xs
xsm
sm
md
lg

ครูใหญ่เนวิน! กางพิมพ์เขียวปลุกใจผู้สมัคร ภท.ต้องได้ 100 ที่นั่งขึ้นไป ใครมีจุดอ่อนถูกติวเข้ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ครูใหญ่เนวิน! แห่งพรรคภูมิใจไทย ปลุกพลังผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนฮึกเหิมสู้ศึกเลือกตั้ง ชี้กรณี ‘ชูวิทย์’ เปรียบเปรย ‘หมาเห่ากลางซอย’ ย้ำทุกประเด็นตอบได้ ยันที่ดินเขากระโดงมีหลักฐานซื้อมาถูกต้อง ถ้ารัฐเอาคืนก็ยินดีส่งมอบ แจงได้ทำโพล ‘50 เขตอีสาน’ รู้จุดแข็ง จุดอ่อนที่ต้องแก้ พร้อมเรียกรายบุคคลมาปรับปรุง ‘ครูแก้ว-นครพนม’ โดนด้วย ส่วนภาคใต้มั่นใจ 20 ที่นั่ง เตรียมเจาะฐาน ปชป.เพิ่มอีกสั่งผู้สมัครนำนโยบาย ‘พูดแล้วทำ’ ไปบอกชาวบ้าน หลายนโยบายโดนใจ ‘ลดรายจ่าย-เพิ่มรายได้’ และ ‘กองทุนประกันชีวิต 60 ปีขึ้นไป’ ที่ดูแลจนสิ้นลมหายใจ ระบุเดิม ภท.มีโอกาสได้ ส.ส.ขยับจาก ‘120-150-180‘ แต่ถูกเตะตัดขา ทำให้ ‘เสี่ยหนู’ ต้องฟ้อง ‘บิ๊กตู่’ ว่าใครอยู่เบื้องหลังเกมชูวิทย์ ถล่ม ย้ำ ภท.ไม่ท้อ กำชับทุกคนลุยพื้นที่ให้หนักต้องได้ 100 ที่นั่งขึ้นไปจะมีโอกาสตั้งรัฐบาลได้ทั้ง 2 ขั้ว การันตีฝีมือ ‘ครูใหญ่-เสี่ยหนู’ ทำได้แน่!

วันนี้ และเวลานี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ คงต้องพักเดินหน้าเกมการเมืองถล่มใส่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ไปตอบโต้เรื่องศึกถุงเงิน ที่ ‘ษิทรา เบี้ยบังเกิด’ หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้โพสต์ในเฟซบุ๊ก เป็นภาพเงินสดบรรจุถุงกระดาษ ระบุว่า ‘แฉไป ไถไป’ ต่อมา นายชูวิทย์ ก็โพสต์ในเฟซบุ๊กตอบทนายตั้ม ระบุ ‘แฉไป ไถไป’ ถุงเงิน 2 ถุง ถุงละ 3 ล้านบาท ที่ทนายตั้ม นำมาโพสต์ให้สังคมได้รับรู้ ต่อมาทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็เลือกเปิดแถลงข่าวชี้แจง และตั้งคำถามตอบโต้กันไปมา ส่วนใครฟังแล้วจะเชื่อว่าใครทำเพื่อชาติของจริงก็ต้องติดตามกันต่อไป

ส่วนในการเดินหน้าถล่มพรรคภูมิใจไทยนั้น ยังคงเป็นเรื่องที่นายชูวิทย์ กัดไม่ปล่อยเช่นกัน โดยเฉพาะในทุกๆ ประเด็น ตั้งแต่เรื่องการล็อกสเปกรถไฟฟ้าสายสีล้ม และเงินถอนจากโครงการนี้หล่นทับถึง 30,000 ล้านบาท ตามด้วยเรื่องของที่ดินบริเวณเขากระโดง ตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 5,083 ไร่ เป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟฯ แต่ได้ถูกนักการเมืองและเครือญาติตระกูลชิดชอบ บุกรุก ซึ่งพื้นที่นี้เป็นที่ตั้งสนามฟุตบอลข้างอารีน่า สนามแข่งรถช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น บริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัด และบ้านพักนายศักดิ์สยาม บ้านพักนายเนวิน จะต้องรื้อถอนออกให้หมด เพราะมีคำพิพากษายืนยันชัดเจนแล้วว่าพื้นที่ทั้ง 5,083 ไร่ ดังกล่าวเป็นของ รฟท.

ไม่เพียงเท่านั้น ยังยื่นเรื่อง กกต.ให้ยุบพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 72 ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

พร้อมเดินหน้ารณรงค์ต่อต้านนโยบายเรื่องกัญชาเสรีของพรรคภูมิใจไทย ที่อ้างว่ากัญชาทางการแพทย์ แต่จริงๆ แล้วนายชูวิทย์ เชื่อว่ากัญชาคือยาเสพติด ก่อให้เกิดปัญหาสังคมตามมา ดังนั้น “ใครเห็นว่ากัญชาดีก็ให้เลือกพรรคภูมิใจไทย แต่ถ้าใครเห็นว่ากัญชาเป็นยาเสพติด ขอให้ไม่เลือกพรรคภูมิใจไทย”



แหล่งข่าวจากพรรคภูมิใจไทย บอกว่า หากจะถามว่าการออกมาถล่มของนายชูวิทย์ นั้น สร้างความหวั่นไหวให้ผู้สมัคร ส.ส.แบบเขต 400 คน ในพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ คงตอบว่า ก็มีบ้าง แต่ทั้งหมดได้ถูก ‘จัดการ’ ด้วยการติวเข้มจากนายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในฐานะครูใหญ่พรรคภูมิใจไทยได้สำเร็จ จนผู้สมัคร ส.ส.มีความเชื่อมั่น และฮึกเหิมในการลงพื้นที่พบปะชาวบ้านและเปิดเวทีปราศรัยย่อยด้วยการนำนโยบายของ ภท. ที่จัดทำเป็น ‘คู่มือ’ ที่เข้าใจง่ายๆ ไปบอกกับชาวบ้าน

“ครูใหญ่ บอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเปรียบเปรยเหมือนหมาเห่ากลางซอย และอธิบายในห้องประชุม ประเด็นเงิน 3 หมื่นล้านบาทเป็นเรื่องของคนเพ้อ ใครจะบ้าเอาเงิน 3 หมื่นมาให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ทั้งๆ ที่ ครม.ยังไม่อนุมัติสายสีส้ม ส่วนเรื่องที่ดินเขากระโดง อย่าหวั่นไหว เพราะครูใหญ่และผู้ที่เกี่ยวข้องมีหลักฐานการซื้อมาอย่างถูกต้อง ไร่ละ 1 ล้านบาท ถ้ารัฐบอกเป็นของรัฐจะเอาคืนก็ไม่เป็นปัญหา ครูใหญ่พร้อมส่งคืน จะได้เงินกลับคืนมามหาศาล มาทำอะไรให้พวกเราได้เยอะแยะ ซึ่งเรื่องที่ดินแปลงนี้อยู่ในชั้นศาล”

อีกทั้งยังอธิบายถึงการยุบพรรค ข้อมูลทุกอย่างที่นายชูวิทย์ โจมตี ทางพรรคมีข้อมูลที่ชี้แจงได้ และเรื่องของกัญชานโยบายของพรรคทำเพื่อการแพทย์ ซึ่งแพทย์เองให้การสนับสนุน ส่วนที่ชาวบ้านปลูกก็เพียงต้น สองต้น ที่เขาใช้เพื่อการประกอบอาหาร ไม่ได้ใช้เสพอย่างที่กระแสโจมตีพรรค

“ถ้าพรรคได้กลับมาเป็นรัฐบาล เรื่องของกัญชา และนโยบายต่างๆ ที่ใช้หาเสียงจะถูกนำไปเป็นนโยบายรัฐบาลทันที เรา ‘พูดแล้วทำ’ เพราะเรารู้ว่า 4 ปีที่ผ่านมาทำอะไรไป และจะเดินต่ออย่างไร”

ครูใหญ่เนวิน ยังได้ให้การบ้านผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนว่า ปัจจุบัน กกต.ประกาศเขตเลือกตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว บางเขตอาจมีการขยับพื้นที่ไปบ้าง ต้องไปคิดว่าตัวเองจะสู้ และต้องสู้อย่างไรจึงจะมีโอกาสชนะเลือกตั้งได้เข้ามาเป็น ส.ส.

“ครูใหญ่ ทำโพลในพื้นที่ 50 เขตในอีสาน เลือกเขตที่มั่นใจว่า กกต. จะไม่ขยับพื้นที่ คือไม่มีการเพิ่ม ส.ส.แล้ว เรามั่นใจว่าพรรคชนะ 1,000% จำนวน 16 คน ส่วนที่คะแนนยังเป็นรอง คือ อยู่ในระดับ B และบางคน เป็นระดับ C ครูใหญ่เรียกมาคุยเป็นรายบุคคล พร้อมกับยื่นเอกสารให้ดูว่าผู้สมัครคนนั้นมีจุดอ่อนอยู่ตรงไหนที่ต้องปรับปรุง ซึ่งพรรคพร้อมสนับสนุนถ้าผู้สมัครพร้อมสู้ต่อ ลองไปถามนายศุภชัย โพธิ์สุ (ครูแก้ว) ดูนะ ที่นครพนมโดนติวเข้มอย่างไร”


แหล่งข่าวบอกอีกว่า ช่วงทำโพลนั้นพรรคยังไม่ได้ใส่นโยบายให้ผู้สมัครลงไปหาเสียง ทำให้หลายคนที่อยู่ในระดับเกรด B มีโอกาสขยับขึ้นและชนะเลือกตั้งแน่นอน ส่วนเกรด C ต้องขยันลงพื้นที่ นำนโยบายที่พรรคออกมาแล้วไปให้ชาวบ้านได้รับรู้ว่าชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านจะดีขึ้นอย่างไร ซึ่งพรรคทำเป็นคู่มือให้ไปใช้หาเสียงได้แบบง่ายๆ

โดยพรรคมีนโยบาย ‘เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ให้คนไทยทุกคน’

• ‘ฟรี โซลาร์เซลล์ ลดค่าไฟฟ้าบ้านละ 450 บาทต่อเดือน ได้สิทธิซื้อมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ผ่อนเดือนละ 100 บาท 60 งวด’
• พักหนี้ 3 ปี หยุดต้น ปลอดดอกเบี้ยคนละไม่เกิน 1 ล้านบาท
• รักษาฟรี เครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งฟรี ทุกจังหวัด ศูนย์ฟอกไต ฟรี ทุกอำเภอ รับยา ฟรี ที่ร้านยา
• ฟรี น้ำดื่มสะอาด ติดตั้งเครื่องกรองน้ำทุกหมู่บ้าน ลดค่าใช้จ่ายทุกครัวเรือน
• ฟรี กองทุนประกันชีวิต 60 ปีขึ้นไป ตายได้ 100,000 บาท กู้ได้ 20,000 บาท ไม่ต้องมีค้ำประกัน
• เรื่องของหมวกกันน็อก เพื่อความปลอดภัย

“เราจะนำนโยบายกองทุนประกันชีวิตไปเป็นนโยบายรัฐบาล ทำทันทีหากได้รับเลือกตั้งและเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งกองทุนนี้ กำลังได้รับความสนใจมากๆ เป็นการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้สูงวัยทุกท่าน ไม่ถูกลูกหลานทอดทิ้ง เราจะดูแลผู้สูงวัยจนสิ้นลมหายใจ โดยผู้สูงวัย 60 ปีบริบูรณ์จะได้รับสิทธิเป็นสมาชิกกองทุนประกันชีวิต และมีกรมธรรม์ประกันชีวิตทันที โดยไม่ต้องสมัครและไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิต”




สำหรับพื้นที่ภาคใต้นั้น ดร.นาที รัชกิจประการ แกนนำคนสำคัญของพรรค ภท. ซึ่งดูแลพื้นที่ภาคใต้อย่างเข้มข้น และมีการทำโพลเหมือนกับที่อีสาน เบื้องต้นมั่นใจแล้วว่าภาคใต้จะได้ ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 20 ที่นั่ง ซึ่งภาคใต้นั้น ทั้งผู้สมัครและประชาชนไม่ได้สนใจในสิ่งที่นายชูวิทย์ โจมตี แต่ยังคงต้องหาเสียงมากขึ้น และนำนโยบายของพรรคไปให้ชาวบ้านได้รับรู้และเข้าถึงต่อไป

“ภาคใต้เราต้องพยายามเจาะให้ได้มากที่สุด เพราะพื้นที่นี้ใครๆ ก็ว่าเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ แต่เลือกตั้งครั้งนี้โดนพรรครวมไทยสร้างชาติ ของบิ๊กตู่ เจาะแล้ว และภูมิใจไทย วางยุทธศาสตร์ที่จะเจาะเช่นกัน เราต้องได้ไม่ต่ำกว่า 20 แน่นอน”

นอกจากนี้ ในส่วนภาคตะวันตก จังหวัดราชบุรี จังหวัดกาญจนบุรี พรรคมีความมั่นใจมากเช่นกัน ส่วนภาคเหนือ กทม.และอื่นๆ ครูใหญ่เนวิน รู้แล้วว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้ส.ส. โดยครูใหญ่จะทำโพลทั้งหมดก่อน คาดว่าประมาณ 15 วันจากนี้ไปจะรู้ว่าในพื้นที่เหล่านี้เราจะมีโอกาสเท่าไหร่ เพราะวันนี้ถ้าฟังจากครูใหญ่ เรามีแน่นอนแล้วประมาณ 50 เท่านั้น พรรคจึงต้องปรับยุทธศาสตร์ หรือปรับนโยบายอย่างไรในการหาเสียงในพื้นที่เหล่านี้ และพรรคจะมีการทำโพลซ้ำอีก 1 รอบ เพื่อความมั่นใจว่าเราจะต้องได้ตามเป้าหมายต่อไป

“ยุทธศาสตร์หาเสียงจะไม่ใช่เฉพาะเรื่องเศรษฐกิจปากท้องเท่านั้น เรื่องของสังคม สิ่งแวดล้อมต้องพิจารณา โดยเฉพาะเรื่อง PM2.5 กำลังเป็นปัญหาให้คนทั้งประเทศ โดยเฉพาะภาคเหนือ และ กทม. เป็นเรื่องสำคัญที่สุด”

แหล่งข่าวจากพรรค ภท.บอกด้วยว่า ครูใหญ่ ได้พูดให้ผู้สมัครได้รับรู้ทั่วกันว่า วงที่นั่งเกรด A ที่เรามีอยู่ประมาณ 200-250 คนนั้นต้องมาดูว่าในจำนวนนี้เราจะได้ ส.ส.มาจริงๆ เท่าไหร่ บวกกับคะแนนพรรค หรือ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ช่วงแรกๆ ครูใหญ่มองไว้ที่ 120 ขึ้นไป และบางช่วงที่นำข้อมูลมาวิเคราะห์ ภท.ทะยานไปถึง 150-180 ทำให้ครูใหญ่ มั่นใจพรรคต้องได้คะแนนมาเป็นอันดับ 2 และมีโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคจะมีโอกาสได้เป็นนายกรัฐมนตรีไม้ที่ 2 แน่นอน หากไปจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคบิ๊กตู่ ที่มี ส.ว.250 หนุน!

“เรามาโดนเตะตัดขาจากคนกันเอง ซึ่งไม่อยากเชื่อว่าเขาจะทำกับพรรคเราได้ เรื่องนี้ เสี่ยหนู ในฐานะหัวหน้าพรรคได้เข้าไปบอกกับนายกฯ ตู่ ให้รับรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับพรรคเรา และใครคือคนอยู่เบื้องหลัง แต่ครูใหญ่ บอกไม่เป็นไร เรื่องเกิดมาแล้ว ก็มาช่วยกันแก้เกมนี้ให้ได้ ได้มาวางยุทธศาสตร์ที่จะสู้ในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 100 ที่นั่ง”


ดังนั้น หลังยุบสภาแล้วพรรคต้องลุยพื้นที่ให้หนัก เร่งนำนโยบายออกไปให้ประชาชนได้รับรู้ จะมีการติดป้ายหาเสียง บอกให้เห็นนโยบายว่าเรา ‘พูดแล้วทำ’ เชื่อว่ากระแสพรรคจะตีตื้นขึ้นมาได้ทันที พรรคถึงบอกผู้สมัครทุกคนให้หาเสียงเพื่อตัวเอง ไม่ต้องมากังวลกับคะแนนพรรค

ขณะเดียวกัน หลังเลือกตั้ง ครูใหญ่ บอกว่าไม่ต้องกังวลเช่นกัน ว่า ภท. จะมีโอกาสร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่? ไม่ว่ากรณีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ หรือกรณีที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีบิ๊กตู่ เป็นแกนนำ ซึ่งอยู่กันคนละขั้วนั้น ยังเป็นเรื่องของอนาคตที่ยาวไกล ขอเพียงให้ผู้สมัครทุกคนชนะด่านแรกคือ การเลือกตั้งมาให้ได้เป็น ส.ส.ตามเป้าหมายที่พรรคกำหนดไว้คือ 100 ขึ้นไปให้ได้ก่อน ที่เหลือเป็นหน้าที่ของครูใหญ่ หัวหน้าพรรค และแกนนำจะเป็นผู้ขับเคลื่อนต่อไป


ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่


Facebook :https://m.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/?locale2=th_TH



กำลังโหลดความคิดเห็น