xs
xsm
sm
md
lg

เพื่อไทยยอม’อมเลือด’ยกเก้าอี้ประธานสภาให้’ก้าวไกล เชื่อเกมสุดท้ายชัยชนะจะเป็นของ พท.!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จับตาการเมืองหลัง กกต.ประกาศรับรอง ส.ส.ทั้ง 500 คน เชื่อจากนี้ไปจะวัดกันที่ขั้วใดหรือพรรคใดอดทนมากกว่ากัน ขณะที่พรรคเพื่อไทย วิเคราะห์จุดอ่อนพรรคก้าวไกล และนั่งดีดลูกคิดรางแก้วพบการสนับสนุนให้ ‘พิธา’ และรัฐบาลก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลได้ จะทำให้บรรดา ‘ด้อมส้ม’ รู้ว่าก้าวไกลพูดได้แต่ทำไม่ได้ ทั้งเงินผู้สูงวัย 3 พันบาท ค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท การบริหารแบบงบประมาณฐานศูนย์ การปฏิรูปกองทัพ-ระบบราชการ หรือเสนอแก้กฎหมาย 45 ฉบับ รวมทั้งแก้มาตรา 112 ไม่ง่ายอย่างที่หาเสียงไว้ แต่ถ้าใครขวาง ‘พิธา’ นั่งนายกฯ - ประธานสภาของก้าวไกลเลือกตั้งครั้งหน้าแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน! แจงหากพิธา ถูกเตะตัดขา จะทำให้ ‘เศรษฐา ทวีสิน-เพื่อไทย’ ขึ้นแท่นทันที พร้อมเจรจาจัดสูตรคุมกระทรวงกันใหม่ ‘มหาดไทย’ ต้องส่งคืนเพื่อไทย ชี้กรณี ‘หยก’ และนโยบายขายฝันก้าวไกล จะช่วยกระตุกให้ ‘ด้อมส้ม’ เปลี่ยนใจไปหนุน ‘เพื่อไทย’ ที่พร้อมกว่า!

แม้ว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศรับรองทั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต บัญชีรายชื่อครบทั้ง 500 แล้วก็ตาม และกำลังจะก้าวเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป เปิดประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกประธานสภา และนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ที่ชื่อพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ภายใต้รัฐบาลก้าวไกลซึ่งมีพันธมิตรรวม 8 พรรค น่าจะปรากฏเป็นจริงได้ในราวปลายเดือน ก.ค.ที่จะถึงนี้

แต่ในทางการเมืองบรรดานักวิเคราะห์และติดตามการเมืองเชื่อกันว่าเกมนี้ต้องดูกันยาวๆ และต้องดูแบบมีสติยึดพรหมวิหาร 4 หรือพรหมวิหารธรรมเป็นแนวทางปฏิบัติของผู้ที่ปกครองและผู้ถูกปกครอง แม้นายพิธา และ ส.ส.ทั้งหมด 500 จะได้รับการรับรองแล้วก็ตาม แต่ใช่ว่านายพิธา จะได้รับการโหวตให้เป็นนายกฯ กันง่ายๆ หรือถ้าปล่อยให้ได้เป็นไปก่อนก็ใช่ว่าจะอยู่ได้อย่างมั่นคง เพราะวันนี้สิ่งสำคัญสุดจะต้องทำให้สังคมได้รับรู้ว่าอะไรจริงและอะไรไม่จริง และผู้ที่จะเล่นเกมยาวๆ ได้ดีที่สุดว่ากันว่าคือพรรคเพื่อไทย

“เพื่อไทย รักษามารยาททางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยได้เป็นอย่างดี ไม่ตั้งรัฐบาลแข่ง แต่คอยหนุนให้พิธา และก้าวไกลตั้งรัฐบาลให้ได้ อยากได้อะไรเอาไปเลย เพราะรู้ว่าสิ่งที่ก้าวไกลประกาศออกมาแต่ละอย่างนั้น หลายๆ เรื่องเชื่อว่าทำได้ยากและต้องให้ก้าวไกลสะดุดขาตัวเอง เพราะไม่เช่นนั้นเลือกตั้งครั้งต่อไป ก้าวไกลจะกวาดที่นั่งเรียบ”


ในส่วนของขั้วอำนาจเดิมนั้นเดินหน้าทำหน้าที่รักษาการรัฐบาลไปเรื่อยๆ ปล่อยให้เป็นเรื่องขององค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องแต่ละองค์กรดำเนินการตามอำนาจ หน้าที่ และกฎหมายที่อยู่ในมือ ไม่ว่าจะเป็น กกต.ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลยุติธรรม เป็นต้น พร้อมๆ กับมีทีมงานคอยติดตามตรวจสอบและประเมินสถานการณ์ที่พรรคก้าวไกลดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง

แหล่งข่าวทั้งขั้วรัฐบาลเดิมและพรรคเพื่อไทย พูดตรงกันว่า การเมืองวันนี้ต้องใจเย็น และดูกันยาวๆ เพราะสิ่งที่เห็นกันชัดๆ ในกรณีของ ‘หยก ธนลภย์’ ที่ออกมาต่อต้านกฎต่างๆ ของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ โดยเฉพาะเรื่องของเครื่องแบบ และทรงผม หรือพฤติกรรมต่างๆ ที่หยกแสดงออกมานั้นทำให้สังคมส่วนใหญ่ยอมรับไม่ได้ มีการตำหนิและทัวร์ไปลงที่หยก แต่ใช่ว่าหยกจะยอมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและหันมาทำตามกฎกติกาของโรงเรียน แต่กลับยืนยันในสิทธิเสรีภาพในเครื่องแบบและทรงผม พร้อมปฏิเสธสิ่งที่หยกเรียกว่าเป็นการสืบทอดอำนาจนิยมที่ปฏิบัติกันมา หรือกติกาของโรงเรียนนั่นเอง

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ - น.ส.แพทองธาร ชินวัตร

คุณเศรษฐา ทวีสิน หนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย
ไม่เพียงเท่านั้น หยก ยังฝากถึงพรรคก้าวไกลว่ากว่าจะออกแถลงการณ์เพื่อมาร่วมหาทางออกกรณีหยก ทำให้หยกต้องปีนรั้วโรงเรียนมาถึง 3 ครั้ง ทั้งที่เรื่องทรงผมและเครื่องแต่งกายก็เป็นหนึ่งในนโยบายของพรรคก้าวไกล

“หยกกลายเป็นเหยื่อการเมืองที่อ้างประชาธิปไตย อ้างสิทธิเสรีภาพ ตอกย้ำว่านี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ต้องการผู้กล้า และหยกก็คือผู้กล้า ขณะที่อีกฝั่งมองว่าหยกนี่แหละ ทำให้บรรดาคนชั้นกลาง คนที่มีครอบครัว หรือบรรดาด้อมส้ม ตั้งคำถามกันว่า ถ้าหยกเป็นครอบครัว เป็นลูก เป็นพี่น้องเรา เราจะช่วยให้หยกอยู่ในสังคมปกติได้อย่างไร หรือเราจะปล่อยให้ลูกหลานเป็นเหยื่อการเมืองต่อไปหรือ ตรงนี้เองที่จะทำให้ FC ด้อมส้มทั้งหลายได้คิด วิเคราะห์ และมองว่าพรรคก้าวไกลคือผู้อยู่เบื้องหลังใช่หรือไม่ ส่งผลให้แรงเชียร์พิธา-ก้าวไกล ถดถอยได้หรือไม่” แหล่งข่าว ระบุ

นี่เป็นเพียงวิบากกรรมหนึ่งที่ก้าวไกลกำลังเผชิญ!

นอกจากนี้ ยังมีกรณีของ 8 พรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่สังคมมองเห็นในเวลานี้ว่าเป็นพรรคที่มีมารยาทและเคารพหลักการประชาธิปไตยอย่างมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วพรรคเพื่อไทย วิเคราะห์เชื่อมโยงจนได้ข้อสรุปการเมืองวันนี้ต้องไม่คิดแค่วันนี้ แต่ต้องมองถึงการเลือกตั้งในครั้งต่อไป และมองการเมืองยาวๆ ด้วยการดีดลูกคิดรางแก้ว เพื่อให้พรรคเพื่อไทยสัมฤทธิผล และไม่ถูกบรรดาด้อมส้มโจมตี แต่ยังเปลี่ยนใจมาหนุนพรรคเพื่อไทยด้วยการให้ด้อมส้มได้เห็นฝีมือการบริหารของพรรคก้าวไกลทำได้จริง หรือแค่ขายฝันได้เก่งเท่านั้น


แหล่งข่าวบอกว่า หากจะพิจารณาสิ่งที่จะทำให้พรรคก้าวไกลเพลี่ยงพล้ำหรือเป็นจุดอ่อนของพรรคก้าวไกลโดยตรง ประกอบด้วย

ประการที่ 1 นายพิธา จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หรือเป็นแล้วจะอยู่นานหรือไม่?
เป็นเรื่องที่เพื่อไทย ก็มองไม่ได้ต่างจากขั้วอำนาจเดิม เริ่มจากจะได้เสียง ส.ว.250 เสียงสนับสนุนหรือไม่ ถ้าได้จนสามารถตั้งรัฐบาลเป็นนายกฯ ได้ ยังจะมีโอกาสถูกสอยค่อนข้างสูงจากกรณี ITV หรืออื่นๆ ที่มีการทยอยขุดคุ้ยกันมาหรือไม่?

“ก้าวไกล เสนอแคนดิเดตนายกฯ คนเดียว ถ้ามีปัญหาต้องมาคุยกับพรรคอันดับ 2 คือเพื่อไทย ถึงตอนนี้แหละนายกฯ ต้องกลับมาเป็นของเพื่อไทย ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นคุณเศรษฐา ทวีสิน หนึ่งในแคนดิเดตพรรคขึ้นเป็นนายกฯ ต่อไป”

ประการที่ 2 เมื่อเราเห็นโจทย์ข้อ 1 มีโอกาสเพลี่ยงพล้ำได้ แกนนำเพื่อไทยรู้ว่าเราควรจะยอมๆ เก้าอี้สำคัญอะไรแค่ไหน เพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้ เดิมเพื่อไทย ต้องการให้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเป็นประธานสภา แต่เมื่อเราหารือกันแล้วคิดว่าพรรคก้าวไกล ต้องการเก้าอี้ประธานสภา พรรคก็ควรที่จะยินดีให้

“ก้าวไกลต้องการไปแก้กฎหมายที่สัญญาไว้กับประชาชนช่วงเลือกตั้ง มีถึง 45 ฉบับ เป็นกฎหมายการเมือง 11 ฉบับ กฎหมายสิทธิเสรีภาพ 8 ฉบับ กฎหมายปฏิรูปที่ดิน 8 ฉบับ กฎหมายบริการสาธารณะ 4 ฉบับ กฎหมายเศรษฐกิจ 4 ฉบับ สิ่งแวดล้อมและแรงงานอย่างละ 2 ฉบับ และยังมีเรื่องของ ม.112 ที่สังคมจ้องมองเพราะรับไม่ได้ที่จะมีการแก้ไข

ตรงนี้จึงเป็นเหตุผลที่แกนนำพรรคเพื่อไทยเห็นควรให้ตำแหน่งประธานสภากับก้าวไกล แต่บรรดา ส.ส.อาจยังไม่รู้ก็ออกมาเคลื่อนไหวไม่เห็นด้วยที่ยอมให้ตำแหน่งประธานสภากับก้าวไกล ซึ่งจริงๆ แล้วก็เหมือนกับพรรคเพื่อไทยเสียสละทุกอย่าง แต่ในความเป็นจริง กฎหมายต่างๆ ที่พรรคก้าวไกลเสนอแก้หลายฉบับไม่มีทางจะผ่านง่ายๆ นี่คือเกมที่แกนนำพรรคเพื่อไทยมองขาด

“อย่างมาตรา 112 เพื่อไทยก็นิ่ง ปล่อยให้ก้าวไกลอยากทำอะไรทำไป ถึงที่สุดหากก้าวไกลถอยเรื่องนี้ บรรดาด้อมส้ม คงทนไม่ได้ต้องออกมาถล่มก้าวไกลกันเอง”

 ศิริกัญญา ตันสกุล ว่าที่ รมว.คลังจากพรรคก้าวไกล
ประการที่ 3 การตั้ง 'ศิริกัญญา ตันสกุล' ว่าที่ รมว.คลังจากพรรคก้าวไกล ซึ่งมีกระแสวิจารณ์ในเรื่องคุณสมบัติเรื่องมือยังไม่ถึง และพรรคเพื่อไทยเชื่อเช่นนั้น แต่ไม่รู้เหตุผลว่าทำไม ต้องเป็น ‘ศิริกัญญา’ ถามว่าในทางวิชาการน่าจะเป็นคนเก่ง และมีวิสัยทัศน์ แต่การบริหารกระทรวงการคลัง หรือคุมเศรษฐกิจของบประเทศ พูดง่ายๆ คือเป็นนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจนั่นเสี่ยงเกินไป

ตัวอย่างเช่นเรื่องงบประมาณฐานศูนย์ (Zero-Based Budgeting) ที่จะนำมาใช้ย่อมรับว่าเป็นวิธีการที่ดี เพราะเป็นการจัดงบประมาณโคยคำนึงถึงความจำเป็นและความเหมาะสมของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น โดยไม่ไปผูกพันกับงบที่ได้ในปีก่อนๆ

“หน่วยงานไหนเคยซื้อของซื้ออะไร เริ่มใหม่ มาดูใหม่ เช่น เคยจัดซื้อเรื่องบินเป็นล็อตๆ ก็ไม่เอา มาดูใหม่ว่ามันตอบสนองความต้องการของประเทศ ของประชาชนหรือเปล่า ก็ไม่ง่าย เพราะมันเป็นผลประโยชน์ทั้งประเทศ เราถึงบอกว่านโยบายนี้ฟังดูดี จะมาจัดตั้งงบประมาณที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ไม่ได้เอางบประมาณของแผ่นดินไปผลาญเหมือนที่ทำกันมา แต่คงต้องเจอพวกทุนผูกขาดของแต่ละหน่วยงาน คงต้องคิดหาวิธีแก้กันไว้ด้วย”

ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยเชื่อว่า การที่พรรคก้าวไกลต้องการคุมกระทรวงการคลัง จะเป็นผลดีกับนโยบายของพรรคเขาเอง เพราะสามารถผลักดันเรื่องสุราก้าวหน้า และอีกหลายๆ เรื่อง อีกทั้ง ก.คลัง ถือหุ้นในรัฐวิสาหกิจหลายแห่งที่มีการผูกขาด ซึ่งก้าวไกลต้องการแก้ไขตรงนี้โดยใช้อำนาจของกระทรวงการคลังเข้าไปผลักดัน ตั้งแต่กรมสรรพสามิต กรมสรรพากร กรมศุลกากร กรมธนารักษ์ที่ดูแลที่ดินรัฐทั่วประเทศ เป็นต้น

ประการที่ 4 สิ่งที่กำลังเป็นความเสี่ยงจากนโยบายของพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะนโยบายเงินผู้สูงวัยเดือนละ 3 พันบาท ซึ่งของเก่าได้ที่ 600-1,000 บาท จะเพิ่มขึ้นเป็น 3 พันบาทเพื่อจะช่วยให้ผู้สูงวัยมีความมั่นคงทางการเงินเพิ่มขึ้น

“เพื่อไทยกำลังดูว่าก้าวไกล จะจัดสรรเงินมาจากที่ไหนให้ผู้สูงวัย 3 พันบาทต่อเดือน วันนี้ต้องกลับไปดูว่ายอดหนี้สาธารณะคงค้างอยู่ที่ 10.76 ล้านล้านบาท คิดเป็น 61.13% ของจีดีพี ซึ่งยังไม่รวมการผูกพันทางการคลังที่อาจเกิดขึ้นจากโครงการต่างๆ ของรัฐ รัฐบาลก้าวไกลจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ในการลงทุน เงินที่มีอยู่ประมาณแสนกว่าล้านเป็นงบประจำ พวกเงินเดือนถึง 80% เหลือเงินนิดเดียว ยังไม่นับที่ผูกพันงบประมาณอีก เหลือแค่ 10% ที่จะใช้ลงทุน”

ประการที่ 5 การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เป็น 450 บาทต่อวัน อยากจะบอกว่าพรรคก้าวไกลมั่นใจหรือว่าจะไม่ได้รับการต่อต้าน เพราะเมื่อภาคเอกชนขึ้นค่าแรงเท่าไหร่จะผลักภาระไปให้ผู้บริโภคเท่านั้น คนที่จะตายคือบรรดาแรงงานและคนหาเช้ากินค่ำจะต้องเผชิญกับรายจ่ายเพิ่มขึ้นจากการปรับราคาสินค้า และอาจเป็นเหตุให้ต่างชาติย้ายฐานการผลิตก็เป็นได้ หรือพรรคก้าวไกลเชื่อว่าการเดินสายไปพบสภาอุตฯ หรือธุรกิจต่างๆ มาแล้วจะสามารถปรับค่าจ้างขั้นต่ำได้ตามนโยบายก็คงต้องคิดทบทวนกันใหม่

“พรรคเพื่อไทยมีนโยบายปรับขึ้นค่าแรงก็จริง แต่พรรคมีแนวทางที่จะต้องทำให้เศรษฐกิจเติบโตก่อน วันนี้ก้าวไกลเป็นรัฐมนตรีคลังเราถือโอกาสชะลอ digital 10,000 บาทได้ทันที”

แหล่งข่าวระบุว่า วันนี้แรงกดดันต่างๆ ในการทำให้เศรษฐกิจเติบโตในช่วง 4 ปีจึงไปอยู่ที่พรรคก้าวไกลทั้งหมด ส่งผลให้พรรคเพื่อไทย สบายๆ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล โดยไม่คิดที่จะดึง ก.คลังเข้ามาต่อรองในการร่วมรัฐบาลเพราะในหลักการคลังต้องอยู่กับพรรคแกนนำอยู่แล้ว ซึ่งพรรครู้ว่าสถานะของหนี้คงคลังปัจจุบันเป็นอย่างไร



ประการที่ 6 ปัญหาในเรื่องการปฏิรูปกองทัพและการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศตามนโยบายกระจายอำนาจนั้น เป็นเรื่องที่จะทำให้พรรคก้าวไกลต้องเผชิญกับรัฐราชการซึ่งเป็นขั้วอำนาจที่ใหญ่ที่สุด และหากหักหาญจะทำให้พรรคก้าวไกลทำงานยาก และจะทำให้รัฐบาลก้าวไกลไม่สามารถเป็นรัฐบาลได้ตามวาระ

“เราเชื่อว่าสูตรในการร่วมรัฐบาลก้าวไกลนั้น หากนายพิธา ไม่ได้เป็นนายกฯ ก็ต้องให้พรรคเพื่อไทยขึ้นมาแทน นายกฯ ต้องเป็นเพื่อไทย กระทรวงต่างๆ คงต้องมาคุยกันใหม่อีกรอบว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง เช่น มหาดไทย คงต้องให้เพื่อไทยแล้ว”

ขณะที่เพื่อไทยเองแม้จะรักษาภาพลักษณ์ในฐานะพรรคอันดับ 2 ฝ่ายประชาธิปไตยมาอย่างดีเยี่ยม แต่ถ้ามีเหตุการณ์การเมืองเกิดขึ้นโดยพรรคก้าวไกลถอนตัวไปเป็นฝ่ายค้านเพื่อไทยอาจจะเสี่ยงถ้าจะจัดตั้งรัฐบาลกับขั้วอำนาจเดิมเพราะเชื่อว่าบรรดาด้อมส้มถล่มพรรคเพื่อไทยอ้างว่าทรยศฝ่ายประชาธิปไตยแน่นอน

“เพื่อไทยจึงต้องอดทนและรักษาสถานะพรรคร่วมรัฐบาลให้ดีที่สุดเพื่อให้มวลชน หรือด้อมส้มประจักษ์เองว่า พรรคก้าวไกลไม่ได้มีฝีมือและขาดบุคลากรคุณภาพในการบริหารประเทศ คือพูดแล้วทำไม่ได้เรื่องเศรษฐกิจจะใกล้ตัวใกล้ใจ คุณภาพชีวิตจะดีขึ้นจริงหรือไม่ดูที่เงินในกระเป๋าของประชาชนเป็นหลัก”

ที่สำคัญพรรคเพื่อไทย ประเมินแล้วว่า การสนับสนุนให้นายพิธา เป็นนายกฯ ภายใต้รัฐบาลพรรคก้าวไกลจะดีกว่าที่จะไม่ได้เป็นเพราะหากปล่อยให้พรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้านในครั้งนี้บอกได้เลยว่าเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคก้าวไกลแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน

แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยยอมอดเปรี้ยวไว้กินหวาน สนับสนุนให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลครั้งนี้จะพิสูจน์ให้สังคมได้เห็นว่าพรรคก้าวไกลเหมาะกับการเป็นฝ่ายค้านที่มีคุณภาพมากกว่าการเป็นรัฐบาลที่พูดแล้วทำไม่ได้เพราะจุดอ่อนของพรรคนี้คือขาดบุคลากรในการบริหารประเทศเมื่อเทียบกับพรรคเพื่อไทย!

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่

Facebook :https://m.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/?locale2=th_TH



กำลังโหลดความคิดเห็น