“ส.ว.วันชัย” ฟันธง หลัง ส.ค.67 “ตระกูลชินวัตร” จะกลับมาเรืองอำนาจ คาด “ทักษิณ” จะเข้ากุมบังเหียน “เพื่อไทย” อีกครั้งหลังพ้นโทษ เชื่อทันทีที่ ส.ว.หมดวาระในเดือน พ.ค. รัฐบาลภายใต้การนำของ พท. จะมีการปรับ ครม. กระชับอำนาจ-ต่อรองเอากระทรวงสำคัญ อย่างมหาดไทย-พลังงาน เพื่อเตรียมสะสมกำลังไว้สู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า พร้อมระบุขณะนี้ “ทักกี้” คือตัวแทนกลุ่มอนุรักษนิยมใหม่ที่จะต่อสู้กับ “ก้าวไกล” แทนกลุ่มอนุรักษนิยมเก่าของลุงตู่
เป็นที่จับตาอย่างยิ่งสำหรับการเคลื่อนไหวของคนในตระกูลชินวัตรที่หลายฝ่ายมองว่ากำลังขยับกลับเข้าสู่อำนาจอย่างเต็มตัว ทั้งจากกรณีของ "อุ๊งอิ๊ง" น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่มีกระแสข่าวว่าจะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แทนนายเศรษฐา ทวีสิน กรณีของนายทักษิณ ชินวัตร นักโทษเทวดาที่ถูกศาลตัดสินจำคุกแต่ไม่เคยนอนคุก และคาดการณ์ว่าอาจจะกลับเข้าสู่สนามการเมืองหลังจากพ้นโทษในเดือน ส.ค.ปีนี้ รวมถึงกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกตัดสินจำคุกในคดีจำนำข้าว และมีกระแสข่าวว่าจะกลับเข้าไทยโดยไม่ต้องนอนคุกแบบเดียวกับพี่ชาย
ซึ่งหลายคนอยากรู้ว่าหากเป็นเช่นนั้นจริง การเมืองไทยจะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ อย่างไร?
นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ซึ่งเกาะติดการเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยและตระกูลชินวัตรมาตลอด วิเคราะห์ว่า ข่าวที่อุ๊งอิ๊งจะมานั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้นน่าจะเป็นการปล่อยข่าวของคนบางกลุ่มที่ต้องการดิสเครดิตนายเศรษฐา หรือต้องการปล่อยข่าวเพื่อสร้างความปั่นป่วนมากกว่า เพราะยังไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเปลี่ยนตัวนายกฯ ในตอนนี้ ที่สำคัญยังไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะให้อุ๊งอิ๊งขึ้นมาเป็นนายกฯ เพราะเรื่องคดีของนายทักษิณ นั้นยังไม่เรียบร้อย หากอุ๊งอิ๊งขึ้นมาเป็นนายกฯ ก็รังแต่จะสร้างความเสียหายให้แก่อุ๊งอิ๊ง และนายทักษิณเอง เพราะเท่ากับว่ามีเจตนาชัดเจนที่จะช่วยเหลือนายทักษิณ รวมถึงอาจช่วยเหลือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ (อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกตัดสินจำคุก 5 ปี ในคดีจำนำข้าว) ด้วย เพราะมีข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะกลับไทย หากคนในครอบครัวเป็นนายกฯ คงไม่พ้นข้อครหา
“ถ้าจะให้คุณอุ๊งอิ๊งขึ้นเป็นนายกฯ ต้องรอให้เรื่องคดีคุณทักษิณ และคุณยิ่งลักษณ์เสร็จเรียบร้อยก่อน เพราะถ้ามาตอนนี้ก็เหมือนส่งคุณอุ๊งอิ๊งมาถูกเชือดเปล่าๆ และสิ่งที่เตรียมจะดำเนินการทั้งเรื่องคุณทักษิณ และคุณยิ่งลักษณ์ อาจจะล้มเหลว เพราะถูกมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ เสียหมากไปทั้งกระดาน โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมจะให้คุณอุ๊งอิ๊งขึ้นเป็นนายกฯ น่าจะปีที่ 2 หรือปีที่ 3 ของรัฐบาลเพื่อไทย ให้บ้านเมืองเข้าที่เข้าทางก่อน แล้วคุณอุ๊งอิ๊ง จะเข้ามาเพื่อเตรียมการเลือกตั้งสมัยหน้าก็น่าจะเหมาะสม เพราะการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะเป็นเรื่องของคนหนุ่มคนสาวที่ต้องไปปะทะกับก้าวไกล” นายวันชัย กล่าว
ส่วนกรณีของนายทักษิณ ซึ่งสังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่าน่าจะได้รับประโยชน์จากการออกระเบียบใหม่ของกรมราชทัณฑ์เรื่องการจำคุกนอกเรือนจำนั้น “ส.ว.วันชัย” มองว่า หากพิจารณาจากเงื่อนเวลาแล้วนายทักษิณไม่จำเป็นต้องขอ ‘จำคุกนอกเรือนจำ’ เพราะตอนนี้เขาใกล้จะเข้าเกณฑ์การขอพักโทษแล้ว โดยเมื่อนับจากวันที่เริ่มนับโทษจำคุก คือวันที่ 22 ส.ค.2566 จะครบ 6 เดือน ตามเงื่อนไขการขอพักโทษที่ระบุว่าต้องรับโทษจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน ในวันที่ 22 ก.พ.2567 ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่นาน ซึ่งไม่ว่าทักษิณจะนอนในคุกหรือนอนโรงพยาบาลตามกฎหมายก็ถือว่าติดคุก ก็เข้าเกณฑ์การขอพักโทษอันเป็นระเบียบเดิมที่มีอยู่แล้ว
ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกฯ ที่ถูกตัดสินจำคุกในคดีจำนำข้าว หากจะกลับเข้ามารับโทษในไทย แล้วขอพระราชทานอภัยโทษแบบเดียวกับนายทักษิณ ก็สามารถดำเนินการได้ตามขั้นตอน ส่วนว่าจะได้รับพระราชทานอภัยโทษหรือไม่นั้นเป็นสิ่งที่มิอาจก้าวล่วง หรือหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะขอจำคุกนอกเรือนจำ ขึ้นกับดุลพินิจของ ‘คณะทำงานพิจารณาการคุมขังในสถานที่คุมขัง’ ซึ่งจะพิจารณากลั่นกรองและเสนอเรื่องไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์เพื่อพิจารณาอนุมัติ นอกจากนั้น จากการให้สัมภาษณ์ของรักษาราชการแทนอธิบดีกรมราชทัณฑ์ (นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม) ซึ่งระบุว่ากรมราชทัณฑ์จะต้องไปออกระเบียบและกำหนดคุณสมบัติของผู้ต้องขังที่จะได้รับสิทธิจำคุกนอกเรือนจำให้ชัดเจน แสดงว่าเรื่องนี้ต้องรอดูระเบียบดังกล่าวก่อนว่าจะมีรายละเอียดอย่างไร
“หากคุณทักษิณได้รับการพิจารณาให้พักโทษก็สามารถใช้ชีวิตอยู่นอกเรือนจำได้ โดยให้อยู่ที่บ้านและติดกำไลอีเอ็ม และให้ไปรายงานตัวตามกำหนด แต่ยังถือว่าเป็นนักโทษอยู่นะ อยู่ระหว่างการคุมประพฤติ หากมีความประพฤติไม่เหมาะสมหรือทำผิดเงื่อนไขจะถูกนำตัวไปคุมขังในเรือนจำ” นายวันชัย ระบุ
ทั้งนี้ นายทักษิณถือเป็นผู้ต้องขังชั้นเด็ดขาด ในคดีทุจริตปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์ คดีหวยบนดิน และคดีแก้สัมปทานเอื้อประโยชน์ให้ชินคอร์ป มีโทษจำคุกรวม 8 ปี แต่ได้รับการอภัยโทษ ลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี ซึ่งสังคมกำลังจับตาว่านายทักษิณ จะได้รับการพักโทษหรือไม่
เนื่องจากผู้ต้องขังที่จะได้รับการพิจารณาให้พักโทษ จะแบ่งเป็น 2 กรณี คือ
1.แบบปกติ นักโทษรายนั้นๆ จะต้องโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 2 ใน 3 ของโทษจำคุกที่ได้รับ
2.แบบพิเศษ มีเกณฑ์แยกย่อย 3 ข้อ คือ
- จะต้องเป็นนักโทษที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป
- มีภาวะป่วยชราภาพ
- ต้องโทษไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของโทษจำคุก หรือต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป
ซึ่งกรณีของนายทักษิณ สามารถเข้าเกณฑ์ได้ทั้งแบบปกติและแบบพิเศษ เพราะเป็นผู้ต้องขังสูงอายุมากกว่า 70 ปี และแพทย์ระบุว่าป่วย ปัจจุบันนายทักษิณได้รับการอภัยลดโทษ เหลือจำคุก 1 ปี ซึ่ง 1 ใน 3 ก็คือ 4 เดือน แต่กฎหมายมีการระบุว่าหรือ 6 เดือน อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งหมายความว่า นายทักษิณจะต้องจำคุกมาแล้วอย่างน้อย 6 เดือน ดังนั้นการจะใช้สิทธิขอพักโทษในกรณีของนายทักษิณ จึงน่าจะอยู่ในช่วงเดือน ก.พ.2567
อีกประเด็นที่กำลังเป็นที่จับตาคือ บทบาทของนายทักษิณหลังจากพ้นโทษซึ่งหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าเขาอาจเข้าไปกุมบังเหียนพรรคเพื่อไทยอย่างเต็มตัว ซึ่งเรื่องนี้ “ส.ว.วันชัย” มองว่า ปัจจุบันนายทักษิณ มีบทบาทในพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว การขับเคลื่อนต่างๆ ของเพื่อไทยนั้นอยู่ภายใต้การบัญชาการของทักษิณเพราะเขาเป็นเจ้าของพรรคตัวจริง จะอยู่นอกคุก หรืออยู่ในคุก จะเข้าไปที่พรรคหรือเปล่า ก็ไม่มีผลอะไร ซึ่งนับจากที่รัฐสภาโหวตให้นายเศรษฐา เป็นนายกฯ ทุกอย่างน่าจะจบแล้ว เพราะเป็นการเห็นพ้องต้องกันของทั้งกลุ่มอำนาจเก่าและอำนาจใหม่
และหากรัฐบาลภายใต้การนำของเพื่อไทยจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อกระชับอำนาจ หรือเปลี่ยนตัวนายกฯ เชื่อว่าจะยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ เพราะตอนนี้อำนาจโหวตเลือกนายกฯ ยังอยู่ในมือ ส.ว. หากเพื่อไทยจะเปลี่ยนตัวนายกฯ จะเกิดแรงกระเพื่อมทางการเมือง แต่ถ้าจะมีการปรับ ครม.น่าจะเกิดขึ้นหลังจากที่ ส.ว.ชุดปัจจุบันหมดวาระแล้ว ซึ่งก็คือหลังวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 โดยถึงเวลานั้นพรรคเพื่อไทยอาจมีการเจรจาต่อรองเพื่อให้คนของตัวเองได้ดูแลกระทรวงสำคัญ อย่างกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพลังงาน
“ตอนจัดตั้งรัฐบาล ส.ว.ยังมีอำนาจในการโหวตเลือกนายกฯ ตอนนั้นอะไรที่ยอมได้เพื่อไทยก็ต้องยอม เพราะถึงแม้พรรคพลังประชารัฐกับพรรครวมไทยสร้างชาติจะมี ส.ส.ไม่มาก แต่เขามีเสียง ส.ว.อยู่ แต่หลังเดือน พ.ค.67 อำนาจต่อรองจะมาอยู่ในมือเพื่อไทยเป็นหลัก จึงเป็นช่วงที่เขาสามารถเจรจาขอแลกกระทรวงเพื่อกระชับอำนาจ” นายวันชัย กล่าว
นายวันชัย ยังได้ประเมินสถานการณ์การเมืองหลังจากนี้ ว่า ต้องยอมรับว่าปีนี้จะเป็นการกลับมาของตระกูลชินวัตร และพรรคเพื่อไทยอย่างเต็มตัว หลังจากที่ทักษิณหนีคดีไปตั้งแต่ปี 2551 แม้พรรคการเมืองภายใต้การดูแลของตระกูลชินวัตรจะขึ้นมามีอำนาจแต่ก็ไม่เต็มไม้เต็มมือ แต่หลังจากเดือน พ.ค.2567 เป็นต้นไป ตระกูลชินวัตรจะกระชับอำนาจได้มากขึ้น และหลังจาก ส.ค.2567 ซึ่งนายทักษิณพ้นคดี จะเป็นการฟื้นคืนชีพของตระกูลชินวัตรอย่างเต็มตัว
ขณะที่กลุ่มอำนาจเก่าหรือกลุ่มอนุรักษ์ อย่าง พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคประชาธิปัตย์ จะค่อยๆ สูญหายไป โดยบางส่วนอาจไปรวมกับเพื่อไทย บางส่วนอาจไปรวมกับภูมิใจไทย สุดท้ายการเมืองไทยจะเหลือแค่ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มพรรคขนาดกลาง อย่างพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา กลุ่มหัวก้าวหน้า อย่างพรรคก้าวไกล พรรคเป็นธรรม และกลุ่มอนุรักษนิยมใหม่ ที่มีพรรคเพื่อไทย และทักษิณเป็นแกนนำ
“เชื่อว่าตั้งแต่โหวตเลือกคุณเศรษฐาเป็นนายกฯ เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2566 ถือเป็นการประนอมอำนาจระหว่างกลุ่มอำนาจเก่าซึ่งบางคนเรียกว่ากลุ่มอนุรักษนิยม กับกลุ่มอำนาจใหม่ของเพื่อไทย เป็นการฟื้นคืนชีพของชินวัตรผ่านตัวแทนคือคุณเศรษฐา แต่ต่อไปจะเป็นตัวจริงคือคุณอุ๊งอิ๊ง และหลังจากพ้นคดีในวันที่ 22 ส.ค.2567 คุณทักษิณ ก็สามารถจะออกมาบัญชาการได้อย่างเต็มตัว ซึ่งตอนนี้คุณทักษิณ กลายเป็นตัวแทนของกลุ่มอนุรักษนิยมใหม่ โดยเพื่อไทยและทักษิณเป็นตัวประสานระหว่างกลุ่มอนุรักษนิยมเก่ากับกลุ่มอนุรักษนิยมใหม่เพื่อจะมาสู้กับก้าวไกล บางคนมองว่าเพื่อไทยกับก้าวไกลจะซูเอี๊ยกันหรือเปล่า แต่ถึงเวลาจริงๆ ยังไงก็ซูเอี๊ยกันไม่ได้ เพราะทั้งสองพรรคถือเป็นคู่ต่อสู้ทางการเมืองกัน เรื่องอะไรเพื่อไทยจะยอมให้คู่แข่งมาร่วมสร้างผลงาน” นายวันชัย กล่าวทิ้งท้าย
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j