ดรามาไม่จบ-ไม่สิ้น ซีเกมส์ 2023 ที่กัมพูชา พลิกลิ้นค่าลิขสิทธิ์เดี๋ยวมี-เดี๋ยวไม่มี โก่งราคาแพงพิเศษสำหรับประเทศไทย แถมปรับเปลี่ยนมวยไทยเป็นกุน ขแมร์ จนทีมไทยไม่ส่งแข่ง ขณะที่กระแส “เคลมโบเดีย” ยังซัดกันนัว จนกองเชียร์ไทยโหวตไม่ดู “ดร.สิขเรศ” ชี้กฎ Must Have บังคับใช้เมื่อได้ลิขสิทธิ์
ยังคงไม่ได้ข้อยุติเรื่องของการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ประเทศกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 5-17 พฤษภาคม 2566 ซึ่งประเทศไทยยังอยู่ระหว่างการเจรจากับทางเจ้าภาพถึงเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ เนื่องจากในครั้งนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เปลี่ยนไปจากเดิม โดยเฉพาะเรื่องลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดกีฬาซีเกมส์ครั้งนี้
เริ่มกันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566 เว็บไซต์ cambodia2023.com เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ระบุว่า คณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2023 ได้เปลี่ยนแปลงประเพณีเดิมของการเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ด้วยการเริ่มขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขัน ซึ่งที่ผ่านมาชาติเจ้าภาพจะปล่อยให้แต่ละชาตินำสัญญาณกลับไปถ่ายทอดสดแบบฟรีๆ ซึ่งเรื่องนี้ได้รับความเห็นชอบร่วมกันจากสหพันธ์ซีเกมส์
แหวกกฎเก็บค่าลิขสิทธิ์
นายวัธ จำเริญ เลขาธิการคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2023 เปิดเผยว่า เราประสบความสำเร็จอีกครั้ง โดยได้มีการเปลี่ยนประเพณีเดิมของซีเกมส์ และเราต้องทำงานหนักเพื่อขายสิทธินี้เพื่อเปิดประตูสู่ซีเกมส์ครั้งต่อไป
“ทุกชาติเรียกร้องให้กัมพูชาเริ่มทำสิ่งนี้ เนื่องจากการขายลิขสิทธิ์นั้นได้กำไร แต่ในอดีตมักจะออกอากาศโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย นำไปสู่การสูญเสียมูลค่า กัมพูชาจึงประสบความสำเร็จในการริเริ่มขายสิทธิการออกอากาศ และได้รับสิทธิอย่างเต็มที่ในการขายลิขสิทธิ์การออกอากาศทางโทรทัศน์”
ทั้งนี้ เดิมทีมชาติเจ้าภาพซีเกมส์ที่ผ่านมาจะไม่เรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์ โดยจะปล่อยภาพให้ชาติต่างๆ รับชมแบบฟรีๆ เเต่จะแลกกับค่าธรรมเนียมเล็กน้อยจึงไม่เรียกลิขสิทธิ์ มากสุดคือ เวียดนาม ที่เรียกเงินชาติละ 10,000 เหรียญ หรือประมาณ 349,200 บาท ก่อนหน้านี้ เคยมีชาติที่พยายามเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์สูงถึง 315,005 ดอลลาร์ หรือประมาณ 11 ล้านบาท สมัยที่ลาวเป็นเจ้าภาพในปี 2552 แต่สุดท้ายไม่มีใครจ่ายจำนวนนั้นก็ยังได้ดูปกติ
พร้อมๆ กับข่าวที่ออกมาว่าค่าลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดกีฬาซีเกมส์จากกัมพูชาครั้งนี้สูงถึง 8 แสนเหรียญสหรัฐ หรือราว 28 ล้านบาท ทำให้ฝ่ายไทยยังไม่ได้ข้อสรุปในเรื่องดังกล่าว
กลับลำไม่มีลิขสิทธิ์
28 กุมภาพันธ์ 2566 นายวัธ จำเริญ เลขาธิการคณะกรรมการจัดงานซีเกมส์กัมพูชา (CAMSOC) ออกมาระบุว่า รายงานข่าวของสื่อมวลชนไทยเกิดความผิดพลาดแน่นอน กัมพูชาไม่เคยเรียกร้องค่าลิขสิทธิ์สำหรับการถ่ายทอดสด การที่สื่อไทยบางสำนักรายงานนั้นไม่ถูกต้อง เนื่องจากการเจรจาระหว่าง CAMSOC กับทางการไทยยังดำเนินอยู่
"ค่าธรรมเนียมขั้นสุดท้ายจะเป็นไปตามที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกัน และกัมพูชาจะยังไม่มีการตัดสินใจในเรื่องนี้ เราไม่ได้บังคับให้ใครต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ ค่าธรรมเนียมการออกถ่ายทอดสดจะพิจารณาจากข้อมูลด้านการตลาดและขนาดของผู้ชมแต่ละกรณี ดังนั้นแต่ละประเทศจึงแตกต่างกันไป"
8 มีนาคม 2566 ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างพูดคุยเพื่อหาทางออก เนื่องจากตัวเลขที่ถูกเรียกค่าลิขสิทธิ์มานั้นตนคงไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขได้ แต่ถือว่าใกล้เคียงตามรายงานข่าวก่อนหน้านี้ ซึ่งถือว่าสูงเกินไป
"เราคงต้องมาดูกันว่าจะเป็นอย่างไร โดยตอนนี้ให้ทางทีสปอร์ตเป็นผู้เจรจา ส่วนข้อถามที่ว่าทางกัมพูชาปฏิเสธว่าไม่ได้เรียกค่าลิขสิทธิ์ในตัวเลขดังกล่าวนั้น ถ้าเป็นจริงถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะทางเราไม่อยากจะจ่ายแพงขนาดนั้น เพื่อที่ประชาชนจะได้ดูการแข่งขันซีเกมส์อย่างทั่วถึง"
กลับไป-กลับมา
เชื่อว่าทุกฝ่ายก็งงกับแนวทางของเจ้าภาพว่าจะเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์หรือไม่ เดิมบอกกีฬาซีเกมส์ 2023 ได้เปลี่ยนแปลงประเพณีเดิมของการเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ด้วยการเริ่มขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขัน ต่อมาพอปูดเรื่องตัวเลขค่าลิขสิทธิ์ที่แพงมาก กลับบอกไม่มีค่าลิขสิทธิ์ เป็นเพียงค่าธรรมเนียม
ล่าสุด นายวัธ จำเริญ เลขาธิการคณะกรรมการจัดงานซีเกมส์กัมพูชา ออกมากล่าวว่า กัมพูชาไม่ได้กำหนดราคาสำหรับลิขสิทธิ์การออกอากาศกีฬาซีเกมส์นี้ สิ่งนี้ขึ้นกับการเจรจาเรื่องมูลค่าการตลาด มันสมเหตุสมผลแล้วที่ประเทศที่มีการตลาดขนาดใหญ่จะถูกตั้งราคาสูง มันขึ้นอยู่กับการเจรจากับผู้ซื้อที่มีศักยภาพ
สรุปว่ากัมพูชาคิดค่าลิขสิทธิ์ใช่หรือไม่ หรือเปลี่ยนจากค่าลิขสิทธิ์มาเป็นค่าธรรมเนียม ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วค่าธรรมเนียมที่เคยเก็บกันที่ผ่านมาจะเก็บไม่แพง เช่น 1 หมื่นเหรียญสหรัฐ เท่าที่ผู้ว่าฯ กกท.พูดมาก็พอจะเดาออกว่าค่าธรรมเนียมนี้อาจสูงกว่าในอดีต ส่วนจะใกล้เคียงกับราคาที่เคยหลุดออกมาราว 8 แสนเหรียญหรือไม่ตรงนี้ไม่มีใครทราบ
ซีเกมส์อยู่ใน Must Have
สำหรับประเทศไทยแล้ว การแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือกีฬาซีเกมส์ (SEA Games) ถือเป็น 1 ใน 7 รายการกีฬาตามประกาศของคณะกรรมการกิจการเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่องหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป ที่ต้องจัดให้มีการถ่ายทอดสด ที่เรียกกันว่ากฎ Must Have
ประเทศไทยมีข้อถกเถียงกันเรื่องลิขสิทธิ์กีฬานั้นมาโดยตลอด คนไทยเกือบไม่ได้ชมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2022 ที่ประเทศกาตาร์ ระหว่าง 20 พฤศจิกายน-18 ธันวาคม 2565 เนื่องจากกฎ Must Have ส่งผลให้ไม่มีเอกชนรายใดประมูลลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก เนื่องจากไม่คุ้มค่าในการลงทุน สุดท้ายรัฐบาลต้องเข้ามาเป็นโต้โผในการซื้อลิขสิทธิ์ราว 1,400 ล้านบาท เป็นเงินจาก กสทช. 600 ล้านบาท ที่เหลือหาจากภาคเอกชน
ไม่นานนักมีรายการฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2022 AFF Mitsubishi Electric Cup 2022 ระหว่าง 20 ธันวาคม 2565-16 มกราคม 2566 ถือเป็นรายการที่ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขที่ต้องถ่ายทอดสดตามประกาศของ กสทช. เดิมรายการนี้มักมีผู้เข้ามาซื้อลิขสิทธิ์แล้วถ่ายทอดสดเสมอ เพราะถือว่าเป็นรายการที่นักฟุตบอลทีมชาติไทยมีความหวังครองแชมป์ได้มากกว่าชาติอื่นๆ แต่ครั้งนี้ผู้ถือลิขสิทธิ์ไม่แบ่งขายเหมือนครั้งก่อน
จนไม่มีกล้าซื้อและมีความเป็นไปได้ว่าอาจไม่มีการถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีโทรทัศน์ เห็นได้จากการแข่งขันนัดแรกเมื่อ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา ไทยพบบรูไน ผลการแข่งขัน 5:0 ไม่มีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ ในที่สุดได้ภาคเอกชนอย่างกองสลากพลัส ที่ทุ่มเงิน 67 ล้านบาทซื้อลิขสิทธิ์จนคนไทยทั้งประเทศได้ชมและทีมชาติไทยได้ครองแชมป์อาเซียนสมัยที่ 7
ล่าสุดคือ SEA Games 2023 ครั้งนี้ ธรรมเนียมเดิมของซีเกมส์ไม่มีการเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์ แต่ครั้งนี้พบว่ามีการแจ้งตัวเลขค่าลิขสิทธิ์สูงมากสำหรับประเทศไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา
ดรามา “เคลมโบเดีย” คนไทยเชียร์ไม่ดู
ที่จริงกีฬาซีเกมส์ถือเป็นรายการหนึ่งที่คนไทยนิยม ด้วยมาตรฐานด้านกีฬาหลายประเภทมีโอกาสคว้าเหรียญทอง แต่ซีเกมส์ครั้งนี้ค่อนข้างมีเรื่องกระทบกระทั่งกันระหว่างทีมกีฬาของไทยกับเจ้าภาพอย่างกัมพูชา มีปัญหาด้านการจัดการแข่งขัน ถอดชื่อมวยไทยออกจากการแข่งขันเปลี่ยนชื่อเป็นกุน ขแมร์ แทน ส่งผลให้ประเทศไทยประท้วงด้วยการไม่ส่งกีฬามวยเข้าแข่งขัน
นอกจากนี้ ยังมีสงครามบนโลก Social ระหว่างคนไทยกับคนกัมพูชาตอบโต้กันหลายเรื่องและหลายเหตุการณ์ กัมพูชามักอ้างอิงว่าวัฒนธรรมต่างๆ ทั้งของไทยหรือประเทศอื่นๆ มีต้นกำเนิดมาจากกัมพูชา จนคนไทยเรียกในเชิงประชดประชันว่า “เคลมโบเดีย”
ตอนนี้หลายความเห็นบนโลก Social ต่างแสดงความเห็นว่า ไม่ต้องการดูการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ในครั้งนี้ จากอารมณ์คุกรุ่นเรื่องที่มีการตอบโต้กันไปมา
กฎไม่ได้บอกให้ซื้อ-ไม่มีคือไม่มี
ขณะที่ประเทศไทยมีกฎ Must Have ตามประกาศของ กสทช. ข้อ 3 ที่ระบุให้รายการโทรทัศน์แบบถ่ายทอดสดตามที่กำหนดไว้ในภาคผนวกของประเทศนี้ (7 รายการกีฬา) ถือเป็นรายการโทรทัศน์ที่สามารถให้บริการแก่ประชาชนได้ภายใต้การให้บริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไปเท่านั้น
การดำเนินการอื่นใดนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในข้อ 3 ต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการก่อน
ดร.สิขเรศ ศิรากานต์ นักวิชาการอิสระด้านสื่อดิจิทัลและสื่อใหม่ กล่าวว่า กฎ กสทช.ที่จริงไม่ได้บังคับ อย่างกรณีฟุตบอลโลก 2020 ที่กาตาร์ คนไทยเกือบไม่ได้ดูฟุตบอลโลก ครั้งนั้นถ้าไม่สามารถหาเงินมาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ได้ ก็ไม่ได้รับชมซึ่งเกิดขึ้นได้ แม้การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายอยู่ใน Must Have เช่นเดียวกัน
“กฎไม่ได้บอกให้ซื้อ ไม่มีคือไม่มี แต่ถ้ามีหรือได้ลิขสิทธิ์มาก็เข้ากฎ Must Have ต้องถ่ายทอดตามประกาศ”
ใครใจแข็งกว่ากัน
แหล่งข่าวจากวงการโทรทัศน์กล่าวว่า เรื่องลิขสิทธิ์ถ่ายทอดกีฬาในระยะหลังจะมีเรื่องของตัวเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ทุกอย่างอยู่ที่ข้อตกลงระหว่างกัน อย่างบอล AFF เราก็เกือบไม่ได้ดู เพราะผู้ถือลิขสิทธิ์ขึ้นราคา เปลี่ยนรูปแบบการขาย ครั้งนั้นได้นายทุนที่ขายลอตเตอรี่ออนไลน์เข้ามาเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ ไม่ต่างกับฟุตบอลโลก ถ้าการเมืองไม่โดดลงมาคงไม่มีทางได้ดู
ส่วนกีฬาซีเกมส์ต้องดูข้อตกลงว่าสมาชิกในอาเซียนจะเห็นด้วยกับค่าลิขสิทธิ์แบบนี้หรือไม่ ผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น กกท.หรือ กสทช. พร้อมเข้ามาสนับสนุนเรื่องงบประมาณก้อนหนี้หรือไม่ หรือถ้าแพงเกินไปจนไม่ซื้อ เมื่อไม่ได้ลิขสิทธิ์มาก็ไม่สามารถถ่ายทอดสดได้ ส่วนจะมีการหารือหรือพูดคุยกันช่องทางอื่นก็ได้เช่น Streaming
ฝ่ายที่ขายลิขสิทธิ์ก็ต้องการขายให้ได้เงินมากที่สุด ขายกันตามขนาดเศรษฐกิจและโอกาสของความสำเร็จของนักกีฬาประเทศนั้น อย่างบอล AFF เขาก็ขายให้ไทยราคาสูงกว่าที่อื่น มันถือเป็นการต่อรองระหว่างกันใครใจไม่ถึวก็ต้องยอมอีกฝ่าย แต่ถ้าเสนอเงื่อนไขมากจนเกินไปไม่มีการซื้อลิขสิทธิ์ เจ้าภาพก็จะมีรายได้จากส่วนนี้เป็น 0 ทันที
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://m.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/?locale2=th_TH
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4jv