แรงงานไทยมีเฮ! แคนาดาประกาศเปิดรับชาวต่างชาติให้เข้าไปทำงานและตั้งถิ่นฐาน ถึงปีละ 4.6-5 แสนคน ผ่านกลไก “วีซ่าแรงงานฝีมือ” เผย 14 อาชีพที่แคนาดาต้องการ ทั้งพยาบาล วิศวกร ไอที ฝ่ายขาย ฝ่ายการตลาด ธุรการ นักบัญชี ช่างซ่อม และคนขับรถบรรทุก รายได้หลักหมื่นปลายๆ ไปจนถึงหลักแสน สามารถสมัครงานผ่านเว็บ และดำเนินการผ่านเอเยนซี แนะต้องได้ภาษาอังกฤษ-ฝรั่งเศส อายุไม่เกิน 40 ปี ขณะที่อิสราเอล ซาอุดีอาระเบีย ฟินแลนด์ สวีเดน แอฟริกาใต้ และมาดากัสการ์ต้องการแรงงานไทยเช่นกัน
กล่าวได้ว่า แคนาดาถือเป็นประเทศอันดับต้นๆ ที่คนไทย โดยเฉพาะหนุ่มสาวรุ่นใหม่ต้องการย้ายไปทำงานเพื่อสร้างโอกาสและความก้าวหน้า เนื่องจากรายได้ดี ผู้คนเป็นมิตรกับชาวต่างชาติ ไม่มีความเหลื่อมล้ำทางอาชีพ ไม่ดูถูกคนใช้แรงงาน ไม่ดูถูกเชื้อชาติ และมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ขณะที่คนที่อายุมากก็มีโอกาสได้งานเพราะแคนาดาให้ความสำคัญกับความสามารถมากกว่าอายุ อีกทั้งยังสามารถยื่นเรื่องขอเป็นประชากรเพื่ออยู่อาศัยแบบถาวรได้อีกด้วย
ช่องทางเข้าแคนาดา
และปัจจุบันประตูแห่งโอกาสเปิดกว้างมากขึ้น เนื่องจากแคนาดากำลังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก มีงานว่างเป็นล้านตำแหน่งทั่วประเทศ โดยเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา รัฐบาลกลางแคนาดาได้ออกมาประกาศแผนระดับการอพยพ ปี 2023-2025 ฉบับใหม่ (2023-2025 Immigration Levels Plan) ตั้งเป้ารับชาวต่างชาติให้เข้าไปตั้งถิ่นฐานถาวร 4-5 แสนคนต่อปี ตั้งแต่ปี 2523 ถึงปี 2025 โดยตั้งเป้าให้มีผู้อาศัยถาวร (permanent residents) ที่ย้ายเข้าใหม่ 465,000 คนในปี 2023, 485,000 คนในปี 2024 และ 500,000 คนในปี 2025 และจะพยายามกระจายคนไปในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศ รวมถึงเมืองเล็กในชนบทด้วย
ทั้งนี้ มีหลายช่องทางที่ชาวต่างชาติสามารถสมัครขอสิทธิในการอยู่อาศัยที่ประเทศแคนาดา เช่น ในรูปแบบของวีซ่านักเรียน ซึ่งชาวต่างชาติที่เรียนในสถาบันการศึกษาของรัฐในแคนาดาสามารถทำงานพาร์ทไทม์ได้ และเมื่อเรียบจบมีโอกาสที่จะสมัครเข้าทำงานในสถานประกอบการต่างๆ ในแคนาดา วีซ่านักธุรกิจหรือนักลงทุน โดยต้องมีทรัพย์สินอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 10 ล้านดอลลาร์แคนาดา วีซ่าคู่สมรส โดยมีคู่สมรสที่เป็นพลเมืองแคนาดา วีซ่าครอบครัว โดยต้องมีสมาชิกในครอบครัวที่อาศัยอยู่ในแคนาดาและสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการย้ายถิ่นฐาน วีซ่าบุตรบุญธรรมของชาวแคนาดา วีซ่าผู้ได้รับคัดเลือกจากเมืองต่างๆ ให้เข้าไปอยู่อาศัยในแคนาดา วีซ่าผู้ลี้ภัย เนื่องจากประเทศบ้านเกิดมีปัญหาเรื่องความปลอดภัย
อย่างไรก็ดี รูปแบบที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลแคนาดาในขณะนี้ที่เปิดรับชาวต่างชาติให้อยู่อาศัยและได้สิทธิเป็นประชากรแคนาดาเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานก็คือ “วีซ่าแรงงานฝีมือ” โดยผู้ที่สมัครเข้าอยู่อาศัยในแคนาดาผ่านวีซ่าประเภทนี้ เจ้าหน้าที่จะพิจารณาจากอายุ ประสบการณ์การทำงาน การศึกษา และสายงาน
อาชีพที่แคนาดาต้องการ
สำหรับสายงานซึ่งเป็นที่ต้องการของแคนาดา ได้แก่
1.พยาบาล เป็นอีกสายงานที่หลายประเทศต้องการ ยิ่งในสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ยิ่งทำให้อาชีพนี้มีความสำคัญ แคนาดาต้องการพยาบาลที่จะดูแลผู้ป่วยและผู้สูงอายุในโรงพยาบาล คลินิก และบ้านพักคนชรา โดยปี 2022 มีการเปิดรับพยาบาลถึง 39,600 อัตรา รายได้เฉลี่ยอยู่ที่เดือนละประมาณ 175,000 บาท
2.Engineer หรือวิศวกรทุกสาขา ถือเป็นอาชีพที่แคนาดาต้องการเสมอมา ไม่ว่าจะเป็นวิศวกรไฟฟ้า วิศวกรเครื่องยนต์ วิศวกรก่อสร้าง ทั้งถนน สะพาน อาคารบ้านเรือน และอื่นๆ หากเป็นวิศวกรก็มีโอกาสอย่างมากที่จะได้งานในแคนาดา โดยรายได้เฉลี่ยอยู่ที่เดือนละประมาณ 180,000 บาท
3.Software developer หรือนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโปรแกรม เขียนโปรแกรม เทสต์โค้ด พัฒนาแอปพลิเคชันต่างๆ เป็นสายงานที่มีความต้องการในแคนาดาอย่างมาก โดยในปี 2022 มีการเปิดรับสมัครถึง 39,000 อัตรา ซึ่งอัตราค่าจ้างของ Software developer นั้นสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำของแคนาดาพอสมควร โดยรายได้เฉลี่ยคิดเป็นเงินไทยประมาณ 168,000 บาทต่อเดือน
4.Cloud architect หรือผู้ออกแบบระบบคลาวด์ เป็นหนึ่งในสายงานไอทีซึ่งเป็นที่ต้องการในแคนาดา เนื่องจากปัจจุบันเกือบทุกอย่างได้ย้ายไปบน Cloud กันหมดแล้ว อีกทั้งสาขานี้เป็นงานที่ใช้ความรู้เฉพาะทางจึงสามารถหางานได้ง่ายในแคนาดา โดยรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 180,000 บาทต่อเดือน
5.Web developer หรือผู้ออกแบบเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ทั้งที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ แพลตฟอร์ม และโมบาย แพลตฟอร์ม เนื่องจากปัจจุบันผู้คนทั่วโลกรวมถึงชาวแคนาดามักทำกิจกรรมต่างๆ ผ่านระบบมือถือ ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายค่าสินค้า สั่งอาหาร การเก็บข้อมูลต่างๆ
6.Data Analytic หรือเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลแนวโน้มพฤติกรรมของลูกค้า ซึ่งจะใช้สถิติและตัวเลขในการคาดคะเนพฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อให้องค์กรสามารถวางแผนการตลาดได้อย่างแม่นยำ
7.Marketing manager หรือผู้จัดการฝ่ายการตลาด เป็นอีกอาชีพที่มาแรงในแคนาดา โดยคาดการณ์ว่าในอีก 6 ปีข้างหน้า แคนาดาจะมีตำแหน่งงานสายการตลาด พีอาร์ และโฆษณาเพิ่มขึ้นมากถึง 19,000 ตำแหน่งเลยทีเดียว
สำหรับตำแหน่งนี้ครอบคลุมหลายอย่าง โดยเน้นไปที่การวางแผนการและกลยุทธ์ตลาด การจัดโปรโมชันเพื่อเพิ่มยอดขาย นอกจากจะต้องเก่งการตลาดแบบทั่วไปแล้ว ปัจจุบันยังเน้นไปที่การตลาดแบบออนไลน์ โดยมี Digital Marketing เป็นผู้ดูแลการขายผ่านสื่อโซเชียลต่างๆ ดังนั้น ถ้ามีความรู้เกี่ยวกับการตลาด social media โอกาสที่จะได้งานในแคนาดาก็ไม่ยากนัก ซึ่งรายได้เฉลี่ยของอาชีพนี้อยู่ที่ประมาณ 189,000 บาทต่อเดือน
8.Account Manager หรือผู้จัดการฝ่ายขาย หรือผู้ที่ทำงานในฝั่งเซลส์ ซึ่งเป็นคนคอยดูแลแอ็กเคานต์ต่างๆ ของลูกค้า ต้องวางแผนงาน กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อให้ยอดขายเป็นไปตามเป้า อันนี้ได้หมดทุกอุตสาหกรรม รวมไปถึงธุรกิจออนไลน์ หรือบริษัทห้างร้านต่างๆ ด้วย โดยมีรายได้เฉลี่ยประมาณ 218,000 บาทต่อเดือน
9.Customer service หรือเจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้า ซึ่งคอยดูแล ตอบคำถาม พูดคุยดูแลลูกค้า ยังเป็นสายงานที่มีความจำเป็นในแคนาดา เนื่องจากส่วนใหญ่ลูกค้าต้องการคุยกับเจ้าหน้าที่มากกว่า AI โดยสายงานนี้มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 83,000 บาทต่อเดือน
10.Admin Assistant หรือเจ้าหน้าที่ธุรการ มีหน้าที่จัดทำเอกสารต่างๆ ทั้งเอกสารระหว่างบริษัทกับลูกค้า และเอกสารต่างๆภายในองค์กร รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ
11.Accountant หรือนักบัญชี เนื่องจากกิจการต่างๆ จำเป็นต้องมีนักบัญชีที่ทำหน้าที่ดูแลรายรับ-รายจ่าย และคำนวณภาษี ทั้งบริษัท ร้านค้า และธุรกิจออนไลน์ ยิ่งถ้าได้ภาษาอังกฤษหรือฝรั่งเศสประเทศแคนาดาพร้อมให้การต้อนรับ โดยนักบัญชีในแคนาดามีรายได้เฉลี่ยประมาณ 156,000 บาทต่อเดือน
12.Supply Chain Specialist หรือผู้ที่ทำหน้าที่บริหารจัดการสินค้า ตั้งแต่หาสินค้าหรือวัตถุดิบ ควบคุมปริมาณการผลิต การสต๊อกสินค้า กระทั่งจัดส่งให้ถึงมือลูกค้า เนื่องจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดวิกฤตโควิด-19 ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำให้เกิดปัญหา supply chain disruption ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อภาคบริการเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตทั้งห่วงโซ่อุปทาน คือตั้งแต่การผลิตสินค้า การขนส่ง ไปจนถึงผู้บริโภค ทำให้อาชีพ Supply Chain Specialist เป็นที่ต้องการของทั่วโลก รวมถึงแคนาดา
13.คนขับรถบรรทุก เป็นอาชีพที่มีความสำคัญต่อการขนส่งวัตถุดิบ สินค้า อาหาร วัสดุก่อสร้าง จึงเป็นอาชีพซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก โดยเฉพาะช่วงโควิดที่คนเห็นความสำคัญของการจัดส่งสินค้ากันมากขึ้น ซึ่งคนขับรถบรรทุกในแคนาดาถือว่ามีรายได้ค่อนข้างสูง โดยอยู่ที่เดือนละประมาณ 74,000 บาท
14.ช่างเชื่อม ช่างซ่อมต่างๆ ซึ่งเป็นความสามารถเฉพาะทาง ไม่ว่าจะเป็นช่างซ่อมเครื่องจักร ซ่อมเครื่องบิน หรือช่างซ่อมในร้านต่างๆ ก็เป็นที่ต้องการของแคนาดา โดยคาดการณ์ว่าในอีก 6 ปีข้างหน้าจะมีตำแหน่งว่างสำหรับสาขานี้ถึง 23,000 อัตรา โดยรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 111,000 บาทต่อเดือน
ควรดำเนินการผ่านเอเยนซี
ทั้งนี้ การจะเข้าไปพำนักและทำงานในแคนาดาผ่านระบบ “วีซ่าแรงงานฝีมือ” ซึ่งจะเป็นการปูทางไปสู่การขอสัญชาติเพื่อเป็นประชากรแคนาดานั้นควรดำเนินการผ่าน “เอเยนซี” เนื่องจากการจะทำงานในแคนาดานั้นหากไม่ใช่วีซ่านักเรียนที่สามารถหางานพาร์ทไทม์ระหว่างเรียน ก็จำเป็นต้องมีตำแหน่งงานและนายจ้างที่ชัดเจนจึงจะสามารถขอวีซ่าแรงงานฝีมือได้ โดยผู้ที่ประสงค์จะเข้าไปทำงานในแคนาดาต้องมีใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) และวีซ่าคนงาน (Worker Visa) ที่ออกโดยหน่วยงานอิมมิเกรชันของรัฐบาลแคนาดา : Immigration, Refugees and Citizenship Canada (IRCC) ก่อนเดินทางไปทำงานที่แคนาดา
ซึ่งวีซ่าคนงานที่ใช้เพื่อเดินทางเข้าแคนาดา และใบอนุญาตทำงานนั้นถือเป็นเอกสารสำคัญที่อนุญาตให้พำนัก (Remain) ในประเทศแคนาดา และทำงานให้นายจ้างที่ได้รับอนุมัติได้ การดำเนินการผ่านเอเยนซีจึงสะดวกกว่าเนื่องจากเอเยนซีบางแห่งจะมีรายละเอียดของตำแหน่งงานที่กำลังเป็นที่ต้องการของแคนาดา และสามารถประสานระหว่างผู้ที่จะขอวีซ่างานฝีมือกับนายจ้างฝั่งแคนาดาได้ อีกทั้งเอเยนซียังมีความรู้เรื่องเอกสารและขั้นตอนการดำเนินการต่างๆ ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดเมื่อเดินทางไปถึงแคนาดาแล้ว
นอกจากนั้น ผู้ที่ต้องการไปทำงานและอาศัยอยู่ที่แคนาดายังสามารถเสิร์ชหาตำแหน่งงานและสมัครงานที่ตรงกับความถนัดของตนเองผ่านเว็บไซต์หางานในแคนาดา ซึ่งมีอยู่หลายเว็บที่รวบรวมตำแหน่งงานจากบริษัทที่เปิดรับชาวต่างชาติเข้าทำงาน เช่น Job Bank Canada (https://www.jobbank.gc.ca/home) ซึ่งเป็นเว็บไซต์หางานที่จัดทำโดยรัฐบาลแคนาดา ข้อมูลบริษัทที่ลงในเว็บนี้จึงมีความน่าเชื่อถือ Canada indeed (https://ca.indeed.com) เป็นเว็บหางานยอดนิยมเว็บหนึ่งของแคนาดา ซึ่งรวบรวมตำแหน่งงานไว้มากมาย สามารถเสิร์ชหาประเภทงานที่ต้องการได้สะดวก
โดยเว็บไซต์ดังกล่าวจะระบุรายละเอียดของงาน คุณสมบัติที่บริษัทต้องการ รายได้ที่จะได้รับ (ระบุเป็นรายชั่วโมง/รายปี) และเมืองที่บริษัทตั้งอยู่ ซึ่งผู้ที่หางานสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเมืองที่ตนจะไปอยู่ว่าภูมิอากาศ สภาพแวดล้อม การเดินทาง ค่าครองชีพเป็นอย่างไร และต้องจ่ายภาษีเท่าไหร่ เมื่อทางนายจ้างในแคนาดาตอบรับให้เข้าทำงานแล้ว ปกตินายจ้างจะเป็นผู้ยื่นขอเอกสาร LMIA (Labour Market Impact Assessment) เพื่อขออนุญาตในการจ้างแรงงานต่างชาติจากหน่วยงานด้านแรงงานของแคนาดา ซึ่งแรงงานต่างชาติดังกล่าวจะได้ใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) และสามารถขอวีซ่าคนงานได้
สิ่งที่ต้องรู้
อย่างไรก็ดี ข้อมูลสำคัญซึ่งผู้ที่ต้องการไปทำงานและอาศัยอยู่ในแคนาดาจำเป็นต้องรู้ก็คือ
1.ต้องสามารถพูดภาษาอังกฤษหรือฝรั่งเศสซึ่งเป็นภาษาราชการและภาษาหลักที่ใช้ในแคนาดาได้ เพราะหากไม่สามารถสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษหรือฝรั่งเศสก็ไม่สามารถทำงานได้
2.ผู้ที่จะไปทำงานต่างประเทศ รวมถึงแคนาดา ต้องมีอายุ 20-40 ปี มีสุขภาพดี ไม่มีโรคติดต่อหรือโรคประจำตัว ควรมีทักษะฝีมือในตำแหน่งงานที่จะทำ
3.ค่าแรงขั้นต่ำของแคนาดาอยู่ที่ 45,458 บาทต่อเดือน (มากกว่าไทย 5.6 เท่า)
4.ค่าแรงเฉลี่ยของแคนาดาอยู่ที่ 84,778 บาทต่อเดือน (มากกว่าค่าแรงเฉลี่ยของไทย 4.4 เท่า)
5.ค่าครองชีพประมาณ 56,000-60,000 บาทต่อเดือน (สูงกว่าไทย 2.2 เท่า)
6.แคนาดาเป็นประเทศที่อัตราภาษีค่อนข้างสูง โดยคนที่ทำงานในแคนาดาต้องเสียภาษี 2 ประเภท คือ Federal income tax (ภาษีเงินได้ที่จ่ายให้รัฐบาลกลาง) ซึ่งจัดเก็บแบบขั้นบันได ตั้งแต่ 15-33% และ Provincial and territorial income tax (ภาษีท้องถิ่น) โดยอัตราภาษีในแต่ละรัฐจะแตกต่างกัน นอกจากนั้น ยังมีภาษีสินค้าและบริการ (GST) ที่บวกมากับการซื้อสินค้า อยู่ที่ 5-15% ขณะที่บางรัฐจะมีการเรียกเก็บภาษีการขายในรัฐซึ่งบวกมากับการซื้อสินค้า (PST)
ประเทศที่ต้องการแรงงานไทย
ทั้งนี้ นอกจากแคนาดาแล้ว ยังมีอีกหลายประเทศที่ต้องการแรงงานจากต่างประเทศ โดยเฉพาะแรงงานจากประเทศไทย โดยข้อมูลจาก “กรมแรงงาน” ระบุว่า ประเทศที่มีความต้องการแรงงานไทยสูงอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ “อิสราเอล” ซึ่งขึ้นแท่นเป็นประเทศในกลุ่มตะวันออกกลางที่มีจำนวนแรงงานไทยได้รับอนุญาตทำงานจำนวนมาก โดยเฉพาะภาคการเกษตร โดยในปีงบประมาณ พ.ศ.2565 รัฐอิสราเอลเพิ่มโควตารับแรงงานภาคเกษตรจากประเทศไทยเป็น 6,500 คน มากกว่าปีที่แล้วที่ให้โควตาไว้ 5,000 คน โดยเจาะจงไปที่แรงงานชายที่มีประสบการณ์ทำงานภาคการเกษตร ด้านการปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์
ตามด้วยฟินแลนด์ และสวีเดน ซึ่งเป็นประเทศในกลุ่มยุโรปที่มีจำนวนแรงงานไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยมีความต้องการทั้งคนงานประจำและคนงานตามฤดูกาลในด้านภาคเกษตร เช่น เก็บผลไม้ป่า โดยเฉพาะในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายนของทุกปี ขณะที่แอฟริกาใต้ และมาดากัสการ์ เป็นประเทศในกลุ่มแอฟริกาที่ต้องการแรงงานด้านเหมืองแร่
ล่าสุด จากที่ไทยเพิ่งรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตกับซาอุดีอาระเบีย โดยกรมการจัดหางานได้ประกาศรับสมัครแรงงานไทยเดินทางไปทำงานที่ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งกลุ่มอาชีพที่เป็นที่ต้องการ ได้แก่ ภาคอุตสาหกรรม งานช่าง วิศวกร บริการ โรงแรม นวดสปา เชฟ โดยผู้ที่สนใจประสงค์ลงทะเบียนสนใจไปทำงานต่างประเทศผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์การบริหารแรงงานไทยในต่างประเทศ
ทั้งนี้ แรงงานไทยสนใจไปทำงานต่างประเทศสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด หรือสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1&10 เพื่อดำเนินการสมัครให้ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ และดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.doe.go.th/overseas