จำคุก “ไอซ์-ไบร์ท” ผิดมาตรา 112 ก้าวไกลยกพลหนุน ส.ส.ลูกพรรค เงิน 3 แสน+ตำแหน่ง 2 แสน ช่วยประกันตัว
ส่วนไบร์ทย้ายค่ายอยู่ฝั่งตรงข้าม จึงไม่เข้าข่ายความช่วยเหลือของกองทุนราษฎรประสงค์+ทนาย iLaw ฝ่ายหนุนต้องวิ่งหาเงินประกันตัว 1.5 แสน ชี้วาทะคนเท่ากันถ้ายังอยู่ฝั่งสีส้ม
กลายเป็นเรื่องที่ผู้คนในสังคมให้ความสนใจไม่น้อยกับการรับฟังคำพิพากษาผู้กระทำความผิดมาตรา 112 เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2566 ที่มีถึง 2 คดี รายแรกเป็นคดีของ น.ส.รัชนก ศรีนอก หรือไอซ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล และคดีที่ 2 ของนายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือไบรท์
การกระทำของทั้ง 2 เกิดขึ้นในช่วงก่อนเลือกตั้งเมื่อปี 2566 ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในแนวเดียวกัน จากนั้นไอซ์ ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล พื้นที่บางบอน ส่วนไบร์ทได้ย้ายมายืนฝั่งตรงข้ามกับแนวทางของพรรคก้าวไกล พร้อมลดการเคลื่อนไหวทางการเมืองลง หันมาเลี้ยงชีพด้วยการเปิดร้านอาหาร
จำคุกไอซ์ 6 ปี
13 ธันวาคม 2566 ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในคดีอาญา หมายเลขดำที่ อ ๖๘๓/๒๕๖๕ ระหว่างพนักงานอัยการ
สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา ๑๐ สำนักงานอัยการสูงสุด โจทก์ น.ส.รักชนก ศรีนอก จำเลย
ทั้งนี้ ศาลอาญาเผยแพร่ข่าวแจกสื่อมวลชน สรุปใจความดังนี้
เชื่อว่าจำเลยได้โพสต์หรือทวีตและรีทวีตภาพและข้อความลงในระบบคอมพิวเตอร์ตามฟ้องภาพและข้อความตามฟ้องนับว่ามีเนื้อหาซึ่งเป็นการกล่าวร้ายและอาฆาตมาดร้าย จำเลยจึงมีความผิดต่างกรรมต่างวาระ
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐ มาตรา ๑๔ (๒) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี และฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ ฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี จำคุกกระทงละ ๓ ปี รวมสองกระทง คงจำคุก ๖ ปี
จากนั้นคณะของพรรคก้าวไกลได้ทำเรื่องขอประกันตัว คดีของ น.ส.รักชนก เป็นคดีหมายเลขดำ อ 683/2565 ความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 วงเงิน 500,000 บาท แบ่งเป็นเงินสด 300,000 บาท ตำแหน่ง ส.ส. 200,000 บาท โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยกระทำการ หรือร่วมกิจกรรมในลักษณะเดียวกันกับข้อหาตามคำฟ้อง หรือมีพฤติการณ์ใดๆ ในข้อหาหรือลักษณะเดียวกัน
จำคุกไบร์ท 3 ปี
ในวันเดียวกัน ที่ห้องพิจารณา 914 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดี ดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.2887/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้อง นายอานนท์ นำภา นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ นายชินวัตร หรือไบรท์ จันทร์กระจ่าง นายภาณุพงศ์ หรือไมค์ จาดนอก น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล น.ส.จิรฐิตา ธรรมรักษ์ และนายคริษฐ์ อร่ามพิบูลกิจ (หลบหนี)
ศาลอ่านคำพิพากษาเฉพาะในส่วนเฉพาะของนายชินวัตร ที่กลับคำให้การเป็นรับสารภาพ เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว พิพากษาว่า นายชินวัตร จำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป รวมจำคุก 6 ปี และปรับ 22,200 บาท
นายชินวัตร จำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกนายชินวัตร 3 ปี ปรับ 11,100 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
กรณีของไบร์ท เมื่อหมดเวลาทำการแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีญาติของนายชินวัตร จำเลยมายื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดีแต่อย่างใด จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวนายชินวัตรไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ตามคำพิพากษาต่อไป
รุ่งขึ้น 14 ธันวาคม 2566 นายนพดล พรหมภาสิต ได้เดินเรื่องขอประกันตัวและศาลอนุญาตให้ประกันตัวได้ด้วยวงเงิน 150,000 บาท
ย้ายค่ายตัดโปร
ผู้ที่เคยร่วมเคลื่อนไหวการชุมนุมทางการเมืองกล่าวว่า ทั้งไอซ์ และไบร์ทเดินบนเส้นทางเดียวกัน เป้าหมายเดียวกัน ไม่เอาลุงตู่ ปลุกกระแสเรื่องเผด็จการ สอดรับกับแนวทางของพรรคสีส้มที่ต้องการแก้มาตรา 112 จนน้องๆ เยาวชน รวมถึงผู้ที่เห็นด้วยกับแนวคิดของพรรคสีส้มหลายคนต้องถูกดำเนินคดี
ไบร์ทมีคดี 112 ติดตัวมาตั้งแต่ยังไม่แยกตัวออกมาจากสายสีส้ม ตอนนั้นไม่มีปัญหาเพราะสายที่หนุนการเมืองสีส้มมีทั้งทีมทนายจาก iLaw และเงินทุนสำหรับการประกันตัวที่ระดมทุนจากผู้ที่สนับสนุนในนามกองทุนราษฎรประสงค์ ใช้ช่วยเหลือผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีทางการเมือง
เมื่อไบร์ทตัดสินใจย้ายฝั่งมาอยู่ตรงข้ามกับสีส้ม คดีที่ค้างอยู่จึงไม่ได้รับความช่วยเหลือจากฝั่งกองทุนราษฎรประสงค์ และทีมทนาย iLaw ทั้งนี้ นายนพดล พรหมภาสิต ให้สัมภาษณ์ ดร.เสรี วงษ์มณฑา ในรายการเรื่องลับมากถึงเหตุการณ์ในวันที่ 13 ธันวาคม 2566 ว่า ดำเนินการหาหลักประกันไม่ทัน ส่วนหนึ่งเกิดจากไบร์ทมั่นใจว่าไม่ถูกดำเนินคดี รุ่งขึ้น 14 ธันวาคมจึงไปยื่นขอประกันตัวอีกครั้ง หลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินแต่ศาลให้วางเป็นเงินสด จึงต้องไปกดเงินสดออกมาและไบร์ทได้รับการปล่อยตัวเมื่อ 20.30 น.ของวันที่ 14 ธันวาคม 2566
คดีเดียวกัน
แหล่งข่าวกล่าวว่า คดีของไบร์ท ชินวัตร เป็นการแยกพิจารณาหลังจากที่ไบร์ทรับสารภาพ ที่จริงคือจำคุก 6 ปี และปรับ 22,200 บาท แต่การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกนายชินวัตร 3 ปี ปรับ 11,100 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ดังนั้น คดีที่เดียวกันที่ยังต่อสู้กันอยู่ มีทั้งอานนท์ นำภา เพนกวิน พริษฐ์ รุ้ง ปนัสยา ไมค์ ภาณุพงศ์ ศาลนัดสืบพยานอีกครั้งเดือนมีนาคมปีหน้า 2567 เชื่อว่าฝ่ายที่เกี่ยวข้องคงพอเห็นแนวทางของคดีแล้วว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
ไอซ์ เป็น ส.ส.-ไบร์ทแค่นักเคลื่อนไหว
เรื่องที่เกิดขึ้นกับทั้ง 2 เหตุการณ์มองได้ในหลายมิติ ไอซ์กับไบร์ทถูกดำเนินคดี 112 เหมือนกัน เหตุเกิดก่อนการเลือกตั้งเหมือนกัน แต่วันนี้สถานะของทั้ง 2 ไม่เหมือนกัน ไอซ์ได้เป็น ส.ส.ของก้าวไกล ไบร์ทแยกทางแล้วเลือกมายืนฝั่งตรงข้ามเป็นเพียงอดีตนักเคลื่อนไหว
1 เสียงของไอซ์ในสถานะ ส.ส.ถือว่ามีความหมายกับพรรค จะเห็นได้ว่าทั้งนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมไปให้กำลังใจไอซ์ เงินประกัน 5 แสนบาท แยกเป็นเงินสด 3 แสนบาท ตำแหน่ง ส.ส.อีก 2 แสนบาท จะเห็นได้ว่าเรื่องเงินและทนายความไม่ใช่ปัญหาของผู้ที่ยังอยู่กับพรรคก้าวไกล
ต่างจากไบร์ทที่แยกตัวออกมา แน่นอนว่าเรื่องความช่วยเหลือที่เคยมีนั้นคงเป็นไปได้ยาก เพราะเลือกเดินคนละเส้นทางซึ่งเป็นสิทธิของเจ้าของเงิน แต่ไบร์ทได้รับความช่วยเหลือจากอีกฝั่งหนึ่งเช่นกัน แม้อาจจะดูติดขัดไปบ้าง
บางครั้งการย้ายฝั่งมากับการกระทำความผิดในอดีตไม่สามารถหักล้างกันได้ เราเชื่อว่าเงินประกันตัวของไบร์ทไม่ใช่ปัญหาเพราะมีคนพร้อมช่วยเหลือเรื่องนี้ เพียงแต่อาจต้องการให้การช่วยเหลือนั้นมีเหตุมีผล ซึ่งจะเห็นได้ว่าครั้งนี้ไม่มีการเปิดรับบริจาคเพื่อช่วยไบร์ท อย่างครั้งที่แล้วเคยมีการโพสต์ขอให้ช่วยกันเรื่องเงินประกันตัวทุกอย่างก็สำเร็จ นอกจากนี้ ไบร์ทยังมีคดี 112 อีก 5 คดี
ต้องยอมรับว่าทั้ง 2 คดี คนในสังคมให้ความสนใจไปที่ไอซ์มากกว่า เพราะไอซ์มีข่าวให้ชวนติดตามมาโดยตลอดทั้งเรื่องส่วนตัวและการทำงาน เช่น คดีกับต้อมยุทธเลิศ เรื่องในพื้นที่บางบอน และก้าวไกลก็ไม่พลาดที่จะใช้กรณีของไอซ์มาปลุกเรื่องผู้กระทำผิดมาตรา 112 ควรได้รับสิทธิประกันตัว ทั้งๆ ที่เรื่องนี้เป็นดุลพินิจของศาล
ก้าวไกลพร้อมหยิบยกวาทกรรมคนเท่ากันนำมาใช้เป็นเครดิตให้พรรค ถ้าพิจารณาให้ดีจะพบว่าคำว่าคนเท่ากันนั้น จะต้องเป็นคนที่อยู่ในสายเดียวกับแนวทางสีส้ม ใครที่ออกนอกเส้นทางไปแล้วถือว่าไม่เกี่ยว สิทธิหรือความช่วยเหลือที่พึงมีย่อมหมดไป คนเท่ากันจึงไม่ต่างไปจากคนพวกเดียวกัน นี่คือการเมืองในยุคที่กาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://www.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/
Instragram :https://instagram.com/special.scoop.mgronline
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j