‘ธุรกิจสายมู’ กำลังเป็นความหวังในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย พรรคชาติพัฒนากล้าชูนโยบายสร้างเศรษฐกิจสายมู ขณะที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเชื่อธุรกิจที่เกิดจากความเชื่อและศรัทธาโดยเน้นจุดขายที่การท่องเที่ยวจะสร้างรายได้ปีละนับหมื่นล้าน ด้าน ‘ศรัทธา.online’ ที่นำแพลตฟอร์มเข้ามาใช้ผลักดันธุรกิจสายมู ทั้งแก้บน ไว้ขอพรวอลเปเปอร์เสริมดวง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เพื่อ ‘ขอโชคลาภ คู่ครอง มั่งคั่ง ความสำเร็จ’ พบส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง วัย 20-34 ปี ชี้คนไทยใช้บริการไหว้ออนไลน์วัดหวังต้าเซียน เพื่อสมหวังด้านความรัก เตรียมแผนบุกตลาดต่างประเทศฮ่องกง ไต้หวัน จีน พม่า อินเดีย และอเมริกา แนะรัฐหนุนธุรกิจมูเกตติ้ง เชื่อมท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้ประเทศมหาศาล
เศรษฐกิจสายมูกำลังเป็นประเด็นที่น่าสนใจ ที่แม้กระทั่งพรรคการเมืองอย่างพรรคชาติพัฒนากล้า ยังกำหนดให้ธุรกิจสายมู เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญที่จะสร้างแพลตฟอร์มเศรษฐกิจใหม่ให้ประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมา เราได้เห็นปรากฏการณ์มูเตลู ที่เกิดจากความเชื่อ ศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่มาในรูปของเครื่องรางของขลัง ยังรวมไปถึงการไหว้ขอพร ขอโชคลาภต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามวัด หรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตามศาสนาที่มีเสียงร่ำลือ หรือปรากฏให้เห็นในสื่อต่างๆ ว่า ‘ขอแล้วได้’ ก็จะแห่กันไปสักการบูชา
ยิ่งในยุคดิจิทัล ซึ่งผู้คนเข้าถึงเทคโนโลยีที่มีความรวดเร็วในการสื่อสารและส่งผ่านข้อมูลที่เป็นข้อความ ภาพหรือวิดีโอได้อย่างรวดเร็วทุกที่ ทุกเวลา และไปได้ทั่วโลก อีกทั้งสามารถกลับมาดูซ้ำๆ ได้ตลอดเวลา ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำธุรกิจสายมู สามารถแทรกเข้าไปสร้างความเชื่อและสร้างแรงศรัทธาให้ผู้คนบนโลกใบนี้ได้ง่ายขึ้น บรรดาคนต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและมากราบไหว้ รวมทั้งทำพิธีกรรมต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ขอพร หรือบนบานไว้
โดยเฉพาะยุคเศรษฐกิจตกต่ำช่วงโควิดกว่า 3 ปี คนสิ้นหวัง ย่อมต้องการที่พึ่งทางใจเพื่อให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น ก็แห่กันไปสักการะที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ไปกราบไหว้แล้วสมหวัง ถูกหวย ถูกลอตเตอรี่ หรือใครที่มีอยู่แล้วต้องการจะประสบความสำเร็จโชคดี มีลาภ เสริมบารมี ยิ่งขึ้นก็ไปกราบไหว้เช่นกัน
ตรงนี้จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจสายมูเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ว่ากันว่าธุรกิจเหล่านี้มีเงินหมุนเวียนปีละหลายหมื่นล้านบาท ดังนั้น หากรัฐบาล หรือพรรคการเมืองจะหยิบยกมาเป็นหนึ่งในนโยบายสร้างรายได้เข้าประเทศก็น่าจะมีโอกาสเป็นไปได้เช่นกัน
ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย บอกว่า จริงๆ แล้วธุรกิจที่เกิดขึ้นและเรียกว่า ‘สายมู’ เป็นเพียงภาษาพูดทั่วไปที่ตรงใจคนง่าย แต่ในความเป็นจริงแล้ว เศรษฐกิจที่เกิดจากความเชื่อและศรัทธาของคนเอเชีย หรือคนทั่วโลกที่เข้ามานั้นเป็นประโยชน์ในด้านการท่องเที่ยว หรือประโยชน์ในเชิงธุรกิจอื่นๆ ตามมา ซึ่งพรรคการเมือง หรือรัฐบาลจะผลักดันก็คงจะออกมาในรูปของการส่งเสริมเศรษฐกิจเชิงวัฒนธรรม (cultural economy tourism)
“ความเชื่อ และศรัทธา เรา เปลี่ยนใหม่ cultural economy tourism อย่างวัฒนธรรมเอเชีย เป็นเรื่องของเทพ บางคนมาไหว้พระพรหม พระพิฆเนศ มาไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือการดูฮวงจุ้ย ก็เป็นเรื่องของความเชื่อ ความศรัทธาที่มีมูลค่ามหาศาล บางที่ซินแสดูให้มีการปรับฮวงจุ้ย ทำให้เกิดการก่อสร้างขึ้นตามมา”
อย่างไรก็ดี ธุรกิจนี้ต้องยอมรับว่าเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ได้อย่างดี จะเห็นได้ว่ามีหลายหน่วยงาน การจะระดมเงินเข้าองค์กรยังมีการปลุกเสกพระ หรือจัดอีเวนต์ ประกวดพระ ก็ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเราเน้นใช้การท่องเที่ยวเป็นจุดขายหากจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คนไปท่องเที่ยวและสักการบูชา จะส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมได้เช่นกัน
“มีเด็กรุ่นใหม่อายุ 20 กว่าๆ มาทำอีคอมเมิร์ซ ขายเครื่องรางของขลังให้จีน คนก็ซื้อกันเยอะ ซึ่งเกิดจากความศรัทธา และหลังมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีคนเกาหลี คนจีนมาไหว้พระพิฆเนศ ที่พระพรหมเอราวัณ ก็มีนางรำ หรือที่นครศรีธรรมราช คนมาเลย์มาทอดกฐิน ทอดผ้าป่ากันเป็นประจำ สิ่งเหล่านี้สามารถสร้างรายได้ทั้งนั้น”
อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า ธุรกิจจากความเชื่อและความศรัทธาสร้างรายได้ปีละเป็นหมื่นล้านบาท อย่างธุรกิจสังฆทาน ก็เกิดจากความเชื่อและศรัทธาของคนที่อยากไปทำบุญกับพระ เพราะอยากมีที่พึ่งทางใจจึงทำให้เกิดธุรกิจที่ให้บริการบนความเชื่อ ความศรัทธาได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ด้าน วรพล รัตนพันธ์ และศศรักษ์ สุทธิสุคนธ์ ผู้ก่อตั้งและพัฒนา ‘ศรัทธา.online’ ได้สร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ลูกค้าสามารถขอพร-แก้บน-เช็กดวง ในยุคดิจิทัลขึ้นมาในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 และผู้คนต้องใช้ชีวิตแบบ New Normal แต่คนเหล่านี้ยังมีความเชื่อและศรัทธาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ‘ศรัทธา.online’ จึงเปรียบเสมือน “สะพานเชื่อมระหว่างสิ่งศักดิ์สิทธิ์กับผู้มีจิตศรัทธา” มาอยู่ในจุดที่ลงตัวพอดี
“ต้องบอกก่อนว่าการแก้บนออนไลน์เราไม่ได้เป็นเจ้าแรก เพราะก่อนที่จะทำเราค้นหาข้อมูลพบว่า วัดเจดีย์ หรือวัดไอ้ไข่ ที่นครฯ มีร้านค้าที่อยู่สถานที่นั้นๆ ทำอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเราเอาไอเดียผสมกับเทคโนโลยี เป็นแพลตฟอร์มที่รวมร้านค้าเข้าด้วยกัน และสิ่งที่เราทำให้ลูกค้าคือเป็นรายบุคคล เพราะเราถือว่านี่คือข้อมูลส่วนตัว”
โดยก่อนที่ทีม ‘ศรัทธา.online’ จะทำหน้าที่เป็นสะพานได้สมบูรณ์แบบนั้น พวกเราต้องลงไปติดต่อประสานกับร้านค้าต่างๆ ที่อยู่หน้าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แต่ละแห่ง ทั้งการขอพร การแก้บน ต้องรู้ทุกขั้นทุกตอนของร้านค้า และต้องรู้และเข้าใจด้วยว่าลูกค้าที่ไปขอพร ไปแก้บนมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ในทุกสถานที่สำคัญๆ ที่คนเชื่อและศรัทธา เพื่อนำมาออกแบบด้วยเทคโนโลยีเพื่อให้หลังบ้านลื่นไหลและเป็นข้อมูล ข้อเท็จจริง จะหลอกลวงผู้มาใช้บริการแพลตฟอร์มเราไม่ได้ โดยเราเริ่มที่ไอ้ไข่ และที่หลวงพ่อทันใจ พระธาตุดอยคำที่เชียงใหม่ เป็นแห่งแรก
สิ่งสำคัญสุด ‘ศรัทธา.online’ จะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า เพราะหากลูกค้าขาดความเชื่อมั่นแพลตฟอร์มนี้ก็หมดโอกาสในทางธุรกิจ ดังนั้น จึงเริ่มตั้งแต่มีการจอง ต้องกรอกใบขอพรที่เป็นเฉพาะเจาะจง คนอื่นไม่มีโอกาสเห็น ไปถ่ายรูปกับชุดถวายที่ลูกค้าเลือกไว้ และร้านค้าต้องถ่ายรูปส่งทีมงานทุกชุด เราต้องตรวจอย่างละเอียดก่อนส่งให้ลูกค้า
“สักการะหลวงพ่อทันใจ พระธาตุดอยคำ ทางวัดจะตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะวัดกลัวเสียชื่อมาก หากเอาของไหว้แก้บนไปเวียนเทียนให้คนอื่นอีก และถ้าลูกค้าเลือกเป็นชุดไหว้ที่ต้องถ่ายวิดีโอด้วย จะยิ่งสร้างความมั่นใจมากขึ้น”
วรพล รัตนพันธ์ และศศรักษ์ สุทธิสุคนธ์ เล่าว่า เป็นโชคดีของ ‘ศรัทธา.online’ ที่ลูกค้ามาใช้บริการช่วย review ว่าขอที่นั่น ที่นี่แล้วได้ เช่น ขอวีซ่าผ่านได้สำเร็จ ก็จะบอกต่อๆ กันไป คนที่ได้ยินได้ฟังก็มาใช้บริการเราต่อไป เรียกว่าเป็นกลยุทธ์ปากต่อปากที่ประสบความสำเร็จ
“เราไม่ได้บอกว่าไหว้ขอพรที่นี่ ที่นั่นแล้วคุณจะได้ เพราะเราเป็นเพียงตัวแทน หรือเป็นสะพานทำพิธีกรรมให้ และคุณมีความเชื่อมั่นว่า เราทำให้คุณจริงๆ “
ด้วยระยะเวลาที่ ‘ศรัทธา.online’ เกิดขึ้นจนถึงวันนี้เป็นเวลาร่วม 2 ปี เรามีลูกค้าหลักหมื่นคนขึ้นไป และลูกค้าที่เข้ามาใช้จะเป็นผู้หญิงสัดส่วน 3 ใน 4 ที่มีอายุประมาณ 20-34 ปี และลูกค้าส่วนใหญ่นิยมตักบาตรออนไลน์ เป็นอันดับแรก อันดับ 2 เป็นเรื่องวอลเปเปอร์เสริมดวง อันดับ 3 จะเป็นการขอพรออนไลน์ รวมถึง package สังฆทาน 9 วัดได้รับความสนใจมาก
จุดเริ่มต้นของ ‘ศรัทธา.online’ จะอยู่ที่หลวงพ่อทันใจ วัดพระธาตุดอยคำ จังหวัดเชียงใหม่ ไหว้ไอ้ไข่ วัดเจดีย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ตามด้วยไหว้หลวงพ่อโสธร ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ไหว้ศาลพ่อปู่อือลือ ถ้ำนาคา จังหวัดบึงกาฬ ไหว้พระพรหมเอราวัณ กทม.
“ไหว้ขอพรพระแม่ลักษมี ตึกเกสรกำลังมาแรงในปีนี้ เด่นเรื่องคู่ครองและความมั่งคั่ง ส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่น และที่วัดหวังต้าเซียน ฮ่องกง เรื่องของคู่ครอง จะมีการผูกด้ายแดงให้ด้วย ราคาอยู่ที่ 359-1,999 บาท ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงอายุ 25-35 ปี การไหว้ขอพรเทพฮินดูก็มาแรง เพราะเชื่อในความรัก ความสำเร็จมั่งคั่ง หลวงพ่อทันใจ ผู้หญิงช่วง 30-40 จะมาเน้นธุรกิจ โชคลาภ ขอถวายเราจัดเป็นชุด S M L ให้เลือก”
วรพล และศศรักษ์ บอกอีกว่า ศรัทธา.online ได้ร่วมเป็นพาร์ตเนอร์กับ LINE ดูดวงซึ่งใน account มีคน follow 11 ล้านคน ทำให้ฐานลูกค้าที่เราจะไปให้บริการมีโอกาสสูงขึ้น อีกทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในต่างประเทศที่คนไทยอยากไปไหว้ และคนต่างชาติอยากมาไหว้ในไทยก็มีหลายแห่ง โดยเฉพาะคนจีนมีฐานใหญ่มาก และกำลังซื้อสูง ซึ่งนักธุรกิจที่ประเทศจีนมีแพลตฟอร์มที่ให้คนจีนจัดไหว้พระพรหมเอราวัณทางออนไลน์ในประเทศไทยด้วยเช่นกัน
ดังนั้น ศรัทธา.online กำลังวางแผนเจาะตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะมีฮ่องกง ไต้หวัน จีน พม่า กำลังคุยกับอินเดีย และอเมริกา ซึ่งธุรกิจที่เราทำนั้นไม่ได้พึ่งทางหน่วยงานของรัฐ แต่ถ้ารัฐบาลสนับสนุนจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีกว่าได้แน่นอน ซึ่งจะเป็น Soft Power ในเชิงวัฒนธรรม ศิลปะ เชื่อมโยงการท่องเที่ยว สร้างรายได้เข้าประเทศได้อย่างดี
“ใน Data ของเรา คนไทยก็สายมู ต่างชาติก็สนใจ ซึ่งถ้าจะเจาะตลาดต่างประเทศ แค่เพียงดึงคนไทยสายมูที่อยู่ทั่วโลกมาเล่นสายมูในไทยก็สร้างรายได้มากแล้ว คือเป็นการตลาดดึงคนไทย และคนต่างชาติโดยเฉพาะคนเอเชียที่มีความเชื่อคล้ายกันมาสร้างรายได้มหาศาล”
วรพล และศศรักษ์ ย้ำว่า ถ้าประเทศไทยสร้างจุดขายที่ความเชื่อและความศรัทธา ที่วันนี้เขาเรียกกันว่าการตลาดแบบ ‘มูเกตติ้ง’ ซึ่งมาจากมูเตลู+มาร์เกตติ้ง
ในทุกๆ จังหวัดจะส่งผลดี โดยเฉพาะจังหวัดเล็กๆ หากมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกคัดสรรไว้ชัดเจน ผสมผสานกับการมีโลกออนไลน์ จะทำให้จังหวัดเล็กๆ ดึงนักท่องเที่ยวเข้าไปพื้นที่ได้ เป็นอะไรที่น่าสนใจอย่างมาก รายได้จะเกิดตามมา!
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://m.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/?locale2=th_TH
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4jv