xs
xsm
sm
md
lg

เปิดช่องทาง ‘ทักษิณ’ กลับไทย ไม่ต้องติดคุก-นับหนึ่งสู้คดีกันใหม่!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เกาะติด 5 ปัจจัยสำคัญ ฟันธง ‘ทักษิณ ชินวัตร’ จะกลับมาจริง ชี้การโพสต์และทวีตข้อความแบบถี่ๆ ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง สื่อถึงแฟนคลับอย่าปันใจให้พรรคอื่น และข้าราชการระวังขั้วอำนาจกำลังจะเปลี่ยน หวังนำ ‘เพื่อไทย’ แลนด์สไลด์-ตั้งรัฐบาลได้เพื่อเร่งออกพระราชกำหนดยกเลิกประกาศ คมช.ฉบับที่ 30 ส่งผลให้ยกเลิกผลพวงที่ตามมาทั้งหมด โดยไม่ได้ลบล้างอำนาจศาล และ ‘ทักษิณ’ ยังไม่ต้องติดคุก แต่กลับมาสู้คดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามกระบวนการยุติธรรมใหม่ หน่วยงานไหนเสียหายแจ้งความดำเนินคดีและสู้กันในศาลยุติธรรมต่อไป ขณะเดียวกัน ถ้า ‘เพื่อไทย’ ไม่แลนด์สไลด์ ไม่ได้เป็นรัฐบาล ‘ทักษิณ’ ฝันสลายหากจะกลับมาก็ต้องติดคุก ซึ่งเป็นทางเดินที่ทักษิณ และตระกูลชินวัตร ไม่เลือกแน่!

ทุกครั้งที่นายทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ หรือโพสต์เฟซบุ๊ก หรือทวิตเตอร์ว่าจะกลับมาประเทศไทย มักจะสร้างแรงกระเพื่อมให้ผู้คนในสังคม ส่วนจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับบริบทในขณะนั้น โดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการกาบัตรเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.นี้ สามารถยึดพื้นที่สื่อ ทั้งสื่อกระแสหลักและโลกออนไลน์ได้แบบเต็มๆ

โดยข้อความทวีตที่น่าสนใจล่าสุด!

“เช้าวันนี้ ผมดีใจมากที่ได้หลานคนที่ 7 เป็นชายชื่อธาษิณ จากน้องอิ๊ง แพทองธาร หลาน 7 คนคลอดในขณะที่ผมต้องอยู่ต่างประเทศ ผมคงต้องขออนุญาตกลับไปเลี้ยงหลาน เพราะผมอายุจะ 74 ปี กรกฎานี้แล้ว พบกันเร็วๆ นี้ครับ ขออนุญาตนะครับ” ทวีตเมื่อ 1 พ.ค.2566

‘ผมขออนุญาตอีกครั้ง ผมตัดสินใจแล้วว่าจะกลับบ้านไปเลี้ยงหลานภายในเดือนกรกฎาคมนี้ก่อนวันเกิดผมครับ ขออนุญาตนะครับ เกือบ 17 ปีแล้วที่ต้องพลัดพรากจากครอบครัว ผมก็แก่แล้วครับ” ทวีตเมื่อ 9 พ.ค.2566

“ไม่ต้องกังวลว่าผมจะเป็นภาระพรรคเพื่อไทย ผมจะเข้าสู่กระบวนการกฎหมายและวันที่ผมกลับยังเป็นช่วงรัฐบาลรักษาการของ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ ทั้งหมดคือการตัดสินใจของผมเองด้วยความรักผูกพันกับครอบครัว /แผ่นดินเกิดและเจ้านายของเรา” ทวีตเมื่อ 9 พ.ค.2566






ทั้ง 3 ข้อความที่ทวีตนั้นคนในแวดวงการเมืองและสังคมเชื่อว่ามีความหมาย ซึ่งแหล่งข่าวระดับแกนนำของพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลวิเคราะห์ว่า นายทักษิณ ต้องการกลับประเทศไทยจริง ส่วนจะกลับได้จริงหรือไม่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และกลไกต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

ประการที่ 1 นายทักษิณ ได้ออกจากประเทศไทยไปตั้งแต่ปี 2551 เป็นเวลาร่วม 17 ปีแล้ว เพื่อไม่ต้องเผชิญกับโทษจำคุก แต่จะว่าไปแล้ว แม้นายทักษิณ จะไม่ได้ติดคุกในเรือนจำ แต่การที่เขาต้องออกไปอยู่ต่างประเทศ ต้องจากครอบครัวไปใช้ชีวิตเช่นนี้ ถือว่านายทักษิณ ติดคุก ‘ทางใจ’ ที่ทรมานและแย่ยิ่งกว่าสำหรับคนที่มีสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างตระกูลชินวัตร

ประการที่ 2 ในบั้นปลายของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นนายทักษิณ หรือคนไทยคนใดก็ตามทุกคนอยากอยู่กับครอบครัว กับลูกหลาน และสุดท้ายต้องการกลับมาสิ้นลมที่แผ่นดินเกิดของตัวเองทั้งนั้น

ประการที่ 3 การจะกลับมาของนายทักษิณ ต้องมีการเตรียมการรองรับไว้ให้พร้อม เพราะหากเข้ามาแบบไม่เตรียมการ และยอมติดคุกตามที่ศาลพิพากษาไว้แล้วนั้น เชื่อว่าคนอย่างนายทักษิณ และตระกูลชินวัตร ไม่ยอมให้เกิดขึ้นเด็ดขาด

“ถ้าเข้ามาแบบนั้น ทักษิณต้องเป็นนักโทษอยู่ในเรือนจำ ต้องใส่ตรวนหรือไม่เวลาต้องออกมาที่ศาลเพื่อไต่สวน ในคดีอื่นๆ ที่ยังไม่ได้มีการตัดสิน สังคมจะเห็นภาพความเป็นนักโทษของเขาจากสื่อต่างๆ และกว่าจะยื่นขอลดโทษ อภัยโทษตามขั้นตอน ทักษิณ ต้องติดคุก 1 ใน 3 ของโทษก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่นายทักษิณ และตระกูลชินวัตรไม่ยอมแน่ๆ สิ่งเหล่านี้จะยิ่งสร้างความเคียดแค้นในใจให้คนในตระกูลชินวัตร และคนที่รักชินวัตรมากขึ้น”

ประเด็นสำคัญคนในชินวัตร ในพรรคเพื่อไทยและแฟนพันธุ์แท้ของ ‘ทักษิณ’ เชื่อว่านายทักษิณ ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากโทษจำคุกตั้งแต่เริ่มต้นพิจารณาคดี จนนำไปสู่คำตัดสินของศาล ซึ่งเครือข่ายเหล่านี้รอเวลาที่จะพิสูจน์ให้สังคมไทยและสังคมโลกรับรู้ความจริงที่เกิดขึ้นในมุมคิดของฝ่ายเขา

ประการที่ 4 การจะกลับเข้ามาในท่ามกลางสังคมแตกแยกและแบ่งขั้วที่รุนแรงมากขึ้น เพื่อพิสูจน์ความจริง โอกาสที่จะเป็นไปได้มากที่สุดอยู่ที่พรรคเพื่อไทย จะต้องชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ให้ได้ในระดับ 250-310 เสียง ซึ่งเวลานี้สิ่งที่พรรคเพื่อไทยกำลังกังวลไม่ใช่อยู่ที่ ส.ว.250 เสียงเท่านั้น ยังอยู่ที่กลไกต่างๆ ของอำนาจรัฐที่จะมาใช้เล่นงานพรรคเพื่อไทย หรือพูดง่ายๆ สอยผู้สมัครช่วงโค้งสุดท้าย หรือเมื่อได้เป็น ส.ส.เข้ามาแล้วก็ตาม

28 กุมภาพันธ์  2551 ทักษิณ กราบพื้นแผ่นดินไทยเมื่อได้กลับบ้านครั้งแรก และเป็นครั้งเดียวหลังเหตุรัฐประหาร 2549
ดังนั้น การโพสต์และทวีตข้อความถี่ๆ ของ นายทักษิณ ว่าจะกลับมาแล้วจึงมีนัยสำคัญคือ

4.1 ต้องการบอกกับประชาชนที่เคยรัก ‘ทักษิณ-เพื่อไทย’ อย่าปันใจให้คนอื่น เพราะทักษิณ จะกลับมาช่วยแก้ปัญหาความทุกข์ยากให้พี่น้องกันแล้ว

4.2 ต้องการบอกคนในพรรคเพื่อไทยทุกคนต้องสู้ศึกครั้งนี้อย่างเต็มกำลัง อย่ากังวลเพราะทักษิณ ไม่ทิ้งพรรคแน่นอน

4.3 ต้องการสื่อถึงข้าราชการและหน่วยงานต่างๆ ที่เป็นกลไกสำคัญในการเลือกตั้งว่าการเมืองกำลังจะผลัดใบ รัฐบาลกำลังจะเปลี่ยนขั้ว อย่าทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นเมื่ออำนาจเปลี่ยนจะได้รับผลกระทบตามมา

“ทั้ง 3 ข้อนี้จะทำให้พรรคเพื่อไทยมีโอกาสแลนด์สไลด์ได้ เพราะพรรคมีการทำโพล เรารู้ว่า แต่ละเขตผู้สมัครเพื่อไทยจะได้ตรงไหนบ้าง และตรงไหนต้องเสริมทัพเพื่อเข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น”

ประการที่ 5 เป็นหนทางที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งถ้าเพื่อไทยแลนด์สไลด์จัดตั้งรัฐบาลได้ นายทักษิณ มีโอกาสจะกลับเข้ามาสู้คดีที่จำคุกทั้งหมดได้เช่นกัน โดยวิธีการนั้นไม่ต้องออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมกันจนสุดซอย ซึ่งอาจจะมีปัญหาอื่นๆ ตามมาได้ เพราะในทางกฎหมายและการใช้อำนาจฝ่ายบริหารจะสามารถเปิดโอกาสให้นายทักษิณ กลับเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรมและชอบธรรมที่สุด

“เราต้องดูทักษิณ ติดคุกหลังการรัฐประหาร 2549 จากคำสั่ง คมช.ฉบับที่ 30 ลงวันที่ 30 ก.ย.2549 เรื่องการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ โดยประกาศฉบับนี้ไปยกเลิกประกาศ คมช.ฉบับที่ 23 ลงวันที่ 24 ก.ย.2549 เรื่องการตรวจสอบทรัพย์สิน และเปลี่ยนคณะกรรมการตรวจใหม่ ว่าไปแล้วก็คือเอาคนที่เป็นศัตรูทักษิณ มาตรวจสอบเขา แล้วแบบนี้จะเป็นธรรมหรือ”


แหล่งข่าวระบุว่า ในประกาศฉบับที่ 23 รายชื่อคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน น่าเชื่อและมั่นใจได้ว่ามีความเป็นกลางทางการเมือง โดยมี นายสวัสดิ์ โชติพานิช อดีตประธานศาลฎีกา เป็นประธาน อัยการสูงสุด เลขาธิการ ปปง. ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ เป็นกรรมการ ยังไม่ทันได้ดำเนินการอะไร ก็มีการออกประกาศฉบับที่ 30 ยกเลิกฉบับที่ 23 และมีการตั้งกรรมการตรวจสอบขึ้นมาใหม่ คือชุดนายกล้านรงค์ จันทิก นายแก้วสรร อติโพธิ และตั้งองค์กรอิสระต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้นายทักษิณ และคนในเพื่อไทยเห็นว่าการกระทำเช่นนี้ไม่ยุติธรรมกับเขา

ทางออกหรือทางแก้ที่ดีที่สุดคือต้องแก้ที่ต้นตอที่ทำให้เกิดความไม่ยุติธรรมเพื่อจะได้นำนายทักษิณ กลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างแท้จริง

สำหรับช่องทางในการดำเนินการนั้นจะต้องออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้มีการยกเลิกคำสั่ง คมช.ฉบับที่ 30 และผลพวงที่ตามมาทั้งหมดจะจบตามไปด้วย ซึ่งการออก พ.ร.ก เป็นอำนาจของรัฐบาลที่จะดำเนินการได้อยู่แล้ว ซึ่งเมื่อมีการออก พ.ร.ก.แล้วในการประชุมรัฐสภาคราวต่อไป ครม.ต้องเสนอ พ.ร.ก.นั้นต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาโดยไม่ชักช้า

“วิธีการนี้คือการยกเลิกคำสั่ง คมช.ฉบับที่ 30 และผลที่เกิดจากการสอบสวนยกเลิกหมด ซึ่งไม่ได้ไปลบล้างอำนาจศาลที่มีการตัดสินไปแล้ว หรือไปนิรโทษกรรมอะไรเลย และไม่ได้ไปยกเลิกคดีใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าเป็นการยกเลิกการสอบที่ไม่เป็นธรรม การนำศัตรูมาสอบ หากไปขึ้นศาลที่ไหนเชื่อว่าไม่มีใครยอมรับ”

ขณะเดียวกัน การกระทำที่นานทักษิณ ทำไว้ หรือสิ่งที่ศาลมีการตัดสินใจไปแล้ว ไม่ว่าคดีใดๆ หรือยังไม่มีการตัดสินก็ตาม ให้มีการดำเนินคดีและต่อสู้กันในกระบวนการยุติธรรมต่อไป

“หน่วยงานไหนที่เสียหายก็ไปแจ้งความดำเนินคดี ไปเป็นโจทก์ยื่นฟ้องสู้คดีกันไปตามกระบวนการยุติธรรม เช่น คดีปล่อยกู้พม่า ถ้า Exim Bank เสียหายก็ไปยื่นฟ้องได้เลย ซึ่งจริง ๆ Exim Bank อาจคิดว่าไม่เสียหายอะไร ได้สู้กันตามกระบวนการยุติธรรมอาจแพ้นายทักษิณ ก็ได้ หรือคดีหวย 3 ตัว 2 ตัว หรือคดีชินคอร์ป ก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมด้วยวิธีเดียวกัน”


แหล่งข่าวบอกอีกว่า หากพรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ได้เป็นรัฐบาล วิธีการนี้ถือเป็นทางออกที่ดี แต่ถ้าขั้วรัฐบาลเดิมที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชิงจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย จะส่งผลให้การกลับมาของนายทักษิณ ต้องคิดให้รอบคอบ เพราะการติดคุกทางใจในต่างประเทศเป็นเวลา 16-17 ปี มาแล้ว คงไม่คิดจะกลับมาติดคุกจริงๆ หากขั้วรัฐบาลเดิมสามารถเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งถ้านายทักษิณ จะกลับเข้ามาแบบนั้นเกรงปัญหาความรุนแรงจะเกิดขึ้นในประเทศไทยได้เช่นกัน เพราะขั้วที่ชนะเลือกตั้งได้คะแนนท่วมท้นไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ อารมณ์ของมวลชนก็ยากที่จะเดาได้

นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวจากพรรคขั้วรัฐบาลเดิม มีการลือกันว่าบรรดาเสธ.ทหารที่ทำงานให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือบิ๊กป้อม จะมีการเสนอตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์แห่งชาติขึ้นมา ว่ากันว่าจะมีการดึงนายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เข้ามาร่วมทีมด้วยเพื่อจะสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นต่อไป!

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่

Facebook :https://m.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/?locale2=th_TH



กำลังโหลดความคิดเห็น