xs
xsm
sm
md
lg

2 แบงก์เล็กเปิดศึกดอกเบี้ย 1.8% แบงก์ใหญ่ยังไม่ลงสนามเงินฝาก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตลาดเงินฝากยังไม่คึกแม้ กนง.ปรับดอกเบี้ยนโยบายเป็น 1% แบงก์ใหญ่ขึ้นดอกเบี้ยฝาก-กู้ คำขอขึ้น MRR น้อยที่สุดเป็นผล พบตอนนี้มีแบงก์ทิสโก้-เกียรตินาคินชูดอกเบี้ย 1.8% สลาก ธอส.ให้ดอกเบี้ย 1.45% แต่หน่วยละล้าน แนะรอถ้าทิศทางเศรษฐกิจไปได้ดีเดี๋ยวแบงก์ใหญ่ร่วมวงชิงเงินฝาก

ความกังวลในอัตราเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยที่เงินเฟ้อเคยทะยานขึ้นไปเกือบๆ 8% ส่งผลให้ทุกประเทศต้องหาทางสยบเงินเฟ้อลงโดยเร็วก่อนที่จะสร้างความเสียหายให้ประเทศในวงกว้าง สำหรับประเทศไทยมีทั้งภาครัฐบริหารจัดการเรื่องต้นทุนพลังงานลง ทั้งเพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชนและคุมปัจจัยที่เป็นตัวเร่งเงินเฟ้อ ที่สำคัญรัฐพยายามลดต้นทุนค่าครองชีพผ่านมาตรการช่วยเหลือต่างๆ และมีตัวช่วยอย่างราคาพลังงานในตลาดโลกเริ่มลดลง

ที่ผ่านมา แบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อคุมเงินเฟ้อ 2 ครั้ง ครั้งแรกปรับเพิ่ม 0.25% เมื่อ 10 สิงหาคม 2565 และครั้งที่ 2 ปรับเพิ่ม 0.25% เมื่อ 28 กันยายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ดอกเบี้ยนโยบายของไทยขยับขึ้นมาเป็น 1%  และยังมีรอบการพิจารณาดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งของปีนี้ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 แนวทางของไทยถือเป็นการปรับแบบค่อยเป็นค่อยไป แตกต่างจากแนวทางของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้นในแต่ละครั้งค่อนข้างสูง

หากนับตั้งแต่การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเมื่อ 10 สิงหาคม 2565 จนถึงการปรับขึ้นครั้งนี้ 2 เมื่อ 28 กันยายน 2565 พบว่าสถาบันการเงินตอบรับกับแนวทางดังกล่าวน้อยมาก อาจมีหน่วยงานของรัฐออกผลิตภัณฑ์เงินออมออกมาบ้างอย่างธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และนำเอาพันธบัตรรุ่นเดิมที่เคยมีปัญหาเรื่องการจองนำมาขายใหม่อีกครั้ง และยังคงเป็นอัตราดอกเบี้ยเดิม

ขึ้น MRR ให้น้อยที่สุด

นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.บัวหลวง จำกัด โพสต์แสดงความคิดเห็นการขึ้นดอกเบี้ยของแบงก์ชาติวันนี้ (28 ก.ย.65) เมื่อแบงก์ชาติปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายปกติแล้วธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เงินฝากในทิศทางเดียวกัน เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและทำกำไร ส่งผลให้พฤติกรรมของประชาชนและธุรกิจเปลี่ยนแปลงตาม ทั้งปริมาณการใช้จ่าย การออม และการลงทุนซึ่งจะส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อ ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยนโยบายจึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบเป้าหมายได้

การประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. เมื่อ 10 สิงหาคม 2565 ให้ขึ้นมาร้อยละ 0.25 ต่อปี เป็นร้อยละ 0.75 ต่อปีนั้น เมื่อผ่านไปหลายวันแล้วยังไม่มีใครกระดุกกระดิกเลย ดูผิดธรรมชาติมาก ทั้งๆ ที่เงินเฟ้อของเราพุ่งขึ้นมาจนสูงสุดในรอบ 14 ปีแล้ว และเป็นเงินเฟ้อที่เกิดจากต้นทุนคือพลังงานราคาพุ่งสูงขึ้น ไม่ได้เกิดมาจากความต้องการแย่งกันซื้อข้าวของและบริการแต่อย่างใด

นอกจากนี้ สหรัฐฯ ก็ขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว และแสดงท่าทีที่แข็งกร้าวมากในการจะขึ้นดอกเบี้ยต่อไป ส่วนยุโรปขึ้นดอกเบี้ยไปแล้วด้วย ถ้าบ้านเรายังไม่มีการขึ้นดอกเบี้ย เงินทุนจะไหลออก แล้วทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลงไปอีก ถ้าธนาคารพาณิชย์และธนาคารในสังกัดรัฐยังไม่ได้ขึ้นดอกเบี้ยตามที่แบงก์ชาติประกาศขึ้นไปก่อนแล้ว มันจะลดเงินเฟ้อตามที่ ธปท. ต้องการได้อย่างไร

ถ้าธนาคารพาณิชย์ไม่ขึ้นดอกเบี้ยตามแบงก์ชาติเพราะเป็นห่วงลูกค้าเงินกู้ เราพบว่าลูกค้ารายใหญ่ต่างได้กำไรเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเพราะเขากู้ยืมแบงก์ได้ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาก 

แต่นี่เป็นการบิดเบือนระบบ เป็นการปล่อยให้ปัญหาเงินเฟ้อสูงสะสมมากขึ้นจนจะกลายเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ขึ้น

ในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของแบงก์ชาติในวันนี้ เขาคงชั่งน้ำหนักได้เสียแล้วถึงได้ไปเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% กลายเป็น 1.00% ต่อปี เพราะเห็นว่าตอนนี้การท่องเที่ยวเริ่มดีขึ้น ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจจึงลดลง แต่ต้องกังวลให้มากในเรื่องเงินเฟ้อ

ถ้าแบงก์พาณิชย์ตอบรับด้วยการขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากกับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้รายใหญ่ (MLR กับ MOR) ให้ไปตามภาวะที่ควรจะเป็นและเสียสละผลกำไรบางส่วนของแบงก์ด้วยการประคองคนตัวเล็ก คือขึ้นดอกเบี้ยกู้ยืมของรายย่อย (MRR) ในอัตราที่น้อยกว่าย่อมจะเกิดผลดีต่อระบบโดยรวมดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น   

ผู้ฝากก็ดีใจ ผู้กู้ตัวเล็กตัวน้อยทั้งบุคคลธรรมดาและ SME ได้รับการเอื้อเฟื้ออุ้มชูจากธนาคารด้วยการขึ้นดอกเบี้ยกู้น้อยกว่ารายใหญ่ ส่วนรายใหญ่แม้จะต้องกู้แพงขึ้นแต่กำไรจำนวนมากยังคงอยู่และจะเติบโตได้มากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ

หลังจากนั้นช่วงต้นเดือนตุลาคม พบว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทย หลายธนาคารปรับขึ้นดอกเบี้ยฝาก และดอกเบี้ยเงินกู้โดยเลือกที่จะปรับดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับรายย่อย (MRR) น้อยกว่าดอกเบี้ยกู้รายใหญ่ (MLR และ MOR)


บาทอ่อนอยู่ที่เฟด

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ประเมินค่าเงินบาทที่อ่อนลงว่า จากการประชุม กนง. เมื่อวันที่ 28 ก.ย.65 มีมติเอกฉันท์ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 จึงทำให้ดอกเบี้ยนโยบายขยับขึ้นจากร้อยละ 0.75 ไปอยู่ที่ร้อยละ 1.0

เงินบาทยังคงเผชิญแรงกดดันให้อ่อนค่าอย่างต่อเนื่องในระยะ 1-2 เดือนข้างหน้า หากเฟดยังไม่ส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรงตามที่ตลาดได้รับรู้ไปแล้ว และการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทยเป็นไปตามคาดจะทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดพลิกกลับมาเกินดุลได้ในปลายปี 2565 เป็นปัจจัยหนุนค่าเงินบาทในระยะข้างหน้า แต่หากทิศทางเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ยังไม่ลดลงอย่างชัดเจน เฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งสุดท้ายของปี ค่าเงินบาทอาจอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี

เงินเฟ้อเริ่มลด

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ได้เปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อเดือนกันยายน 2565 เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2565 พบว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนกันยายน 2565 เทียบกับเดือนกันยายน  2564 เพิ่มขึ้น 6.41% เป็นการลดลงจากเดือน ส.ค.2565 ที่สูงขึ้นถึง 7.86% ตามการชะลอตัวของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน เคหสถาน และเครื่องประกอบอาหาร 

ส่วนเงินเฟ้อรวม 9 เดือนปี 2565 (ม.ค.-ก.ย.) เพิ่มขึ้น 6.17% เทียบกับเดือน ก.ย.2564 และเฉลี่ย 9 เดือนเพิ่มขึ้น 2.26% คาดไตรมาส 4 เงินเฟ้อยังลดต่อ จับตาท่องเที่ยว ส่งออกราคาสินค้าเกษตรดี น้ำมันผันผวน บาทอ่อน  จะเป็นตัวกดดันส่วนทั้งปีคาดอยู่ในกรอบ 5.5-6.5% ค่ากลาง 6%


แบงก์เล็กเปิดศึก 1.8%

ช่วงต้นเดือนตุลาคม ธนาคารพาณิชย์เริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นทั้งฝั่งเงินฝาก ทั้งออมทรัพย์และฝากประจำ ส่วนฝั่งเงินกู้หลายธนาคารขึ้นดอกเบี้ยประเภท MOR และ MLR สูงกว่าดอกเบี้ย MRR (รายย่อย)  

หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับดอกเบี้ยนโยบายเป็น 1% ยังไม่มีโปรโมชันเงินฝากจากธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ออกมา ที่จริงธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กออกโปรโมชันเงินฝากดอกเบี้ยสูงกว่าตลาดมาตั้งแต่ก่อนเกิดปัญหาเงินเฟ้อแล้ว ส่วนใหญ่เป็นการออกเงินฝากระยะยาว เช่น 10 เดือนขึ้นไป 

ถ้าสำรวจตลาดเงินฝากในตอนนี้เท่าที่เราเห็นยังเป็นธนาคารรายเล็กที่ออกโปรโมชันเงินฝากที่คล้ายกันมากคือ ธนาคารทิสโก้และธนาคารเกียรตินาคินภัทร ทั้งคู่ให้ดอกเบี้ย 1.8% เงินฝากเริ่มต้นที่ 5 แสนบาทเช่นกันเพียงแต่ทิสโก้ฝาก 17 เดือน ส่วนเกียรตินาคินฝาก 18 เดือน ตรงนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคารว่าผู้มีเงินออมรับได้หรือไม่ สะดวกไปใช้บริการหรือไม่ ซึ่งระยะหลังธนาคารเล็กมักจะมีสาขาตามห้างเปิดให้บริการ

นอกจากนี้ ยังมีบัญชีเงินฝากดิจิทัลเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่มีความพร้อม ถือเป็นเงินฝากอีกประเภทหนึ่งที่ให้ดอกเบี้ยระดับ 1-2% แต่แนะนำให้อ่านเงื่อนไขให้ดีก่อนเพราะบางแห่งจะกำหนดดอกเบี้ยสำหรับเงินฝากแต่ละช่วง รวมถึงควรสำรวจความต้องการของตนเองว่าเหมาะกับเงินฝากแบบไม่มีสมุดบัญชีหรือไม่


ธอส.หน่วยละล้าน

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยสลากออมทรัพย์กรณีไม่ถูกรางวัล ของสลาก ชุด วิมานเมฆ Plus ที่เปิดจำหน่ายตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นสลากอายุ 2 ปีให้ดอกเบี้ยสูงถึง 1.45% ต่อปี (เมื่อฝากครบกำหนด) ราคาสลากหน่วยละ 1 ล้านบาท

- รางวัลที่ 1 รางวัลละ 3,000,000 บาท จำนวน 1 รางวัลเสี่ยงหมวด

- รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 รางวัลละ 100,000 บาท จำนวน 2 รางวัล (หมวดเดียวกันกับรางวัลที่ 1) ยกเว้นกรณีรางวัลที่ 1 ออกเลขสลากเป็นหน่วยแรก หรือหน่วยสุดท้ายของหมวดที่ถูกรางวัล รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 จะมีเพียง 1 รางวัลเท่านั้น

- ฝากไม่ครบ 3 เดือน และไถ่ถอนหัก 10,000 บาทต่อหน่วย (ถอนคืนได้ 990,000 บาท)

- ฝากครบ 3 เดือน แต่ไม่ถึง 2 ปี ไถ่ถอนคืนได้รับเงินต้น 1,000,000 บาทต่อหน่วย ไม่ได้รับดอกเบี้ย

- ฝากครบ 2 ปี (1.45%) ไถ่ถอนคืนได้รับเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย = 1,029,000  บาทต่อหน่วย (คิดเป็น 1.45% ต่อปี)

ดอกเบี้ยสลากรอตลาดเดือด

ส่วนสลากของ ธ.ก.ส.เกษตรมั่งคั่ง 7 อายุ 3 ปี ที่เปิดจำหน่ายรอบ 2 ช่วง 19 กันยายน 2565 ก็หมดลงอย่างรวดเร็ว แม้ว่าตัวผลตอบแทนเป็นตัวเลขเดิมที่้จำหน่ายไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2565 คือดอกเบี้ยกรณีไม่ถูกรางวัล 0.06% ต่อปี รางวัลที่ 1 จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 10 ล้านบาท (สุ่มหมวด) รางวัลเล็กสุดคือเลยท้าย 3 ตัว หมุน 2 ครั้ง รางวัลละ 10 บาท

ขณะที่สลากออมสินยังจำหน่ายสลาก 2 ปี ดอกเบี้ยกรณีไม่ถูกรางวัลยังเป็นอัตราเดิมคือ 0.05% ต่อปี  

เราคงต้องรอดูตลาดเงินฝากต่อไปอีกระยะว่า ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่จะลงมาชิงเงินฝากหรือไม่ เสนอดอกเบี้ยเท่าไหร่ ถ้าทิศทางเศรษฐกิจดี ความต้องการสินเชื่อย่อมมีมากขึ้นจะมีส่วนให้การช่วงชิงเงินฝากมีมากขึ้น  นั่นจะส่งผลมาถึงตัวสลากออมทรัพย์ของธนาคารรัฐทั้ง 3 แห่งที่อาจต้องขยับดอกเบี้ยขึ้นมาให้ผู้ถือสลากเพิ่มขึ้นบ้างกับรุ่นใหม่ที่จะเปิดจำหน่าย

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่


Facebook :https://m.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/?locale2=th_TH





กำลังโหลดความคิดเห็น