xs
xsm
sm
md
lg

อุ้ม "บังแจ็ค" เป็นเหตุ “เต้” มีสิทธิหลุด ส.ส.?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บานปลายซัดกันเละคดีแตงโม เหตุ ส.ส.เต้ อุ้มบังแจ็ค ไลฟ์พาดพิงทนายดัง-โทร.ข่มขู่ทนายเดชา จนร้องหลายหน่วยงานเขี่ย "เต้" พ้นสภาพ ส.ส. ปมปัญหาทั้งหมดอยู่ที่บังแจ็ค ที่เคยมีพฤติกรรมข่มขู่บุคคลอื่น กลับได้รับการปกป้อง ทั้งที่ทีมทนายดังก็ไม่เห็นด้วยกับทนายเดชา ขณะที่อัจฉริยะ ไม่ให้ค่าบังแจ็ค จับตาคดีนี้จะฟ้องตรงต่อศาลได้หรือไม่ งานนี้เข้าทางสำนวนตำรวจ

คดีแตงโม ผ่านมา 3 เดือน จนมีพิธีฌาปนกิจไปเมื่อ 24 พฤษภาคม 2565 ส่วนสำนวนคดีจากตำรวจถูกส่งไปที่อัยการ แต่ทางอัยการนนทบุรียังไม่มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา โดยเลื่อนนัดฟังคำสั่งจากวันที่ 27 พฤษภาคม เป็น 23 มิถุนายน 2565

ขณะเดียวกัน ยังมีความพยายามในการหาพยานหลักฐานอย่างต่อเนื่อง ด้วยเชื่อกันว่าคดีนี้น่าจะเป็นฆาตกรรม ไม่ใช่การกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตายเหมือนอย่างที่พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรนนทบุรี ตั้งข้อหากับ 5 ผู้ต้องหาบนเรือ

โฟกัสที่คุณแม่

ปฏิเสธไม่ได้ว่าคดีนี้พลิกไปพลิกมานั้น เป็นเพราะนางพนิดา ศิริยุทธโยธิน แม่ดาราสาวแตงโม ทำให้กลายเป็นที่สนใจของคนทั้งประเทศ

คดีของแตงโม แบ่งออกเป็น 2 ช่วง โดยในช่วงแรกนั้นทิศทางของคดีเป็นไปตามพนักงานสอบสวนของตำรวจนนทบุรี แม้จะมีข้อสงสัยในหลายๆ เรื่องของการทำคดีนี้ แต่คุณแม่พนิดา ศิริยุทธโยธิน ญาติผู้เสียชีวิตโดยตรง เห็นด้วยกับแนวทางคดีที่ตำรวจทำสำนวน คือแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลบนเรือเป็นการกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย

แม้ช่วงแรกจะขอชันสูตรศพแตงโม รอบ 2 จากการเดินเรื่องของทนายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย แต่หลังจากนั้นทุกอย่างยืนข้างตำรวจ จนมีการเปลี่ยนทนายจากทนายกฤษณะ มาเป็นทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ที่เห็นพ้องกับแนวทางของตำรวจ จนถูกค่อนแคะต่างๆ นานา

แม้จะมีบางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการทำคดีของตำรวจ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางของคดีได้ เนื่องจากอำนาจเต็มอยู่ที่คุณแม่แตงโม นอกจากนี้ ใครที่เห็นต่างจะถูกทนายความตอบโต้ทันที บางรายถึงกับถูกฟ้องร้องดำเนินคดี

เดิมพี่ชายแตงโม (ดายศ) เตรียมที่จะเปิดตัวทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ให้ช่วยทำคดีนี้ แต่สุดท้ายถูกปฏิเสธจากคุณแม่แตงโม ทำให้ทนายดังอย่างษิทรา ต้องออกมายืนอยู่วงนอกไม่สามารถทำอะไรไปได้มากกว่านี้ จนตำรวจแถลงสรุปเมื่อ 26 เมษายน 2565 ท่ามกลางข้อกังขาของผู้ที่ติดตามคดีนี้


หน่วยงานอื่นเมิน

คดีนี้ถูกปล่อยให้เป็นการปะทะกันทางความคิดระหว่างผู้ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการทำคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ฝ่ายแม่ และทนายเลือกเชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจภูธรภาค 1 ฝ่ายที่เห็นต่างต้องพยายามหาหลักฐานเอง การแสดงความคิดเห็นที่สร้างความเสียหายจะถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจากทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทนายเดชา

ไม่มีหน่วยงานรัฐอื่นเข้ามาช่วยคลี่คลาย แม้จะมีผู้ยื่นเรื่องตามหน่วยงานต่างๆ ไม่มีการเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษแรกๆ มีท่าทีตอบรับ แต่สุดท้ายเงียบ รัฐบาลก็นิ่ง มีเพียงกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯ วุฒิสภา เข้ามาตามคำร้องขอของทีมทนายกฤษณะ แต่ภายหลังถอนเรื่องออกไป และยังมีนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ พรรคไทยศรีวิไลย์ ที่เข้ามาร่วมหาพยานหลักฐาน แต่ก็ถูกด้อยค่าไปเช่นกัน

ขณะที่บุคคลภายนอกที่เห็นต่างกับแนวทางของตำรวจ ทำได้แค่การแสดงความเห็นที่ต้องระมัดระวังถูกฟ้องกลับ

ไม่เห็นด้วยกับตำรวจ-เดชา

ที่จริงทนายดังหลายๆ คนเขาไม่ได้เชื่อแนวทางการทำงานของตำรวจตามคำให้การของบุคคลบนเรือทั้ง 5 คน เพราะที่ผ่านมาคดีนี้มีพิรุธหลายจุด แต่เมื่อญาติผู้เสียชีวิตไม่ได้แต่งตั้งให้เป็นทนายความในคดีนี้จึงไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ อีกทั้งก็ไม่เห็นด้วยกับแนวการทำงานของทนายเดชา มีความเห็นที่ย้อนแย้งกันในหลายครั้ง

เห็นได้จากทนายษิทรา รับว่าความให้จิน ธรรมวัฒนะ สามีของหนิงปนิตา ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ 2 ผู้ต้องหาบนเรืออย่างแซนและกระติก จนถูกฟ้องหมิ่นประมาท

กลุ่มทนายดังอย่างทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายรัชพล ศิริสาคร รณรงค์แก้วเพ็ชร์ ล้วนแล้วแต่เห็นต่างจากฝ่ายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เช่นเดียวกับทนายเกิดผล แก้วเกิด ที่แสดงความเห็นว่า จุดยืนของผมในคดีแตงโม

1.ผมไม่เชื่อคำให้การของผู้ต้องหาทั้ง 5 ว่าแตงโม ฉี่ท้ายเรือ และตกเรือตาย

2.ผมไม่เชื่อแนวทางการสอบสวนทั้งหมด (เชื่อผลนิติเวช ในส่วนแตงโม จมน้ำตาย) แต่ไม่เชื่อเรื่องบาดแผลที่ถูกใบพัดเรือ ซึ่งตอนแรกก็เชื่อนะ แต่พอตำรวจเอาภาพจากเว็บไซต์ the sun มาอ้างตอนแถลงข่าว กับที่คุณอัจฉริยะ เอาคลิปมาเปิด เห็นหมอนิติเวช ใช้มือหมุนใบพัดเรือเพื่อให้เข้ากับบาดแผล ด้วยความเร็วที่หมุนด้วยมือเท่ากับเครื่องยนต์ (ประชด) เลยไม่เชื่อเลย

3.ไม่เชื่อว่าเป็นการฆาตกรรม เพราะไม่มีมูลเหตุจูงใจในการวางแผนฆ่าแตงโม

4.ไม่เชื่อน้ำคำบังแจ็ค ว่ามีคลิปเห็นการฆาตกรรมแตงโมบนฝั่ง ไม่ใช่ตายในน้ำ (ตามที่แม่พูด) เพราะมันขัดแย้งกับผลนิติวิทยาศาสตร์ ที่พบโคลนและน้ำในปอดของแตงโม สำหรับบังแจ็ค ผมไม่เชื่อเลย ให้ 0%

5.ผมเชื่อว่า แตงโม ตายบนเรือ และตกน้ำตาย แต่ไม่ใช่อุบัติเหตุ สันนิษฐานว่ามีคนทำ อาจจะพลั้งมือ เล่นแรง หรือแกล้งทำ หรืออารมณ์ชั่ววูบก็เป็นไปได้ แต่ผมไม่มีหลักฐานสนับสนุนข้อสันนิษฐานนี้เช่นกัน

6.ผมไม่ได้โต้แย้งในกรณีที่ทีมกฎหมายคุณแม่ จะฟ้องคนบนเรือ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นตาย และอยากให้ฟ้องโดยเร็วในเมื่อมีหลักฐานเด็ด เพื่อที่สังคมจะได้ไม่สับสน ฟ้องเถอะครับ โลกจะได้สงบ

อีกรายที่เดินหน้าหาพยานหลักฐานภายใต้ความเชื่อว่าไม่ใช่คดีประมาท แต่เป็นฆาตกรรม คือ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม จนถูกพนักงานสอบสวนแจ้งความดูหมิ่นเจ้าพนักงาน


คุณแม่เปลี่ยน-เชื่อฆาตกรรม

หลังจากตำรวจสรุปคดีและส่งสำนวนให้อัยการ ช่วงนี้จึงได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับแม่แตงโม เมื่อเริ่มมีกระแสข่าวออกมาว่าคุณแม่ไม่พอใจการทำงานของทนายเดชา

จากนั้นมีคนใช้บัญชีโซเชียลมีเดียของแตงโมโพสต์ความเคลื่อนไหวต่างๆ จนในที่สุดทราบว่าเป็นนายซาคาเนียน ราชา ไฮเดอร์ หรือบังแจ็ค โดยคุณแม่แตงโม ได้พูดคุยกับบังแจ็คจนไว้วางใจ ได้ส่งโทรศัพท์มือถือของแตงโมไปให้ที่สหรัฐอเมริกา เพื่อให้ช่วยกู้ข้อมูลบางอย่างที่ถูกลบไป หลังจากที่คุณแม่เริ่มเชื่อว่าการเสียชีวิตของลูกสาวน่าจะเกี่ยวข้องกับฆาตกรรม

ในที่สุดทนายเดชา ได้ขอถอนตัวจากการเป็นทนายความให้แม่แตงโม โดยมีทีมกฎหมายของพรรคไทยศรีวิไลย์เข้ามารับหน้าที่แทน ในด้านคดีนั้นได้ร่วมมือกับทีมงานของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์

บังแจ็คของแสลง

สำหรับผู้ที่ติดตามข่าวของแตงโม มาอย่างต่อเนื่อง ย่อมทราบดีว่าบังแจ็ค ได้เข้ามามีส่วนร่วมในคดีนี้อยู่บ้าง โดยเฉพาะการที่บังแจ็ค อ้างว่ามีผ้าคลุมลูกไม้สีขาวของแตงโม และมีการไลฟ์สดแสดงหลักฐานให้นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.พรรคไทยศรีวิไลย์ ที่ตามหาพยานหลักฐานในช่วงที่ผ่านมาเช่นกัน พร้อมกับทนายกฤษณะ อดีตทนายแม่ร่วมชมหลักฐานดังกล่าว

แต่ชื่อของบังแจ็ค กลายเป็นของแสลงสำหรับหลายคนที่เห็นต่างจากการทำคดีแตงโม ของตำรวจ เนื่องจากเคยมีพฤติกรรมที่ไม่ดีกับคนดังอย่างเช่น หนุ่ม-กรรชัย บุ๋ม-ปนัดดา และอีกหลายคนที่ถูกข่มขู่

ทนายษิทรา เคยโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กเมื่อ 6 เมษายน 2565 ว่า สื่อไทยอย่าให้บังแจ็คปั่นนะครับ มันเสียราคา ให้คนมีปัญหาทางจิตพวกนี้หลอกลวง ให้พื้นที่ออกทีวี ลับหลังมันจะหัวเราะเยาะเอา

บังแจ็ค เคยพยายามติดต่อผมมาทั้ง Line Official Ig Messenger ในเพจหลัก และล่าสุด ส.ส.เต้ ดันไปให้ไลน์ส่วนตัวผมไปอีก ผมไม่คุยกับคนแบบนี้หรอกครับ มันเสียเวลา

ส.ส.เต้ กับอดีตทนายแม๊ก็ไม่ทันเกม บ้าจี้ตาม เชื่อข้อมูลแล้วไปไลฟ์ด้วยกันอีก #โคตรจะเสียหมา มันจะทำให้สังคมบางส่วนไปเชื่อเรื่องหลอกลวงที่สร้างขึ้น ที่ผ่านมาเขาสร้างเรื่องเท็จหลอกลวงมาเท่าไหร่แล้ว สติครับสติ!! อย่าให้ราคาคนประเภทนี้


ชนวนเหตุ

การไลฟ์สดของ ส.ส.เต้ เมื่อ 29 พฤษภาคม 2565 ได้พาดพิงถึงทนาย 4 คนคือ ทนายเดชา ทนายษิทรา ทนายรัชพล และรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ที่แสดงความเห็นที่ทำให้โจทก์เกิดความหวาดกลัว มี 2 วิธีคือ ดำเนินการตามกฎหมาย ร้องเรียนมารยาททนายความ ใช้วิธีทางการเมืองกับคนที่เกี่ยวข้อง เตือนเป็นครั้งสุดท้าย

จากนั้นมีการปล่อยคลิปเสียงสนทนาระหว่างส.ส.เต้ กับทนายเดชา ที่เป็นลักษณะข่มขู่จนทนายเดชา เข้าแจ้งความกับตำรวจกองปราบและร้องเรียนไปถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ขณะที่ทีมทนายดังเข้าร้องเรียนต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร

ที่จริงทีมทนายดังยกเว้นทนายเดชา เขาไม่เชื่อการให้ปากคำของผู้ต้องหาอยู่แล้ว ต้องการเห็นการสืบคดีไปในทิศทางเดียวกับที่คุณอัจฉริยะ ทำแต่อาจไม่ทั้งหมด ปมคือคุณแม่เลือกทีม ส.ส.เต้ ที่ผนึกกับคุณอัจฉริยะ และเขาติดใจที่ความน่าเชื่อถือของบังแจ็ค แถมในทีมกลับอุ้มบังแจ็ค อีกจึงเกิดความคิดเห็นไม่ตรงกัน ยิ่งเมื่อ ส.ส.เต้ ออกมาพาดพิงบุคคลที่เห็นต่างจึงเกิดปัญหาร้องเรียนกันขึ้นมา จะเรียกว่าปมอยู่ที่บังแจ็ค ก็ว่าได้

นอกจากนี้ ในทีมกฎหมาย อัจฉริยะ เองก็ไม่ได้ยึดข้อมูลจากบังแจ็ค ที่อ้างว่ากู้ข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของแตงโม กลับมาได้แล้วทั้งหมด นี่จึงเป็นอีกจุดหนึ่งที่หลายคนจับตามองว่าคณะทำงานนี้จะเดินหน้าค้นหาความจริงเรื่องคดีแตงโม ต่อไปอย่างไร มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะให้คุณแม่แตงโม ยื่นฟ้องตรงต่อศาลได้หรือไม่


เดินเส้นทางเขา-อุดมการณ์เรา

ขณะที่แพทย์หญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ที่เคยถูกเชิญให้ร่วมชันสูตรแตงโมรอบ 2 ได้ตั้งข้อสังเกตในเรื่องแผลก้างปลา และสันนิษฐานว่าอาจเป็นการตกจากหัวเรือไม่ใช่ตกท้ายเรือตามคำให้การของผู้ต้องหา และอาจถูกเชิญเข้าร่วมพิสูจน์ข้อเท็จจริงในคดีแตงโมอีกครั้ง ได้โพสต์ข้อความที่น่าคิดไว้ว่า

จากคดีธรรมดากลายเป็นคดียืดเยื้อเพราะติดกระดุมเม็ดแรกผิด ทำให้สังคมไม่เชื่อถือ ขอบคุณในความห่วงใยที่ถูกส่งมากรณีเจอคนกักขฬะที่แสดงตนชัดเจน รวมทั้งคนที่สังคมไม่วางใจที่เข้ามาเจอะเจอ หมอไม่ได้โอนอ่อนตามใคร แต่อยู่บนหน้าที่ที่พบหลักฐานเรื่องแผลก้างปลา และจุดตกหัวเรือ

ส่วนจะฆาตกรรมหรือไม่ ยังไม่ถึงเวลา ยังไม่ใช่หน้าที่ เมื่อมีผู้คนเข้ามาคุยหาความรู้ หาความเป็นธรรมย่อมถูกดึงไปเข้าพวกเข้ากลุ่มเขาเป็นธรรมดา ขนาดมีคนเอาไปโฆษณาเท็จเรื่องยาก็มี เรื่องผ้าขาวถูกส่งมาก็นานเป็นเดือนแล้ว มีทนายออกมาเตือนว่าอาจมีการจัดฉากเอาดีเอ็นเอมาติดไว้ ฟังแล้วก็อยากจะฝากไว้ว่าความรู้เช่นนี้ดีมาก ควรเอาไว้ตรวจสอบเวลาทำงานให้ลูกความด้วย

ที่สำคัญก่อนจะพูดอะไรก็ตรองให้ดีว่ามีข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนไหม อย่าเอามันเข้าว่า พูดให้เป็นประเด็นจนสังคมสับสน อีกด้านหมอระวังอยู่แล้วไม่ให้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ด้านการเมืองแน่นอน ช่วงนี้คือช่วงเดินตามเส้นทางเขาเพื่ออุดมการณ์เรา

แหล่งข่าวกล่าวว่า ตอนนี้คดีของแตงโม กลายเป็นเรื่องการร้องขอให้มีการถอดถอนออกจากตำแหน่ง มีการยื่นเรื่องร้องจริยธรรม ส.ส. และจริยธรรมทนายความ ขณะที่ความคืบหน้าในการหาพยานหลักฐานที่นายอัจฉริยะ มีบทบาทนั้นได้รับความสนใจน้อยลง พร้อมๆ กับต้องลุ้นว่าทีมกฎหมายใหม่จะมีพยานหลักฐานพอที่จะฟ้องตรงต่อศาลได้หรือไม่ สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้จึงกลายเป็นเรื่องที่เข้าทางสำนวนคดีของตำรวจที่ยื่นฟ้องผู้ต้องหาเป็นความผิดฐานประมาท

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่





กำลังโหลดความคิดเห็น