“อดีตนายตำรวจ” เผยที่มารอยร้าว “บิ๊กต่อ” ไฝว้ “บิ๊กโจ๊ก” ทั้งกรณีผู้การเบิ้ม-แรงยุจากลูกน้องทั้งสองฝ่าย สู่ปฏิบัติการเผาบ้าน ระบุความขัดแย้งช่วงชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.มีทุกยุค แต่ครั้งนี้เล่นแรงสุดในประวัติศาสตร์ ยืมมือองค์กร-กระบวนการยุติธรรมเล่นงานคู่แข่ง เชื่อสุดท้ายทุกฝ่ายยอมจบ ไม่เช่นนั้นพังทั้งคู่ “ผศ.ร.ต.อ.ดร.วิเชียร” เปิดหมดเปลือก เงินอุดหนุนทำคดี มีทั้งงบลับ และมาจากธุรกิจสีเทา
รอยร้าวครั้งใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ระหว่าง “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ซึ่งล่าสุดได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สร้างความสั่นสะเทือนให้สังคมไม่น้อยทีเดียว เนื่องจากการบุกค้น “บ้านบิ๊กโจ๊ก” หนึ่งใน 4 แคนดิเดต ผบ.ตร. โดยหน่วยงานที่เคยอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ “บิ๊กต่อ” พร้อมทั้งจับกุมบรรดาลูกน้องคนสนิทของบิ๊กโจ๊ก ที่เดินสายทำคดีด้วยกันมาตลอด ด้วยข้อหาพัวพันกับธุรกิจพนันออนไลน์ ก่อนที่จะมีการพิจารณาแต่งตั้ง ผบ.ตร.เพียงไม่กี่วัน ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ว่านี่คือปฏิบัติการสกัด “คู่แข่ง” หรือไม่ อย่างไร?
แม้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะออกมายืนยันว่าเป็นการทำคดีตามปกติ แต่ประชาชนทั่วไปดูจะไม่ปักใจเชื่อ ด้วยปฏิบัติการในลักษณะ “เล่นใหญ่ ไม่ไว้หน้า” ทำให้สังคมอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น? เป็นการดิสเครดิตจากการเมืองภายใน สตช. ตามที่บิ๊กโจ๊กระบุ หรือเป็นเรื่องของการ “สางแค้น” อย่างที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกต
ผศ.ร.ต.อ.ดร.วิเชียร ตันศิริคงคล อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา อดีตนายตำรวจที่คร่ำหวอดในแวดวงสีกากีมาอย่างยาวนาน ระบุว่า เนื่องจาก สตช. เป็นองค์กรขนาดใหญ่จึงมีการชิงดีชิงเด่นกันในช่วงที่มีการแต่งตั้งโยกย้าย โดยเฉพาะตำแหน่งสำคัญๆ ซึ่งในอดีตความขัดแย้งในช่วงแต่งตั้งโยกย้ายมีมาตลอด ส่วนมากจะใช้วิธีปล่อยข่าวหรือสร้างเหตุการณ์ให้เห็นว่านายตำรวจที่เป็นคู่แข่งไม่มีความสามารถ มีข้อบกพร่อง ปล่อยให้มีบ่อนการพนันในพื้นที่ มีปัญหาส่วนตัว เช่น คนนี้เคยเกี่ยวพันกับเรื่องยาเสพติด คนนี้มีปัญหาเรื่องชู้สาว พอแต่งตั้งโยกย้ายเสร็จก็เลิกรากันไป ต่างคนต่างทำงาน ความบาดหมางไม่ได้ร้าวลึก เพราะตอนที่เล่นงานกัน คนที่เกี่ยวข้องมีไม่เยอะ เช่น ก.กับ ข.แย่งกันเป็นผู้การจังหวัด พอแต่งตั้งเสร็จก็จบกันไป ปีหน้าก็แข่งใหม่
แต่ครั้งนี้เล่นแรงสุด ที่ผ่านมาไม่เคยมีการยืมมือองค์กรหรือกระบวนการยุติธรรมมาเล่นงานกัน คราวนี้เป็นการแต่งตั้ง ผบ.ตร.และมีระบบอุปถัมภ์ มีองคาพยพที่เกี่ยวข้องเยอะ ต่างฝ่ายก็ต่างมีลูกน้อง ลูกน้องก็ต่างหนุนลูกพี่ขึ้นชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. ถ้ารองโจ๊กคนเดียวก็ไม่เป็นไร แต่ปรากฏว่ารองโจ๊กมีเครือข่ายการทำงานที่สยายปีกไปทั่ว มีลูกน้องอยู่ทั้งที่ ตม. ตำรวจท่องเที่ยว มีลูกน้องที่ไปเติบโตในภูมิภาคหรือจังหวัดต่างๆ มากมาย ขณะเดียวกัน อีกฝั่งหนึ่งคือบิ๊กต่อ ก็มีลูกน้องที่สนับสนุน ต่างฝ่ายต่างมีลูกน้องถือหาง ปัญหาใหญ่คือลูกน้องแต่ละฝ่ายต่างเชียร์เจ้านายให้ขึ้น ผบ.ตร. ทีนี้เวลาจะเล่นงานกันเนี่ย ลูกน้องจะไปเล่นงานเจ้านายมันทำไม่ได้ ก็เลยไปเล่นงานลูกน้องระดับเดียวกัน เลยมีการออกหมายจับลูกน้อง ซึ่งการเล่นงานลูกน้องมันหมายถึงการตีวัวกระทบคราด กระทบถึงเจ้านาย
ผศ.ร.ต.อ.ดร.วิเชียร ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า เพื่อนๆ ที่รับราชการตำรวจเล่าให้ตนฟังว่าคดีไหนที่มีตำรวจเข้าไปพัวพันแล้วบิ๊กโจ๊กได้รับมอบหมายให้สะสางคดี สไตล์การสอบของบิ๊กโจ๊ก จะดุดันมาก เค้นสอบจนเครียด มีการพูดกันว่านี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ หรือผู้กำกับเบิ้ม ผู้กำกับการ 2 ตำรวจทางหลวง (นายตำรวจคนสนิทที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องรักของบิ๊กต่อ) ยิงตัวตาย อีกทั้งยังโยงไปถึงว่าส่วยรถบรรทุกที่กำนันนก จ่ายนั้นไม่ได้จบแค่สารวัตร ไม่ได้จบแค่กองกำกับการ “เส้นเงิน” มันโยงไปถึงไหน ก็อาจมีเส้นเงินที่โยงไปถึงคนใกล้ชิดของคู่แข่งด้วยเหมือนกัน ซึ่งตรงนี้เป็นจุดพลาดของบิ๊กโจ๊ก
ในการทำผลงานเพื่อช่วงชิงตำแหน่ง ผบ.ตร นั้นบิ๊กโจ๊ก มีกุนซือที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ให้คำแนะนำ เป็นผู้ใหญ่ที่มีฤทธิ์มีเดช แล้วบิ๊กโจ๊กก็มีอาวุโสในราชการสูงกว่าคู่แข่ง อีกทั้งยังมาจากโรงเรียนนายร้อย ซึ่งจะเห็นได้ว่าตำรวจที่ไม่ได้จบมาจากโรงเรียนนายร้อยนั้นยากมากที่จะขึ้นเป็น ผบ.ตร. นอกจากนั้นใน สตช.มีทั้งคนที่สนับสนุนอยากให้บิ๊กโจ๊กเป็น ผบ.ตร. และคนที่ไม่ชอบหน้า จึงมีเสียงเล่าลือกันว่านี่อาจเป็นสาเหตุที่นำไปสู่การบุกค้นบ้านบิ๊กโจ๊ก
“ทำไมไม่ออกหมายจับเจ้านายโดยตรง ไม่ออกหมายจับระดับนายพลโดยตรง ก็เพราะเขาดูท่าทีก่อนว่าผมเล่นคุณแค่นี้เนี่ยคุณจะหยุดไหม ถ้าคุณไม่หยุดก็จะขยายผลไปเรื่อยๆ ครั้งนี้เป็นการเอากระบวนการยุติธรรมหรือผลประโยชน์ที่เกี่ยวกับการกระทำผิดมาเป็นแต้มต่อในการต่อรองเพื่อเข้าถึงตำแหน่ง ปกติเวลาแต่งตั้งโยกย้ายจะมีเรื่องพวกนี้แหละแต่มันไม่ปรากฏในสื่อ อย่างเช่น ก.อยากอยู่ตรงนี้ ก็เอาบ่อนวิ่งมาลงในพื้นที่ของ ข.เพื่อให้สื่อไปตีข่าว ให้ตำรวจหน่วยอื่นมาจับ เพื่อให้ ข.บกพร่องในหน้าที่ จะได้โดนย้าย แต่จะไม่ทำแบบ เอ้า..ผู้การคนนี้ ลูกน้องมาเปิดบ่อนซะเอง ถ้าทำแบบนั้นมันคือการเผาบ้านเพื่อเอาชนะกัน แข่งกันไม่เป็นไร แต่ปัญหาตอนนี้คือต่างคนต่างพังบ้านของอีกฝ่าย คุณพังบ้านผม ผมพังบ้านคุณ แต่บ้านผม บ้านคุณ มันก็คือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เอากันจน สตช.พังหมด สุดท้ายคุณขึ้นเป็น ผบ.ตร.บนซากปรักหักพังของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ผศ.ร.ต.อ.ดร.วิเชียร ระบุ
อีกประเด็นที่สังคมสงสัยคือ กรณีที่บิ๊กโจ๊กระบุว่าเงินซึ่งเลขาส่วนตัวโอนให้นายตำรวจในทีม เป็นเงินส่วนตัวของบิ๊กโจ๊กที่ให้ลูกน้องใช้ในการทำคดี มีความเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหนนั้น ผศ.ร.ต.อ.ดร.วิเชียร มองว่า มีความเป็นไปได้ เนื่องจากงบประมาณของ สตช.มีจำกัด และขั้นตอนการเบิกจ่ายยุ่งยาก จึงมีการจ่ายเงินนอกงบประมาณให้ทีมงาน แต่ทั้งนี้ต้องไปตรวจสอบที่มาของเงิน คือการจะจับผู้ร้ายต้องทำงานแข่งกับเวลา แต่ระเบียบการเงินมีขั้นตอนยุ่งยากมาก ต้องขออนุมัติเดินทาง ต้องชี้แจงรายละเอียดว่าจะไปจับใคร ที่ไหน ข่าวก็รั่วหมด
ดังนั้นเวลาทำคดีสำคัญๆ จึงเป็นคำสั่งแบบนายสั่งงานแล้วเอางบให้ลูกน้องไปก้อนหนึ่ง โดยจะมีงบ 2 ส่วนคือ ส่วนแรกเป็นงบราชการลับ ซึ่งนำมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายบางอย่างที่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ เช่น จ่ายให้สายข่าว ซึ่งงบส่วนนี้เป็นเงินถูกกฎหมายที่ตั้งตามงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยงบราชการลับนั้นมักใช้ในพื้นที่ความมั่นคง และส่วนที่สองเป็นเงินที่นายจ่ายให้ โดยอาจจะเป็นเงินส่วนตัวของเจ้านายเอง เงินที่มีผู้สนับสนุน (เงินสปอนเซอร์) หรือ “เงินนักเลง” ซึ่งเป็นการนำเงินจากธุรกิจสีเทามาใช้ในการทำคดี
“นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่จะมีสปอนเซอร์ช่วยสนับสนุนงบ คือเป็นพ่อค้าที่อยากมีพรรคพวกเป็นตำรวจ เขาช่วยสนับสนุนงานราชการ บางทีก็จัดวิ่งการกุศล จัดชกมวย โยนโบว์ลิ่ง หาเงินช่วยสำนักงานตำรวจ นอกจากนั้นทุกโรงพัก ทุกกองบังคับการต้องมีเงินนักเลง ซึ่งเงินส่วนนี้จะมาจากบ่อน หวยใต้ดิน ซ่อง สมัยก่อนมีแค่นี้ แต่หลังๆ ลามไปถึงยาเสพติด พนันออนไลน์ แก๊งเงินกู้ ตำรวจที่เลวหน่อยก็จะรับเงินยาเสพติด ตอนหลังมีเงินจากแก๊งที่นำแรงงานต่างด้าวเข้ามา แก๊งลูกหมู แก๊งจีนเทา แต่ละพื้นที่จะมีที่มาของเงินต่างกัน อย่าง ภาคใต้จะเป็นเงินจากการค้าน้ำมันเถื่อน ของหนีภาษี แรงงานต่างด้าว ภาคอีสานเป็นเงินจากหวยใต้ดิน ค้าไม้เถื่อน ซึ่งเงินเหล่านี้จะเก็บเป็นกองกลางเพื่อให้งานสืบสวนสอบสวนปราบปรามเป็นไปอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้มันเป็นปัญหาโลกแตก กรณีของบิ๊กโจ๊กซึ่งจ่ายเงินส่วนตัวให้ลูกน้องไปทำคดีเนี่ยเป็นเรื่องปกติ นายทุกคนต้องจ่าย” ผศ.ร.ต.อ.ดร.วิเชียร กล่าว
ส่วนว่าหลังจากนี้ศึกในสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเป็นอย่างไรต่อไป รอยร้าวจะขยายวงกว้าง ฝ่ายที่ได้อำนาจจะมีการไล่บี้ดำเนินคดีต่อ ขณะที่อีกฝ่ายฟ้องร้องเปิดโปงกลับ หรือต่างฝ่ายต่างยอมสงบศึกเลิกรากันไปนั้น ด้าน “ผศ.ร.ต.อ.ดร.วิเชียร” วิเคราะห์ว่า เมื่อมีการแต่งตั้ง ผบ.ตร.แล้วทุกฝ่ายคงจะจบ เพราะตำรวจมีวินัย ที่สำคัญถ้าต่างฝ่ายต่างมุ่งเอาชนะคะคานกันก็เละด้วยกันทั้งคู่
“การแต่งตั้งโยกย้ายมันเหมือนการเล่นกีฬา มันต้องสู้กันทั้งในเกม นอกเกม วิชามารเยอะแยะ แต่เมื่อแต่งตั้งเสร็จแล้วก็เหมือนกรรมการเป่านกหวีด ทุกอย่างจบ ตำรวจเขาเนียน เคยมีหลายกรณีนะที่มีความขัดแย้งกันแล้วสุดท้ายจบลงดื้อๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่างท่าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร.เคยขัดแย้งกับท่านสุรเชษฐ์ ถึงขั้นฟ้องร้องกัน ถึงเวลาก็เคลียร์กันได้ ท่านสุรเชษฐ์ ก็กลับเข้ารับตำแหน่งใน สตช. คือผู้ใหญ่ระดับนี้เขาจะบวกลบคูณหาร ชั่งน้ำหนักว่าถ้ารบกันต่อไปแล้วบาดเจ็บล้มตาย พังด้วยกันทั้งคู่ เขาก็ไม่ทำ” ผศ.ร.ต.อ.ดร.วิเชียร กล่าว