หยกไม่จบเดินหน้าป่วนเตรียมพัฒน์ฯ ไปเรื่อยๆ สร้าง Content เป็นผลงาน รู้ทั้งรู้สถานะตัวเองไม่ใช่นักเรียน มีทีมติดตามช่างภาพ Live และสื่อมวลชน ล่าสุดชัดนั่งอ่านหนังสือให้ช่างภาพถ่าย แถมจดหมายที่ยื่นเป็นสำนวนผู้ใหญ่ คนวงในชี้หยกชื่นชมเนติวิทย์กรณี “พระเกี้ยว” เตรียมพัฒน์ฯ ม.4 ต้องเข้าพิธีประดับเข็มพระเกี้ยว เริ่มเสนอแนวทางใช้ ม.319 พรากผู้เยาว์แก้ปัญหาหยก
นับตั้งแต่สาธารณชนได้ทราบว่าหยก หรือ น.ส.ธนลภย์ ผลัญชัย ถูกปฏิเสธจากกลุ่มเพื่อนที่กำลังเดินทางไปเข้าค่ายภาษาจีนที่จังหวัดนครปฐม เมื่อ 31 สิงหาคม 2566 จากนั้นฝ่ายต่างๆ ออกมาแสดงความเห็นทั้งจากฝั่งผู้ปกครองของนักเรียน และฝั่งที่ให้กำลังใจหยก โดยที่หยกยังโพสต์แจ้งว่าตัวเธอไปที่โรงเรียนเตรียมพัฒน์ฯ ทั้งๆ ที่สถานะของหยกไม่ได้เป็นนักเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้แล้ว
ช่วงเย็นวันที่ 7 กันยายน 2566 พบว่าที่ด้านหน้าโรงเรียนเตรียมพัฒน์ฯ มีป้ายแสดงความไม่เห็นด้วยกับการกระทำของหยก “ขอความสงบคืนโรงเรียน เบื่อความวุ่นวายเพราะคนคนหนึ่ง เก็บคำว่าสิทธิไปสอนตัวเอง” จากนั้นช่วงเย็นของวันที่ 8 กันยายน 2566 พบว่ามีภาพนักเรียนออกมาถือป้ายพร้อมด้วยข้อความที่สื่อไปถึงหยก บางภาพก็เขียนด้านล่างภาพว่า “ยืนหยุดหยก”
ดูเหมือนจะเป็นการแสดงออกในเชิงตอบโต้ของนักเรียนเตรียมพัฒน์ฯ ที่ได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของหยก
หยกไม่จบถามหาความชัดเจน
แต่เรื่องของหยกไม่ได้จบแค่นี้ 12 กันยายน 2566 ได้ไปยื่นจดหมายสอบถามข้อสงสัยต่างๆ กับทางโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ
ข้าพเจ้า นางสาว ... ซึ่งทางโรงเรียนได้แจ้งว่าไม่ใช่นักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการแล้ว ขอแจ้งว่ามาจนถึงปัจจุบัน ข้าพเจ้ายังไม่ได้รับการติดต่อจากทางโรงเรียนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด แต่มีครู ผู้ปกครอง และบุคลากรของโรงเรียนได้ทำการไม่ให้ข้าพเจ้าเข้าไปรับการศึกษาในโรงเรียน และได้แจ้งข้าพเจ้าด้วยปากเปล่าตลอดมา ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่าไม่ใช่การกระทำเป็นกิจจะลักษณะและไม่ถูกต้อง จึงขอเรียนถามคุณครูซึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ดังนี้
1.ช่วงตลอดเทอมและภายหลังที่ข้าพเจ้าไปเรียนในโรงเรียน ใครเป็นผู้อนุญาตให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกองร้อยควบคุมฝูงชนเข้ามาในโรงเรียนได้ และอนุญาตให้เข้ามาด้วยเหตุผลใด
2.ใครเป็นผู้ตัดสินใจว่าการมอบตัวข้าพเจ้าไม่สมบูรณ์ และได้มีการจัดหาทางออกให้ข้าพเจ้าอย่างไร นอกเหนือจากบอกให้ข้าพเจ้านำคุณแม่มาเจอโรงเรียน
3.ใครเป็นผู้สื่อและตัดสินใจให้โอนเงินคืนข้าพเจ้า เมื่อวันใด และเหตุใดไม่แจ้งข้าพเจ้า
4.โรงเรียนมีแผนการจะมอบผลสอบให้ข้าพเจ้าหรือไม่ และใครเป็นผู้ตัดสินใจเกี่ยวกับการไม่ให้ผลสอบข้าพเจ้า
5.ครูที่ยอมให้ผู้ปกครองเข้ามาพูดคุยกับข้าพเจ้าและวิ่งตามข้าพเจ้า ในเวลาที่ข้าพเจ้าเข้ามาเรียนคือใคร และใครเป็นผู้มีมติอนุญาตให้ผู้ปกครองหลายคนเข้ามาพูดคุย หรือไล่ข้าพเจ้าได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา และถ้าหากได้คำตอบใดๆ แล้ว ขอให้แจ้งข้าพเจ้าโดยตรง โดยแจ้งมายังเบอร์หรือไลน์ติดต่อของข้าพเจ้า หรือเมื่อเข้ามาติดต่อสอบถามได้
การกระทำของโรงเรียนตั้งแต่ข้าพเจ้าติดคุกเพราะคดีอาญามาตรา 112 ที่ศาลเยาวชนออกหมายจับ มาจนถึงวันนี้ สร้างความสับสนและไม่เข้าใจให้ทั้งตัวข้าพเจ้าและบุคคลทุกคนเป็นอย่างมาก จึงขอความร่วมมือจากโรงเรียนด้วย
พม.ดูทั้งระบบ
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า กรณีของ น.ส.ธนลภย์ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่เกิดขึ้นภายในสถานศึกษา และส่วนที่เกิดขึ้นภายในครอบครัว
บริบทการทำงานของกระทรวง พม.นั้น เราคงไม่เข้าไปก้าวล่วงเข้าไปในบริบทของการศึกษา เพราะว่าเป็นบทบาทของกระทรวงศึกษา แต่ว่าส่วนที่เป็นเรื่องครอบครัวนั้น ในมิติต่างๆ เราคงใช้สหวิชาชีพในทุกๆ แขนงในการที่จะสนับสนุน (support) น้องเขา
เราไม่ได้เน้นการแก้ไขที่ตัวปัจเจกบุคคลคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นการทำงานที่จะป้องกันทั้งระบบไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้ เพราะผมเชื่อว่า คงมีอีกหลายกรณีที่คล้ายกัน ดังนั้น เราจะแก้ไขปัญหากันทั้งระบบ ไม่เฉพาะให้ความสำคัญกับคนใดคนหนึ่งเท่านั้น
สมศักดิ์เจียม ห่วงการเรียนหยก
นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ลี้ภัยคดี ม.112 โพสต์เฟซบุ๊กถึงหยกดังนี้ ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับการยืดเยื้อเรื่องหยก ทั้งที่ออกมาแสดงความสนับสนุนและคัดค้าน ณ จุดนี้ สิ่งที่ต้องการโดยด่วนคือ หาที่เรียนสำหรับหยก ไม่ทราบว่ามีใครจะเป็นธุระได้?
จากนั้นได้โพสต์อีกครั้งว่า หยก การหยุด-ตั้งหลัก-คิด เป็นสิ่งจำเป็น หาที่เรียนใหม่เถิด แล้วใช้เวลาว่างคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา คุณอายุ 15-16 ยังเหลือเวลาอีกยาวมาก ค่อยๆ คิด ยังมีเวลา คิดให้มากๆ พร้อม Tag ถึง Thanalop Phalanchai ทั้ง 2 ครั้ง
แหล่งข่าวกล่าวว่า กรณีของหยกมีพวกนักวิชาการโดดเข้ามาทั้งเชียร์และไม่เชียร์ ฝั่งที่เชียร์หากไล่ที่มาที่ไปส่วนใหญ่จะมีแนวคิดทางการเมืองไปในทางสีส้ม แต่ถ้าพิจารณาจากอาจารย์สมศักดิ์ ดูแล้วมีความจริงใจและห่วงใยหยกมากกว่าท่านอื่น คงต้องขึ้นกับตัวหยก และพ่อแม่ที่แท้จริงเองว่าจะให้หยกเติบโตไปอย่างไร
ชัดขึ้นเรื่อยๆ ทำ Content
นักสังเกตการณ์ทางการเมืองกล่าวว่า สิ่งที่เราเห็นในวันนี้ชัดเจนแล้วว่าหยกคือนักแสดงนำ ของ Content ที่ผลิตขึ้นเพื่อเป็นผลงานในการเคลื่อนไหว ซึ่งมีจุดขายในตัวคือเป็นผู้ถูกดำเนินคดี ม.112 ที่อายุน้อยที่สุด ทั้งๆ ที่หยกและผู้ที่ดูแลรู้สถานะตัวเองดีอยู่แล้วตั้งแต่มิถุนายน 2566 ที่หยกพยายามบอกว่า ไม่มีการแจ้งไปที่หยกนั้นเป็นเพียงแค่ความต้องการในการยืดเรื่องเพื่อให้เคลื่อนไหวได้ต่อไปอีก
วันนั้น (12 ก.ย.) กล้องวงจรปิดของโรงเรียนจับภาพชัดว่าเป็นการ Set Up หยกและบุ้งยืนรอช่างภาพก่อน จากนั้นให้หยกมานั่งอ่านหนังสือด้านหน้าโรงเรียนแล้วให้ช่างภาพถ่าย และลุกไปยื่นจดหมายกับทางโรงเรียน จากนั้นภาพของหยก ถูกโพสต์บนเพจข่าวแห่งหนึ่ง ถือว่างานสำเร็จได้เป็นข่าวแล้ว
ที่จริงทุก Event ที่หยกทำกิจกรรมจะมีทีมงานทั้งภาพนิ่ง และ Live ไปกับหยกด้วยเสมอ หากใครที่ลองอ่านจดหมายของหยก คงพอจะประมาณการได้ว่านั่นเป็นสำนวนของผู้ใหญ่และค่อนข้างเป็นภาษาทางราชการ ไม่น่าจะมาจากหยกโดยตรง
ดังนั้น ทุกอย่างในการเคลื่อนไหวของหยกจึงเป็นกระบวนการ ไม่ต่างกับการทำงาน Event หยกอ้างว่าไปเรียนแต่มีทีม Production ไปด้วย ถามว่าต้องมีทีมเหล่านี้ไปด้วยเหรอ ที่ผ่านมาไม่มีใครผลักหยกออกจากระบบการศึกษา แต่หยกเลือกที่จะทำให้เกิดปัญหา หยกได้รับการผ่อนปรนจากทางโรงเรียนค่อนข้างมาก เพราะไม่มีใครอยากมีเรื่องด้วย ก็ทราบกันดีว่ากรณีของหยกนั้นมีเรื่องการเมืองแฝงเข้ามาด้วย
วันนี้หยกต้องยอมรับความจริงว่าหยกไม่ได้เป็นนักเรียนที่เตรียมพัฒน์ฯ ไม่ว่าโรงเรียนจะให้คุณเข้าไปเรียน ไปสอบหรือเข้าไปในโรงเรียน แต่ไม่มีผลต่อสถานะของหยก ส่วนหยกจะเรียกร้องหรือดื้อแพ่งไปแบบนี้เมื่อถึงจุดหนึ่งต้องมีกระบวนการทางกฎหมายเข้ามายุติปัญหา
ท้าทายอ้อมๆ
แหล่งข่าวที่ติดตามการชุมนุมม็อบ 3 นิ้วตั้งข้อสังเกตกรณีของหยกว่า ที่หยกยังเดินหน้าป่วนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการจนถึงวันนี้ ทั้งๆ รู้ตัวเองอยู่แล้วว่าหมดสภาพความเป็นนักเรียนแล้ว ต้องย้อนกลับไปดูว่าหยกค่อนข้างชื่นชมแนวทางกิจกรรมของนายเนติวิทย์ โชคภัทร์ไพศาล นักเคลื่อนไหวช่วงที่เรียนจุฬาฯ เสนอยกเลิกกิจกรรมเชิญพระเกี้ยวจนเป็นที่ถกเถียงเป็นวงกว้าง และตอนที่หยกปืนรั้วโรงเรียนเนติวิทย์ก็โพสต์ให้กำลังใจ
อย่างในช่วงที่เนติวิทย์เป็นนายกสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกแถลงการณ์ยกเลิกกิจกรรมขบวนอัญเชิญพระเกี้ยวในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ระบุว่าสัญลักษณ์ของศักดินาคือพระเกี้ยว
หากฝ่ายที่มีแนวคิดเดียวกันเลือกทำกิจกรรมตามไอดอลของตัวเอง ก็ไม่ต่างไปจากการกระทบไปยังสถาบัน เพียงแต่ไม่แสดงพฤติกรรมที่หมิ่นสถาบันโดยตรง
ผู้ปกครองนักเรียนเตรียมพัฒน์ฯ กล่าวเสริมว่า ปกตินักเรียนชั้น ม.4 จะต้องเข้าร่วมพิธีประดับเข็มพระเกี้ยว อย่างปีนี้มีพิธีนี้เมื่อ 13 มิถุนายน 2566 ส่วนจะมีทัศนคติต่อพระเกี้ยวอย่างไรคงเป็นเรื่องส่วนตัวของหยก
อย่าลืมหยกไม่มีสถานะนักเรียนเตรียมพัฒน์ฯ หยกอ้างเรื่องการแต่งตัวไปรเวทตามแนวทางที่พรรคก้าวไกลปลุกกระแส มีหลายฝ่ายพยายามหาโรงเรียนที่ให้อิสระในการแต่งกายอย่างสาธิตธรรมศาสตร์ แม้จะมีคนประสานให้แต่หยกเลือกที่จะไม่ไปที่นั่น แต่ยังเลือกที่จะเข้าไปป่วนเตรียมพัฒน์ฯ นั่นต้องมีเป้าหมายในใจ
แนะใช้ ม.319 พรากผู้เยาว์
ตอนนี้ต้องขึ้นกับหยกว่าปีหน้าหยกจะสอบเข้าไปเป็นนักเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้อีกหรือไม่ และเงื่อนไขเรื่องผู้ปกครองจะทำอย่างไร เพราะบุ้งไม่สามารถเป็นผู้ปกครองของหยกได้ รวมถึงแนวทางในการแก้ปัญหาจากภาครัฐที่มีรัฐบาลใหม่แล้ว
ช่วงที่เกิดปัญหาอาจจะอยู่ในช่วงที่กำลังมีการเลือกตั้ง เจ้ากระทรวงอาจไม่ชัดเจนต้องรอให้ได้รัฐบาลใหม่ก่อน อีกทั้งหลายฝ่ายไม่กล้าตัดสินใจเพราะเรื่องของหยกเป็นการเมือง เพราะถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลแนวทางแก้ปัญหาก็เป็นแบบหนึ่ง แต่เมื่อวันนี้เป็นเพื่อไทยแนวทางแก้ปัญหาก็เป็นอีกแบบหนึ่ง หลายฝ่ายจึงไม่กล้าใช้แนวทางด้านกฎหมาย
เมื่อรัฐบาลใหม่ชัดเจนเริ่มมีการพูดถึง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปีไปจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไรหรือเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจด้วย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปีถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 4 หมื่นบาท ถึง 2 แสนบาท
เชื่อว่าจากนี้ไปอาจมีการใช้แนวทางด้านกฎหมายเข้ามาช่วยแก้ปัญหา ทั้งการเรียกตัวผู้ปกครองที่แท้จริงมาเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาของหยก หรือสร้างความชัดเจนระหว่างตัวของหยกกับบุ้ง-เนติพร
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://m.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/?locale2=th_TH
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j