พรรคเพื่อไทยมั่นใจปิดประตูตาย ‘นายกฯคนนอก’! ‘สุทิน คลังแสง’ แจงเพื่อไทยใช้นโยบายสลายขั้วเพื่อได้ ส.ส. และ ส.ว.หนุน ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นั่งนายกฯ ชี้หากง้อพรรคก้าวไกลไม่ได้ผล ต้องขยับไปจีบพรรค 2 ลุง ‘พปชร.-รสทช.’ ร่วมโหวต ส่วนจะร่วมรัฐบาลหรือไม่เป็นสเต็ปต่อไป มั่นใจมีโอกาสผ่าน 375 เสียง ระบุเศรษฐา โหวตไม่ผ่านมีเหตุเดียวระยะเวลาไม่เพียงพอในการ ‘ขอเสียง-ตอบรับ’ ทำให้ต้องเสนอแคนดิเดตคนที่ 2 และ 3 ขณะที่เพื่อไทยการันตี อุ๊งอิ๊งมีความพร้อมนั่งนายกฯ จากพัฒนาการที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ทั้ง EQ-IQ-MQ เลิศ ทีมเศรษฐกิจแน่น ระบุหากได้เป็นรัฐบาลพร้อมประกาศนโยบายบริหาร-กระตุ้นเศรษฐกิจทันที สำหรับ ‘ดิจิทัล วอลเล็ต 10,000’ ยังคงอยู่ ส่วน ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ หมดสิทธินั่งเก้าอี้นายกฯ เพราะถูกดูดมาเป็นพรรคร่วม ขณะที่ ‘บิ๊กป้อม’ อดตั้งรัฐบาลแน่ เพราะถูกเพื่อไทยกินรวบพรรคเสี่ยหนู ไปแล้ว!
ภารกิจใหญ่ของพรรคเพื่อไทยเวลานี้คือจะทำอย่างไรถึงจะได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ส.ทั้งในระดับกลุ่ม หรือพรรคการเมืองต่างๆ รวมทั้งเสียง ส.ว.ให้ได้ถึง 375 เพื่อผลักดันนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทยได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งอุปสรรคสำคัญอยู่ที่การตั้งธงของ ส.ว.ในการโหวตและการแบ่งขั้ว ‘มีลุง ไม่มีเรา’ ที่พรรคการเมืองไม่สามารถก้าวข้ามความขัดแย้งนี้ไปได้ และยิ่งนานวันโอกาสที่จะได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เหมือนจะยิ่งยากลำบากตามไปด้วย จนมีการพูดถึงนายกรัฐมนตรีคนนอก ซึ่งในความเป็นจริงไม่มีพรรคการเมืองใดไม่ว่าขั้วประชาธิปไตย หรืออนุรักษนิยมปรารถนาทางออกนี้
ขณะเดียวกัน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จึงเสนอตั้ง ‘รัฐบาลพิเศษ’ ด้วยการไปขอเสียงสนับสนุนจาก ส.ส.พรรคการเมืองต่างๆ ที่ยังไม่ได้ถูกเชิญเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล และมีแนวโน้มต้องไปเป็นฝ่ายค้าน พร้อมๆ กับ อุ๊งอิ๊ง หรือแพทองธาร ชินวัตร ได้นำแกนนำพรรคเพื่อไทยไปขอขมา พูดคุยและเชิญพรรคก้าวไกลร่วมโหวตสนับสนุน นายเศรษฐา เป็นายกฯ ให้สำเร็จ
ล่าสุด เพื่อไทยรวบรวมได้ 9 พรรค ประกอบด้วย เพื่อไทย 141 เสียง พรรคภูมิใจไทย 71 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง พรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคชาติพัฒนากล้า 2 เสียง พรรคไทรวมพลัง 2 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง พรรคพลังสังคมใหม่ 1 เสียง พรรคท้องที่ไทย 1 เสียง รวม 238 เสียง ซึ่งยังไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
แต่ที่น่ายินดีคือเมื่อบ่ายวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ได้ยืนยันว่า 40 ส.ส.พรรค พปชร. พร้อมโหวตหนุนนายกฯ เพื่อไทย เนื่องจากประเทศจำเป็นต้องมีรัฐบาลเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาไม่ว่าจะเป็นปัญหาในพื้นที่ ปัญหาเศรษฐกิจที่ต้องได้รับการแก้ไข อีกทั้งนายไผ่ เคยทำงานกับพรรคเพื่อไทย จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถผ่านวิกฤตทางการเมืองและวิกฤตเศรษฐกิจไปได้ โดยยังไม่มีการพูดคุยเรื่องการร่วมรัฐบาลซึ่งต้องให้ผ่านการเลือกนายกฯ ไปก่อน ส่วนจะมีลุงหรือไม่ พรรค พปชร.ยังย้ำจุดยืนว่า ‘มีลุงไม่มีแล้ง”
ดังนั้น เมื่อร่วมเสียงจากพรรค พชปร.เข้าไปด้วย 238+40 เท่ากับ 278 เสียง ยังขาดอยู่ 97 เสียง เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องยากหากสามารถสลายขั้วและดึงพรรครวมไทยสร้างชาติ (รสทช.) ซึ่งวันนี้ไม่มีลุงตู่ อยู่แล้วจะได้อีก 36 เสียง รวมเป็น 314 เสียง จะขาดเพียง 61 เสียงเท่านั้น หากจะหวังจาก ส.ว.สาย 2 ลุง น่าจะมีโอกาสเป็นไปได้ในการเลือกนายกฯ คนที่ 30 ได้สำเร็จ
เพียงแต่ว่าจะชื่อ เศรษฐา ทวีสิน ใช่หรือไม่เท่านั้น!
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย บอกว่า ข้อเสนอของนายภูมิธรรม เรื่องรัฐบาลพิเศษเพราะจะไม่มีการปิดกั้นการร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเรียกว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย หรือไม่ใช่ฝ่ายประชาธิปไตยก็ตาม สามารถร่วมมือเลือกนายกฯ และตั้งรัฐบาลได้
“คือ ฝ่ายรัฐบาลสลายเงื่อนไข ผสมกันทั้งสองขั้ว ฝ่ายค้านก็จะมีทั้งสองขั้ว อาจมีทั้งพรรค ก้าวไกล พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ก็ถือว่าสองขั้วสนธิกำลังกัน แต่การจะเป็นนายกฯ ขึ้นอยู่กับรัฐสภา ต้องได้เสียง 375 จึงอยากชวนให้อีกฝ่ายเห็นด้วยกับการตั้งรัฐบาลพิเศษ ต้องขอเสียงทั้ง ส.ว.และพรรคก้าวไกล”
อย่างไรก็ดี หากในซีกของสภาล่าง ถ้าเกินครึ่งคือ 250 ถือว่ารัฐบาลอยู่ได้แล้ว แต่จำเป็นต้องได้เสียงเพิ่มในขั้นตอนของการเลือกนายกฯ จึงต้องขอทั้ง ส.ว.และพรรคก้าวไกล
“ถ้าก้าวไกลยินดีโหวตให้ก็ไม่ต้องพึ่ง ส.ว. ถือเป็นการปิดสวิตช์ ส.ว.ได้ทันที หรือถ้า พปชร.และ รทสช.โหวตให้ ไม่ต้องขอเสียงจากก้าวไกลก็ได้เช่นกัน เพียงแต่ว่าการดึงจาก 2 ลุงจะมีประเด็นทางสังคมเข้ามาเกี่ยว เพราะส่วนหนึ่งยังไม่ยอมรับที่จะให้ 2 ลุงมาร่วมตั้งรัฐบาลกับเพื่อไทย”
นายสุทิน บอกอีกว่า แต่ถ้าพรรคก้าวไกลไม่ให้ความร่วมมือ เพื่อไทยอาจไปขอความร่วมมือกับพรรค 2 ลุงให้ช่วยโหวตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทยให้ก่อน ส่วนอนาคตที่จะตามมา จะร่วมรัฐบาลกันหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เนื่องจากขณะนี้บ้านเมืองมีปัญหาทั้งการเมืองและเศรษฐกิจที่ต้องการรัฐบาลมาขับเคลื่อน ในด้านรัฐสภามีปัญหาในการใช้เสียงโหวตนายกฯ จึงต้องร่วมมือกันให้ผ่านขั้นตอนนี้ไปให้ได้
นอกจากนี้ แคนดิเดตนายกฯ ไม่มีใครที่มีโอกาสสูงเท่ากับนายเศรษฐา จากพรรคเพื่อไทย เพราะก่อนหน้านี้มีการวิเคราะห์กันว่าจะเป็นนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แต่วันนี้นายอนุทิน มาอยู่ร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยแล้ว
“ส่วนบิ๊กป้อม แม้ยังไม่ได้ร่วมรัฐบาล แต่จะมาตั้งรัฐบาลแข่งไม่ได้แล้ว เพราะเสียงของพรรคอนุทิน มาอยู่กับเราทั้งหมด เท่ากับว่าไม่มีพรรคไหนมีเสียงอยู่ในมือเท่ากับเพื่อไทย”
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่านายเศรษฐา น่าจะไม่ได้รับเสียงสนับสนุนที่จะได้เป็นนายกฯ หรือถ้าไม่ผ่านพรรคยังมีแคนดิเดตอีก 2 คนคือ แพทองธาร และนายชัยเกษม นิติสิริ ก็สามารถโหวตจนครบทั้ง 3 คนได้เช่นกัน
“ผมว่าถ้าไม่ได้แคนดิเดตคนที่ 1 ต้องได้คนที่ 2 ซึ่งคนที่ 1ไม่ผ่านอาจเพราะว่าเรายังรวมเสียงไม่ทัน จากคนที่เราได้พยายามไปขอความร่วมมือ เช่น ก้าวไกล อาจยังไม่ตัดสินใจช่วย หรืออาจต้องใช้เวลาคุยกับพลังประชารัฐ หรือรวมไทยสร้างชาติ ยังไม่พอ พูดง่ายๆ เวลาที่เราไปคุยไม่ทัน แต่ยังเชื่อว่า คุณเศรษฐา น่าจะไม่มีปัญหาอะไร ส.ว ให้ความมั่นใจว่าจะยกมือให้เพื่อไทยเต็มที่ ถ้าไม่มีก้าวไกล”
อย่างไรก็ตาม ที่มีกระแสข่าวว่า ส.ว.น่าจะโหวตให้อุ๊งอิ๊ง มากกว่านายเศรษฐา นั้น อาจเป็นเพราะภาพของความเป็นผู้หญิงดูนุ่มนวลกว่า หรือความเป็นคนรุ่นใหม่ ก็เป็นเรื่องที่เดาใจ ส.ว.ยากเหมือนกัน เพราะหากนายเศรษฐา โหวตไม่ผ่านขอให้มั่นใจว่าคุณอุ๊งอิ๊ง มีศักยภาพพร้อมเช่นกัน
“พรรคเพื่อไทยเชื่อมั่น เพราะทุกคนเห็นพัฒนาการของคุณอุ๊งอิ๊ง ทุกอย่างเร็วมากในทุกๆ ด้าน เขามีทั้ง IQ และ EQ และ MQ พร้อมหมด และเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไม่ต้องห่วง ตัวคุณอุ๊งอิ๊ง ก็เก่งอยู่แล้ว และยังมีทีมเศรษฐกิจของพรรคที่เข้มแข็ง มีองค์ความรู้ที่ดีทั้งนั้น ส่วนคุณเศรษฐา ไม่ได้ไปไหน อยู่ช่วยคุณอุ๊งอิ๊งอยู่แล้ว”
นายสุทิน บอกด้วยว่า ข่าวลือเรื่องนายกฯคนนอกนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก แต่จะเป็นได้ทางเดียวคือ บรรดาแคนดิเดตนายกฯ ในสภาที่มาจากทุกพรรคไม่มีใครผ่าน 375 เสียง ตามรัฐธรรมนูญ ให้เสนอคนนอกได้โดยต้องมีคนรับรอง 25 คน แต่คะแนนโหวตจะต้องสูงอาจจะเป็น 2 ใน 3 ของสมาชิกรัฐสภาคือ 500 จากสมาชิก 750 คน
โดยในรัฐธรรมนูญ ปี 2560 มาตรา 272 กำหนดว่า หากหลังการเลือกตั้งรัฐสภาไม่สามารถเลือกนายกฯ จากรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ที่พรรคการเมืองเสนอไว้ได้ ให้สมาชิกรัฐสภาไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 หรือ 500 คน (จากจำนวนเต็ม 750 คน) ลงมติเพื่อเปิดทางให้เสนอชื่อบุคคลอื่นที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อของแคนดิเดตนายกฯ มารับตำแหน่งนายกฯ ได้
“ถ้าเป็นนายกฯ คนนอก พรรคต่างๆ ก็คงต้องคุยกันว่าเข้ามาเพื่อทำภารกิจอะไร อย่างไร เช่น มาเพื่อแก้รัฐธรรมนูญที่เป็นอุปสรรค หรือต้องการให้มาฝ่าวิกฤตอะไร อย่างไร แต่เวลานี้เชื่อไม่ถึงนายกฯ คนนอกแน่ๆ เรามีโอกาสได้เห็นนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย 375 เสียงผ่านได้”
สำหรับปัญหาม็อบ หรือการเดินขบวนประท้วงคงจะมีกันบ้าง แต่จะไม่ถึงประเภทฝูงชนที่บ้าคลั่ง แต่จะอยู่ในสภาวะที่ฝ่ายบ้านเมืองดูแลได้
ที่สำคัญถ้าได้นายกฯ และรัฐบาลเพื่อไทย สิ่งแรกที่ต้องทำคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยให้ประชาชนมาร่วมทำ มาร่วมสร้างกติกาใหม่ เพื่อให้ประชาชนยอมรับ ควบคู่กับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ถึงวันนั้นดูว่า สังคมจะเอาอย่างไร อยากเลือกตั้งใหม่หรือไม่ ถ้าเสียงอยากเลือกตั้งใหม่รัฐบาลก็ต้องจัดให้ แต่ถ้าประเมินแล้วยังจำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อ ก็อยู่กันให้ครบ 4 ปี
“ประชาชนอุ่นใจได้ ตอนนี้ฝ่ายนโยบายของพรรค Set นโยบายทุกด้านไว้หมดแล้ว โดยเฉพาะนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้เป็นรัฐบาล เราสามารถแถลงนโยบายเศรษฐกิจในส่วนของเพื่อไทยได้ทันที ส่วนนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท เราเตรียมไว้ แต่เมื่อเป็นรัฐบาลผสมต้องฟังและบูรณาการกับพรรคอื่นๆ ด้วย เรื่องค่าเงินขั้นต่ำ เราทำแน่”
นายสุทิน ย้ำว่า นโยบายต่างๆ ที่หาเสียงไว้ พรรคหลักจะใช้เป็นนโยบายในการบริหาร แต่ต้องไม่ลืมว่าต้องมีการบูรณาการกับพรรคร่วมเช่นกัน แต่ขอให้มั่นใจในทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยในการเข้ามาบริหาร และเวลานี้เป็นโอกาสนายกฯ จากพรรคเพื่อไทยที่ทำให้เราเชื่อว่าปิดประตูตายนายกฯ คนนอกแน่นอน!
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://m.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/?locale2=th_TH
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j