xs
xsm
sm
md
lg

เบื้องลึก! เพื่อไทยกั๊กใครคือนายกฯ ตัวจริง ชี้เป็นกลยุทธ์รับมือสถานการณ์คาดไม่ถึง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เจาะลึก 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพื่อไทย ใคร? คือตัวจริง ‘อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา-ชัยเกษม’ ทุกอย่างถูกกำหนดจากการเลือกตั้ง ชี้เพื่อไทยเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงหากแลนด์สไลด์ได้ 310 เสียง ‘บิ๊ก’ เพื่อไทยจิ้มได้ทันที แต่หากไม่แลนด์สไลด์ แค่จัดตั้งรัฐบาลได้ พร้อมนายกฯ ต้องมาจากเพื่อไทย จำต้องพึ่งกลไก ส.ว.1 ใน 3 ใครโดนใจ ส.ว.มากที่สุดคนนั้นคือนายกฯ ชี้จุดอ่อน-จุดแข็ง ‘3 แคนดิเดตนายกฯ’ หวั่นจุดอ่อนของ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ มีโอกาสถูกขุดคุ้ยมาโจมตีในช่วงกระแสแรงได้เช่นกัน เผย 4 ปัจจัยหนุนเพื่อไทยแลนด์สไลด์!

การเปิดตัว 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คน บนเวทีคิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทย ทุกคน ตอน One Team for all Thais : หนึ่งทีมเพื่อไทยทุกคน ณ ธันเดอร์โดม สเตเดียม เมืองทองธานี หากจะมองในเรื่องตัวบุคคลแล้วบรรดาคอการเมืองอาจไม่รู้สึกว่าเซอร์ไพรส์ เพราะมีกระแสมาก่อนแล้วว่า แคนดิเดตคนที่ 3 ของพรรคเพื่อไทย คือ นายชัยเกษม นิติสิริ บัญชีรายชื่อในลำดับที่ 10 ของพรรคเพื่อไทย โดยมีการเปิดตัวไปแล้ว 2 คนคือ ‘อุ๊งอิ๊ง’ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย

อย่างไรก็ดี สังคมคาดหวังว่าการเปิดตัวแคนดิเดตครั้งนี้จะทำให้รู้กันไปเลยว่าทั้ง 3 คน ใครอยู่ลำดับที่เท่าไหร่ และใครคือเบอร์ 1 ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงของพรรคเพื่อไทย หากเพื่อไทยแลนด์สไลด์ หรือชนะเลือกตั้ง และสามารถจัดตั้งรัฐบาลหลังวันที่ 14 พ.ค.นี้เป็นผลสำเร็จ

แต่ได้รับคำตอบจากอุ๊งอิ๊ง เพียงว่าแคนดิเดตนายกฯ ทั้ง 3 คนไม่มีใครเหมือนกันเลย แต่ไม่ว่าจะเป็นเบอร์ไหนก็ทำงานร่วมกันเป็นทีม ที่สำคัญทุกบัญชีที่พรรคเสนอชื่อเต็มหมด ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.เขต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกฯ เพราะพรรคมีบทเรียนและเจออะไรมามาก จึงต้องเสนอให้ครบ ซึ่งทุกอย่างมาด้วยความตั้งใจกันจริงๆ ดังนั้นแคนดิเดตทั้ง 3 คนพร้อมเป็นตัวเลือกให้ประชาชน เพราะเราอยากได้นายกฯ ที่มาจากพรรคเพื่อไทย เพื่อผลักดันนโยบายของพรรคเพื่อไทยให้เป็นจริงได้!

แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย บอกว่า ด้วยความที่พรรคเพื่อไทยผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ที่ถือเป็นบทเรียนทำให้พรรคต้องมีความรอบคอบและระมัดระวัง ทั้งถูกยุบพรรค ถูกตัดสิทธิมากมาย และล่าสุดมีการโจมตีเรื่องแคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทยทั้ง 2 คน คือ อุ๊งอิ๊ง และนายเศรษฐา ไม่ได้อยู่ในบัญชีรายชื่อ จนกระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ไม่ได้อยู่ในบัญชีรายชื่อเหมือนกัน กระแสโจมตีประเด็นนี้จึงเงียบลงไป

“เรามีอาจารย์ชัยเกษม ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ของพรรค และเป็นแคนดิเดตนายกฯ อยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่ 10 จริงๆ แล้วแนวทางการบริหารของพรรคตั้งแต่ยุคไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย จะมีโจทย์ใหญ่อยู่ที่ ทุกคนในพรรคหรือในบัญชีต่างๆ จะต้องมีงานทำกันทุกคน เช่น บัญชีรายชื่อพรรคอื่น จะให้ความสำคัญโดยเรียงลำดับกันไป เพราะเขาเชื่อว่าอยู่ต้นๆ ปลอดภัยได้เป็น ส.ส. แต่พรรคเราคนที่อยู่บัญชีท้ายๆ ที่เป็นผู้หลัก ผู้ใหญ่ มีบทบาทสำคัญกับพรรคมาตลอด แม้ไม่ได้เป็น ส.ส. แต่คนเหล่านี้จะไปอยู่ฝ่ายบริหาร เป็นรัฐมนตรี หรือมีงานอะไรที่ต้องรับผิดชอบอีกเยอะ”




ประเด็นสำคัญที่พรรคเพื่อไทยต้องทำให้ได้ในการเลือกตั้งคือจะต้องพุ่งเป้าไปที่การชนะแบบแลนด์สไลด์ให้ได้ เพื่อให้ได้โอกาสในการจัดตั้งรัฐบาล และมีนายกฯ ที่มาจากเพื่อไทยโดยตรง ถามว่าทำไมพรรคมั่นใจว่าจะแลนด์สไลด์ได้ มาจากปัจจัยดังนี้

1.ความนิยมชมชอบ หรือผู้ที่เป็น FC ของพรรคตั้งแต่ยุคไทยรักไทย พลังประชาชน มาจนถึงเพื่อไทย รวมไปถึงความเชื่อมั่นที่มีต่ออดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ซึ่งในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือจะมีจำนวนมาก

2.กลุ่มคนที่มีความเบื่อหน่ายการบริหารงานของพี่น้อง 3 ป. หรือรัฐบาลบิ๊กตู่ ตลอดเวลาที่ผ่านมา 8 ปี คนกลุ่มนี้ประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจ และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก กลุ่มนี้จึงหันมาสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เพราะกลัวว่าบิ๊กตู่จะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง

3.กลุ่มคนที่ไม่เชื่อมั่นนโยบายรัฐบาลบิ๊กตู่ เพราะในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่พรรคพลังประชารัฐ ได้เสนอนโยบายหาเสียงไว้มากมาย ทั้งเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาท/วัน ปริญญาตรี เงินเดือน 20,000 บาท เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 1,000 บาท/เดือน (ทุกช่วงอายุ) รวมไปถึงราคาสินค้าเกษตร ก็ไม่ได้เกิดขึ้นตามที่หาเสียง โดยไม่บอกให้ประชาชนรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงทำไม่ได้ แต่เลือกใช้วิธีเงียบ เหมือนไม่มีนโยบายนี้มาก่อน

4.นโยบายเพื่อไทย โดนใจมาก และเชื่อมั่นว่านโยบายพรรคเพื่อไทยทำได้จริง เพราะพิสูจน์มาแล้วจากการที่พรรคได้เป็นรัฐบาลในยุคทักษิณ และยุคยิ่งลักษณ์ ตรงนี้จึงเป็นเครดิตที่สามารถดึงมวลชนจำนวนมากหันมาสนับสนุนและสร้างโอกาสไปสู่แลนด์สไลด์ได้เช่นกัน

“พรรครู้ว่านโยบายต่างๆ ต้องใช้เงิน ก็ต้องมีนโยบายที่จะหาเงิน เรามีทีมทำงานเพราะรู้ว่า รายได้ของประเทศมาจากการส่งออก การลงทุนจากต่างประเทศ การเจรจาการค้า จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้ระบบงบประมาณของรัฐดีขึ้น เพราะทุกวันนี้รัฐตั้งงบประมาณขาดดุลติดต่อกันมาหลายปี พรรคเพื่อไทยจึงต้องวางแผนหาเม็ดเงินเข้ามาเพื่อกระตุ้นการลงทุน กระตุ้นการจ้างงาน เพื่อทำให้คนมีเม็ดเงินจับจ่ายใช้สอย จึงจะทำให้รัฐเก็บภาษีได้มากขึ้น”

แหล่งข่าวบอกอีกว่า นโยบายเพิ่มคุณภาพชีวิต ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท/วัน หรือปริญญาตรี ข้าราชการ 25,000 บาท/เดือน ขอให้เชื่อมั่นว่าพรรคทำได้แน่ๆ ซึ่งพรรคไทยรักไทยเคยทำมาแล้ว ปรับเงินเดือนปริญญาตรี เป็น 15,000 บาท/เดือน ช่วงนั้นถูกโจมตีมาตลอดว่าจะทำได้จริงหรือไม่? ก็ขอให้ดูว่าพรรคจะทำให้ข้าราชการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างไร รวมไปถึงแรงงานขั้นต่ำจะต้องดีขึ้นด้วยเช่นกัน

“ทุกอย่างจะเป็นจริงได้ เราต้องแลนด์สไลด์และได้เป็นรัฐบาล และถ้าเราไม่แลนด์สไลด์ แต่ได้ ส.ส.กว่า 250 รวมในขั้วเราไม่ถึง 376 ก็อยู่บนความเสี่ยงที่บรรดา ส.ว.จะเดินตามใบสั่งเลือกขั้วเดิมเป็นรัฐบาล”


ขณะเดียวกัน หากจะมองให้ลึกลงไปตามวิสัยของผู้นำพรรคที่จะต้องมีการคิดและวางแผนที่อาจจะดูซับซ้อน แต่ด้วยเพราะพรรคยังไม่รู้ว่าสถานการณ์จากนี้ไปจะเป็นอย่างไร แคนดิเดตนายกฯ ของเราทั้ง 3 คนจึงผูกพันไปกับการแลนด์สไลด์ และเสียงของ ส.ว.ด้วยเช่นกัน ซึ่งแคนดิเดตของพรรคทุกคนมีจุดแข็ง และจุดอ่อนที่ต่างกัน

‘อุ๊งอิ๊ง’ มีจุดแข็ง คือเป็นคนรุ่นใหม่ มีพื้นฐานดี ใจสู้ และได้บารมีของ ‘พ่อ’ และ ‘แม่’ คอยชี้แนะ หากเป็นนายกฯ เชื่อว่า ‘พ่อ’ มีส่วนให้คำปรึกษาได้ดี ส่วนจุดอ่อนคือขาดประสบการณ์ เพราะไม่เคยผ่านระบบราชการ หรือการเป็นนักการเมืองมาก่อน หรือไม่เคยดีลอะไรที่เกี่ยวข้องกับการเมืองการปกครองมาก่อน การจะเข้ามาบริหารประเทศอาจจะทำให้ขาดความน่าเชื่อถือในสายตาผู้มีประสบการณ์ทุกแวดวงได้เช่นกัน

ส่วนนายชัยเกษม มีจุดแข็ง เป็นผู้มีความรอบรู้และเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย เป็นผู้ใหญ่ที่สมาชิกพรรคให้ความนับถือ เป็นคนนิ่มนวล สุภาพ ไม่ทะเยอทะยาน และเคยแสดงบทบาททุบโต๊ะเมื่อช่วง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปฏิวัติยึดอำนาจมาแล้ว ทำให้ทุกคนในพรรคมั่นใจในความกล้า เด็ดขาด และยึดมั่นในหลักนิติรัฐ นิติธรรมอย่างยิ่ง รวมทั้งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค

หากสถานการณ์หลังเลือกตั้งมีกระแสโจมตีประเด็นนายกรัฐมนตรีต้องมาจาก ส.ส. ชื่อของ ‘ชัยเกษม’ จะแก้ปัญหาได้ทันที
ด้านจุดอ่อนของ นายชัยเกษม คือไม่รอบรู้เรื่องเศรษฐกิจ และการต่างประเทศ ซึ่งพรรคก็พร้อมเป็นทีมเสริมได้ทันทีเช่นกัน

แหล่งข่าวย้ำอีกว่า ในส่วนของนายเศรษฐา จุดแข็งคือมีความรอบรู้เรื่องเศรษฐกิจ ด้านการค้าระหว่างประเทศ และบริหารธุรกิจที่เป็นกิจการของตัวเองและเครือญาติ เป็นที่ยอมรับได้ ส่วนจุดอ่อน ไม่เคยผ่านงานในระบบราชการ หรือการเมืองมาก่อน การจะดีลกับกลุ่มการเมืองที่เป็นก๊ก เป็นก๊วน ทั้งในพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลอาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นได้ พูดง่ายๆ คือยังไม่มีบารมีทางการเมืองเพียงพอ และสิ่งที่คนในพรรคกังวลคือ อาจจะมีการขุดคุ้ยในเรื่องธุรกิจ การบริหารต่างๆ และเรื่องส่วนตัวในอดีตของนายเศรษฐา มาโจมตีในช่วงสถานการณ์ข้างหน้าก็เป็นได้

‘อุ๊งอิ๊ง’ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย

นายชัยเกษม นิติสิริ บัญชีรายชื่อในลำดับที่ 10 ของพรรคเพื่อไทย

นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย


นอกจากนี้ พรรคยังไม่รู้ว่าสถานการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะพรรคจะสามารถแลนด์สไลด์ได้ 310 เสียงหรือไม่? ถ้าได้พรรคก็สามารถจิ้มแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยได้ทันทีว่าควรจะเป็นใคร หากไม่สามารถแลนด์สไลด์ได้ แต่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลในขั้วตัวเองได้ ต้องประเมินกันอีกว่ามีความจำเป็นต้องใช้กลไก ส.ว.1 ใน 3 ของ ส.ว.250 เสียงหนุนหรือไม่? หากจำเป็นจะทำให้เสียงของ ส.ว.เหล่านี้มีส่วนกำหนดแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ด้วยหรือไม่

“ต้องดูกันว่าพรรคเสนอใครไปแล้ว ส.ว.เอาด้วยหรือไม่ ซึ่งจะทำให้เพื่อไทยมีโอกาสได้เป็นนายกฯ แต่เท่าที่ดู ทั้งอุ๊งอิ๊ง และอาจารย์ชัยเกษม ไม่ได้ต้องการจะเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งอุ๊งอิ๊ง สู้มากๆ ก็เพื่อช่วยพ่อและครอบครัวได้มีที่ยืนในสังคมอย่างเป็นธรรม ส่วนอาจารย์ชัยเกษม เป็นคนนุ่มนวล ให้เกียรติคน คือเป็น Good Soldier ส่วนเศรษฐา เรียกว่าดูจะมุ่งมั่นที่จะเป็นนายกฯ ที่สุด และพรรคเชื่อว่าเขามีความตั้งใจจริงที่จะทำเพื่อบ้านเมือง หลังประสบความสำเร็จด้านธุรกิจมาแล้ว”

ดังนั้น หนทางข้างหน้าจะเป็นตัวกำหนดว่า 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ใครคือนายกรัฐมนตรีตัวจริงกันแน่ แต่ถ้าอยากให้บิ๊กเพื่อไทยจิ้มว่าใครคือนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ตามที่ต้องการก็มีหนทางเดียวเพื่อไทยต้องแลนด์สไลด์โดยไม่ต้องพึ่งเสียง 1 ใน 3 ของ ส.ว....ทุกอย่างจะชี้ขาดในวันที่ 14 พ.ค.นี้ วันที่ประชาชนไปกาบัตรเลือกตั้งนั่นเอง!

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่

Facebook :https://m.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/?locale2=th_TH



กำลังโหลดความคิดเห็น