xs
xsm
sm
md
lg

วางค่ายกลหนุน ‘เพื่อไทย’ หัก ‘ก้าวไกล’ ชิงนายกฯ รอบ 2 จับตา ‘ม็อบเทียม’ ใส่เสื้อส้มป่วน!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จับตาโหวตเลือกนายกฯ กี่รอบ ‘พิธา’ ก็ได้แค่ฝันกลางวัน เหตุแก้มาตรา 112 จริงหรือไม่? ด้าน ‘พล.ท.พงศกร รอดชมภู’ อดีตรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ชี้มีธงสกัดพิธา-ก้าวไกล ไปเป็นฝ่ายค้านตั้งแต่แรก ส่วนเลือกรอบ 2 วันที่ 19 ก.ค.นี้ ‘บิ๊กป้อม-เพื่อไทย’ ชิงโอกาสลงแข่ง เพื่อเตะก้าวไกลพ้นทาง ยอมรับ ‘เพื่อไทย’ ตี 2 หน้าได้เก่ง หวั่นมีการจัดม็อบเทียมที่ชอบความรุนแรง ใส่เสื้อสีส้ม เพื่อให้ด้อมส้มจริงๆ ไม่กล้าลงถนน ยันโอกาสรัฐประหารเป็นศูนย์ แจงหากให้พิธา นั่งเป็นรัฐบาลแม้นโยบายเยี่ยม ผ่านการกรองมาอย่างดี แต่ในทางปฏิบัติอาจทำยากจนคนผิดหวังเหมือนได้ผู้ว่าฯ ชัชชาติก็ได้! แต่คนมีอำนาจกลัวเกินเหตุจึงสกัดทุกทิศทาง ขณะที่แหล่งข่าวระบุ 19 ก.ค.นี้ ต้องมีคนค้านเสนอ ‘พิธา’ อ้างญัตติถูกตีตกแล้ว เพื่อช่วย ‘เพื่อไทย’ ใช้เป็นข้ออ้างหักก้าวไกล ตั้งรัฐบาลสูตรใหม่ที่มีแต่ได้ ทั้งเป็น ‘รัฐบาล-ทักษิณ’ กลับมาอย่างปลอดภัย?

เป็นเรื่องที่คาดการณ์ของนักวิเคราะห์ทางการเมืองมาตลอดว่า ทันทีที่ กกต.มีมติเอกฉันท์ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อในฐานะหัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ประกอบมาตรา 101 (6) หรือไม่? จากเหตุมีชื่อถือครองหุ้นสื่อ ITV จำนวน 42,000 หุ้นนั้นจะกระตุกพลัง ‘ด้อมส้ม’ ลงสนามทันที ซึ่งก็เป็นจริงตามคาด บรรดา ‘ด้อมส้ม’ โพสต์เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ นัดหมายกันทั้งใน กทม.และจังหวัดใหญ่ๆ ที่ศรัทธาและรักนายพิธา มาชุมนุม

แต่การนัดชุมนุมในเบื้องต้นหลายพื้นที่อาจยังดูไม่มีพลังเพียงพอ หรืออาจเป็นเพราะว่าการส่งศาล รธน.ครั้งนี้ยังไม่ได้มีคำวินิจฉัยใดๆ ออกมาที่จะทำให้นายพิธา สะดุด เพราะในวันที่ 13 ก.ค.นายพิธา ยังมีสมาชิกสมบูรณ์ เข้ามานั่งในสภา และเป็นผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ โดยมี ส.ส.302 คนให้การรับรอง โดยไม่มีการเสนอผู้อื่นขึ้นมาแข่งขัน






ในการประชุมวันนี้ (13 ก.ค.) สมาชิกรัฐสภา โดยเฉพาะ ส.ว.ต่างแสดงความเห็นในประเด็นต่างๆ และข้อห่วงใย ด้วยเหตุและผลที่ไม่สนับสนุนก็เพราะนายพิธา และพรรคก้าวไกลยังมีความพยายามแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่

นี่คือเหตุผลสำคัญที่ ส.ว.ไม่สนับสนุนนายพิธา ส่งผลให้นายพิธา ไปไม่ถึงดวงดาวในรอบแรก!

อีกทั้งประเด็น ม.112 เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ศาลรัฐธรรมนูญ ได้พิจารณารับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกสร ไว้แล้ว โดยศาลพิจารณาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคสาม จึงมีคำสั่งรับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 7 (3) แจ้งให้ผู้รับทราบและให้นายพิธา และพรรคก้าวไกล ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาล รธน.ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้องตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 54 และเพื่อประโยชน์แก่การพิจารณา แจ้งอัยการสูงสุดว่าหากอัยการสูงสุดได้รับพยานหลักฐานใดเพิ่มเติมให้จัดส่งศาลโดยเร็ว

ดังนั้น เมื่อศาล รธน.รับคำร้องนี้ไว้พิจารณาแล้ว อาจจะเป็นประเด็นที่สมาชิกพรรคก้าวไกลและด้อมส้มรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ก็เป็นได้ ซึ่งอยู่ที่คำวินิจฉัยของศาล รธน.จะออกมาเช่นไร ผนวกกับเรื่องที่ กกต.ส่งศาล รธน.ประเด็นการถือหุ้น ITV ของนายพิธา ก็ยิ่งเพิ่มความสั่นคลอนต่อเก้าอี้นายกฯ คนที่ 30 ก็ไม่รู้ว่าการนัดประชุมเพื่อเลือกนายกฯ รอบที่ 2 ซึ่งกำหนดวันที่ 19 ก.ค.จะออกมาเช่นไร

“จับตาวันที่ 19 ก.ค.นี้ จะมีคนลุกขึ้นมาคัดค้านการเสนอชื่อนายพิธา อ้างว่าญัตตินี้ตกไปแล้วจะเสนอชื่อเดิมไม่ได้ ต้องเสนอชื่อคนใหม่ขึ้นมา ควรจะเป็นเพื่อไทยเสนอชื่อเศรษฐา ทวีสิน หรืออุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ก็แล้วแต่พรรค” แหล่งข่าวระบุ


อย่างไรก็ดี ประเด็นสำคัญในการเสนอชื่อรอบ 2 จะได้ใครเป็นนายกฯ นั้นว่ากันว่าอยู่ที่เพื่อไทย จะกล้าแยกตัวออกจากก้าวไกล และตัดความกังวลเรื่องม็อบด้อมส้มได้หรือไม่ เป็นโจทย์ที่เพื่อไทยต้องดีดลูกคิดถึงผลที่จะได้ตามมาว่าคุ้มกันหรือไม่?

“เพื่อไทยสลัดก้าวไกลได้เสียง ส.ว.หนุนแน่นอน ยังทำให้นายทักษิณ ชินวัตร สามารถกลับเข้ามาได้อย่างปลอดภัย ส่วนเรื่องม็อบนั้นเป็นเรื่องของหน่วยงานความมั่นคงอยู่แล้ว ถ้าทำได้ก้าวไกลก็ไปเป็นฝ่ายค้าน และจัดพรรคร่วมรัฐบาลกันใหม่จะมีภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ร่วมด้วยหรือไม่ก็อยู่ที่การเจรจากันต่อไป”

แหล่งข่าวบอกอีกว่า พรรคเพื่อไทยจะกล้าหักก้าวไกล ก็ต่อเมื่อญัตติเสนอชื่อนายพิธา รอบที่ 2 ถูกตีตกไป ซึ่งจะเป็นเหตุเป็นผลให้เพื่อไทย อธิบายก้าวไกลได้ชัดเจนที่สุดและเป็นเรื่องที่ก้าวไกลปฏิเสธไม่ได้ เพราะไม่ใช่การหักหลัง แต่เป็นเพราะระเบียบข้อบังคับของสภาโดยตรง นอกจากนี้ ยังมีประเด็นข้อกฎหมายที่จะทำให้นายพิธา ต้องสะดุดอีกหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องบัญชีทรัพย์สินที่แจ้ง ป.ป.ช. ซึ่งไม่ได้หมายถึงเรื่องหุ้น ITV และเรื่องที่ดินที่กำลังตกเป็นข่าวเท่านั้น ที่อาจทำให้นายพิธา และก้าวไกลขาดคุณสมบัติถึงขั้นปิดฉากก็เป็นได้

ส่วนวัน เวลา และประเด็นการตัดสินคดีความต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับนายพิธา ทั้งหมดหากออกมาเป็นลบต่อนายพิธา และพรรคก้าวไกล จะเป็นชนวนดึงด้อมส้มออกมาบนถนนมากหรือไม่? และจะเกิดอะไรขึ้นบ้างยังเป็นประเด็นที่น่าติดตาม


ด้าน พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ อดีตประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนราษฎร และเป็นผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งให้พรรคก้าวไกล บอกว่าคนที่มีอำนาจกลัวว่านายพิธา จะได้รับแรงหนุนจาก ส.ว.นั่งนายกฯได้ จึงมีบรรดา ส.ว.ที่อยู่ขั้วนั้นออกมาแสดงความเห็นต่อต้านนายพิธา อย่างต่อเนื่อง ถึงขั้นขู่ว่า เรื่องนายพิธา ส่งถึงมือศาล รธน.ไปแล้ว หากศาลวินิจฉัยว่านายพิธา ผิด คนและพรรคที่เลือกนายพิธา จะต้องมีความผิดตามไปด้วย จนดูวุ่นวายไปหมด

“ความระส่ำระสายของ ส.ว.ชี้ให้เห็นว่า ส.ว.กำลังแตกแยกกันมาก ถ้า 13 ก.ค.นายพิธา ไม่ได้เป็นนายกฯ ก็แปลว่า วันที่ 19 บิ๊กป้อม จะถูกดันขึ้นมา และเอาเสียงงูเห่าบางส่วนไปอยู่ด้วย หรือเพื่อไทยจะจัดตั้งรัฐบาลแข่งก็ต้องวัดใจกัน เพราะเพื่อไทยพยายามทำให้เห็นว่าหนุนพิธา ตลอด แต่ก็พยายามเดินเกมทั้งหมดเช่นกัน”

หากจะถามว่าถ้านายพิธา ไม่ได้เป็นนายกฯ หรือไม่ได้รับความยุติธรรม ม็อบด้อมส้มจะเป็นอย่างไร ขอบอกว่าม็อบด้อมส้ม เป็นคนเมือง มีความรู้ ซึ่งจะออกมาในแนวทางไม่ให้ความร่วมมือซึ่งผู้ที่มีอำนาจจะบริหารไม่ได้ ผลกระทบที่จะตามมาเศรษฐกิจจะซบเซา ซึ่งถ้าเกิดขึ้นการจะอัดเม็ดเงินเข้าไปมันจะไม่กระเตื้อง เพราะคนหมดกำลังใจไปแล้ว

“ม็อบเสื้อแดง เสื้อเหลือง มีลักษณะของการจัดตั้งมีแกนนำ ซึ่งเพื่อไทยน่าจะมีความชำนาญ แต่ม็อบด้อมส้ม มากันเอง ไม่มีการจัดตั้งจะน่ากลัวตรงที่ว่าจะคุมไม่ได้ ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ซึ่งเวลานี้ขอให้จับตาดูกันน่าจะมีความพยายามจัดตั้งม็อบ (มาในแนวเสื้อสีส้ม) เพื่อจะพยายามชิงกัน ซึ่งยังไม่รู้ว่าม็อบนี้มาจากใครอยู่เบื้องหลัง แต่ถ้าถึงจุดหนึ่ง คนที่มาชุมนุมตามธรรมชาติ คนที่มีความรู้ ความฉลาด จะจัดการได้เอง ซี่งผมไม่เชื่อว่าคนที่มาแบบผิดธรรมชาติจะชนะคนที่ทำอะไรตามธรรมชาติได้”

พล.ท.พงศกร รอดชมภู อดีตรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ อดีตประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนราษฎร
พล.ท.พงศกร ย้ำว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังจัดตั้งม็อบ (แต่ใส่เสื้อส้ม) ออกมา จะพยายามทำให้เสมือนเกิดความรุนแรง พอมีความรุนแรงเมื่อไหร่ คนเสื้อส้มที่จะออกมาแบบธรรมชาติ ก็ไม่อยากออกมาชุมนุม ทั้งๆ ที่ด้อมส้มต้องการแสดงให้เห็นว่าเขามีความเห็นอย่างไรเมื่อนายพิธา ที่ได้รับเลือกตั้งมาเป็นพรรคอันดับ 1 ไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่านั้น

“วันนี้มีความพยายามจะให้คนเสื้อส้มจริงๆ เกิดความกลัว ความลังเล ไม่อยากไปร่วม ถ้าจะดูม็อบเสื้อส้มจะเห็นถึงอารมณ์และความรู้สึกในเชิงบวก ขอให้ไปดูทุกจังหวัดที่ออกมาให้การสนับสนุนพิธา อารมณ์เขารัก ชื่นชม ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ม็อบจัดตั้งจะมีความคิดเชิงลบ เชิงทำลาย ขว้างปา พยายามจลาจลเพื่อให้หมดสภาพ ซึ่งจริงๆ ม็อบส้มจะมาแบบปกติ”

อีกทั้งในปัจจุบันเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าจะมีความขัดแย้งทางการเมือง การชุมนุมกันอย่างไรก็ไม่น่าจะนำไปสู่การทำรัฐประหาร ยึดอำนาจรัฐบาลได้อีกแล้ว เนื่องจากหน่วยทหารที่ใช้ในการยึดอำนาจเป็นหน่วยทหารใน กทม. เวลานี้ต้องไปปฏิบัติภารกิจอื่นแล้วไม่สามารถเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกต่อไป ซึ่งถือเป็นความโชคดีของประเทศไทย






นอกจากนี้ พล.ท.พงศกร บอกว่า ในส่วนตัวเชื่อว่านายพิธา ดูโดดเด่นเพราะมีบุคลิก เข้าถึงง่าย มีเสน่ห์ มีความรู้ นำเสนออะไรคนก็ชอบและเชียร์ ซึ่งสังคมไม่เคยเห็นนายกฯ ที่จะเป็นหน้าเป็นตาเช่นนี้ ในความเป็นจริงพรรคก้าวไกลมีจุดอ่อน แม้ว่าการจะออกนโยบายใดๆ ก็ตาม จะคิดละเอียด และดูเป็นไปได้ ไม่พูดแบบไม่มีเหตุมีผล แต่เวลาลงมือปฏิบัติจริงอาจทำไม่ได้มากมายเพราะติดระบบราชการก็ได้

“นโยบายก้าวไกล เป็นเรื่องทำยากๆ ทั้งนั้น ทำได้ หนึ่งในสิบหรือยี่สิบเรื่องก็ถือว่ายอดแล้ว ไม่รู้ว่ากลัวอะไรกันถึงต้องสกัดนายพิธาและก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้านซึ่งเป็นเป้าหมายตั้งแต่แรกหรือกลัวว่าเขาจะทำสำเร็จ ทำแบบนี้เลือกตั้งครั้งต่อไปก้าวไกล เป็นรัฐบาลพรรคเดียวแน่ แต่ถ้าไม่กลัวให้พิธา เป็นรัฐบาลไปก่อน ก็อาจจะเหมือนได้นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นผู้ว่าฯ กทม.ที่คนเริ่มเบื่อและผิดหวังก็ได้นะ”

ที่สำคัญเมื่อความกลัวเข้ามาครอบงำ จึงเชื่อว่าเกมการเมืองครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อไทย หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หากต้องการจะเป็นนายกรัฐมนตรี หรือจัดตั้งรัฐบาล จะต้องรีบชิงดำเนินการให้เสร็จน่าจะเกิดขึ้นในการเสนอรอบ 2 วันที่ 19 ก.ค.นี้ ก่อนที่ศาล รธน.จะวินิจฉัยออกมา เพราะถ้าหากนายพิธา ไม่มีความผิดผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดสิ้นโอกาสแน่นอน

“หากพี่ป้อมจะเอา หรือเพื่อไทยจะพลิกแพลงอะไร ก็ต้องภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ จะดึงพรรคโน้น พรรคนี้มาแล้วบอกว่าเป็นพรรคการเมืองอันดับหนึ่ง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลแทนก้าวไกลก็จะปรากฏให้เห็นต่อไป” พล.ท.พงศกร ระบุ

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่

Facebook :https://m.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/?locale2=th_TH



กำลังโหลดความคิดเห็น