xs
xsm
sm
md
lg

โหราศาสตร์ชี้นายกฯ หลังเลือกตั้ง บิ๊กตู่ VS เศรษฐา ชนะกันที่ ‘โหงวเฮ้ง’ เสริมดวง!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จับตาโหราศาสตร์ทำนายดวงชะตาใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้งปี 2566 ‘ซินแสเข่ง’ วางดวงชะตา ดวงเมือง ดวงปี พร้อมใช้ศาสตร์ ‘โหงวเฮ้ง’ ทำนายผู้นำขั้วประชาธิปไตยและขั้วอนุรักษนิยม พบมีเพียง 3 คนที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ‘บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่-เศรษฐา’ ขณะที่ ‘อุ๊งอิ๊ง’ อายุรอบเข้าเคราะห์ ไปไม่ถึงดวงดาว ส่วน ‘พิธา’ ก้าวไกลตกดวงราศีธาตุไฟพิฆาตคู่ธาตุ ระวังคนในพรรคทำล่มสลาย ด้าน ‘บิ๊กป้อม’ ดวงชะตาปะทะปีชง จึงเป็นปีแห่งความวุ่นวาย สำหรับ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ดวงชะตาแห่งผู้นำเข้ากับผู้ใหญ่ได้ดี แต่โหงวเฮ้งธาตุน้ำอ่อนไหวง่าย ส่งผลให้ ‘บิ๊กตู่’ แม้จะมีราศีพิฆาต แต่ศาสตร์โหงวเฮ้งกลับเสริมดวงชะตาให้มีความมั่นคง โอกาสนั่งนายกฯ เป็นครั้งที่ 3!

เรากำลังเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ที่คาดว่าการแข่งขันครั้งนี้น่าจะเข้มข้นและดุเดือดมากระหว่าง 2 ขั้วต่อสู้เดิมที่เคยเกิดขึ้นในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 แต่การหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ว่าพรรคการเมืองขั้วไหนจะมี นโยบาย หรือตัวบุคคลดีเด่น และโดนใจประชาชนอย่างไรก็ตาม แต่จุดชี้ขาดว่าใครจะชนะ ที่สังคมต้องจับตาน่าจะอยู่ที่กลยุทธ์เลือกข้าง ‘เอาประยุทธ์ หรือไม่เอาประยุทธ์’

โดยขั้วที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ มี ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นำทัพเดินสายหาเสียงทั่วประเทศและประกาศจะแลนด์สไลด์ ชูสโลแกน "คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน" เพื่อขอโอกาสให้พรรคเพื่อไทยได้มาเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ซึ่งอยู่ในตำแหน่งมาถึง 8 ปี ยังคงเป็นเบอร์ 1 ของฝ่ายอนุรักษนิยมในการทำศึกเลือกตั้ง ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ชูสโลแกนหาเสียง “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ”

ดังนั้น ศึกเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นการต่อสู้ที่ไม่มีใครยอมใครระหว่าง 2 ขั้วการเมือง!

เห็นได้จากการสำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล ในเรื่อง ‘คะแนนนิยมทางการเมือง’ ทั้งในรายภาค และรายจังหวัด ถึงโอกาสพรรคไหนจะได้จัดตั้งรัฐบาล รวมไปถึงบุคคลในพื้นที่นั้นๆ ที่จะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันที่ทำโพล พบว่า แต่ละแห่งจะหนีไม่พ้นชื่อของ ‘บิ๊กตู่’ กับ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ที่สลับเป็นอันดับ 1 และ 2 โดยมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไล่มาติดๆ

ตัวอย่างเช่นที่จังหวัดสงขลา ประชาชนเลือกบิ๊กตู่ มาเป็นอันดับที่ 1 ขณะที่อุ๊งอิ๊ง เป็นอันดับที่ 2 และนายพิธา มาเป็นอันดับ 3 ขณะที่จังหวัดนครศรีธรรมราช บิ๊กตู่ ยังคงมาเป็นอันดับที่ 1 ตามด้วย อุ๊งอิ๊ง ส่วนที่ 3 ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ และนายพิธา ได้อันดับที่ 4

สำหรับจังหวัดอุดรธานี พบว่า อุ๊งอิ๊ง มาเป็นอันดับที่ 1 นายพิธา มาเป็นอันดับที่ 2 ส่วนบิ๊กตู่ ไปอยู่ที่อันดับ 3 และที่จังหวัดชลบุรี พบว่า อุ๊งอิ๊ง มาเป็นอันดับ 1 บิ๊กตู่ เป็นอันดับที่ 2 และที่ 3 นายพิธา เป็นต้น

ที่มา:  นิด้าโพล

ที่มา: นิด้าโพล
อย่างไรก็ดี การทำโพลถือเป็นวิธีทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าประชาชน ณ เวลานั้นต้องการให้ใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องของความชอบ กระแสความนิยมในขณะนั้นที่จะสามารถคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้เช่นกัน และหากพรรคการเมือง หรือนักการเมืองหยิบโพลเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ด้วยการวิเคราะห์และปรับใช้อาจจะทำให้ผลสำรวจนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงจากฝ่ายแพ้เป็นผู้ชนะก็เป็นได้ในสถานการณ์จริง

นอกจากโพลที่เป็นวิทยาศาสตร์แล้ว ยังมีปรากฏการณ์ทางโหราศาสตร์ที่ยึดจากดวงเมือง ดวงปี ดวงชะตาของผู้ที่ถูกทำนาย รวมทั้งไปดูโหงวเฮ้งที่ปรากฏบนใบหน้า เพื่อทำนายทายทักทางการเมืองได้เช่นกัน โดยเฉพาะการทำนายว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป หลังการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น

ซินแสเข่ง อ.ชนม์ทรรศน์ ฤทัยผ่อง ผู้อำนวยการสถาบันโหราศาสตร์พยากรณ์แห่งประเทศไทย ระบุว่า การจะทำนายว่าใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปหลังเลือกตั้งนั้น ต้องพิจารณาจากดวงเมืองในปี 2566 ซึ่งเป็นผลต่อจากดวงเมืองที่มีฝั่งเสาหลักเมืองตั้งแต่ปี 2325 ซึ่งถือว่าเป็นดวงเมืองของประเทศไทย และเมื่อมาเจอกับดวงเมืองปี 2566 ตรงกับปีเถาะ ธาตุน้ำ ตามจักรราศี ดวงตกดวงโคจรที่มีผลกระทบต่อบ้านเมืองก็ให้เกิดปัญหา ความวุ่นวายเกิดขึ้นจากการว่าร้าย ไม่ประสงค์ดี สร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้น

แต่โชคดีที่ดวงเมืองกับปี 2566 ไม่ได้มีผลปะทะ จะมีเพียงปัญหาในเรื่องไม่เป็นเรื่องที่จะก่อให้เกิดความวิตกกังวลขึ้นในบ้านเมือง จากความขัดแย้ง จากบุคคลที่ไม่ประสงค์ดี ที่อิจฉา ริษยา ให้ร้ายกันและกันที่ก่อให้เกิดปัญหาขึ้น ดังนั้นในการเลือกตั้งในปี 2566 ตามดวงน่าจะผ่านไปได้ด้วยดี เพราะดวงเมือง ไม่มีผลปะทะกันกับปี 2566

สิ่งที่ต้องกังวลจะเป็นเรื่องเหตุการณ์ ภัยพิบัติ ในเรื่องอุทกภัย วาตภัย ภัยจากเหตุการณ์น้ำท่วม ที่จะยังมีผลต่อเนื่องในปี 2566 อีกทั้งในเรื่องเศรษฐกิจที่ดูจากปี พ.ศ.ถือว่ายังมีผลกระทบอยู่ ทำให้เศรษฐกิจในปี 2566 ยังไม่ดีต่อเนื่อง ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปตามระบบ ดวงดาว ซึ่งจะก่อให้เกิดความขัดแย้ง ชิงดี ชิงเด่น ก่อให้เกิดอุปสรรค ทำให้เกิดความวุ่นวาย แต่ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดีเช่นกัน

แต่การที่จะผ่าดวงแคนดิเดตของผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีกับรัฐบาลชุดใหม่นั้น จากดวงเมืองชี้ให้เห็นว่า หากบุคคลที่จะเป็นผู้นำ ไม่มีอำนาจและบารมีในการปกครอง โอกาสจะบริหารบ้านเมืองเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จเป็นไปได้ยาก

“ดวงชะตาของแต่ละบุคคลที่จะเป็นผู้นำรัฐบาลนั้น หากตกดวงชะตาที่ยังไม่มีความมั่นคง ขาดอำนาจ บารมีที่จะปกครองบ้านเมือง และควบคุมสถานการณ์บ้านเมือง ประกอบกับดาวแห่งอุปสรรคตกดวงดาวมฤตยูโคจรทับดวงเมือง ดาวแห่งโลกาวินาศ โคจรเกาะกลุ่มมา ทับดวงเมืองที่จะสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้น ทั้งโรคระบาดอุทกภัย วาตภัย ภัยพิบัติ เพลิงไหม้ ทำลายบ้านเมือง จากบุคคลที่ไม่หวังดีที่จะแสดงตนต้องการล้มล้างสถาบัน และหวังทำลายชาติให้ล่มสลายจึงถือว่าเป็นมรสุมของบ้านเมือง ผู้ที่มีอำนาจที่อยู่เบื้องหลังที่จะปรากฏจึงถือว่าเป็นส่วนหนึ่ง เป็นชะตากรรมของบ้านเมืองที่จะต้องเผชิญกับปัญหาความแตกแยก”

ซินแสเข่ง อ.ชนม์ทรรศน์ ฤทัยผ่อง ผู้อำนวยการสถาบันโหราศาสตร์พยากรณ์แห่งประเทศไทย
ซินแสเข่ง บอกว่า ได้มีการวางดวงชะตาของผู้นำไว้ 5 คน ประกอบด้วย 1.อุ๊งอิ๊ง 2.บิ๊กตู่ 3.นายพิธา 4.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ (บิ๊กป้อม) 5.นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ซี่งวันนี้เขายังเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย แต่เมื่อวางตำแหน่งดวงชะตา ล่าสุด มีผู้ที่มีโอกาสเพียง 3 คนเท่านั้น คือ บิ๊กตู่ บิ๊กป้อม และนายเศรษฐา

“คุณพิธา ไม่ติดเพราะดวงชะตาเกิดศุกร์ที่ 5 กันยายน 2523 เมื่อบวกกันแล้ว ในปี 2566 ยังไม่มีดวงผู้นำขึ้นสู่ตำแหน่งในการบริหารประเทศได้ และยังถือว่าดวงชะตายังมีผลกระทบต่อตัวเองด้วยที่จะก่อให้เกิดความเดือดร้อน”

โดยดวงชะตา นายพิธา ไม่มีดวงของความเป็นผู้นำ ตกดวงราศีธาตุไฟพิฆาตคู่ธาตุ เจอบริวารไม่หวังดี ทำลายให้เกิดการเป็นศัตรู และให้ระวังคนในพรรคทำล่มสลาย

ส่วนของ อุ๊งอิ๊ง ในรอบปี 2566 ถือว่าอายุรอบเข้าเคราะห์ ราศีเกิดในช่วงมรสุม กำลังธาตุไฟร้อนแรง ต้องเลือดตกยางออก แต่เมื่ออุ๊งอิ๊ง กำลังตั้งครรภ์ถือว่าเข้าเกณฑ์พอดี ขณะเดียวกัน ดวงชะตาของอุ๊งอิ๊ง มีดวงของผู้นำในตัวเอง มีดวงราชการเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ไม่ใช่ปี 2566 ซึ่งเป็นอายุรอบเคราะห์ ทำให้มีอุปสรรค ยังไม่ได้ตามที่คาดหวัง






ด้านบิ๊กป้อม จากการวางดวงชะตา พบว่า ในปี 2566 เป็นจังหวะอายุเข้าเคราะห์ตั้งแต่เดือน พ.ย.2565 ต่อเนื่องมาจนถึงปี 2566 ทั้งปี ประกอบดวงชะตาบิ๊กป้อม ปะทะปีชง จึงเป็นปีแห่งความวุ่นวาย สับสน ก่อให้เกิดความขัดแย้ง สร้างความไม่เข้าใจเกิดขึ้น ซึ่งทั้งรอบปี รอบอายุล้วนแต่มีผลปะทะเกิดขึ้น ซึ่งจากการประเมินดวงชะตาแล้ว บิ๊กป้อมไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี

“ราศีดวงชะตามีผลกระทบ กำลังฐานไม่กลมเกลียว ราศีบนก่อให้เกิดการทำลายธาตุ ก่อให้เกิดการปะทะ เตือนให้ระวังอุบัติเหตุ เพราะราศีอยู่ในวัยจร จึงมีผลกระทบบั่นทอนแก่ชีวิตให้เกิดการแตกแยกพลัดพรากได้”


ในส่วนดวงชะตาของ นายเศรษฐา ทวีสิน ถือว่ามีดวงผู้นำในตัวเอง รอบอายุไม่เข้าเคราะห์ และการที่เข้าทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ถือว่าเป็นธุรกิจที่เสริมดวงชะตามากที่สุด

“แต่ปี 2566 ดวงของเศรษฐา ถือว่าชะตาตก จะถูกนินทาว่าร้าย เขาจะอึดอัดไม่สบายใจในหน้าที่การงาน จะมีปัญหาเกิดขึ้น”

อีกทั้งตามดวงชะตาของนายเศรษฐา จะไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ยังไม่สามารถก้าวไปสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีได้ แม้ว่าจะมีดวงผู้นำก็ตาม แต่เขาไม่มีดวงของคนทำงานราชการ

“ดวงชะตาของคุณเศรษฐา วันศุกร์ที่ 15 ก.พ.2506 ในดวงชะตา วันศุกร์ที่ 15 ถือว่ามีเรื่องของบุคคลมาเกี่ยวข้อง การประสานงาน ติดต่องานกับบุคคลทั่วไป เดือน ก.พ. เป็นเดือนผู้นำ เป็นเดือนในการลงทุนในการทำธุรกิจของตัวเองที่จะก่อให้เกิดความสำเร็จเกิดขึ้นในหน้าที่การงาน เป็นคนที่รู้จักปรับตัวเองเข้ากับผู้ใหญ่ก็ได้ อยู่กับระดับล่างก็ได้ ขณะเดียวกัน ถ้าเกี่ยวข้องกับงานราชการ ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จ”

ขณะเดียวกัน เมื่อดูโหงวเฮ้งบนใบหน้า คือรูปหน้า หน้าผาก และคางที่บ่งบอกถึงความมั่นคง พบว่า บิ๊กป้อม และนายเศรษฐา มีใบหน้าที่มีลักษณะของคนธาตุน้ำ ที่บ่งบอกถึงความอ่อนไหวพอสมควร แต่โหงวเฮ้งของบิ๊กตู่ เป็นคนธาตุทอง มีความมั่นคงในตำแหน่งหน้าที่การงาน

ซินแสเข่ง บอกว่า ในส่วนของดวงชะตาบิ๊กตู่ ในวันอังคารที่ 21 มีนาคม 2497 นั้นถือว่าดวงราศีวิถียังเสริมดวงชะตา ทำให้ฐานตำแหน่ง หน้าที่การงานโดดเด่น แม้มีราศีพิฆาตจากคนรอบข้างที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวาย เพราะเดือนเกิดปีนี้มีผลกระทบ ทำให้ปัญหาวุ่นวายยังมีอยู่ แต่เป็นการปะทะเล็กน้อยจึงสามารถจะเดินไปได้ และส่งผลสำเร็จต่อเนื่องไปอีก 4 ปี อีกทั้งลักษณะโหงวเฮ้งบอกถึงการเสริมดวงที่จะสร้างความมั่นคงในตำแหน่งหน้าที่การงาน สิ่งที่จะเป็นอุปสรรคกับบิ๊กตู่ คือเรื่องของสุขภาพที่จะเกิดขึ้นตามมา

“ดวงชะตาบิ๊กตู่ ในเรื่องการงานไม่มีอุปสรรคอะไร จะมีแต่เรื่องสุขภาพที่อาจจะ ไม่สบายเกิดขึ้น เพราะอยู่ในช่วงจังหวะ รอบอายุสุขภาพพอดี”


ที่สำคัญดวงเมืองประเทศไทยขณะนี้ถ้าได้บุคคลที่ยังไม่มีบารมีเพียงพอที่จะบริหารบ้านเมืองได้ ปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมา จากดาวมฤตยูที่มีผลจากการเคลื่อนย้ายมาทับดวงเมืองในช่วงประมาณ มี.ค. เม.ย และ พ.ค. สิ่งที่ส่งผลกระทบต่อบ้านเมืองตามมาคือ ปัญหาความแตกแยก วุ่นวาย แต่หากดาวมฤตยูเคลื่อนย้ายออกจากดวงเมือง ถือว่าทุกสิ่งอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี น่าจะอยู่ช่วงเดือน มิ.ย.และ ก.ค.

“มี 2 อย่างที่ผสมโรงเข้ามา คือ ดาวมฤตยู และเดือน พ.ค.จะมีผลต่อดวงเมือง เนื่องจากเดือน พ.ค. จะมีผลปะทะกับดวงเมืองโดยตรง ซึ่งตามโหราศาสตร์ถือว่าเดือน พ.ค.เป็นเดือนที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ความเดือดเนื้อร้อนใจ เป็นเดือนศัตรูจากบุคคลที่ไม่หวังดี สร้างความแตกแยกวุ่นวายเกิดขึ้น แต่ต้องถือว่าดวงปี 2566 ปีเถาะ ธาตุน้ำ เป็นปีแห่งความใจดี ครอบคลุม ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดความรุนแรงมาก แม้จะมีการปะทะกันภายในบ้าง”

สิ่งที่ต้องไม่ลืมและต้องระวังมากที่สุดคือ ในปี 2567 จะเป็นปีมังกร ขณะที่ดวงเมืองเป็นปี ขาล ซึ่งถือว่าแข็งต่อแข็งเจอกัน ปัญหาความรุนแรงจะเกิดขึ้น จะมีคนเจ็บ คนตาย คนป่วย และจะเกิดความแตกแยกมากขึ้น

โดยซินแสเข่ง บอกทิ้งทายว่า การวางดวงชะตาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า 3 คนที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ไม่ว่าจะเป็นบิ๊กป้อม บิ๊กตู่ และนายเศรษฐา นั้น เชื่อว่าบิ๊กตู่ มีโอกาสที่สุด แม้จะมีราศีพิฆาต แต่มีโหงวเฮ้งที่เหนือคนอื่นมาเสริมดวงชะตา ส่งผลให้เกิดความมั่นคงในหน้าที่การงานมากที่สุดเช่นกัน!

ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่


Facebook :https://m.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/?locale2=th_TH



กำลังโหลดความคิดเห็น