ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอล ลามมาถึงทีมชาติไทยรายการชิงแชมป์อาเซียน AFF Cup รายการความหวังของทีมชาติไทยไร้ถ่ายทอดสด พบปมหลายสาเหตุ กระแสบอลโลกกลบ คนถือลิขสิทธิ์ไม่แบ่งขายเหมือนก่อน บีบซื้อทุกคู่ ราคาเลยพุ่ง เอกชนถอยหวั่นขาดทุน กลายเป็นดรามา “กองสลากพลัส” เสนอตัวทุ่มซื้อ ดูได้จันทร์นี้
แม้ฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ปิดฉากลงไปแล้ว อาร์เจนตินาคว้าแชมป์ครั้งนี้ไปได้ สำหรับคนที่รับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกในครั้งนี้คงพอจะทราบดีว่า ที่ผ่านมากว่าจะได้ลิขสิทธิ์ในการรับชมทำเอาต้องลุ้นกันจวนเจียนการแข่งขันจะเริ่ม แถมต้องไล่หากันว่าวันนี้ถ่ายช่องไหน เรียกได้ว่ามีดรามากันได้ตลอดในช่วง 20 พฤศจิกายน-18 ธันวาคม 2565
แถมพบว่าหลักเกณฑ์ Must Carry ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ไม่ศักดิ์สิทธิ์พอ โดยผู้ที่รับชมทีวีผ่านจานดาวเทียมระบบ C Band ไม่สามารถรับชมได้เนื่องจากมีสัญญาณหลุดไปประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนผู้ที่รับชมทีวีอินเทอร์เน็ต (IPTV) ก็ไม่สามารถรับชมได้เนื่องจากมีคำสั่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาคุ้มครอง
ในช่วงที่คนไทยต่างลุ้นกันว่าจะได้ชมฟุตบอลโลกครั้งนี้หรือไม่ ระหว่างนั้นมีความพยายามที่จะติดต่อเรื่องลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดรายการ ศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2022 AFF Mitsubishi Electric Cup 2022 ระหว่าง 20 ธันวาคม 2565-16 มกราคม 2566 รอบแรกจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ทีมชาติไทยอยู่กลุ่ม A และทีมชาติเวียดนามอยู่กลุ่ม B แต่ละกลุ่มมี 5 ทีม แต่ละทีมจะได้เล่นเกมเหย้า 2 นัด เกมเยือน 2 นัด ส่วนในรอบรองชนะเลิศ กับรอบชิงชนะเลิศ จะแข่งแบบเหย้า-เยือน รอบละ 2 นัด
นัดแรกเมื่อ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา ไทยพบบรูไน ผลการแข่งขัน 5:0 ไม่มีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ แต่มีการถ่ายทอดในรูปแบบของการจัด Event เริ่มที่วอริกซ์จัดกิจกรรม "วอริกซ์ เชียร์ไทย ไปด้วยกัน" ดูบอลสดทีมชาติไทยผ่านจอยักษ์ ศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2022 AFF Mitsubishi Electric Cup 2022 บริเวณโครงการ “Stadium One” สปอร์ตคอมมูนิตีติดสนามกีฬาแห่งชาติ
นอกจากนี้ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมชาติไทย และ CEO บมจ.เมืองไทยประกันภัย ร่วมกับวอริกซ์ สปอร์ต จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรมเพื่อแฟนบอลชาวไทย ด้วยการจัดตั้งจอ LED ที่บริเวณสนามแพท สเตเดียม (สนามสโมสรการท่าเรือ) เป็นการเปิดโอกาสให้แฟนบอลเชียร์ทัพช้างศึกแบบสดๆ กับภารกิจป้องกันแชมป์อาเซียน 2022
กองสลากพลัสซื้อลิขสิทธิ์ AFF
ภายใต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่มีทั้งอยากให้ซื้อลิขสิทธิ์และเชียร์ไม่ให้ซื้อ ในที่สุด ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ยืนยันตอนนี้เจรจากับเจ้าของลิขสิทธิ์ลงตัวเเล้ว คนไทยจะได้ดูศึกชิงเเชมป์อาเซียน โดยจะได้ชมทีมชาติไทยพบทีมชาติฟิลิปปินส์ ในวันจันทร์ที่ 26 ธันวาคมนี้เวลา 19.30 น.
สำหรับการเข้าซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลรายการนี้มี “กองสลากพลัส” เป็นผู้ซื้อลิขสิทธิ์ โดยเพจกองสลากพลัสได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า กองสลากพลัสขอมอบของขวัญปีใหม่ให้คนไทยชมฟรี ด้วยลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดศึกฟุตบอล AFF Mitsubishi Electric Cup 2022 ให้แฟนบอลไทยและแฟนเพจกองสลากพลัสได้รับชมกันทุกแมตช์ มาร่วมลุ้นและเชียร์บอลไทยกัน เริ่มถ่ายทอดสดเกมแรก 26 ธันวาคม 2565 ผ่านทางช่อง 9 MCOT HD
AFF รายการความหวังแชมป์
เดิมการแข่งขันฟุตบอลในภูมิภาคอาเซียนจะรู้จักกันดีในนาม AFF ซูซูกิ คัพ ครั้งนี้เปลี่ยนสปอนเซอร์เป็น Mitsubishi Electric ชื่อรายการจึงเป็น AFF Mitsubishi Electric Cup 2022 ที่ผ่านมา ฟุตบอลรายการนี้ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย ทีมชาติไทยเป็นแชมป์ถึง 6 สมัย และเป็นแชมป์เก่าเมื่อครั้งที่แล้ว ดังนั้น การแข่งขันครั้งนี้จึงเท่ากับเป็นการป้องกันแชมป์ของทีมชาติไทย
ถือว่าเป็นรายการที่ทีมชาติไทยมีโอกาสคว้าแชมป์มากกว่ารายการอื่น สมาคมฟุตบอลและผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทยจึงให้ความสำคัญกับรายการนี้เป็นพิเศษ จึงส่งนักเตะทีมชาติชุดใหญ่เพื่อต้องการคว้าแชมป์รายการนี้ และคู่แข่งสำคัญของรายการนี้คือ ทีมชาติเวียดนาม คอบอลคงทราบดีว่าแฟนบอลเวียดนามมักจะมีวิวาทะกับแฟนบอลไทยเสมอ จนกลายเป็นอีกหนึ่งสีสันของฟุตบอลรายการนี้
ที่จริงรายการนี้แชมป์ไม่แชมป์มันส่งผลถึงตำแหน่งเก้าอี้นายกสมาคมฟุตบอลได้เหมือนกัน เราจึงเห็นการจัดตัวผู้เล่นทีมชาติไทยเป็นชุดใหญ่ ขณะที่หลายฝ่ายมองว่าถ้าจะพัฒนาหรือสร้างนักฟุตบอลใหม่ๆ ควรให้พวกเขาได้มีโอกาสสัมผัสรายการนี้ ซึ่งบางประเทศเขาใช้นักเตะระดับเยาวชนมาร่วมรายการก็มี
บีบซื้อแพกใหญ่-ไม่ขายแยก
ฟุตบอลรายการนี้ไม่ได้อยู่ในลิสต์ Must Have ของ กสทช. อีกทั้งที่ผ่านมา AFF มักมีสถานีโทรทัศน์ของไทยซื้อลิขสิทธิ์มาถ่ายทอดเสมอ ส่วนใหญ่เลือกถ่ายเฉพาะนัดที่ทีมชาติไทยลงแข่งขันเป็นหลัก แต่ครั้งนี้ผู้ถือลิขสิทธิ์ไม่แยกขาย ต้องการขายรวมทุกนัดด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงราว 2.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งในทางธุรกิจแล้วถือว่าไม่คุ้มค่า เนื่องจากคู่อื่นๆ ที่ไม่ใช่ไทย เช่น กัมพูชาเตะกับบรูไน ใครจะดู คงไม่สามารถสร้างเรตติ้งได้ มีผลต่อการหาโฆษณา สุดท้ายผู้ที่ซื้อลิขสิทธิ์อาจขาดทุนได้
ด้วยเหตุผลนี้ภาคเอกชนหลายรายจึงถอย ไม่ตอบรับกับเงื่อนไขของลิขสิทธิ์ครั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ทาง ผู้ว่าฯ กกท.ออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ที่จะขอถ่ายเฉพาะนัดที่ทีมชาติไทยแข่ง ราคาจะลดลงไปไม่น้อย สุดท้ายทาง กกท.ก็เงียบไป
อีกประการหนึ่งโปรแกรมแข่งขันของรายการนี้เริ่มหลังจากฟุตบอลโลกจบ 2 วัน แน่นอนว่ากระแสบอลโลกกลบรายการ AFF เกือบมิด หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีรายการนี้ต่อจากบอลโลก แถมช่วงฟุตบอลโลก กกท.โต้โผหลักต้องรับมือกับปัญหาจากทั้ง กสทช. สมาคมทีวีดิจิทัล ระบบการออกอากาศทั้ง C Band และ KU Band รวมถึง IPTV อยู่จนถึงรอบรองชนะเลิศ ดังนั้น การประสานงานในเรื่องการถ่ายทอดสดรายการ AFF จึงถูกลดความสำคัญลงไป
เอกชนซื้อต้องไม่ขาดทุน
หากมองในมิติทางการเมืองระหว่างบอลโลกกับ AFF แล้ว แน่นอนว่าบอลโลกมี Impact มากกว่า แต่ AFF ก็สร้างเรตติ้งได้ดีเช่นกัน เพียงแต่ดันมาจัดในช่วงที่ใกล้กันทำให้คนลืม AFF เชื่อว่าในทางการเมืองแล้วการได้ถ่ายทอดสดฟุตบอลที่มีทีมชาติไทยลงแข่งขัน แถมมีโอกาสคว้าแชมป์มากที่สุด ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะรัฐหรือเอกชนก็อยากถ่ายทอดด้วยกันทั้งนั้น เรตติ้งดี หาโฆษณาได้ไม่ยาก
ก่อนหน้านี้ มาดามแป้ง ผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทยออกมาวิงวอนต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ กกท.ให้ช่วยให้คนไทยได้ดูทีมชาติไทยลงแข่งขันด้วย
จุดใหญ่ของปัญหาถ่ายทอดสดครั้งนี้ผู้บริหารลิขสิทธิ์อย่างสปอร์ตไฟว์ ตั้งราคาขายเป็นแพกเกจรวม ไม่แยกเป็นชาติเหมือนที่ผ่านมา ราคาเหมารวมจึงสูง เมื่อใกล้ถึงวันแข่งแม้จะมีการลดราคาลงมาเล็กน้อยแต่ยังคงขายเป็นแพกเกจเหมือนเดิม ฝ่ายขายของสปอร์ตไฟว์มีความพยายามเข้ามาติดต่อสถานีโทรทัศน์บางช่องแต่ไม่ลงตัว
นี่ถือเป็นกรณีศึกษาอีกครั้งหนึ่ง หลายฝ่ายมองว่าเรื่องลิขสิทธิ์ถ่ายทอดกีฬาควรเป็นของเอกชน รัฐไม่ควรเข้ามายุ่ง แน่นอนว่าเอกชนต้องคิดคำนวณต้นทุนและค่าใช้จ่ายออกมาแล้วว่าคุ้มค่าจึงซื้อลิขสิทธิ์ แต่ถ้าไม่คุ้มเสี่ยงขาดทุนคงไมมีเอกชนรายใดกล้าลงทุน เมื่อฝ่ายบริหารสิทธิของ AFF ออกเงื่อนไขมาแบบนี้ ภาคเอกชนก็ต้องถอย เพราะคนไทยส่วนใหญ่ต้องการชมทีมชาติไทยเป็นหลัก
ในแง่ของผู้ถือลิขสิทธิ์ที่ต้องการสร้างรายได้กับผู้ว่าจ้างมากที่สุด ต้องหันมาทบทวนว่าเงื่อนไขที่ตั้งไว้นั้นสุดท้ายจะทำให้ตัวเองขาดรายได้ไปด้วยหรือไม่ เพราะอย่างกรณีที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยเมื่อทุกอย่างแพงเกิน ขัดกับแนวทางที่เคยทำมา สัญญาไม่ยืดหยุ่น สุดท้ายจึงไม่สามารถขายลิขสิทธิ์ได้
แตกต่างกับบอลโลกที่มาตรฐานของแต่ละทีมแม้จะห่างชั้นกันบ้าง แต่ทุกทีมที่เข้ารอบต่างก็มีดาราของทีม และมาตรฐานฟุตบอลก็ก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง แม้จะไม่ใช่คู่แม่เหล็กแต่ก็ยังมีคนดูแม้จะน้อย
เมื่อทีมชาติไทยชุดใหญ่ลงแข่ง แต่ไม่มีการถ่ายทอดสดให้ชมเหมือนครั้งที่ผ่านมา จึงกลายเป็นอีกหนึ่งความคุ้นชินที่ต้องทำใจยอมรับว่าเหตุการณ์เช่นนี้อาจเกิดขึ้นได้ ส่วนจะเป็นหน้าที่หรือความรับผิดชอบของใคร ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องคงต้องพิจารณาทบทวนปัญหา และหาทางแก้ไขกัน
คอบอลหาทางรับชม
อยากให้สังเกตปฏิกิริยาของแฟนบอลให้ดีจะพบว่า มีเสียงไม่พอใจที่ไม่ได้รับชมจำนวนหนึ่ง แต่ไม่ได้ดังมากจนกลายเป็นกระแสกดดันสมาคมฟุตบอล หรือรัฐบาล คนที่อยากดูเขาก็ต้องเสาะหาช่องทางในการดูจนได้ ไม่ว่าจะเป็นการไปเชียร์ตามจุดต่างๆ ที่ Stadium One หรือ Pat Stadium นอกจากนี้ตามร้านอาหารบางส่วนยังเชื่อมสัญญาณกับทางวอริกซ์ เปิดให้ลูกค้าได้รับชมทีมชาติไทยแข่งด้วยเช่นกัน
ครั้งนี้ถือว่าโชคดีที่มีเอกชนยอมเข้ามาเป็นเจ้าภาพในการซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอล AFF ทำให้แฟนบอลชาวไทยมีโอกาสรับชมทีมชาติไทยลงเตะในรายการนี้
ข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://m.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/?locale2=th_TH
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4jv