก็ไม่ถึงขั้นทำให้พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลล่มสลาย เพียงแค่อาจทำให้พรรคซบเซาลงเนื่องจากผู้สนับสนุนมองว่าพรรคไม่ได้สนใจปัญหาปากท้องของประชาชน มุ่งแต่ทำเพื่อตัวเองเท่านั้น แต่ถ้าบริบทของพรรคยังคงเดินไปในแนวนี้และในอนาคตมีพรรคการเมืองใหม่ที่มีแนวคิดก้าวหน้าเกิดขึ้นมา หรือมีพรรคการเมืองเดิมที่มีแนวร่วมและรูปแบบการเมืองใหม่ๆ เข้ามา คนอาจจะเทคะแนนไปให้พรรคเหล่านี้ก็ได้

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่


Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j


กำลังโหลดความคิดเห็น