ด้อมส้มอาละวาดหนักหลัง “พิธา” ตกสวรรค์ รังควานไปทั่วคนเห็นต่าง พุ่งเป้าธุรกิจ ส.ว. ตอนนี้ไม่มีใครกลัวด้อมส้มแล้วส.ว.ดาหน้าฟ้อง เสรีพิศุทธ์ ฉะ “พิธา ก้าวไกล เป็นแบบนี้มันถึงพังเพราะเชื่อด้อมส้ม” นักวิชาการชี้ได้มามากก็เพราะด้อม-ถอยหลัง 112 ก็ไม่ได้สุดท้ายผลักก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน ส่วนพิธาจะได้เป็นผู้นำฝ่ายค้านหรือไม่-รอผลคดี
“ด้อมส้ม” กลายเป็นสัญลักษณ์ที่เดินคู่กับพรรคก้าวไกลมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่มีการยุบสภา และกำหนดการเลือกตั้งใหม่เมื่อ 14 พฤษภาคม 2566 จนพรรคก้าวไกลได้ ส.ส.มากเป็นอันดับหนึ่ง 151 เสียง และจับมือกับพรรคเพื่อไทยและพรรคอื่นๆ รวมทั้งสิ้น 8 พรรค ได้เสียงรวมกัน 312 เสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาล
ด่านหินคือการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย จำเป็นจะต้องได้เสียงโหวตในสภาเกินกว่ากึ่งหนึ่ง 376 เสียง จึงจำเป็นที่จะต้องขอเสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภาอีกราว 64 เสียง แต่การโหวตครั้งแรกเมื่อ 13 กรกฎาคม 2566 นายพิธาไม่ผ่านตามมติเห็นชอบ 324 คน ไม่เห็นชอบ 182 คน งดออกเสียง 199 คน จากผู้ออกเสียงทั้งหมด 705 คน
รอบ 2 กำหนดไว้เมื่อ 19 กรกฎาคม 2566 มีการเสนอชื่อนายพิธา ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ถกเถียงกันในเรื่องข้อบังคับการประชุมข้อที่ 41 ที่กำหนดไว้ว่าญัตติที่เสนอไปแล้ว ถูกตีตกห้ามนำญัตติเดิมมาพิจารณาใหม่ เว้นแต่ประธานสภาจะอนุญาต แต่จะเถียงกันอย่างไรก็เป็นอำนาจของประธานสภา จนสุดท้ายเปิดให้ลงมติในเรื่องนี้ เป็นอันว่าไม่มีการโหวตชื่อนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี
โดยประธานสภานัดวันลงมติใหม่ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 พร้อมกับการเปลี่ยนบทบาทจากพรรคก้าวไกลมาเป็นพรรคเพื่อไทย แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะมีการเสนอรายชื่อบุคคลใดขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
เสรีพิศุทธ์ฉะด้อมส้มหนัก
หลังการโหวตนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย หนึ่งใน 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล ได้ออกมากล่าวเมื่อ 15 กรกฎาคม 2566 ว่า
พรรคก้าวไกลมีโอกาสไม่มาก เพราะส่วนใหญ่จะปิดกั้นตัวเอง นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ ไปยกมาตรฐานไว้สูงเลย ยกตัวอย่างเช่น พอมี 312 เสียง จะไปหาเพิ่ม ไปติดต่อพรรคชาติพัฒนากล้าที่มี 2 เสียง แต่พอด้อมส้มทั้งหลายที่ไม่รู้เรื่องพูดมาหน่อยก็ถอยแล้วไปฟังเสียงพวกนี้ทำไม พวกนี้มีอะไรกับพรรคก้าวไกล ไม่ได้มีอิทธิพลอะไรหรอก ไปฟังใครก็ไม่รู้
จากนั้นหลังจากที่ไม่มีการโหวตนายพิธา เมื่อ 19 กรกฎาคม 2566 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้ออกมากล่าวว่า มีข้อเสนอให้ก้าวไกลเสียสละ ถอยออกมา เพื่อให้เพื่อไทยมีอิสระในการหาเสียงโหวตสนับสนุน เพราะหากเอาก้าวไกลไปร่วมด้วย คาดว่าวุฒิสภาจะไม่โหวตให้เช่นกัน ดังนั้น ก้าวไกลต้องถอยออกมาก่อน และรอไปร่วมรัฐบาลช่วงที่มีการจัดตั้งรัฐบาล
พร้อมทั้งกล่าวถึงบรรดาแฟนคลับของพรรคก้าวไกล หรือที่เรียกกัน “ด้อมส้ม” ว่า
“ด้อมส้มเป็นใคร พวกนั้นมีความรู้แค่ไหน เป็นแค่เด็กวานซืน อายุ 18 ปี สมองยังไม่มี ไปปิดสภาจะเอากำลังไปล้อม ไม่มีใครกลัวหรอก พิธา ก้าวไกล เป็นแบบนี้มันถึงพังเพราะเชื่อด้อมส้ม”
ก่อนหน้านี้มีการติดต่อให้พรรคชาติพัฒนากล้าร่วมรัฐบาล ก็ไม่สำเร็จเพราะด้อมส้ม ขณะที่ส่วนตัวติดต่อพรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคประชาธิปัตย์ แต่เขาไม่ติดต่อกลับมา เพราะพรรคก้าวไกลพยายามทำตัวปิดกั้น ทำตามเสียงด้อมส้มมาก เขาเลือกมาก็ขอบคุณเขาก็พอแล้ว และทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด ต้องเป็นผู้ใหญ่ ต้องใจเย็น
ก้าวไกลเดินคู่กับด้อมส้ม
แหล่งข่าวจากพรรคการเมืองหนึ่งกล่าวว่า สิ่งที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พูดถึงด้อมส้มนั้น เชื่อว่าหลายคนคงเห็นไม่ต่างกันว่า ด้อมส้มมีบทบาทในพรรคก้าวไกลมากและปฏิเสธไม่ได้ว่าพลังของด้อมส้มส่งผลให้พรรคก้าวไกลได้เสียง ส.ส.มาเป็นอันดับหนึ่ง เกินกว่าที่พรรคก้าวไกลคาดไว้ด้วยซ้ำ
ก่อนที่จะมาใช้คำว่าด้อมส้มนั้น คอการเมืองคงเห็นมาตลอดว่าหลังจากที่พรรคอนาคตใหม่ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล น.ส.พรรณิกา วานิช ถูกยุบพรรค จึงเกิดม็อบของนักศึกษาพร้อมสัญลักษณ์ 3 นิ้วขับไล่รัฐบาล พล อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาตลอด อีกทั้งแกนนำทั้งอนาคตใหม่และก้าวไกลเข้าร่วมกับม็อบทั้งในรูปแบบให้กำลังใจหรือสังเกตการณ์
เมื่อมีการประกาศยุบสภากำหนดเลือกตั้งใหม่ พิธา และคนก้าวไกล ถูกปรับภาพลักษณ์จากนักการเมืองให้กลายเป็นดาราหรือศิลปิน กองเชียร์เหล่านั้นจึงมีชื่อที่เรียกกันใหม่ว่าด้อมส้ม พลังของคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมาพร้อมกับโซเชียลมีเดีย จึงใช้ความเชี่ยวชาญเหล่านี้ไปเพื่อปกป้องและโปรโมตพรรคก้าวไกล กลายเป็นหัวคะแนนธรรมชาติไปในตัว ทำงานให้ก้าวไกลโดยที่ไม่ได้ค่าแรง แถมบางครั้งเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดี (หมิ่นประมาท)
ด่า ส.ว.แต่ขอเสียง ส.ว.
หลังทราบผลการเลือกตั้ง พรรคก้าวไกลชิงจับมือกับพรรคต่างๆ เพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ด้อมส้มก็ทำทุกวิถีทางทั้งการประดิษฐ์คำสวยหรู เพื่อให้คนทั้งประเทศเห็นและคล้อยตามไปในทางเดียวกัน บีบให้สมาชิกวุฒิสภาเลือกพิธาเป็นนายกฯ รวมทั้งสร้าง Event ที่หน้ารัฐสภาเพื่อกดดันและยังตอบโต้กับบรรดา ส.ว.ที่เห็นต่าง ขู่ที่จะไปเยี่ยมบ้าน
แนวทางของก้าวไกลไม่เคยเผื่อสถานการณ์ไว้ข้างหน้า ใครขวางด่าก่อนและสุดท้ายคุณก็ต้องมาพึ่งคนที่คุณด่า ถามว่าใครเขาอยากจะช่วยเหลือคุณ เป็นเรื่องที่แปลกมาก ก่อนหน้านี้คุณด่า ส.ว.มาตลอด เมื่อถึงเวลาที่ต้องขอเสียง ส.ว. สนับสนุน Idol ของคุณเป็นนายกฯ พรรคก้าวไกลจัดทีมเจรจากับ ส.ว. ลืมที่เคยด่าเขาไว้เพื่อขอเสียงสนับสนุน แถมทีมกดดันก็กดดันไม่เลิก แบบนี้ใครเขาจะโหวตเลือกพิธา
บางครั้งตรรกะของก้าวไกลไม่แตกต่างไปจากเด็กเอาแต่ใจ ส.ว.ที่โหวตให้รอบแรกได้รับคำสรรเสริญเยินยอไปตามสมควร แต่ทางพรรคก้าวไกลยื่นเรื่องขอแก้มาตรา 272 เพื่อตัดอำนาจ ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกฯ
ส่วน ส.ว.คนดังๆ ที่ไม่โหวตพิธาเป็นนายกฯ ด้อมส้มก็เปิดปฏิบัติการ แฉธุรกิจ ส.ว. คุกคามทั้งธุรกิจและตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ ส.ว. อย่างนี้เป็นประชาธิปไตยหรือไม่ ไหนบอกเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตย แต่การกระทำไม่ต่างกับเผด็จการ แถมคนก้าวไกลไม่เคยห้ามปรามบรรดาด้อมส้มที่หลงก้าวไกลแบบหัวปักหัวปำให้ยุติการกระทำดังกล่าว
หลายฝ่ายไม่ทน-ฟ้องด้อมส้ม
อย่างตอนนี้ด้อมส้มไปโฟกัสถล่มที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่ออกมาตำหนิด้อมส้มโดยตรง และนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ที่มีส่วนทำให้นายพิธา ไม่ได้เป็นนายกฯ
ก่อนหน้านี้เชื่อว่าหลายๆ คนไม่อยากยุ่งกับบรรดาแฟนคลับที่เกเรของพรรคก้าวไกล ไม่อย่างกล่าวถึงสิ่งที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม จนพรรคก้าวไกลกลายเป็นสิ่งที่แตะต้องไม่ได้ แต่ในวันนี้หลายฝ่ายเริ่มที่จะไม่ทนกับพฤติกรรมของบรรดาด้อมส้ม มีการใช้สิทธิตามกฎหมายเอาผิดด้อมที่มาสร้างความเสียหายมากขึ้น บางฝ่ายเข้มถึงขนาดไม่ขอรับการขอขมา
นักวิชาการด้านสื่อรายหนึ่งกล่าวว่า พรรคก้าวไกลฉลาดพอที่จะเลือกใช้ด้อมส้มเพื่อให้พรรคได้ประโยชน์ ถ้าเป็นบวกกับพรรคและสกัดศัตรูก็เงียบ ไม่รู้ไม่ชี้ แต่ถ้าเป็นลบกับพรรค ง่ายนิดเดียวก็ปฏิเสธความเกี่ยวข้อง ปล่อยให้เรื่องคดีความต่างๆ เป็นเรื่องส่วนบุคคลไป
แค่อยากเตือนว่าแฟนคลับทั้งหลาย เวลาจะทำอะไรคิดให้เยอะๆ ก่อน ชอบก้าวไกลคงเป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่ผิดอะไร แต่คุณพร้อมที่จะปกป้องนักการเมืองที่คุณชื่นชอบด้วยการกระทำที่เสี่ยงต่อกฎหมายคิดว่าคุ้มค่าหรือไม่ เขาจะมาช่วยเหลือคุณหรือไม่ แค่อยากให้ใช้สติก่อนเท่านั้น
เพราะตอนนี้หลายคนเริ่มที่จะใช้กฎหมายเข้ามาจัดการกับด้อมส้มมากขึ้นเรื่อยๆ เน้นไปที่การเรียกร้องค่าเสียหาย และการตามตัวผู้กระทำผิดไม่ใช่เรื่องยาก คุณมีกำลังทรัพย์พอที่จะจ่ายตามที่โจทก์เรียกร้องหรือไม่
ในด้อมยังมีชนชั้น
ที่ผ่านมา ด้อมส้มถือว่ามีบทบาทต่อการตัดสินใจของพรรคก้าวไกลมาก มีกรณ์ไม่มีกู กระแสนี้ปลุกขึ้น ทำให้ก้าวไกลต้องถอยก็เพราะคนที่ปลุกเป็นขาใหญ่ที่ร่วมชุมนุมกันมาตั้งแต่แรก ซึ่งถ้ายังฝืนกระแสในขณะนั้น ความนิยมในพรรคจะลดลงไปมาก แตกต่างจากกรณีของหยก นักเรียนชั้น ม.4 เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ที่มี Content ปืนรั้วเข้าโรงเรียน เคสนี้กระแสตีกลับหยก ทำให้ก้าวไกลไม่เข้ามาตั้งแต่แรก แม้จะเข้ามาแต่ไม่สามารถหาทางของให้ปัญหานี้ได้ จนหยกไม่มีสิทธิสอบ แถมยังกล่าวเป็นนัยๆ ว่าผู้ใหญ่เหล่านั้นหายเงียบไป แต่ไม่ยอมแตะก้าวไกล ล่าสุดผู้อำนวยการโรงเรียนต้องนำเรื่องไปปรึกษากับสมาชิกวุฒิสภา
เราไม่ปฏิเสธก้าวไกลใช้ Social Media ได้เก่งมาก เลือกที่จะพูดและไม่พูด ประดิษฐ์วาทกรรมสร้างความได้เปรียบ แถมมีด้อมส้มเป็นทั้งผู้ปกป้องพรรค แต่ในทางปฏิบัติแล้วการเป็นนักการเมืองคงไม่สามารถทำตามเสียงเรียกร้องของกองเชียร์ได้ทุกครั้ง อีกทั้งการกระทำที่เกินเลยของด้อมทั้งหลายอาจกลายเป็นการสร้างภาพลบให้พรรคก้าวไกล ฉุดคะแนนความนิยมของพรรคให้ลดลง
ทั้งนี้ ก้าวไกลสร้างพรรคให้เป็นที่รู้จักมาจากการปฏิรูปสถาบัน มีความต้องการชัดเจนที่จะแก้ไขมาตรา 112 และเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ ส.ว.ไม่เห็นด้วย แต่ก้าวไกลถอยไม่ได้ เพราะถ้าถอยก็เสียฐานมวลชนไปไม่น้อย อีกทั้งกุนซือหลักๆ ของก้าวไกลที่อยู่ในคณะก้าวหน้าคงไม่ยอม จนทำให้อำนาจการต่อรองของก้าวไกลลดลงเรื่อยๆ ชวดตำแหน่งประธานสภา พิธาชวดตำแหน่งนายกฯ ดีไม่ดีก้าวไกลคงต้องไปทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ส่วนพิธาจะได้เป็นผู้นำฝ่ายค้านหรือต้องรอดูว่าเขาจะยังคงเหลือสถานะความเป็น ส.ส.อยู่ต่อไปหรือไม่
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://m.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/?locale2=th_TH
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j