xs
xsm
sm
md
lg

แฉ!! เอ็นจีโอเบอร์ใหญ่เอียงก้าวไกล จนคดี ส.ส.คุกคามทางเพศเงียบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



มูลนิธิช่วยสตรีฯ เผยคดี ส.ส.ก้าวไกล คุกคามทางเพศเงียบ ส่วนหนึ่งเพราะเอ็นจีโอสายนี้เอียงไปทางก้าวไกล แค่ออกมาเป็นพิธีแต่ไม่เปิดหน้าปลุกกระแส ด้านมูลนิธิหญิงชายก้าวไกลลั่นไม่เกี่ยวกับก้าวไกล แค่ชื่อพ้องแถมตั้งมาก่อน ทำงานเป็นอิสระไม่ขึ้นกับรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ยันคุกคามทางเพศเรื่องใหญ่ เสนอเรียกร้องก้าวไกลขจัดการคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศ แม้แต่ปิยบุตร ยังออกมาฉะก้าวไกลเรื่องเงียบแถมช้า แถมสอบกันเอง คนการเมืองด้วยกัน คาดพรรคลงโทษสถานเบา

พรรคก้าวไกลถือได้ว่าเป็นพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ที่กวาดคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งเมื่อ 14 พฤษภาคม 2566 จนกลายเป็นพรรคอันดับ 1 พร้อมสิทธิในการตั้งรัฐบาล แต่สุดท้ายต้องกลับกลายเป็นพรรคฝ่ายค้าน      จนทำเอาแฟนคลับผิดหวังกันไม่น้อย

ภาพของการทำการเมืองแบบใหม่ ด้วยนโยบายใหม่ๆ ที่คนรุ่นใหม่เห็นว่าดี จนเทใจเลือกเข้ามานั้น ตอนนี้เริ่มแสดงให้เห็นในหลายๆ กรณีว่าพรรคก้าวไกลก็ไม่ต่างไปจากพรรคการเมืองอื่นๆ ที่เคยด้อยค่าไว้ ก้าวไกลเจอทั้งเรื่องมิติทางการเมืองที่ดูแล้วไม่สง่างามหรือแม้กระทั่งเรื่องฉาวๆ ในพรรคที่มีได้ไม่หยุดหย่อน

โดยเฉพาะเรื่อง ส.ส.ของพรรคก้าวไกลคุกคามทางเพศ จนวันที่ 12 ตุลาคม 2566 กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล มีมติลงโทษไปแล้ว 2 ราย ที่เปิดเผยชื่อและกำลังพิจารณาอีก 1 ราย และที่ยังไม่เปิดชื่ออีก 1 ราย

ลงโทษนายสิริน สงวนสิน ส.ส.กทม. ที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้หญิงรายหนึ่งได้รับบาดเจ็บ ทำลายโทรศัพท์มือถือและใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสม โดยตัดสิทธิที่พึงมีของพรรค ไม่ให้ได้รับการเสนอชื่อดำรงตำแหน่งในพรรคและประธานกรรมาธิการ (กมธ.) หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีก พรรคจะยกระดับโดยการขับออกจากสมาชิกภาพ

ลงโทษนายเกรียงไกร จันกกผึ้ง อดีตผู้สมัคร ส.ส.ชัยภูมิ ให้ขับออกจากสมาชิกภาพทันที หลังการกระทำล่วงละเมิดทางเพศผู้เสียหายซึ่งเป็นเพศหญิง โดยเห็นว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่ออุดมการณ์พรรคอย่างชัดเจน และถือว่าเป็นการกระทำผิดวินัยพรรคอย่างร้ายแรง ตรงตามข้อบังคับพรรคที่ระบุถึงการกระทำผิดเรื่องการล่วงเกินทางเพศอย่างชัดเจน

กรณีนายวุฒิพงษ์ ทองเหลา ส.ส.ปราจีนบุรี ที่คุกคามทางเพศผู้หญิงที่เคยเป็นทีมงานนั้น ทางคณะกรรมการวินัยพรรคได้เริ่มตรวจสอบข้อเท็จจริงเมื่อเดือนสิงหาคม 2566 โดยได้เชิญแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมตลอดเดือนกันยายน ซึ่งประธานคณะกรรมการวินัยพรรคยอมรับว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวมีมูล ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบพยานหลักฐานเพิ่มเติมจากทุกฝ่ายให้ครบถ้วน เพื่อหาข้อสรุปทั้งหมด ซึ่งจะได้ข้อสรุปภายในเดือนตุลาคมนี้

และยังมี ส.ส.ก้าวไกลอีก 1 คนในพื้นที่ฝั่งธนบุรีที่ถูกร้องเรียนในเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ


จี้ก้าวไกลเรื่องนี้เรื่องใหญ่

“ต่างประเทศอย่างในญี่ปุ่นและยุโรปแล้วเรื่องการคุกคามทางเพศถือเป็นเรื่องใหญ่มาก กระแสในสังคมไทยมองเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ตรงนี้ทางพรรคการเมืองต้องไปคิดดูเองเพราะถึงอย่างไรก็กระทบถึงฐานเสียงของพรรค” นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล

นอกจากนี้ นายจะเด็จ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ขอเรียนไว้ก่อนว่าชื่อของมูลนิธินั้นไม่เกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกลเลย เราตั้งขึ้นมาก่อนและทำงานด้านนี้มาอย่างต่อเนื่อง และที่ผ่านมาทำงานอย่างเป็นอิสระไม่เข้าข้างพรรคการเมืองใดๆ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน อย่างคดีของก้าวไกล

มูลนิธิหญิงชายก้าวไกลร่วมกับกลุ่มองค์กรด้านสิทธิผู้หญิง เด็ก และความเป็นธรรมทางเพศ ออกแถลงการณ์ต่อกรณีการคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศโดยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ลงวันที่ 14 ตุลาคม 2566 ซึ่งมีองค์กร/บุคคลร่วมลงชื่อ 20 ราย เรียกร้องต่อพรรคก้าวไกล รวมถึงพรรคการเมืองและองค์กรที่กำกับดูแลผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆ ทั้งที่เคยและยังไม่เคยตกเป็นข่าวเกี่ยวเนื่องกับการคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศ ให้แสดงเจตจำนงที่ชัดเจนในอันที่จะขจัดการคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศในองค์กร และช่วยกันสร้างมาตรฐานสังคมที่ไม่ยอมรับการกระทำผิดทางเพศ

ทั้งนี้ โดยความคาดหวังว่าพรรคการเมืองและองค์กรกำกับดูแลผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทั้งหลายจะไม่มีเพิกเฉยหรือมีพฤติกรรมปกปิดปัญหาการกระทำผิดทางเพศโดยสมาชิกขององค์กร แต่จะเป็นกลไกที่มีบทบาทสำคัญในการยกระดับมาตรฐานจริยธรรมและความเป็นธรรมทางเพศในสังคมไทย


เอ็นจีโอเบอร์ใหญ่เอียงก้าวไกล

แหล่งข่าวจากมูลนิธิที่ให้ความช่วยเหลือสตรีแห่งหนึ่งกล่าวว่า กรณีที่เกิดกับพรรคก้าวไกลนั้น เขานับเฉพาะ ส.ส. ไม่นับคนในพรรคในระดับอื่นอย่างปี 65 ก็มีเรื่องกับ ส.ก. ล่าสุดก็มีคณะทำงานก้าวไกลที่สกลนครทำร้ายร่างกายผู้หญิง

ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่าเรื่องที่เกิดก้าวไกลนั้นค่อนข้างเงียบ มีบางมูลนิธิที่ออกมาบ้างก็ทำพอเป็นพิธี หากเป็นพรรคอื่นทำแบบนี้คุณจะได้เห็นองค์กรใหญ่ๆ หรือบุคคลที่ตำแหน่งสำคัญในสายงานนี้เปิดหน้าออกมาเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบจนเป็นเรื่องใหญ่โต

“พูดตรงๆ เดี๋ยวนี้สาย NGO จำนวนไม่น้อยก็เอียงไปทางก้าวไกลกันแทบทั้งนั้น โดยเฉพาะเบอร์ใหญ่ๆ ของไทย แถมบางหน่วยงานมีทุนสนับสนุนจากสายสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับก้าวไกลเข้ามาสนับสนุนก็มี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เรื่องของก้าวไกลจึงค่อนข้างเงียบ”

ทั้งๆ ที่การคุกคามทางเพศถือเป็นเรื่องใหญ่และเป็นเรื่องที่ก้าวไกลใช้หาเสียงมาตลอดจนซื้อใจคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ได้ไม่น้อย โดยเฉพาะนโยบายสร้างความเท่าเทียมทางเพศ หนึ่งในนั้นคือปรับปรุงกฎหมายต่อต้านความรุนแรงทางเพศ แต่เมื่อเข้าไปค้นหาข้อเสนอดังกล่าวบนเว็บไซต์พรรคก้าวไกล ขณะนี้ไม่สามารถเปิดเข้าไปดูข้อมูลส่วนนี้ได้

“คุณจะไปทำหน้าที่ได้อย่างไร ในเมื่อตัวคุณเองยังเป็นแบบนี้” นายวันชัย สอนศิริ สมาขิกวุฒิสภากล่าว

ก้าวหน้าสวดก้าวไกล

ที่จริงนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ได้โพสต์เตือนพรรคก้าวไกลไว้อย่างน่าสนใจว่า จากประเด็นเรื่องข้อร้องเรียนปัญหาความรุนแรงทางเพศที่กระทำโดยผู้สมัคร และ ส.ส. ของพรรคก้าวไกล หลายกรณีที่เป็นข่าวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมเฝ้ารอการแสดงออกของคนของพรรคก้าวไกลต่อเรื่องดังกล่าว พบว่ามีการพูดถึงประเด็นเหล่านี้น้อยมากอย่างไม่น่าเชื่อ น้อยจนไม่สมกับเป็นพรรคที่ประกาศจุดยืนและคุณค่าพื้นฐานของพรรคในเรื่องความเสมอภาคเท่าเทียม

ไม่เพียงเท่านั้น ที่ว่าน้อยนั้นก็ยังล่าช้าอีกด้วย กล่าวคือ ต้องให้สังคมและมวลชนของพรรคกดดันก่อนจึงจะมีเสียงของพรรคออกมา ต้องเกิดกรณีอื้อฉาวใหม่ จนคนโวยวายทักท้วง จึงค่อยพูดถึงกรณีอื้อฉาวเก่า

“ปัญหาความรุนแรงทางเพศเป็นปัญหาของสังคมไทยและสังคมต่างๆ ทั่วโลก จำเป็นต้องมีการถูกพูดถึงอย่างตรงไปตรงมา ทุกคนควรร่วมกันถกเถียง แก้ไข หาทางออก และป้องกัน ไม่ใช่ว่าพอเป็นผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลแล้ว พอเรื่องเกิดกับพรรคก็เลี่ยงไม่พูดถึงเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าการพูดถึงปัญหานี้แล้วกลายเป็นการจ้องทำลายพรรคก้าวไกลหรือเลิกสนับสนุนพรรคก้าวไกลไป”

พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตในเรื่องการตรวจสอบกันเองภายในพรรคว่า การให้ ส.ส. หรือคณะผู้บริหารพรรคไปเป็นกรรมการสอบสวนแบบที่ทำกันอยู่ในเวลานี้ อาจทำให้เกิด “ความเกรงใจ” กันเอง จนตัดสินใจกันไปแบบ “ลูบหน้าปะจมูก”


คนในพรรคยังทำไม่ได้

นักสังเกตการณ์ทางการเมืองรายหนึ่งกล่าวว่า เราไม่รู้ว่าภาพลบที่เกิดขึ้นกับพรรคก้าวไกลตอนนี้จะวัดจากอะไรได้ แต่น่าสนใจอย่างกรณีการเลือกตั้งนายก อบจ.กาญจนบุรี ที่ชิงกันระหว่างเจ้าถิ่นเดิมคือสายเพื่อไทยกับผู้ท้าชิงสายก้าวไกล โดยก้าวไกลมีทั้งอมรัตน์ ไอซ์ และโรมเข้ามาช่วย ผลออกมาพ่ายเพื่อไทยไปเกือบครึ่ง

สิ่งที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าก้าวไกลก็ไม่ต่างไปจากพรรคการเมืองอื่น สร้างภาพลักษณ์ให้กลายเป็นพรรคคนรุ่นใหม่ สูงส่งกว่าพรรคอื่นๆ สุดท้ายจะไปวัดกันที่การปฏิบัติว่าทำได้อย่างนโยบายที่สวยหรูหรือไม่ คุณปลุกเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ ก่อนหน้าพรรคคู่แข่งพลาดคุณถล่มเขายับ สายสนับสนุนจัดกิจกรรม “สีดาลุยไฟ” ไปหน้าพรรคหนึ่ง ตอนนี้เกิดขึ้นกับก้าวไกลทุกอย่างเงียบกริบ จนเริ่มมีการทวงถามถึงผลการตรวจสอบของคดีที่ 3 และคดีที่ 4 ซึ่งมีความล่าช้ามาก

ก้าวไกลขายนโยบายเรื่องสุราก้าวหน้า ว่าที่ส.ส.เมาแล้วขับ สมาชิกก้าวไกลเมาแล้วขับรถชนคนตาย ขายนโยบายต่อต้านความรุนแรงทางเพศ ส.ก.-ส.ส.ในพรรค กลับทำเสียเองแล้วแบบนี้ใครจะไว้วางใจ คือภาพลักษณ์ของพรรคนะเสียแน่แต่ไม่รู้จะแค่ไหน

อย่างไรก็ตาม การร้องไปที่พรรคมีความเป็นไปได้ที่จะมีการไกล่เกลี่ยคดีความระหว่างกัน เช่น อาจมีการเสนอผลตอบแทนสูงให้เพื่อต้องการยุติคดี ถ้าจะเอาผิดจริงๆ ต้องแจ้งความดำเนินคดีควบคู่กันด้วย แต่ตรงนี้ถือเป็นสิทธิของผู้เสียหายว่าจะตัดสินใจอย่างไร

ที่จริงสภาผู้แทนราษฎรสามารถหยิบยกเรื่องนี้มาหารือและยกระดับให้เป็นเรื่องสำคัญ

คาดลงโทษสถานเบา

นอกจากนี้ ถ้าพิจารณาจากโทษที่ลงโทษ ส.ส.พรรคไปแล้ว จะพบว่าแยกเป็น 2 กรณี ถ้าเป็นผู้สมัคร ส.ส.สอบตก จะขับออกจากพรรคทันที ถ้าเป็น ส.ส.อย่างสิริน แค่ตัดสิทธิรับตำแหน่งสำคัญ ยังเป็น ส.ส.เหมือนเดิม ถือเป็นโทษสถานเบา ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะหญิงคู่กรณีไม่เอาความ กรณี ส.ส.ปราจีน ที่ผลพิจารณาโทษยังไม่ออกคาดว่าคงเป็นแค่การคาดโทษ รวมถึงกรณี ส.ส.ย่านธนบุรี คงถูกคาดโทษเช่นกัน

ถ้าว่าด้วยความเป็นธรรมลักษณะของคดีรายที่ 4 ถือว่าไม่ต่างจากรายที่ 2 พรรคก้าวไกลกล้าตัดสินใจเหมือนรายที่ 2 หรือไม่คือขับออกจากพรรค

เนื่องจากก้าวไกลคำนึงถึงมิติทางการเมืองด้วยเช่นกัน มักไม่อยากเสีย ส.ส.พื้นที่ออกไปในเวลานี้ ส่วนหนึ่งเพราะต้องเลือกตั้งซ่อมและโอกาสคนของพรรคจะกลับเข้ามาได้อีกหรือไม่ตรงนี้จะเป็นตัวชี้วัดกระแสนิยมในพรรคไปในตัว ซึ่งตอนนี้พรรคเสียหายเยอะจากกรณี ส.ส.ที่มีเรื่องฉาว ถ้าเลือกตั้งซ่อมแล้วพรรคอื่นชนะเข้ามายิ่งจะเป็นการฉุดคะแนนของก้าวไกลตกลงไป

อีกประการหนึ่งแม่เหล็กอย่างพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ลาออกจากหัวหน้าพรรค คุณชัยธวัช หัวหน้าพรรคคนใหม่ ยังไม่มีบุคลิกที่จะเรียกคะแนนนิยมจากคนรุ่นใหม่ได้

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่

Facebook :https://m.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/?locale2=th_TH



กำลังโหลดความคิดเห็น