ถึงเวลา ‘เพื่อไทย’ ต้องรับศึกหนักระหว่างเขี่ยก้าวไกลเพื่อร่วมรัฐบาลข้ามขั้ว 324 เสียงหากยังอุ้มก้าวไกล โหวตกี่ครั้งก็ไม่ผ่าน คาดนายกฯ คนที่ 30 อาจได้พรรคอันดับ 3 ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ ที่ดวงพุ่งดาวจันทร์กุมกัน ได้แรงหนุนทางไกลแต่ไม่มั่นคงมีวาระไม่เกินกลางปี 2568 แหล่งข่าวชี้ ‘ทักษิณ’ ไม่ชอบเลข ‘30’ ยอมให้ ‘เสี่ยหนู’ ขัดตาทัพ จะส่งผลบวกกลับบ้านได้แบบสบายๆ ส่วน ‘บิ๊กป้อม’ คุมกลาโหม ‘บิ๊กตู่’ วางมือ เมื่อเวลาเหมาะสมเพื่อไทยจะรับไม้ต่อทันที ด้าน ‘รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล’ ระบุ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ โหวตไม่ผ่าน 27 ก.ค.นี้ ทำให้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ มีโอกาสนั่งนายกฯ ในการโหวตครั้งที่ 4 เพราะจับมือ ‘บิ๊กป้อม’ ตั้งรัฐบาลข้ามขั้วไว้แล้ว ส่วนก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านและอาจถูกยุบพรรคกรรมการบริหารที่เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ 9 คนถูกตัดสิทธิ ต้องตั้งพรรคใหม่ไว้รองรับ อีกทั้งอาจเผชิญวิกฤตหาแกนนำพรรครุ่นที่ 3 ขณะที่ ‘ธนาธร’ อีก 6 ปีถึงจะคืนสังเวียนการเมืองได้!
บรรดาด้อมส้มคงต้องทำใจให้ได้ว่า โอกาสที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล หมดโอกาสได้ชิงเก้าอี้นายกฯ ไปแล้วใช่หรือไม่ หลังจากที่ประชุมรัฐสภาโหวตคว่ำญัตติ 8 พรรคร่วมรัฐบาลตามข้อบังคับที่ 41 ด้วยคะแนน 394: 312 และงดออกเสียง 8 จากจำนวนผู้ลงมติ 715 ส่งผลให้ไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธา อีกแล้ว
ไม่เพียงแค่นั้น ว่ากันว่ากลเกมทางการเมืองที่โลดแล่นในสภายังจะส่งผลให้พรรคก้าวไกล หมดโอกาสเป็นรัฐบาล และต้องระเห็จไปเป็นฝ่ายค้านในเร็วๆ นี้
แต่ก็ใช่ว่าจะหมดโอกาสทั้งเป็นนายกฯ และเป็นรัฐบาล หากพรรคก้าวไกลนำข้อความที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญโพสต์ไว้ซึ่งแสดงความไม่เห็นด้วยกับผลการลงมติของรัฐสภาและยังชี้ทางออกให้ด้วย ใครที่เห็นว่าถูกละเมิดสิทธิสามารถไปร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินได้
ดังนั้น การเมืองในสภาตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค.เป็นต้นไป แม้ว่ากำลังจะเปลี่ยนไปอยู่ในมือพรรคเพื่อไทย ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าเพื่อไทยจะเลือกเดินแบบไหน อย่างไร หากยังคงเดินหน้ารักษา 8 พันธมิตรเดิม เพียงแต่เปลี่ยนแคนดิเดตนายกฯ มาจากพรรคเพื่อไทย ด้วยการเสนอ นายเศรษฐา ทวีสิน อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หรือนายชัยเกษม นิติสิริ ตามลำดับก็ตาม ต้องเผชิญเงื่อนไขสำคัญที่จะต้องได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ว. ท่ามกลางเสียงประกาศก้องของ ส.ว.ว่าถ้ายังมีพรรคก้าวไกล ร่วมจัดตั้งรัฐบาล ส.ว.จะไม่ลงคะแนนให้ ซึ่งหากออกมาในรูปนี้จะสามารถได้เสียง 375 สนับสนุนเพื่อไทยให้เป็นนายกรัฐมนตรีได้อย่างไร
แต่ที่น่าติดตามคือ หากจะให้สลัดพรรคก้าวไกลในทันทีเชื่อว่าเพื่อไทยคงต้องดีดลูกคิดรางแก้วว่าจะต้องเผชิญกับปัญหามวลชนอย่างไร หรือกลัวว่าการเลือกตั้งรอบหน้าเพื่อไทยอาจพ่ายก้าวไกลอีกครั้งก็เป็นได้ เนื่องจากการเดินเกมของก้าวไกล แต่ละย่างก้าวสะท้อนให้ประชาชนได้เรียนรู้ถึงระบบการเมืองบ้านเราว่ามีความผิดปกติจากอำนาจต่างๆ ที่มองไม่เห็นเข้ามาชี้เป็นชี้ตายอย่างไร โดยการอาศัยกฎหมายและองค์กรอิสระเป็นเครื่องมือในการจัดการพรรคการเมืองที่คิดต่าง
“ที่ว่าชั้นเชิงการเมืองของก้าวไกลไม่ทันเพื่อไทยก็อาจไม่ใช่ทั้งหมด จริงๆ ก้าวไกลอาจตั้งใจเป็นฝ่ายค้านตั้งแต่แรก เพราะรู้ว่าการจะเปลี่ยนแปลงอะไรบุคลากรพรรคต้องพร้อม ประชาชนที่เป็นแรงหนุนหรือเป็นกำแพงเหล็กคอยปกป้องยังไม่เติบโตและเรียนรู้การเมืองบ้านเราดีพอ ต้องรอเวลาสุกงอม การได้เพื่อไทยเป็นพันธมิตรกอดคอกันไปเป็นเกมต่อรองในการต่อสู้กับขั้วอำนาจเก่าได้ดีที่สุด แต่ถ้าไม่ไหวค่อยถอยออกมา แต่ต้องไปให้สุดกันก่อน” แหล่งข่าวจากขั้วประชาธิปไตย ระบุ
อย่างไรก็ดี ในวันที่ 27 ก.ค.นั้น หากก้าวไกลหมดสิทธิเสนอชื่อพิธา ชัดเจน และเพื่อไทย ยังไม่สามารถประสานขอเสียง ส.ว. หรือพรรคการเมืองขั้วเดิมมาสนับสนุนได้ ก็ต้องเข้าสู่ก้าวต่อไปที่คาดกันว่า ‘เพื่อไทย’ จะเป็นผู้รับบทหนักที่จะต้องหาทางออกให้บ้านเมืองเพื่อให้มีการตั้งนายกฯ ขึ้นมาให้ได้ ซึ่งทางออกที่ดีที่สุดคือการเดินสู่การเมืองข้ามขั้ว ต้องยอมแยกข้าวต้มมัดออกจากกันด้วยการสลัดก้าวไกลทิ้งไปเป็นฝ่ายค้านเพื่อให้การเมืองเดินหน้าต่อไปได้
“จะเกิดสูตรเพื่อไทย+ภูมิใจไทย+พลังประชารัฐ+รวมไทยสร้างชาติ+ชาติไทย พัฒนา+พรรคเล็กๆ รวม 324 เสียง และให้ก้าวไกล+ประชาธิปัตย์ไปเป็นฝ่ายค้าน 176 เสียง”
ส่วนสูตรนี้ใครจะเป็นนายกฯ นั้น จากเสียงที่เล็ดลอดออกมา ว่ากันว่าที่จริงควรจะเป็นของพรรคเพื่อไทย แต่เหตุใดกลับมีข่าวสะพัดออกมาว่า นายทักษิณ ชินวัตร ยังไม่ต้องการให้เพื่อไทยเป็นนายกฯ คนที่ 30 ไม่รู้ว่ามีเรื่องของศาสตร์ตัวเลขไปเกี่ยวข้องกับการเมืองในอดีตหรือไม่อย่างไร จึงคาดว่าน่าจะมีนายกฯ ขัดตาทัพช่วงเวลาหนึ่ง ส่วนจะกี่เดือนกี่ปียังไม่ได้ข้อสรุป และค่อยส่งให้นายกฯ ที่มาจากเพื่อไทยในเวลาที่เหมาะสมเป็นนายกฯ คนที่ 31 ต่อไป
“จริงๆ ก็ดีนะที่เพื่อไทยจะยังไม่รับตำแหน่ง เพราะคุณเศรษฐา เคยพูดจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรค 2 ลุง พปชร.กับ รทสช. ส่วนคุณอุ๊งอิ๊ง เชื่อว่าคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ คงยังไม่อนุมัติเพราะบทเรียนในอดีตได้ ขณะที่อาจารย์ชัยเกษม เรื่องของสุขภาพก็ไม่อยากให้ท่านต้องมาเครียด และแบกรับภาระหนักๆ กับการเมืองยุคนี้”
แหล่งข่าวระบุด้วยว่า การไม่รับตำแหน่งนายกฯ คนที่ 30 ของเพื่อไทย จะทำให้การเมืองนิ่งได้ ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อไทยกับก้าวไกลน่าจะยังพอรักษาระดับได้ ไม่รุนแรงเพราะเพื่อไทยไม่ได้เป็นนายกฯ ทันทีที่ก้าวไกลออกไปเป็นฝ่ายค้าน อีกทั้งหากก้าวไกล โดนศาล รธน.ตัดสินคดีที่ถูกร้องเรียนเรื่อง ม.112 หรือเรื่องการแบ่งแยกดินแดน อาจถึงขั้นยุบพรรค อาจทำให้หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคที่เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อถูกตัดสิทธิทางการเมืองใช่หรือไม่ แต่ระยะเวลาเท่าไหร่คงต้องติดตาม ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ พรรคก้าวไกลคงมีการตั้งพรรคใหม่ไว้รองรับ
“ระดับแกนนำที่ค่อนข้างอุดมการณ์รุนแรงจะค่อยๆ ลดไปจากรุ่นที่ 1 สู่รุ่นที่ 2 เมื่อตั้งพรรคใหม่จะเป็นรุ่นที่ 3 ก็คงจะเบาๆ ลงบ้าง บ้านเมืองจะลดความแตกแยกลงไปได้ใช่หรือไม่”
ในการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วที่จะเกิดขึ้นทำให้มีการพูดคุยกันว่าจะต้องส่งไม้ต่อให้ ‘เสี่ยหนู’ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นพรรคลำดับที่ 3 จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดไว้ก่อน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการกลับมาของนายทักษิณ ชินวัตร ที่จะไม่ถูกโจมตีจากด้อมส้มว่า ‘นายกฯ เพื่อไทย-รัฐบาลเพื่อไทย’ หักหลังพรรคก้าวไกลเพื่อต้องการนำนายทักษิณ กลับบ้านเท่านั้น ส่วนเรื่องของกัญชาที่เป็นประเด็นปัญหาระหว่างเพื่อไทยและภูมิใจไทยน่าจะเจรจากันได้
“บิ๊กป้อม อยากจะวางมือ การให้เสี่ยหนู เป็นนายกฯ ไปก่อนมีแต่ผลดี ให้บิ๊กป้อม ไปนั่ง รมว.กลาโหม ดูแลให้น้องๆ ระยะหนึ่งก่อนค่อยวางมือ เพราะบิ๊กตู่ เมื่อจัดรัฐบาลใหม่ได้แล้วจะวางมือจริงๆ ส่วน พปชร.และรทสช.คงต้องมีการปรับเปลี่ยนหลังบิ๊กตู่และบิ๊กป้อม วางมือกันไปแล้ว แต่ยังไม่ใช่เดี๋ยวนี้ ต้องทำให้การเมืองนิ่งก่อนให้เป็นเรื่องของนักการเมืองกันจริงๆ ว่าจะอยู่แบบนี้หรือยุบพรรคไปรวมกับพรรคไหนอย่างไร”
แหล่งข่าวระบุอีกว่า ในเรื่องของการแบ่งกระทรวงไม่ใช่ปัญหา น่าจะมีสัดส่วน 8-9 ต่อ 1 เก้าอี้รัฐมนตรี ซึ่งต้องให้เพื่อไทยคุมกระทรวงเศรษฐกิจ เพราะมีคนเก่งและเชี่ยวชาญที่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น เป็นความหวังของประชาชน ส่วนภูมิใจไทย น่าจะยึดคมนาคม สาธารณสุขเป็นหลัก หรืออาจขอแลกกระทรวงมหาดไทยและให้สาธารณสุขกับพรรคอื่นไป
“เรื่องเก้าอี้รัฐมนตรียังไม่ต้องคิดไปไกล ให้ได้นายกฯ ก่อน ซึ่งเสี่ยหนู ไม่ใช่มีโอกาสเพราะเป็นพรรคอันดับ 3 แต่มีคนผูกดวงไว้ตั้งแต่หลังเลือกตั้งแบบฟันธงว่า เสี่ยหนูจะเป็นนายกฯ คนที่ 30 อายุ 57 ปี ทักษาจรตกอยู่ในนาคนามถือเป็นเดช มีอำนาจวาสนาและกราฟชีวิตอยู่ช่วงขาขึ้น แต่ได้เพียงสั้นๆ ไม่เกินกลางปี 2568 อีกทั้งยังมีดาวศุกร์ ดาวอาทิตย์ ดาวมฤตยู และดาวจันทร์กุมกัน จึงมักได้รับการสนับสนุนจากทางไกลแต่ไม่มั่นคงมีวาระไม่เกินกลางปี 2568”
แหล่งข่าวบอกต่อว่า เมื่อมีการพูดคุยกันแล้วแต่เพื่อไทยในฐานะเป็นพรรคอันดับ 2 ต้องกล้าเสียสละ ทั้งๆ ที่เห็นแล้วว่าสถานการณ์การเมืองในสภาที่เกิดขึ้นเป็นการเปิดทางให้เพื่อไทยเดินแยกออกมาได้อย่างสง่างาม แต่ถ้ายังไม่กล้าแยกออกจากก้าวไกล แถมยังกอดคอกันไปเป็นฝ่ายค้าน ทิ้งให้เกิดวิกฤตกับประเทศเพราะตั้งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ไม่ได้ มีรัฐบาลใหม่ก็ไม่ได้ โดยปล่อยให้รัฐบาลบิ๊กตู่ รักษาการไปนานๆ ก็จะเกิดวิกฤตอะไรกับประเทศไทยตามมาคงต้องโยนให้พรรคเพื่อไทยกลับไปทบทวนกันต่อไป
ด้าน รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย และนายกสมาคมรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุว่า คนที่มีโอกาสเป็นนายกฯ มากที่สุดคือ “แพทองธาร ชินวัตร” เนื่องจากเพื่อไทยจำเป็นต้องมีพิธีกรรมเพื่อกระเตงพรรคก้าวไกลไว้ก่อน ดังนั้น จะมีการเสนอชื่อนายเศรษฐา ในการโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ 3 ในวันที่ 27 ก.ค.นี้ โดยยังจับกับก้าวไกล และก้าวไกลจะเป็นผู้เสนอชื่อนายเศรษฐา เพราะก้าวไกลบอกแล้วว่าหากโหวตนายกฯ ครั้งที่ 2 นายพิธาไม่ผ่านจะสนับสนุนเพื่อไทย แต่ยังไงนายเศรษฐา โหวตไม่ผ่าน เพราะตราบใดที่เพื่อไทยยังจับกับก้าวไกล ส.ว.ก็ไม่โหวตให้
ส่งผลให้ต้องมีการโหวตครั้งที่ 4 ซึ่งจากมติของสภาเมื่อ 19 ก.ค. หากมีการโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ 4 เพื่อไทยไม่สามารถเสนอชื่อนายเศรษฐา ซ้ำได้อีก จึงต้องเสนอชื่อแพทองธาร ส่วนการโหวตในสภาไม่น่ามีปัญหา เพราะเพื่อไทยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ คุยกันแล้ว ซึ่งกระบวนการในการข้ามขั้วนั้นวางไว้หมดแล้ว ดังนั้น พรรคร่วมรัฐบาลเดิมเขาโหวตให้แน่นอน ส่วน ส.ว.ถ้าไม่มีพรรคก้าวไกล เขาโหวตให้อยู่แล้ว
“เพื่อไทยต้องสร้างความชอบธรรมให้ตัวเองก่อนว่าไม่ใช่อยู่ๆ จะทิ้งก้าวไกลนะ แต่มีเหตุปัจจัย ส.ว.ไม่โหวตให้ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลมีพรรคก้าวไกล เพราะเพื่อไทยไม่อยากเจอทัวร์ลง จึงต้องสร้างสตอรีก่อน ซึ่งคุณเศรษฐาเขาก็รู้นะ คุณเศรษฐาเขาเป็นลูกน้องคุณยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่ลูกน้องคุณทักษิณ แต่วันนี้คุณทักษิณ เป็นคนกำหนดเกม และเมื่อไม่มีก้าวไกล ส.ว.เขาก็โหวตให้ ซึ่งฝ่ายลุงป้อม ไม่มีปัญหาหรอก เพราะเพื่อไทยไม่ได้มีปัญหากับลุงป้อม มานานแล้ว ซึ่งความจริงการดีลต่างๆเขาดีลกันในหลักการเสร็จหมดแล้ว” รศ.ดร.ธนพร กล่าว
ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลหลังจากได้แพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วนั้น รศ.ดร.ธนพร ระบุว่า อันดับแรกเพื่อไทยต้องจับมือกับพรรคร่วมเดิม ซึ่งไม่มีพรรคก้าวไกล ส่วนขั้วรัฐบาลเดิมที่จะมาจับมือกับเพื่อไทย น่าจะมีพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา ชาติพัฒนากล้า ส่วนอีกพรรคหนึ่งซึ่งตอนนี้ยังไม่แน่นอนคืออาจจะเป็นภูมิใจไทย หรือรวมไทยสร้างชาติ ขึ้นอยู่กับว่าทักษิณ ชินวัตร จะแค้นใครมากกว่ากัน ภูมิใจไทยมีเงาของนายเนวิน ชิดชอบ น้องรักหักเหลี่ยมโหด ขณะที่ รทสช.มีเงาของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ คือถ้าแค้นนายสุเทพ มากกว่า พรรคภูมิใจไทยมีโอกาสเข้าร่วมรัฐบาล แต่หากนายเนวิน มากกว่า เก้าอี้พรรคร่วมรัฐบาลก็เป็นของ รสทช. ซึ่งหากร่วมรัฐบาลกับ รสทช.อาจจะมีมวลชนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวบ้าง แต่โอกาสที่จะขยายวงกว้าง ม็อบเติบโตเป็นล้านคนมาลงถนนอย่างนั้นคงไม่เกิดขึ้น
สำหรับกรณีที่คาดการณ์กันว่าพรรคก้าวไกลอาจจะถูกยุบ รศ.ดร.ธนพร ชี้ว่า น่าจะเป็นเช่นนั้น อนาคตใหม่โดนอย่างไร ก้าวไกลก็โดนอย่างนั้น โดยนายพิธา และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งมีอยู่ 9 คน จะโดนตัดสิทธิทางการเมือง ส่วนสมาชิกพรรคก้าวไกลที่เหลือจะย้ายไปตั้งใหม่ ไม่ไหลไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นเพราะแนวคิดทางการเมืองเขาไม่เหมือนกัน แต่ปัญหาคือใครจะเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งเรื่องนี้เป็นโจทย์ของพรรคก้าวไกลว่าใครจะเป็นแกนนำในรุ่นที่ 3
“จำนวน ส.ส.ก้าวไกลที่เหลือน่าจะประมาณ 140 คน กรรมการบริหารพรรคที่โดนตัดสิทธิเพราะพรรคถูกยุบ มี 9 คน ซึ่ง 9 คนนี้เป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ด้วย ส่งผลให้ ส.ส.ส่วนนี้หายไป โดยไม่มีการเลื่อนผู้ที่อยู่ในบัญชีถัดไปขึ้นมาเป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์อีก อีกทั้งไม่มีการนำโควตาส่วนนี้ไปเกลี่ยเพื่อคำนวณสัดส่วนปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคการเมืองในสภาใหม่ จำนวน ส.ส.ในสภาจะเหลือไม่ครบ 500 คน ยกเว้นแต่ว่ากรรมการบริหารพรรคที่ถูกตัดสิทธิเป็น ส.ส.เขต จึงจะมีการเลือกตั้งใหม่ในเขตนั้นๆ แต่กรณีนี้เป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ทั้งหมด” รศ.ดร.ธนพร ระบุ
รศ.ดร.ธนพร กล่าวต่อว่า โจทย์ยากของพรรคก้าวไกลคือใครจะเป็นแกนนำรุ่นที่ 3 เพราะหลังจากถูกยุบ และ ส.ส.ย้ายไปตั้งพรรคใหม่แล้ว จะต้องหาผู้นำที่จิตใจแข็งแกร่งเป็นแกนนำ และเป็นหัวหน้าพรรค เพราะตราบใดที่พรรคก้าวไกลยังชูเรื่อง ม.112 จุดจบของพรรคจะเหมือนกับอนาคตใหม่ และก้าวไกล ซึ่งแกนนำและหัวหน้าพรรคจะมีส่วนอย่างมากว่าจะสามารถทำให้พรรคที่ตั้งขึ้นใหม่ได้รับความนิยมเหมือนพรรคก้าวไกลหรือเปล่า ส่วนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งพรรคถูกยุบและโดนตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปีนั้นยังต้องรออีก 6 ปี จึงจะกลับเข้าสู่การเมืองได้ ซึ่ง 6 ปีข้างหน้า ประเทศไทยเปลี่ยนไปถึงไหนแล้ว เงื่อนไขทางการเมืองต่างๆ ก็เปลี่ยนไป ดังนั้นอย่าไปมั่นใจว่าคุณธนาธร กลับมาเมื่อไหร่พรรคจะกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง!!
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://m.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/?locale2=th_TH
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4j