xs
xsm
sm
md
lg

จับตา ‘บิ๊กตู่’ ไม่ต้องเสียค่าโง่ปิด ‘เหมืองทองอัครา’ แจง ‘คิงส์เกต’ จ่อถอนฟ้องพร้อมเดินหน้าเปิดเหมือง!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วงในระบุข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัทคิงส์เกตฯ กรณีปิดเหมืองทองอัครา มากว่า 6 ปี กำลังถึงจุดที่ทุกฝ่าย WIN-WIN มีเสียงเล็ดลอดออกมาว่า ‘คิงส์เกตฯ’ เตรียมถอนฟ้อง หลังเดินหน้ายกเครื่องโรงประกอบโลหกรรมใหม่คืบหน้ากว่า 75% พร้อมเปิดเหมืองได้ต้นปี 2566 เชื่อ ‘บิ๊กตู่’ ไม่ต้องเสียค่าโง่ 3 หมื่นกว่าล้านบาท มั่นใจทุกอย่างจบก่อนยุบสภา ที่สำคัญตีกรอบให้ บ.อัคราฯ เดินตามกฎหมายแร่ฉบับใหม่ และผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิตทองคำแบบครบวงจรได้สำเร็จ ชี้คิงส์เกตฯ หมดสิทธิส่งแท่งโดเร ไปเข้ากระบวนการแยกเพื่อให้ได้ทองคำบริสุทธิ์ 99.9% ในฮ่องกงอีกต่อไป ขณะที่ บ.อัคราฯ เตรียมรับพนักงานถึง 1 พันอัตรา ส่วนนักเคลื่อนไหวต้านเปิดเหมือง วันนี้เข้าสู่ภาวะเงียบ!

6 ปีผ่านไปหลังรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้คำสั่ง ม.44 ปิดเหมืองแร่ทองคำของบริษัท อัครารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด จำกัด ประเทศออสเตรเลีย เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ถือประทานบัตรเหมืองแร่ทองคำนั้น ได้มีการฟ้องร้องและต่อสู้ระหว่างรัฐบาลไทยและคิงส์เกตในชั้นอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศไปพร้อมๆ กับการเจรจาคู่ขนานเพื่อหาข้อยุติร่วมกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทุกฝ่ายมาเป็นเวลานาน

แต่วันนี้มีกระแสข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุชัดว่า ‘คิงส์เกต’ เตรียม ‘ถอนฟ้อง’ รัฐบาลไทยซึ่งผลการเจรจามีข้อมูลที่ทั้งสองฝ่ายต่างรับและเห็นชอบด้วยกัน โดยฝ่ายคิงส์เกต ยินดีถอนฟ้อง และกระทรวงอุตสาหกรรมได้ออกใบอนุญาตประกอบกิจการเหมืองแร่ให้บริษัทอัคราฯ มาเป็นลำดับ

“จะถามว่านี่เป็นการยื่นหมูยื่นแมว โดยฝ่ายไทยยอมออกใบอนุญาตให้อัคราฯ เปิดเหมืองได้ ส่วนคิงส์เกตก็ถอนฟ้อง ขอยืนยันว่าไม่ใช่แน่นอน เพราะรัฐบาลไทยได้ยื่นเงื่อนไขให้คิงส์เกตต้องปฏิบัติตามกฎหมายเหมืองแร่ฉบับใหม่ที่มีความรัดกุมมากขึ้น ทั้งในเรื่องคุณภาพชีวิต การรักษาสิ่งแวดล้อม กองทุนต่างๆ รวมไปถึงค่าภาคหลวงทุกอย่างดีขึ้นทั้งนั้น”

อีกทั้งสิ่งที่ประเทศไทยได้รับถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง คือไทยจะเป็นฐานการผลิตทองคำแบบครบวงจร ซึ่งเดิมบริษัทอัคราฯ จะส่งออกแท่งโดเร ไปถลุงที่ฮ่องกง เพื่อเข้าสู่กระบวนการผลิตและแยกสินแร่ต่างๆ เพื่อได้ทองคำบริสุทธิ์ 99.9% ก่อนที่จะส่งกลับมาประเทศไทยและส่งออกทองคำไปประเทศต่างๆ ต่อไป แต่จากนี้ไปเมื่อโรงประกอบโลหกรรมเปิดเดินเครื่องได้ใหม่ในต้นปี 2566 เราจะได้ผงทองและเงินไปอบแห้งก่อนเข้าเตาหลอม จะได้เป็นแท่งโดเร (แท่งโลหะเงินผสมทองคำ) ที่มีทองคำ 10% และเงิน 90% จากนั้นเราจะส่งแท่งโดเรไปให้บริษัทรีฟายนิ่ง โลหะมีค่า จำกัด (PRECIOUS METAL REFINING COMPANY LIMITED : PMR) ซึ่งเป็นบริษัทของคนไทยเป็นผู้สกัดโลหะเงินและทองคำทั้งหมดเพื่อได้ทองคำบริสุทธิ์ 99.9%

“เรื่องของเหมืองอัคราฯ ถูกปิดจากคำสั่ง ม.44 ในยุคบิ๊กตู่ ซึ่งวันนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งข้าราชการและนักการเมืองมั่นใจว่าทุกอย่างจะจบในยุครัฐบาลบิ๊กตู่ ก่อนที่จะมีการยุบสภาที่คาดว่าน่าจะเป็นช่วง ม.ค.หรือ ก.พ.ปี 2566 ซึ่งรัฐบาลบิ๊กตู่ จี้กระทรวงอุตสาหกรรมให้รีบดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว”


อย่างไรก็ดี บริษัทอัคราฯ ได้รับอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษเพื่อการสำรวจแร่ทองคำ จำนวน 44 แปลง ในอำเภอชนแดน และวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งตาม พ.ร.บ.แร่ปี 2560 มีอายุไม่เกิน 5 ปี ซึ่งเป็นอาชญาบัตรพิเศษที่ 3/2563-46/2563 ตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค.2563-25 ต.ค.2568

รวมทั้งได้มีการต่ออายุประทานบัตรเพื่อการทำเหมืองแร่ทองคำและเงิน จำนวน 4 แปลง ประกอบด้วย ประทานบัตรที่ 25528/14714 ในพื้นที่ ต.ท้ายดง อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ และประทานบัตรเลขที่ 26910/15635 ประทานบัตรที่ 26911/15366 และประทานบัตรที่ 26912/15367 ในพื้นที่ ต.เขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร ออกไปอีก 10 ปี ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.2564-29 ธ.ค.2574

พร้อมกันนั้น ได้รับการต่อใบอนุญาตประกอบโลหกรรมที่ 1/2551 เพื่อประกอบโลหกรรมแร่ทองคำ ที่ ต.เขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร และที่ ต.ท้ายดง อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ ออกไปอีก 5 ปี ตั้งแต่ 19 ม.ค.2565-18 ม.ค.2570 ซึ่งในการต่ออายุประทานบัตรและใบอนุญาตประกอบโลหกรรม บ.อัคราฯ ต้องจัดทำแนวพื้นที่กันชนที่มีระยะห่างจากชุมชนตามที่กฎหมายกำหนดด้วยเช่นกัน

โดยก่อนการพิจารณาอนุญาตในการต่ออายุประทานบัตรและใบอนุญาตประกอบโลหกรรมนั้น บริษัทอัคราฯ ได้จัดทำข้อมูลพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน (Baseline data) ประกอบด้วยข้อมูลพื้นฐานเรื่องดิน ตะกอนดิน น้ำผิวดิน น้ำใต้ดิน คุณภาพอากาศ เสียง และข้อมูลพื้นฐานด้านสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดทำข้อมูลพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนสำหรับการทำเหมืองและการประกอบโลหกรรม

นอกจากนี้ ได้รวบรวมและศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพของประชาชนในพื้นที่รัศมี 5 กิโลเมตร โดยมีการตรวจสุขภาพทั่วไป การเก็บข้อมูลตัวอย่างด้านชีวภาพ (Biomarkers) รวมทั้งการถ่ายภาพรังสีปอด เพื่อเป็นฐานข้อมูลสำหรับการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและด้านสุขภาพของประชาชนจากการทำเหมือง ซึ่งวิธีการเก็บตัวอย่างและการวิเคราะห์ตัวอย่างด้านชีวภาพได้ดำเนินการตามมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดแล้ว




ในเรื่องพื้นที่กันชน กระทรวงอุตสาหกรรมได้ออกประกาศ เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดทำแนวพื้นที่กันชนการทำเหมือง พ.ศ.2562 ซึ่งการต่ออายุประทานบัตรและใบอนุญาตประกอบโลหกรรมของบริษัทฯ ได้มีการกำหนดแนวพื้นที่กันชนที่มีระยะห่างจากชุมชนเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดโดยครบถ้วนแล้ว

“แผนผังและรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่บริษัทอัคราฯ ดำเนินการแล้วนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อการเปิดเหมืองมาก เพราะเมื่อบริษัทอัคราฯ ทำการซ่อมแซมเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ ภายในโรงประกอบโลหกรรมครบสมบูรณ์และมีความพร้อมที่จะเปิดเหมือง กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) จะเข้าไปตรวจความพร้อมของอุปกรณ์ในโรงโลหกรรมและการจ่ายเงินเพื่อวางหลักประกันต่างๆ เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ ถ้าทุกอย่างพร้อมและถูกต้อง กรมฯ ก็อนุญาตให้เปิดดำเนินการได้ แต่ถ้าไม่พร้อมเราจะไม่อนุญาต โดยไม่ต้องมาดูประเด็นอื่นๆ เช่น เรื่องสิ่งแวดล้อม เพราะทั้งแผนผังและรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมผ่านแล้ว เราจึงออกใบอนุญาตให้ไปดำเนินการซ่อมแซม”

ปัจจุบัน บริษัทอัคราฯ ได้ดำเนินการซ่อมแซมในลักษณะเป็นการยกเครื่องใหม่ทั้งหมด (MAJOR OVERHAUL) ซึ่งไม่ใช่ซ่อมแซมเฉพาะภายใต้โรงประกอบโลหกรรม ที่ 2 ซึ่งมีกำลังผลิตอยู่ที่ 2.7 ล้านเมตริกตัน/ปีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการซ่อมเครื่องจักรและสำนักงานต่างๆ ให้สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ เนื่องจากหยุดดำเนินการมาถึง 6 ปี

“เมื่อซ่อมแซมโรงประกอบโลหกรรม 2 แล้วเสร็จ จะไปดำเนินการยกเครื่องโรงประกอบโลหกรรม 1 ซึ่งมีกำลังผลิต 2.3 ล้านเมตริกตัน/ปี ต่อไป”

แท่งโดเร
สำหรับการซ่อมแซมนั้น บริษัทอัคราฯ ได้ดำเนินการมาร่วม 3 เดือน ถึงปัจจุบันมีความคืบหน้ากว่า 75% ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนดไว้ในช่วงสิ้นปี 2565 นี้ ส่งผลให้บริษัทเริ่มประกาศรับสมัครพนักงานเบื้องต้น จำนวน 166 อัตรา โดยเน้นคุณสมบัติ 4 ข้อ คือ 1.เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ 2.มีทัศนคติที่ดีต่อการทำเหมืองแร่ 3.ถ้าเป็นคนในพื้นที่จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ 4. ต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด

“ตามแผนงานบริษัทอัคราฯ จะใช้โรงประกอบโลหกรรมที่ 2 ก่อน ซึ่งมีแผนจะรับพนักงานประมาณ 300 อัตรา และเมื่อดำเนินการไปได้ระยะหนึ่งจะเริ่มซ่อมโรงประกอบโลหกรรมที่ 1 และเมื่อซ่อมเสร็จจนสามารถกลับมาใช้ได้แล้ว บริษัทจะมีการรับพนักงานเพิ่มเพื่อมารองรับปริมาณงานที่มากขึ้น ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีการจ้างงานเกิดขึ้นทั้งทางตรง และผ่านทางผู้รับเหมาร่วมๆ 1 พันอัตรา”






แหล่งข่าวจากทำเนียบ บอกอีกว่า ถึงวันนี้น่าจะสรุปได้แล้วว่า บิ๊กตู่ ไม่ต้องเสียค่าโง่ให้บริษัทคิงส์เกตจากกรณีฟ้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐบาลไทยกรณีสั่งปิดเหมืองทองคำอัคราฯ เป็นเงิน 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3 หมื่นกว่าล้านบาท แน่นอน ขณะเดียวกัน ยังสามารถทำให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตทองแบบครบวงจร

“คิงส์เกต เองอยากจะจบและอยากเดินหน้าทำเหมืองทองอัคราต่อไป เพราะเขารู้ว่าที่นี่เป็นแหล่งแร่ทองคำ แร่เงินที่มีคุณภาพและมูลค่ามหาศาลเป็นแสนๆ ล้านบาท ส่วนบรรดาพวกต่อต้านและร้องเรียนไม่ยอมให้เปิดเหมือง เวลานี้ลดน้อยลงไปและก็เงียบๆ ไปแล้ว ไม่ได้ออกมาต่อต้านเหมือนที่ผ่านมา ส่วนคนที่อยากให้เหมืองเปิดเพื่อจะได้มีงานทำ มีรายได้ ก็เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่เหมืองจะเปิด”

ถึงวันนี้จึงต้องจับตา! ว่า บริษัทคิงส์เกตฯ จะถอนฟ้องรัฐบาลไทยคดีเหมืองทองอัคราฯ จริงหรือไม่? รวมทั้งบิ๊กตู่ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยหรือเสียค่าโง่ในคดีนี้ประมาณ 3 หมื่นกว่าล้านบาทจริงหรือไม่? เพราะทุกฝ่ายกำลังประคับประคองเพื่อนำไปสู่สถานการณ์ WIN-WIN!!

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่

Facebook :https://m.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/?locale2=th_TH



กำลังโหลดความคิดเห็น