“ลุงศักดิ์ชกพี่ศรี” กลายเป็นเรื่องหลากมิติ คนทำผิดกฎหมายมีคนเชียร์-โอนเงินให้เป็นล้าน กลายเป็นฮีโร่จ่อออกรายการโหนกระแส ก่อนโดนเบรก คนเสื้อแดงด้วยกันมองลุงแกทำ Content ที่ผ่านมา ลุงศักดิ์จับมือสาวนุ้ย Live สร้างรายได้มาตลอด ม็อบราษฎรยอมรับคนไม่ชอบพี่ศรี เยอะ แต่ต้องไม่ใช้ความรุนแรง หนักกว่านั้นเอารองเท้าลุงศักดิ์มาทำตลาดโยงขายสินค้า สะท้อนสังคมไทยป่วยหนัก
ถือว่าเป็นเรื่องที่กล่าวถึงกันในวงกว้างกับการกระทำของนายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล หรือลุงศักดิ์ อายุ 62 ปี เจ้าของช่องยูทูป ศักดินาเสื้อแดง แฝงตัวในกลุ่มสื่อมวลชนเข้าไปทำร้ายร่างกายนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เมื่อ 18 ตุลาคม 2565 ระหว่างเข้าร้องเรียนต่อกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เอาผิด โน้ส อุดม-แต้พานิช ที่กล่าวบนเวทีเดี่ยว 13 วิจารณ์รัฐบาลและพูดสนับสนุนผู้ชุมนุมหรือไม่
การเข้าไปทำร้ายนายศรีสุวรรณ ขณะกำลังแถลงข่าว นับว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เกิดเหตุในสถานที่ราชการอย่าง บก.ตำรวจสอบสวนกลาง ขณะที่ผู้ที่ทำร้ายร่างกายยอมรับว่าเป็นคนเสื้อแดง "นี่คือการสั่งสอน มึงร้องทุกเรื่อง" ผมอยากให้เห็นว่า คำว่าประชาธิปไตย ทุกคนต้องยอมรับความเห็นต่าง แต่มึงอย่าเกินเลยจนเกินไป
นายวีรวิชญ์ ได้ Live ผ่านช่อง Youtube ของตนเองมาตั้งแต่แรกก่อนลงมือทำร้ายนายศรีสุวรรณ เมื่อทำร้ายร่างกายเสร็จกลับไป Live ต่อ พร้อมแจ้งเบอร์โทรศัพท์และหมายเลขบัญชีธนาคาร เพื่อให้คนที่พร้อมโอนเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดี
แรมโบ้เคยถูกลุงศักดิ์ทำร้าย
ในวันเดียวกันนั้น 18 ตุลาคม 2565 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี โพสต์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เท่าที่ตนตรวจสอบชายคนนี้เคยมีพฤติกรรมชอบใช้ความรุนแรง ในอดีตเคยบุกเข้ามาที่ตึก กพร.สมัยที่ตนทำงานอยู่ หวังเข้ามาทำร้ายตน แต่ตนรู้ทันเลยป้องกันตัวรอดมาได้ ทีม รปภ.จะเข้าจัดการกับชายคนนี้ แต่ตนห้ามไว้ทันไม่อยากให้เป็นข่าวมีเรื่องราวภาพลักษณ์ไม่เหมาะต่อสายตาสื่อมวลชน พฤติกรรมชอบโชว์ความรุนแรงก้าวร้าวต่อหน้าสื่อ และเอาไปพูดไลฟ์สดในช่องของตนเองข่มขู่ฝ่ายที่นายคนนี้ไม่ชอบเป็นการส่วนตัว เพื่อเรียกร้องความสนใจ
แม้ว่าจะมีคนที่ชอบและไม่ชอบนายศรีสุวรรณ แต่ตนเองมองว่าไม่ควรที่จะไปใช้ความรุนแรงกับผู้อื่นเช่นนี้ เพราะนอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ยังอาจเป็นการจุดชนวนให้สังคมเกิดความแตกแยกได้ และอาจเป็นแบบอย่างให้สังคมสร้างความรุนแรงได้อีก พฤติกรรมเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในบรรยากาศที่บ้านเมืองต้องการความสงบสุข ความสามัคคีปรองดอง
ดังในพริบตา-เงินไหลมา
ลุงศักดิ์กลายเป็นคนดังขึ้นมาทันที แม้ว่าเรื่องที่ทำลงไปจะผิดกฎหมาย แต่กลับมีผู้คนในสังคมเห็นด้วยกับกรกระทำดังกล่าวพร้อมโอนเงินสนับสนุน จนหลายฝ่ายเริ่มกังวลว่ากรณีนี้จะกลายเป็นตัวอย่างของการเลียนแบบในอนาคตหรือไม่
ลุงศักดิ์ได้รับการติดต่อให้ไปร่วมรายการโหนกระแส ทางช่อง 3 แต่นายศรีสุวรรณ คู่กรณีไม่มา พิธีกรโหนฯ อย่างกรรชัย กำเนิดพลอย จึงขอเลื่อนลุงศักดิ์ และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวในคดีเดิมที่เคยเข้าไปทำร้ายนายเสกสกล อัตถาวงศ์ เมื่อปี 2564 สุดท้ายลุงศักดิ์ ได้ประกันตัวออกมาด้วยหลักทรัพย์ 4 หมื่นบาท
ระหว่างวันมีกระแสข่าวออกมาว่ายอดรับบริจาคที่ได้ไปนั้นสูงกว่า 6 ล้านบาท เมื่อลุงศักดิ์ได้รับการประกันตัวออกมาด้วยวงเงิน 4 หมื่นบาท จึงออกมาตอบคำถามด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวว่า เงินที่ได้รับบริจาคนั้นไม่ถึง 6 ล้านบาท แต่ยังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยด้วยเหตุผลอายุมากแล้วเปิดดูบัญชีไม่เป็น
“แม้ลุงศักดิ์ จะยอมรับว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นผิด อย่าเลียนแบบ ดูเหมือนเป็นพระเอก แต่ถ้าคุณดูลุงแก Live หรือให้สัมภาษณ์สื่อนั้น ท่าทางเต็มไปด้วยความมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่ต่างไปจากสิ่งที่แกทำลงไปนั้นเป็นฮีโร่ อีกหน่อยคนการเมืองอีกฝ่ายหนึ่งโดนแบบนี้บ้างจะเป็นอย่างไร สังคมไทยจะเละขนาดไหน?” หนึ่งในผู้ที่คร่ำหวอดกับการชุมนุมตั้งข้อสังเกต
สร้าง Content ชก
แหล่งข่าวจากคนเสื้อแดงกล่าวว่า แก (ลุงศักดิ์) ก็คนเสื้อแดงนั่นแหละ ช่วงที่มีการชุมนุมของกลุ่มราษฎร มวลชนส่วนใหญ่เป็นสายสีส้มของก้าวไกล ที่ไม่ชอบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ หลังจากที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ แต่มวลชนยังไม่มากและไม่อดทนพอ จึงได้ประสานกับทางคนเสื้อแดงผ่านผู้ใหญ่ที่มีอำนาจสั่งการ แต่แนวทางการชุมนุมแบบเช้าไปเย็นกลับทำให้เสื้อแดงต้องถอย
แต่มีเสื้อแดงในกรุงเทพฯ พร้อมร่วมชุมนุมจึงได้ตั้งกลุ่มแดงก้าวหน้า 63 ขึ้นมา ลุงศักดิ์ ก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ร่วมชุมนุมกับกลุ่มราษฎรมาตลอด
ถ้าคุณทำช่อง Live สด แค่นี้ก็มองออกว่าเป็นการสร้าง Content เพียงแต่รอบนี้เล่นใหญ่ เดาตลาดถูกคนส่วนใหญ่ชอบ ยอดโอนจึงกระหน่ำ ส่วนจะได้เท่าไหร่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ รอบนี้มีทั้งแดง ส้ม และสีอื่นๆ ที่ไม่ชอบคุณศรีสุวรรณ มีเยอะ นอกจากเงินรับบริจาคแล้ว ยอดติดตามใน Youtube ก็เพิ่มขึ้น ล้วนมีผลต่อรายได้ของช่อง Youtube ศักดินาเสื้อแดง แถมยังกลายเป็นเครดิตของลุงศักดิ์ ให้สามารถต่อยอดได้อีกทั้งออกรายการ ขนาดโหนกระแสยังติดต่อไปเลย หรือลุงแกอาจสร้าง Content ใหม่ในครั้งต่อไป
ตอกย้ำเสื้อแดงรุนแรง
วิธีนี้คนต่อยได้เงิน คดีนี้โทษไม่หนัก แต่ไม่ใช่ภาพที่ดีของคนเสื้อแดง เพราะถือเป็นเรื่องตอกย้ำว่าคนเสื้อแดงชอบใช้ความรุนแรง เชื่อว่าฝ่ายตรงข้ามจะหยิบเอาเหตุการณ์นี้นำไปขยายผลหรือใช้ลดความน่าเชื่อถือในการเลือกตั้งที่อาจจะมาถึงในวันข้างหน้า
คนที่ทำม็อบมาย่อมรู้ดีว่า ถ้ามีความรุนแรงเกิดขึ้นมาโดยที่ฝ่ายของตนเป็นผู้เริ่มก่อน มักจะถูกหยิบยกมาลดทอนความน่าเชื่อถือได้ตลอดเวลา การขับเคลื่อนต่อไปจะทำได้ยากและโอกาสประสบความสำเร็จจะมีน้อยลง ภาพความรุนแรงในอดีตเมื่อปี 2553 ถือเป็นสิ่งที่คนนำม็อบยังแก้ไม่ตก หรือการชุมนุมของกลุ่มราษฎรก็เช่นกัน ที่แม้แกนนำจะบอกเสมอว่าไม่ให้ใช้ความรุนแรง แต่หน้างานจริงก็ไม่สามารถควบคุมความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้ กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ม็อบขับเคลื่อนต่อไปได้ยาก
ในม็อบมีรายได้ (เสมอ)
คนเสื้อแดงที่ร่วมเคลื่อนไหวในม็อบราษฎรนั้น วิธีคิดเปลี่ยนไปเยอะ บางคนเน้นสร้างรายได้ควบคู่ไปกับการชุมนุม ขายเสื้อยืด ขายแหวน ขายของที่ระลึกต่างๆ แล้วแต่จะคิดขึ้นมา สร้างรายได้ไปไม่น้อย แม้ม็อบจะไม่ชอบรัฐบาลแต่มีบริการแบบจ่ายแบบคนละครึ่ง
บางคนสร้างรายได้จากการ Live เหตุการณ์ชุมนุม แลกกับเงินบริจาค เพราะเทคโนโลยีปัจจุบันสามารถถ่ายทอดสดจากมือถือผ่านไปช่องทางต่างๆ ได้ ช่วงที่มีการปะทะระหว่างตำรวจควบคุมฝูงชนกับผู้ชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดง มีทีม Live แลกเงินบริจาคหลายทีม ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ชุมนุมนั่นแหละที่มีรถมอเตอร์ไซค์เป็นพาหนะตระเวนไปตามจุดต่างๆ กลุ่มนี้จะเรียกตัวเองว่าเป็นสื่ออิสระ
ตอนนั้นทีม Live สดของลุงศักดิ์ ก็ทำมาตลอด ร่วมกับนางวรัณยา แซ่ง้อ หรือนุ้ย ศักดินา ที่ถูกดำเนินคดีทั้งมาตรา 112 แถมยังมีคดีวิวาทกับป้าเป้า นางวรวรรณ แซ่อั้ง คนเสื้อแดงที่ร่วมชุมชุมกับกลุ่มราษฎร ภายหลังมีการปรับความเข้าใจกัน
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่มีการเข้าไปชกนายศรีสุวรรณ ทั้งลุงศักดิ์ และนุ้ยก็ไป Live โดยนุ้ยยังไปจิกผมคนขับรถของศรีสุวรรณ ที่เข้ามาล็อกตัวลุงศักดิ์
ความคิดเห็นหลากหลาย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นพ้องไปกับคุณศรีสุวรรณ ทุกเรื่อง บางเรื่องก็ดูหยุมหยิมเกินไป ทำให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้มีคนจำนวนไม่น้อยที่อาจไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงแต่ก็มีความสะใจอยู่ เรื่องนี้มันโยงไปเป็นเรื่องการเมือง เพราะคุณศรีฯ ถูกมองว่าร้องเรียนแต่เรื่องของฝั่งตรงข้ามรัฐบาล แต่ถ้าดูดีๆ จะพบว่าพี่ศรีฯ แกร้องทุกฝั่งทั้งรัฐบาและฝั่งตรงข้าม และเป็นการร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเท่านั้น การดำเนินคดีต่างๆ เป็นหน้าที่ของหน่วยงานต้นทางที่ต้องดำเนินการทางคดี พูดง่ายๆ พี่ศรีฯ ไม่ได้เป็นผู้ฟ้องโดยตรง
นอกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นเรื่องที่พูดกันทั้งประเทศแล้ว คนดังหลายคนได้ออกมาแสดงความคิดเห็นทั้งแบบตรงและแบบอ้อมผ่านสื่อ Social Media กันไม่น้อย นับเป็นการตอกย้ำความคิดเห็นส่วนบุคคลว่าใครคิดกับเรื่องนี้อย่างไร ส่วนใหญ่แล้วคนที่ไม่ชอบรัฐบาลมักจะเชียร์ลุงศักดิ์ แต่บางคนที่ไม่ชอบรัฐบาลก็ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของลุงศักดิ์ ก็มีเช่นกัน
แม้แต่ น ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แกนนำการชุมนุม ไม่ควรมีเหตุผลใดที่จะนำมาสนับสนุนความชอบธรรมในการใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะในระดับใดก็ตาม กรณีคุณศรีก็เช่นกัน
น่าเป็นห่วงสังคมไทย
นักการเมืองรายหนึ่งกล่าวว่า หลายคนสะใจที่คุณศรีสุวรรณ โดนทำร้าย โดยส่วนตัวแล้วทำงานการเมืองมา 30 ปี สิ่งที่เห็นทั้งการทำร้ายกันแล้วมีคนโอนเงินสนับสนุนให้ สะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทยมีความขัดแย้งกันลึกมากถูกเก็บไว้ในใจ แต่ยังดีที่พอจะมีการท้วงติงในเรื่องการใช้ความรุนแรงและเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ช่วยฉุดให้ทุกคนได้สติคิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ส่วนตัวมองว่ากรณีของลุงศักดิ์ กับศรีสุวรรณ เหมือนกับเหตุการณ์นี้เป็นการปลดปล่อยความรู้สึกของฝ่ายที่ไม่ชอบรัฐบาล หลังจากที่การชุมนุมของกลุ่มราษฎรไม่สามารถขับเคลื่อนครั้งใหญ่ต่อไปได้ เรียกร้องอะไรก็ไม่เป็นผล
ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุกับบุคคลที่ถูกมองว่าอยู่ฝ่ายรัฐบาลถูกกระทำ หลายคนจึงรู้สึกเหมือนได้รับการปลดปล่อย ดารา พิธีกร หรือคนดังบางคนที่เก็บความรู้สึกไว้ก็ใช้โอกาสนี้ระบายออกมาทั้งเปิดเผยและแบบที่พอจะดูออกว่าแท้ที่จริงคือไม่ชอบรัฐบาล
อีกสถานการณ์หนึ่งในเวลานี้คือ การเอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาใช้เพื่อกระตุ้นยอดขายสินค้าของตน เช่น รองเท้าที่ลุงศักดิ์ใส่ หรือกระเป๋าคาดเอว ตรงนี้ถือว่าเป็นการทำตลาดที่ไม่สร้างสรรค์ ซึ่งเท่าที่เราเห็นก็เห็นห้างร้านขนาดใหญ่ หรือโยงเรื่องรองเท้าไปยังร้านค้าออนไลน์ชื่อดัง เป็นต้น
นี่คือปรากฏการณ์ที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า สังคมไทยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น หยิบเอาเหตุการณ์ที่มีการกระทำความผิดมาใช้โฆษณาเพื่อขายสินค้าของตน ไม่ต้องสนใจจริยธรรมทางด้านธุรกิจ ไม่มีหน่วยงานใดออกมาเตือนสติหรือยับยั้ง ทั้งหมดเพราะเราอยู่ในยุคของ Rating ใครเรตติ้งดี คนเข้ามาดูเยอะ โฆษณาเข้า แต่เราตัดเรื่องความเหมาะสมหรือเรื่องมารยาททิ้ง สังคมจึงผิดเพี้ยนไปจากเดิมมาก
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook :https://m.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/?locale2=th_TH
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4jv