จับตาหลัง ‘ลุงป้อม’ ไม่หนุน ‘ผู้กองธรรมนัส’ อีกต่อไป เหตุทะนงตนและขยายวงความขัดแย้ง อีกทั้งมีเสียงลือสะท้อนเข้าหู ทั้งเรื่องของเจ้าของสวนกล้วยและการ ‘รับ-แจก’ กล้วยให้สมาชิกใน พปชร.และพรรคเศรษฐกิจไทย จนถูกโจมตีเป็นนกสองหัว ขณะที่คนใน พปชร.ฟ้องลุงป้อมไม่ได้รับกล้วยเพราะลุงไม่จ่าย ขณะที่ ‘3 ป.-บิ๊กน้อย’ ไม่สนใจก๊วนธรรมนัสจะไปร่วมสังฆกรรมกับฝ่ายค้านถล่มอภิปรายก็เชิญ วงในชี้ 3 ป.ตั้งพรรคใหม่รับสูตร 500 ระบุ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ของบิ๊กตู่ ให้พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ขับเคลื่อน ดึงกลุ่ม กปปส.-ประชาธิปัตย์ เตรียมประชุมใหญ่ 3 ส.ค.นี้ ส่วนพรรค ‘บิ๊กน้อย’ คาดใช้ ‘รวมไทยรักชาติ’ ของสุชาติ บันดาศักดิ์ แต่อาจเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ‘รวมไทยชัยชนะ’ ลือมีชื่อ ‘บิ๊กแป๊ะ’ นั่งหัวหน้าพรรค ขณะเดียวกัน 3 ป.เร่งตรวจสอบจำนวนเลือดไหลออกจาก พปชร.ไปเพื่อไทยและอื่นๆ เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์รับศึกเลือกตั้งต้นปี 2566
หลังนายวัฒนา สิทธิวัง ผู้สมัครของพรรคเศรษฐกิจไทย ต้องพ่ายแพ้ศึกเลือกตั้งที่ลำปางให้ นายเดชทวี ศรีวิชัย จากพรรคเสรีรวมไทย ซึ่งมี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นหัวหน้าพรรค ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ และตั้งคำถามพุ่งเป้าไปที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หรือผู้กองธรรมนัส หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย เหตุใดจึงพ่ายศึกเลือกตั้งครั้งนี้ได้ ทั้งๆ ที่มีเวลาตะลุยหาเสียง กระสุนก็มี พื้นที่ก็ชำนาญ หรือมีปัจจัยอื่นที่ทำให้เขาต้องพ่ายแพ้อย่างหมดรูป
ที่สำคัญเมื่อเร็วๆ นี้ มีเสียงเล็ดลอดจากพี่น้อง 3 ป.คือ พี่ใหญ่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา บวกกับ 1 เสียงของ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หรือบิ๊กน้อย อดีตประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ และอดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ที่ต้องโบกมือลาจากพรรคด้วยเหตุผลของ ‘ลูกผู้ชาย’ ว่ามีการไม่ให้เกียรติในการบริหารงานและยังมีเสียงตำหนิเล็กๆ ว่าผู้กองธรรมนัส หูเบา เชื่อมือที่สามซึ่งแสดงตัวว่า ‘ฉัน’ นี่แหละมือเศรษฐกิจที่เก่งกล้า จะสร้างนโยบายพรรคในการต่อสู้ศึกเลือกตั้งโดยไม่ฟังใคร แม้กระทั่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือบิ๊กป้อม ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ต้องการให้อยู่ในพรรคพลังประชารัฐแบบเงียบๆ ไปก่อน แต่ก็ยังก้าวไปป่วนเพื่อต้องการย้ายไปพรรคเศรษฐกิจไทย จนเกิดความขัดแย้งระหว่างบิ๊กน้อย และผู้กองธรรมนัสใช่หรือไม่?
ส่งผลให้ปมความขัดแย้งของผู้กองธรรมนัส กับพี่น้อง 3 ป. และบิ๊กน้อย ยิ่งเพิ่มรอยร้าวและขยายวงกว้างออกไปอีก แม้ว่าบิ๊กป้อม จะเลือกให้ผู้กองธรรมนัส ออกไปตั้งพรรคใหม่เพื่อลดความขัดแย้งภายในพรรคแล้วก็ตาม แต่ไม่สามารถเอาอยู่!
ผลที่ตามมาจากการที่ผู้กองธรรมนัส เปิดตัวเป็นศัตรูกับพี่น้อง 3 ป. และบิ๊กน้อย นำไปสู่การข่าวที่ต้องหาหลักฐานชัดเจนว่าผู้กองธรรมนัส กำลังทำอะไรอยู่ และเลือกที่จะใช้บริการสวนกล้วยจากที่ไหน เพื่อนำไปดูแลสมาชิกตามที่ผู้กองธรรมนัส เคยบอกไว้ ใครมีปัญหาก็แจกกล้วย ทุกอย่างก็จบลงได้
ว่ากันว่า 3 ป.ประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและเชื่อว่าผู้กองธรรมนัส กำลังเหยียบเรือสองแคม หรือทำตัวเป็นพวกนก 2 หัว จนมีข่าวลือสะพัดว่ารับกล้วยทั้ง 2 ฝั่งเพื่อมาดูแลสมาชิกในพรรคตัวเอง ซึ่งผู้กองพอใจที่จะทำหน้าที่เป็น ‘หัว’ ของพรรคมากกว่าที่จะเข้าไปเป็นหางแถวของพรรคการเมืองอื่นเพราะกติกาเลือกตั้งสัดส่วน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์หาร 500 จะทำให้พรรคเล็ก พรรคน้อยมีโอกาสได้เก้าอี้ ส.ส. และมีอำนาจในการต่อรองแน่นอน
“ลือกันในพรรคว่าเจ้าของสวนกล้วยทั้ง 2 ฝั่ง ให้ตัวเลขมาใกล้เคียงกันประมาณใคร 800 ใคร 900 ไม่รู้ รู้แต่ว่าวันนี้นายมีคำสั่งงดแจกกล้วยให้พรรคผู้กองธรรมนัสแล้ว และนี่จะเป็นสาเหตุให้พรรคเศรษฐกิจไทยขยับหรือขับเคลื่อนพรรคลำบากขึ้นก็เป็นได้”
ที่น่าตลกขบขันที่สุด และทำให้พี่ใหญ่ปวดตับคือบรรดาสมาชิกพรรค พปชร.หลายคนกล้าที่จะออกมาบ่นเพื่อให้ไปถึงหู 3 ป.ว่าพี่ใหญ่ไม่ดูแล กล้วยก็ไม่เคยแจก บางคนได้แจกก็ได้ไม่เต็มตามที่พูดไว้ตั้งแต่สมัยที่ผู้กองธรรมนัส เป็นเลขาธิการพรรค พปชร.แล้ว
“แหม่ๆ กล้าไปบอกคนในพรรคว่าลุงไม่จ่าย แบบนี้พอเรื่องแดง ลุงรู้เรื่องก็บรรลัยแล้วสิ แค่นี้ยังไม่พออยู่กับลุงแต่ไปรับกล้วยสวนอื่น แบบนี้ใครจะไว้ใจ แถมยังสามารถทำจนบิ๊กน้อย กระเด็นออกจากพรรคที่ลุงสนับสนุนตามยุทธศาสตร์ที่ว่าจงเก็บมิตรไว้ใกล้ตัว แต่จงเก็บศัตรูไว้ใกล้ยิ่งกว่า ล้มเหลวไปเลย”
ดังนั้น อำนาจและบารมีที่ผู้กองธรรมนัส เคยมีอยู่ กำลังค่อยๆ ลดลง เพราะเมื่อไม่มีหัวโขนในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ ไม่ได้เป็นน้องรักของลุงป้อมแล้วก็ต้องยอมรับว่าบารมีต่างๆ ที่บรรดานักการเมือง ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ แม้กระทั่งบรรดานักธุรกิจเคยให้การยอมรับ นับถือ หรือเดินตาม จะค่อยๆ สูญสิ้นไปในบัดดล หากใครไม่เชื่อก็ลองติดตามดูว่าคนที่เดินตามผู้กองธรรมนัส ปัจจุบันเป็นใคร อย่างไร?
“ผู้กองธรรมนัส กำลังขุดหลุมฝังตัวเองหรือไม่ ความยิ่งใหญ่ที่ใครๆ เกรงขาม มันหายไปแล้ว เพราะเมื่อลุงป้อม ไม่เลือกใช้แล้ว แถมยังพูดกับลุงตู่อีกว่าจะทำอะไรกับธรรมนัส ก็แล้วแต่นะ ทำให้สถานะของผู้กองวันนี้จึงไม่เหมือนเดิม ที่เคยมีบารมีก็ไม่มีบารมี แล้วใครจะกล้ากระโดดไปช่วยผู้กองล่ะ”
ขณะเดียวกัน ความพ่ายแพ้ศึกเลือกตั้งที่ลำปาง ทำให้ผู้กองธรรมนัส ได้หันมาวิเคราะห์ ประเมินสถานการณ์ของตัวเองและพรรคเศรษฐกิจไทยจากนี้ไป และบอกว่าที่พ่ายแพ้เพราะความไม่ชัดเจนว่ายืนอยู่ข้างไหน ดังนั้น จากนี้จะออกมาอยู่ซีกฝ่ายค้านชัดเจน โดยให้นายไผ่ ลิกค์ และนายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย ขอลาออกจากกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) มีผลตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.นี้เป็นต้นไป
“ฟังๆ นาย และพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้ตกใจ เพราะสิ่งที่ผู้กองธรรมนัส กระทำที่ผ่านมาทำให้นายและพรรคร่วมมีการพูดคุย เตรียมรับมือในศึกอภิปรายแล้ว โดยไม่นับ ส.ส.ในสังกัดผู้กอง รัฐบาลมั่นใจ เพราะพรรคร่วม ภูมิใจไทย และประชาธิปัตย์มีการดึงๆ คนจากฝ่ายค้านมาหนุนเราเพิ่มก็มี ขอให้มั่นใจศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 19-22 ก.ค. ลงมติ 23 ก.ค.ผ่านฉลุยแน่ ตัวเลขคร่าวๆ ฝ่ายรัฐบาลมีประมาณ 253 ส่วนฝ่ายค้านบวกกับพรรคผู้กอง 240 กว่าๆ เราดึงพรรคเล็กไว้ให้ได้และบวกกับที่พรรคร่วมจะดึงมาจากฝ่ายค้าน เชื่อว่านายกฯ และรัฐมนตรีรวม 11 คนสอบผ่านแน่”
นอกจากนี้ ผู้กองธรรมนัส ควรอย่างยิ่งที่จะประเมินประเด็นอื่นๆ ไว้ด้วย โดยเฉพาะยังมีคดีความต่างๆ ค้างอยู่หรือไม่? รวมไปถึงธุรกิจที่เป็นขุมทรัพย์ของผู้กองธรรมนัสนั้นอาจจะถูกตรวจสอบก็เป็นได้ใช่หรือไม่ เพราะวันนี้มือปราบอย่าง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) ที่พร้อมทำงานทุกอย่างที่ถูกต้องและถูกกฎหมายให้ 2 ป.ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขปัญหาลอตเตอรี่ ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจของผู้กองธรรมนัส โดยตรง
งานนี้อาจทำให้ผู้กองธรรมนัส มีหนาวได้หรือไม่!?
ว่ากันว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับผู้กองธรรมนัส ถ้ามอง และสำรวจตัวเองให้ชัดๆ จะเห็นได้ว่าผู้ที่ติดตามเขานั้นจะไม่ใช่คนที่มีอำนาจ มีศักยภาพในทางกฎหมายที่ส่ามารถบันดาลอะไรให้เขาได้จริงหรือไม่? เพราะจริงๆ ถ้าผู้กองธรรมนัส เข้าใจเกมการเมืองอย่างลึกซึ้งว่าเกมการเมืองมันมีเรื่องราวที่ต้องแยกแยะมากมาย มันมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งผูกพันที่คนภายนอกมองไม่ขาด เพราะฉากหน้าต้องแสดงออกอย่างไร และฉากหลังจะเป็นอย่างไร
“แล้วกระเป๋าสตางค์พรรคมันมาอย่างไร และอะไรๆ ก็ไม่เท่ากับ Invisible hand ที่ซ่อนอยู่ แต่การหลง และทะนงตนจะทำให้อนาคตทางการเมืองดับได้เช่นกัน”
อย่างไรก็ดี มีผู้คร่ำหวอดในสนามการเมืองในพรรคพลังประชารัฐ บอกว่า วันนี้สถานะทั้งอำนาจและบารมีของผู้กองธรรมนัส อาจดูลดลงหรือด้อยค่าไปบ้างก็จริงอยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่คนการเมืองต้องทำใจและเรียนรู้ไว้ตลอดเวลาคือ การเมืองไม่เคยมีมิตรแท้ หรือศัตรูถาวร และเมื่อพี่น้อง 3 ป.กระโดดเข้ามาเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว ต้องคิดแบบคนการเมืองที่จะเลือกหรือเจรจาบนพื้นฐานของผลประโยชน์เป็นหลัก
อีกทั้งเมื่อถึงคราวจำเป็นหรือมีการเลือกตั้งทั่วไปเกิดขึ้น สิ่งที่พี่น้อง 3 ป.บอกว่าไม่เอา ไม่เลือก ไม่เดินร่วมทางกับผู้กองธรรมนัสแล้วก็อาจจะเปลี่ยนใจได้เพราะต้องไม่ลืมว่าการที่บิ๊กตู่ ส่งสัญญาณให้ใช้สูตร 500 ในการจัดสรรสัดส่วนบัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์ จนรัฐสภาออกมาเป็นสูตร 500 แสดงให้เห็นแล้วว่าพี่น้อง 3 ป. รวมทั้งบิ๊กน้อย รู้อยู่แล้ว ว่าพรรค พปชร.และพรรคแขนขายังต้องพึ่งพรรคเล็กพรรคน้อย หากต้องการกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง!
เมื่อวันนั้นมาถึงสังคมอาจจะได้เห็นการญาติดีระหว่างพี่น้อง 3 ป.กับผู้กองธรรมนัส ชนิดที่ไม่เคยมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นก็ได้
ขณะที่พี่น้อง 3 ป.และบิ๊กน้อย พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนการเมืองต่อไป แม้ว่าจะต้องเผชิญกับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งจากการคาดการณ์ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกระทบรัฐบาลจนต้องยุบสภาไปก่อน และในเรื่องของการนับวันครบอายุ 8 ปี ของบิ๊กตู่ ที่มีการระบุว่าตามเงื่อนไขข้อกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 2560 ในมาตรา 158 วรรค 4 เขียนไว้ชัดเจนว่า นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้ ซึ่งหากเริ่มนับตั้งแต่บิ๊กตู่ เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล คสช. เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2557 แปลว่านายกฯ จะอยู่ได้ถึง 24 ส.ค.2565 ใช่หรือไม่!?
ประเด็นนี้ขอให้สังคมตัดไปได้เลย เพราะรัฐบาลได้มีการตรวจสอบเชิงลับกับฝ่ายกฎหมายรัฐหลายองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการตีความกฎหมายและมั่นใจว่า การครบวาระ 24 ส.ค.2565 นั่นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งเท่ากับรัฐบาลบิ๊กตู่ จะอยู่จนครบเทอมในเดือนมีนาคม 2566 และจะจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปตามกฎหมายต่อไป
โดยพรรครัฐบาลได้มีการเตรียมความพร้อมในการสู้ศึกเลือกตั้งสมัยหน้าแน่นอน ซึ่งการใช้สูตร 500 จะทำให้รัฐบาลบิ๊กตู่ มีโอกาสจะกลับมาอีกครั้งแต่จะใช้พรรคไหนเป็นพรรคหลักและพรรคไหนเป็นพรรคสาขาเท่านั้น
เพราะหากจะนับจากรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้เมื่อเมษายน 2560 บิ๊กตู่จะอยู่ครบวาระประมาณเดือน มี.ค.2568 คือถ้าเลือกตั้งครั้งใหม่หากได้รับเลือกตั้งจะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีกเพียง 2 ปีเท่านั้น
หรือถ้าจะเริ่มนับตั้งแต่การเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีในสมัยที่ 2 คือ 5 มิ.ย.2562 ก็จะไปสิ้นสุดที่ ปี 2570 แปลว่าบิ๊กตู่ ยังสามารถเป็นนายกฯ ต่อได้อีก 1 สมัย
ตรงนั้นคือประเด็นข้อกฎหมาย!
แต่ในข้อเท็จจริงที่เตรียมพร้อมในศึกเลือกตั้งนั้น 3 ป.และบิ๊กน้อย ได้มีการเตรียมพรรคการเมืองใหม่ไว้แล้ว โดยบิ๊กตู่ มีพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้ ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ (แรมโบ้) อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายกฯ บิ๊กตู่ ไปดำเนินการหลายๆ เรื่องราว โดยเฉพาะเรื่องลอตเตอรี่เกินราคา หรือหวยแพง เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ร่วมกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) มือปราบทุจริต ที่เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย แต่ปัจจุบันนายแรมโบ้ได้ลาออกจากพรรคนี้ไปแล้ว
ปัจจุบันพรรครวมไทยสร้างชาติมีนายพีระพันธุ์ เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนและเตรียมการทั้งหมด โดยคาดว่าพรรคนี้จะมีสมาชิกจากคนในพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มสมาชิก กปปส.เป็นหลัก และคาดว่าจะมีการประชุมใหญ่ของพรรคในราววันที่ 3 ส.ค.นี้เพื่อดำเนินการเปิดตัวชัดเจนและประกาศโครงสร้างว่าใครเป็นใครอย่างไร
ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีพรรคการเมืองของบิ๊กน้อย ที่มีการเตรียมการไว้แล้ว และว่ากันว่าพรรคนี้มีกำลังทรัพย์ที่น่าสนใจมากเพราะมีบิ๊กๆ หลายคนเตรียมเข้ามาขับเคลื่อนพรรคนี้ และจุดขายของพรรคที่สำคัญคือตัวนโยบายที่ชัดเจนในการจะเข้ามาบริหารบ้านเมืองและทีมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และยังมีโครงสร้างคณะกรรมการยุทธศาสตร์เป็นกลไกสำคัญด้วย
“ว่ากันว่าจะใช้พรรครวมไทยรักชาติ ของสุชาติ บันดาศักดิ์ ที่มีการจดทะเบียนไว้แล้วเมื่อปี 2564 ซึ่งจะมีการประชุมใหญ่เร็วๆ นี้ และอาจมีการปรับเปลี่ยนชื่อพรรคเป็นรวมไทยชัยชนะ ก็เป็นได้”
สำหรับโครงสร้างของพรรคตำแหน่งสำคัญๆ ยังไม่มีการระบุชัดเจน โดยเฉพาะตำแหน่งหัวหน้าพรรคมีเสียงลือกันว่า บิ๊กน้อย ไม่ต้องการที่จะนั่งในตำแหน่งนี้ อีกทั้งได้มีการพูดคุยกันทางลับๆ แล้วคาดว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา หรือบิ๊กแป๊ะ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (อดีต ผบ.ตร.) ที่ถอนตัวจากการสมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.จะมาอยู่ที่พรรคนี้ซึ่งอาจจะนั่งเป็นหัวหน้าพรรคได้เช่นกัน เพราะยุทธศาสตร์ของ 3 ป.ต้องการให้บิ๊กแป๊ะลงสู้ศึกสนามใหญ่มากกว่า
“ตั้งแต่ประกาศถอนตัวจากผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. บิ๊กแป๊ะ ก็ไม่ได้ทิ้งการเมือง มีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่พื้นที่ กทม. ที่อีสานบิ๊กแป๊ะก็ไป บางที่ก็ไปแจกของ ไปดูพืชผลการเกษตร มีการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ทำงานตรวจสอบ แสดงให้เห็นชัดแล้วว่ามีการเตรียมการไว้พร้อมมาก ซึ่งติดตามได้ที่เฟซบุ๊กจักรทิพย์คนทำงาน เมื่อบิ๊กแป๊ะคุมอีสาน ส่วนบิ๊กน้อย คุมภาคเหนือ ก็ทำให้พรรคนี้มีความหวังทั้ง ส.ส.เขต และปาร์ตี้ลิสต์”
ส่วนบิ๊กแป๊ะ จะใช่หัวหน้าพรรคหรือไม่? หรือพรรคนี้จะมีสถานะเป็นพรรคหลัก และพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ หรือพรรคอื่นจะเป็นเพียงแขนขาในขณะนี้ยังไม่มีคำตอบ!
แต่มีการคาดการณ์กันว่าพรรคแขนขาจะสามารถได้ ส.ส.เขตแม้จะไม่มาก แต่จะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์อย่างน้อยพรรคละ 5-10 คน จะทำให้ตัวเลขของฝั่งนี้มีโอกาสได้เป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
ทั้งนี้ เพราะ 3 ป.กำลังประเมินในทางลับว่า ส.ส.และสมาชิกพรรคจะมีเลือดไหลออกเท่าไร โดยมีใครบ้างที่จะกลับไปสังกัดพรรคเดิมคือพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย เป็นต้น ซึ่งในเบื้องต้นมีลิสต์รายชื่ออยู่พอสมควรแล้วว่าใครบ้างที่จะย้ายออกไป
ถึงวันนี้ไม่ว่ายุทธศาสตร์ของ 3 ป.และบิ๊กน้อยในเกมการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่สิ่งที่ใกล้ที่สุดในเวลานี้คือต้องสอบผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 19-22 ก.ค. และลงมติ 23 ก.ค.นี้ให้ได้แบบผ่านฉลุยชนิดที่สังคมเชื่อมั่นว่ารัฐบาลตอบคำถามได้ชัดแจ้ง ไม่มีอะไรเคลือบแคลง ซึ่งไม่ใช่สอบผ่านเพราะฝ่ายรัฐบาลมีจำนวนมือมากกว่าพรรคฝ่ายค้าน จึงจะทำให้สังคมยอมรับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา...ที่จะอยู่ต่อไป!
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4jv