ดรามา “ปีชงมีไว้สำหรับหลอกคนโง่” แพรรี่-ไพรวัลย์ เปิดศึก หมอลักษณ์ออกมาโต้ ม.หอการค้ายกธุรกิจสายมูเป็นดาวรุ่งอันดับ 4 คนวงการพุทธเผยปีชงหรือความเชื่อเป็นธุรกิจมีเจ้าภาพที่ดูแลอยู่ เพราะสร้างเม็ดเงินได้ไม่น้อย ตอนนี้ขยายไปจนถึงรับจัดงานตามวัดดัง แนะชาวพุทธยึดหลักคำสอนพระพุทธเจ้าไม่ประมาท ไม่เบียดเบียน แนะดูฮ่องกงต้นตำรับสายมูคนไทยแห่ไปเพียบ
ปมร้อนตั้งต้นปี 2567 คงหนีไม่พ้นเรื่องของ ปีชง 2567 โดยบรรดาผู้รู้ในศาสตร์นี้ได้ออกมาบอกว่าปีที่ชง 100% คือผู้เกิดปีจอ หรือผู้ที่เกิด พ.ศ.2477 2489 2501 2513 2525 2537 2549 2561 ส่วนปีที่ชง 50% ได้แก่ ปีมะโรง ปีฉลู และปีมะแม เชื่อกันว่าคนที่เกิดในปีชงโดยตรงและชงร่วมถือว่าเป็นปีที่ไม่ดี ทำอะไรก็ติดขัด มีเรื่องเคราะห์กรรม มีปัญหาสุขภาพ
วิธีแก้ 1.ไหว้เทพเจ้าไท้ส่วนเอี๊ย จะช่วยบรรเทาเคราะห์กรรมได้ 2.ทำบุญช่วยชีวิตสัตว์ต่างๆ เช่น ไถ่ชีวิตโคกระบือ ปล่อยนกปล่อยปลา บริจาคโลหิต 3.ไหว้พระ 9 วัด ช่วยเสริมสิริมงคลให้ชีวิต 4.หลีกเลี่ยงไปงานศพ งานมงคล เยี่ยมคนป่วยหรือหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้งกับคนอื่น 5.เสริมดวงชะตา ด้วยการหมั่นสวดมนต์ไหว้พระทำบุญ บริจาคทานหรือช่วยเหลือผู้อื่น
ของไหว้แก้ปีชง มีทั้งส้มมงคล น้ำมันเติมตะเกียง กระดาษหงิ่งเตี้ย หรือกระดาษเงินกระดาษทอง 13 แผ่นพร้อมเทียนแดง
เดือด!! ปีชงมีไว้สำหรับหลอกคนโง่
ที่กลายเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงกันมากเป็นเพราะ ไพรวัลย์ วรรณบุตร หรือแพรรี่ อดีตพระเปรียญ 9 ปัจจุบันเป็นอินฟลูเอนเซอร์ดัง ออกมาไลฟ์เมื่อ 8 มกราคม 2566 หัวข้อ “เจ้าเชื่อเรื่องปีชงบ่” ไลฟ์ดังกล่าวได้ตั้งคำถามว่า ใช้ชีวิตมาไม่เคยเกิดปัญหาเลยหรือ ชีวิตดีมากจนทำอะไรก็ดีหมดมีจริงหรือ แน่นอนว่าไม่มี จะปีชงหรือไม่ชง ชีวิตทุกคนย่อมมีปัญหาทั้งสิ้น
แต่ที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากคือ “ปีชงมีไว้สำหรับหลอกคนโง่ค่ะ เพราะมันขายของได้ ปีชงตามมาด้วยทำพิธีกรรม ทุกอย่างแก้ได้ด้วยการเสียเงิน ที่บอกว่ามีเคราะห์ ปีนี้ปีชง เดี๋ยวจะให้วิธีแก้ชง แต่วิธีแก้ชงก็คือการเสียเงินแน่นอน”
การเป็นปีชงของแต่ละคนมักจะตามมาด้วยความไม่สบายใจ จากนั้นจะตามมาด้วยการทำอะไรสักอย่างเพื่อแก้ชง
“เพราะคิดว่าถ้าไปทำพิธี สิ่งที่ไม่ดีหรือสิ่งที่ชงจะไม่เกิด เสียเงินแน่นอน มากน้อยก็ต้องเสีย แล้วจะไปเชื่อทำไม ความเชื่อที่ทำให้เราต้องเสียเงินเสียทอง ความเชื่อที่เชื่อแล้วทำให้เราไม่สบายใจ เราจะไปเชื่อทำไม มันไม่เกี่ยว”
พร้อมกล่าวถึงกลุ่มคนที่หากินกับความเชื่อของคน ระบุว่าต้องเจอตน “หลอกเขาได้ก็หลอกไป แต่เจอคนแบบกูแน่นอน พวกหากินกับความเชื่อคน บอกว่าอย่าไปล้ำเส้นอาชีพคนอื่น ทำไมไม่ประกอบสัมมาอาชีพล่ะ อาชีพมีเยอะแยะ มีมือมีเท้าก็ไปทำสิ มาหลอกหากินกับความเชื่อคน”
โหรดังโต้-ไม่ระบุชื่อ
กระแสปีชงยิ่งร้อนแรงมากขึ้นเมื่อหมอดูชื่อดังอย่างอาจารย์ลักษณ์ เรขานิเทศ ออกมาโพสต์เมื่อ 10 มกราคม 2567 ว่า ตอนนี้มีโมฆบุรุษ ลักเพศ หิวแสง สร้างคอนเทนต์แบบไม่มีสติให้ร้ายว่า ปีชงมีไว้หลอกคนโง่ ปีชงเป็นศาสตร์วิชาโหราศาสตร์จีนโปยหยี่สี่เถียว
จากนั้นเพจไพรวัลย์ วรรณบุตร ได้ออกมาโพสต์ว่า อยากรู้ว่าถ้าอยู่ต่อหน้าพระพุทธเจ้าอีกตาลักษณ์นี่กับดิฉัน พระพุทธเจ้าจะเรียกใครว่าเป็น “โมฆบุรุษ” ตั้งแต่จตุคามรามเทพเป็นต้นมา จนถึงพญานาค ราหู แล้วก็ท้าวเวสสุวรรณ จะให้ดิฉันพูดไหมคะว่ามีต้นตอการชักจูงความเชื่อมาจากใคร?
ปล.ว่าคนอื่นเป็นพวกลักเพศ แล้วอีพวกเอาความเชื่อนอกรีตเข้าไปแอบอิงกับวัดกับวานี่จะให้เรียกว่าอะไรคะ?
จากนั้นแพรรีไพรวัลย์ได้โพสต์ขอโทษหลังจากที่ใช้ถ้อยคำที่รุนแรง ดิฉันต้องขอโทษอย่างจริงใจ หากคำพูดถ้อยคำไหนของดิฉันรุนแรง กระทบกระทั่ง สร้างความรู้สึกไม่พอใจหรือถูกมองเป็นการด้อยค่าต่อผู้คนซึ่งยึดถือความเชื่อที่ดิฉันพาดพิงถึงเป็นสรณะ
พระพยอมร่วมดึงสติ
เมื่อกระแสปีชงแรงขึ้นเรื่อยๆ พระราชธรรมนิเทศ หรือพยอม กลฺยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว นนทบุรี ออกมากล่าวถึงเรื่องนี้เมื่อ 11 มกราคม 2567 ว่า
เรื่องชงอยู่ที่ความเชื่อของแต่ละคน โดยคนไปแก้ชงมานั้นดีไหม แต่กับบางคนเกิดปีเดียวกันชงเหมือนกัน แต่ไม่เคยไปแก้ชงก็ไม่เกิดภัยอะไร อยู่ใช้ชีวิตแบบปกติ
พระพุทธเจ้าสอนว่าทั้งหมดทั้งสิ้นที่เกิดขึ้นกับชีวิตเราให้เชื่อเรื่องกรรมและเชื่อเรื่องความเพียร เพราะไม่เสียเงิน แต่ไม่ได้ว่าการเชื่อเรื่องปีชงไม่ดี แต่ขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคล
ธุรกิจสายมู ดาวรุ่งอันดับ 4
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยจัด 10 อันดับอาชีพดาวรุ่งในปี 2567 หนึ่งในธุรกิจที่ติดอันดับ 4 คือ ธุรกิจจัดคอนเสิร์ต มหกรรมแสดงสินค้า Event
เนื่องจากรัฐบาลสนับสนุนการจัดงานแสดงสินค้า และเทศกาลต่างๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และนักธุรกิจ ผู้ประกอบการมีการจัดคอนเสิร์ตทั้งศิลปินไทย และต่างชาติเพิ่มขึ้น ทำให้การจัดงานกระจายพื้นที่ไปมากกว่ากระจุกตัวอยู่ในเมืองใหญ่
ธุรกิจความเชื่อ (สายมู หมอดู ฮวงจุ้ย) เนื่องจากธุรกิจความเชื่ออยู่ใน Soft Power ที่ช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและเผยแพร่วัฒนธรรม ขณะเดียวกัน ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม จึงทำให้ประชาชนหันไปพึ่งพาสิ่งที่เป็นความเชื่อ และความศรัทธามากขึ้น
ปีชงเป็นธุรกิจแบบหนึ่ง
นักวิชาการด้านพุทธศาสนากล่าวว่า เรื่องปีชงเป็นความเชื่อทางโหราศาสตร์จีน มีมานานในสังคมไทย แต่ไม่มีใครออกมาท้วงติงเรื่องเหล่านี้ เนื่องจากเป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคล ฝ่ายที่ไม่เชื่อแล้วออกมาเตือนสติสังคมก็ถือเป็นดี ส่วนคนที่เชื่อแล้วพร้อมจะแก้ชงเพื่อความสบายใจก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล
ไพรวัลย์พูดในมุมพุทธศาสนา เพราะตัวเองบวชเรียนมานาน ในวันนั้นมีการพูดหลายหัวข้อ เช่น สีมงคล เบอร์โทรศัพท์มงคล ฤกษ์ออกรถ เป็นการให้หลักคิดในทางวิทยาศาสตร์บวกด้วยการประพฤติปฏิบัติตัวตามหลักศาสนา แน่นอนว่าคำตอบของแพรรี่อาจกระทบกับหลักความเชื่อเดิมๆ ที่เคยมีกันมา ซึ่งบางส่วนก็เห็นด้วย บางส่วนก็โต้แย้ง
ถึงเวลาที่เราต้องยอมรับความจริงกันว่า เรื่องปีชงเป็นเรื่องทางธุรกิจ ด้วยความเชื่อเหล่านี้ไม่มีหน่วยงานใดกล้าออกมาเป็นเจ้าภาพ ยิ่งนานทุกอย่างยิ่งขยายวงออกไปจนไร้การควบคุม
ความเชื่อเรื่องปีชงมาจากโหราศาสตร์จีน คนจีนปัจจุบันไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องปีชงเหมือนในอดีต ส่วนในประเทศไทยเดิมอยู่ในกลุ่มคนไทยเชื้อสายจีนแก้ปีชงกันตามศาลเจ้า เมื่อสื่อออนไลน์เติบโต วัดและภาคธุรกิจสร้างมีรูปเคารพต่างๆ มากมาย บวกกับคนไทยเชื่อเรื่องการขอพรหรือสายมูมากขึ้น การแก้ปีชงจึงได้รับความนิยมตามไปด้วย คนไทยที่เชื่อเรื่องปีชงก็ไปแก้ชงตามศาลเจ้าดังๆ
ขยายฐานลูกค้าชง 100 สู่ชงร่วม
ปีชงเป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อ ถือเป็นธุรกิจประเภทหนึ่ง สร้างรายได้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไม่น้อย เพียงแต่ไม่มีการรวบรวมตัวเลขอย่างเป็นทางการเท่านั้นเอง สิ่งที่แพรรี่พูดไว้ก็ถูกต้อง เพราะการแก้ปีชงต้องใช้เงิน แต่ละศาลเจ้ามีของแก้ปีชงที่แตกต่างกัน ชุดเล็ก-ชุดใหญ่ตามกำลังทรัพย์ ถ้าศาลเจ้าหรือวัดจีนดังๆ ในกรุงเทพฯ อาจมีหลักร้อยปลายๆ ไปจนถึงกว่า 3 พันบาท หรืออาจสูงกว่านั้น และมีเจ้าหน้าที่พาไปทำพิธีในแต่ละจุด
ก่อนหน้านั้นจะมีแค่การพูดถึงปีนักษัตรที่ชงกันตรงๆ 100% เพิ่งมาได้ยินเรื่องชงร่วม 50% อีก 3 นักษัตร ไม่ต่างไปจากการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นกว่าเดิม อย่างปีนี้ 2567 เฉพาะผู้เกิดปีจอชง 100% มีคนถึง 8 รุ่น แถมมีชงร่วม 50% อย่างปีมะโรง ปีฉลู และปีมะแมอีก แต่ละปีมีอีก 8-9 รุ่น คิดว่าจำนวนคนที่ต้องแก้เรื่องปีชงจะมากไหน
นอกจากนี้ การแก้ปีชงไม่ได้ถูกจำกัดแค่วัดจีนเท่านั้น วัดพุทธของไทยรับแก้ปีชงด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของการสะเดาะเคราะห์หรือเสริมดวงก็ตาม และสร้างเม็ดเงินเข้าวัดได้ไม่น้อย
ธุรกิจนี้เจ้าตลาดอยู่แล้ว
ธุรกิจเรื่องความเชื่อมักมีคนที่ทำตลาดไว้อยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าเป็นรูปแบบใด เช่น เบอร์มงคล มีค่ายมือถือทำอยู่ ใช้หมอดูที่มีชื่อเสียงมาเป็นพรีเซนเตอร์ ผู้รู้บางท่านก็เสมือนเป็นเจ้าพิธีให้คำแนะนำว่าต้องแก้ปีชงที่นั่นที่นี่ เพราะเป็นเรื่องของเม็ดเงินที่จะไหลเข้าไป มีการยกรูปเคารพต่างๆ มากมายเพื่อบอกกล่าวให้คนไทยขอพร
ทุกวันนี้งานวัดที่จัดกันอยู่มีทั้งทางวัดและฆราวาสจัดกันเองเหมือนที่ผ่านมา แต่มีบางวัดที่ร่วมมือกับ Organizer เข้ามาร่วมจัดงานกันไม่น้อยโดยเฉพาะวัดใหญ่ วัดดัง มีจุดขายจะมีทีมรับจัดงานของคนดังๆ เข้าไปติดต่อพร้อมทำประชาสัมพันธ์ให้ครบวงจร โดยทำทุกอย่างเป็นระบบ แตกต่างจากงานวัดที่จัดกันเองแบบหน้ามือหลังมือ
เอาง่ายๆ ทุกวันนี้ภายใต้โลก Social Media แม้เราจะอยู่ที่หนึ่งแต่ก็สามารถแก้ชงอีกที่หนึ่งได้ด้วยการใช้บริการออนไลน์ ขอให้คุณมีเงินโอนไปให้ปลายทางที่รับทำพิธีแค่นั้นพอ
แต่ไม่มีใครรับประกันว่าขอพรแล้วสมปรารถนาทุกราย หรือแก้ปีชงเรียบร้อยแล้วชีวิตคุณจะมีแต่รุ่งเรืองไม่ตกอับ ถ้ามองในด้านการตลาดถือว่าเป็นการขายข้อมูลด้านเดียว ใครที่ไปแตะมักจะถูกตอบโต้
การที่แพรรี่ หรือพระพยอมออกมาเตือนสติเราชาวพุทธบ้างก็เป็นเรื่องดี เพราะที่ผ่านมาไม่มีใครออกมาเตือน แน่นอนว่าคำเตือนบางครั้งก็กระทบกับเจ้าของพื้นที่เดิม
เรื่องของปีชงจะเชื่อหรือไม่เอาที่สบายใจ เพียงแค่จะบอกว่าปัจจุบันเป็นธุรกิจรูปแบบหนึ่ง ท่านใดที่มีความพร้อมเรื่องทรัพย์ทำแล้วสบายใจก็ทำไป ส่วนใครที่ติดขัดก็ตักบาตรทำบุญไหว้พระก็พอ หรือเราชาวพุทธจะยึดคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท ไม่เบียดเบียนใคร น่าจะเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตที่ดีได้ เพราะเรื่องกรรมเป็นของแต่ละบุคคล
มูข้ามชาติ
แหล่งข่าวด้านการท่องเที่ยวกล่าวว่า ฮ่องกงถือเป็นดินแดนที่ขายความเชื่อเรื่องการขอโชคขอลาภที่คนไทยให้ความนิยมและคงอยู่มาได้อย่างยาวนาน ทัวร์ฮ่องกงระหว่างทัวร์ไหว้พระขอพร กับทัวร์ท่องเที่ยวในฮ่องกง ทัวร์ไหว้พระขอพรจะเต็มเร็วกว่า นอกจากนี้ยังมีเทศกาลขอยืมเงินเจ้าแม่กวนอิมฮงฮำปีละครั้ง ซึ่งปี 2567 อยู่ในช่วง 5-7 มีนาคมที่จะถึง ซึ่งคนไทยนิยมไปขอพร บางท่านก็นิยมไปแก้ปีชงที่ฮ่องกงเช่นกัน
ถ้าเป็นการทำตลาดระดับประเทศแล้ว จะเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจ คนไทยที่ไปฮ่องกงเพื่อขอพรมีทั้งผ่านทัวร์และไปเอง ฮ่องกงได้ทั้งเรื่องสายการบิน โรงแรมที่พัก อาหาร รถโดยสาร มันเป็นธุรกิจทั้งหมด สร้างรายได้เข้าฮ่องกงไม่น้อย
เดิมคนไทยไปพม่าเพื่อขอพรเยอะ แต่ปัญหาความไม่สงบทางการเมืองพม่า ทำให้คนไทยไม่กล้าเดินทาง แถมมาเจอข้อความหยอกเย้า เช่น คนไทยไปขอพรที่พม่า แต่คนพม่ายังมาขายแรงงานที่บ้านเรา
อย่างคนจีนเข้ามาขอพรในประเทศไทยไม่น้อย เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในไทยชาวจีนนิยมมาขอพรเช่นกัน ดังนั้น หากภาครัฐจะทำตลาดนี้ให้ดีๆ จะสร้างรายได้เข้าประเทศมาก เพียงแต่ตอนนี้เราต้องสร้างความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวจีน เนื่องจากที่ผ่านมาเรามีข่าวลบกับนักท่องเที่ยวจีนมาหลายเหตุการณ์
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j