เหยียบ “หมอปลา” จมธรณี หลังพลาดจับผิด “หลวงปู่แสง” ที่อาพาธเป็นอัลไซเมอร์ ก่อนหน้าสึกพระมาหลายรูป เปิดทั้ง “กาโตะ-พระบิดา” ทั้งๆ ที่หน้าที่ตรวจสอบพระที่ประพฤติผิดเป็นของสำนักพุทธฯ และพระปกครอง สำนักพุทธฯ สบช่องฟ้องสกัด ยิ่งปล่อยหมอปลายิ่งถูกจับตา คนวงในชี้เป็น “ช่องว่าง” ตรวจสอบพระสงฆ์ เผยพระปกครองจับสึกก็มีแต่เงียบ
กรณีของหมอปลา หรือนายจีรพันธ์ เพชรขาว พร้อมทัพผู้สื่อข่าวเข้าตรวจสอบ “หลวงปู่แสง ญาณวโร” พระเกจิชื่อดัง วัดป่าดงสว่างธรรม บ้านดงสว่าง ตำบลโคกนาโก อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร โดยกล่าวหา หลวงปู่แสง มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมต้องถูกจับสึก แต่ครั้งนี้เกิดกระแสตีกลับเมื่อแพทย์ผู้รักษาอาการอาพาธของหลวงปู่แสง ออกมายืนยันว่าท่านป่วยเป็นอัลไซเมอร์
ขณะที่หลายฝ่ายออกมาถล่มหมอปลา อย่างหนัก จนหมอปลา และคณะต้องทำพิธีขอขมาหลวงปู่แสง ขณะที่ผู้สื่อข่าวบางสำนักถึงกับถูกให้ออกจากงาน บางสำนักลงโทษผู้สื่อข่าวด้วยการพักงาน ตามมาด้วยกลุ่มลูกศิษย์เข้าแจ้งดำเนินคดีหมอปลา และคณะ 4 ข้อหา
1.นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ 2.พ.ร.บ.คณะสงฆ์ เป็นการใส่ความคณะสงฆ์ให้เสื่อมเสีย ก่อให้เกิดความแตกแยก 3.ซ่องโจร 4.ร่วมกันทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จเพื่อให้เจ้าพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าหลวงปู่ได้กระทำความผิดอาญาอย่างใดอย่างหนึ่ง
จากทุบศาลสู่สึกพระ
หมอปลาเป็นที่รู้จักของผู้คนในสังคมจากการช่วยเหลือจากผู้ที่ถูกคุณไสย หลายคนอาจคุ้นตากับภาพทุบศาลพระภูมิเจ้าที่ กลายเป็นเอกลักษณ์ของหมอปลา จนมีรายการมือปราบสัมภเวสีทางสถานีโทรทัศน์ แต่ระยะหลังเริ่มมีการเปลี่ยนแนวทางมาตรวจสอบพระสงฆ์ที่ประพฤติตนไม่เหมาะสม
จนกลายเป็นของแสลงสำหรับพระสงฆ์ หลายรูปต้องสึกอันเนื่องมาจากการเข้าตรวจสอบของหมอปลา และทีมงาน กรณีที่ถูกกล่าวถึงกันมากอย่าง เช่น เจ้าอาวาสวัดใหม่พรหมพิราม อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก สั่งทำป้ายใหญ่หน้าวัดแสดงจุดยืนต่อต้านหมอปลา เมื่อตรวจสอบเจ้าอาวาสสารภาพว่าฉันเหล้า และหมูกระทะ
หรือเปิดโปงเจ้าลัทธิประหลาดพระบิดาโจเซฟ ในพื้นที่อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ รวมถึงคดีดังอย่างอดีตพระกาโตะ หรือนายพงศกร จันทร์แก้ว วัดเพ็ญญาติ อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่มีเรื่องของสีกา และการเบิกเงินวัด 6 แสนบาท
ด้วยข้อมูลที่มีผู้แจ้งและให้เบาะแส อีกทั้งทีมของหมอปลา มีทั้งทนายความ ประสานงานไปที่สำนักงานพระพุทธศาสนาในพื้นที่ รวมทั้งกองทัพนักข่าวที่เกาะติดทีมหมอปลา การเข้าตรวจสอบในหลายกรณีพบการกระทำผิดของพระจริง สุดท้ายต้องสึก
พลาดจนได้
ก่อนหน้านี้ อาจารย์จาตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระด้านพระพุทธศาสนา เคยโพสต์ข้อความไว้ตั้งแต่ 4 พฤษภาคม 2565 ว่า “ตราบใดที่หมอปลายังทำงานไม่พลาด การข่าวแม่นยำ หมอปลาจะอยู่รอดปลอดภัย แต่ถ้าวันไหนหมอปลา ทำงานพลาด พระสังฆาธิการที่รอดมา จะใช้อำนาจตามกฎหมายจัดการหมอปลาทันที”
จนเกิดเหตุการณ์ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2565 ที่หมอปลา บุกไปวัดป่าดงสว่างธรรม แต่ครั้งนี้ไม่สำเร็จเหมือนครั้งก่อนๆ เนื่องจากหลวงปู่แสง เป็นพระสายปฏิบัติที่มีอายุมากและป่วยเป็นอัลไซเมอร์ ส่งผลให้หลายฝ่ายออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับหมอปลาและทีมงาน
คนดังหลายคนออกมาตำหนิกับการกระทำดังกล่าว ลูกศิษย์ในพื้นที่ฟ้องกลับหมอปลา นักข่าวที่ติดตามทีมหมอปลาถูกลงโทษจากต้นสังกัด รวมไปถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเตรียมฟ้องหมอปลา จนหมอปลา และทีมงานต้องทำพิธีขอขมาหลวงปู่แสง
ต้องปกป้องคำสอน
แหล่งข่าวด้านพระพุทธศาสนากล่าวว่า การปกป้องพระพุทธศาสนาคือการปกป้องคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ปกป้องตัวบุคคล สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะตัวบุคคลมาเกี่ยวข้องกับพระธรรมวินัย
คำสอนอยู่ในพระธรรมวินัย อยู่ในพระไตรปิฎก ที่ผ่านมา สอนกันถูกต้องหรือไม่ เสื่อมหรือไม่ กรณีอดีตพระกาโตะ นั้นไม่ได้ทำให้หลักธรรมคำสอนเสื่อม แต่เป็นตัวบุคคลที่ประพฤติตนไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย ถ้าไม่ยอมรับคำสอนนั่นแหละศาสนาจึงเสื่อม ที่ขัดต่อหลักธรรมคำสอน อย่างที่เห็นก็มีกรณีของสันติอโศก และธรรมกาย
ที่ผ่านมา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องแนวทางในการทำงาน ก่อนหน้านี้ทำงานตอบสนองพระผู้ใหญ่จนกลายเป็นขั้วอำนาจใหญ่ในมหาเถรสมาคม ที่หนุนแนวทางของวัดพระธรรมกาย ซึ่งมีหลายคำสอนที่แตกต่างไปจากแนวทางของพุทธศาสนา
เมื่อเกิดคดีกับวัดพระธรรมกาย เปลี่ยนตัวผู้อำนวยการสำนักพุทธฯ มีการตรวจสอบการทุจริตเงินทอนวัดทั้งวัดดัง และอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ ทั้ง 2 คน เมื่อพ้นจากยุคตรวจสอบ การทำงานยังคงเป็นลักษณะตั้งรับ หลายคดีที่เกี่ยวข้องกับความประพฤติที่ไม่ดีของพระถูกเปิดจากชาวบ้าน
คนมีหน้าที่ไม่ทำ
ถ้าว่ากันด้วยเรื่องอำนาจ และหน้าที่ในการตรวจสอบพระสงฆ์ ภาครัฐมีทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และมหาเถรสมาคมกำกับดูแลอยู่ มีพระปกครองทั้งเจ้าคณะจังหวัด อำเภอ ตำบล แต่ที่ผ่านมา เรื่องราวที่เกี่ยวกับพระที่ประพฤติตนไม่เหมาะสมมักเกิดขึ้นจากชาวบ้านที่พบเห็นพฤติกรรมของพระแล้วรับไม่ได้ จึงมีทั้งการรวมตัวกันประท้วงเพื่อให้สื่อนำเสนอนำไปสู่การตรวจสอบ และหลายกรณีเรื่องเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อมีทีมหมอปลา เข้ามาพร้อมสื่อหลายสำนัก ช่องทางการร้องเรียนจึงไปที่ทีมหมอปลา
คนที่ติดตามข่าวสารเรื่องวงการสงฆ์ย่อมทราบดีว่า หากรอให้หน่วยงานของรัฐอย่างสำนักพุทธฯ หรือเจ้าคณะปกครองตามลำดับชั้นเข้าดำเนินการตามกระบวนการของสงฆ์นั้นมีความล่าช้า บางครั้งไม่ทันการณ์ ไม่สามารถหาหลักฐานการกระทำผิดได้ อาจมีในทางกรณีที่พระที่ถูกกล่าวหามีความสนิทสนมกับพระปกครอง จึงทำให้เรื่องร้องเรียนเงียบหายไป
ปรากฏการณ์ที่เราเห็นในเวลานี้ ด้านหนึ่งคือทีมหมอปลา ไม่มีอำนาจในการจัดการกับพระที่ประพฤติตนไม่เหมาะสม แต่ที่สำเร็จในหลายกรณีเพราะมีทั้งพยานหลักฐาน มีเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเข้าร่วมตรวจสอบด้วย
ที่จริงหากสำนักงานพระพุทธศาสนาประจำจังหวัด รวมถึงพระปกครองตามลำดับชั้นตรวจสอบเรื่องของพระที่ถูกร้องเรียน กรณีที่เกิดขึ้นย่อมไม่ต้องมาเป็นภาระหน้าที่ของหมอปลา และทีมงาน ตรงนี้คือช่องว่างที่เกิดขึ้น
ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เจ้าคณะชั้นปกครองในพื้นที่ย่อมปฏิเสธเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ว่า ที่ผ่านมา มีจุดอ่อนของประสิทธิภาพในการทำงาน ต้องให้เกิดข่าวขึ้นมาก่อนจึงจะมีการตรวจสอบ แต่ต้องให้ความเป็นธรรมด้วยเช่นกันว่า บางกรณีฝ่ายสงฆ์ก็ดำเนินการอย่างเงียบๆ จัดการกับพระที่ประพฤติไม่ดี ต้องสึกออกไป เพียงแต่ไม่เป็นข่าวต่อสาธารณะก็มีเช่นกัน
Content สร้างเรตติ้ง
กรณีของหลวงปู่แสง ถือว่าทีมงานหมอปลาพลาดที่ไม่ตรวจสอบเรื่องอาการป่วยของท่าน จึงเกิดกระแสตีกลับ ประกอบกับทีมข่าวที่ติดตามหมอปลา ส่วนใหญ่จะเป็นทีมเดิมที่เกาะการทำงานกับหมอปลา มาตลอด เกือบทุกครั้งไม่เคยพลาด เลยทำให้การทำหน้าที่ของผู้สื่อข่าวบางคนบางค่ายทำเกินกว่ากรอบการทำงาน มีเรื่องของอารมณ์ส่วนตัวบวกเพิ่มเข้าไป เหมือนอย่างที่สังคมได้เห็น
ภายใต้เรื่องเดียวกันนี้ยังมีแง่มุมอีกหลายด้านที่ผลักดันให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ อันดับแรกภายใต้การแข่งขันของสื่อด้วยกัน โดยเฉพาะทีมจากสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ เพราะเรตติ้งเป็นเรื่องที่ผู้บริหารสื่อให้ความสำคัญ การเกาะเหตุการณ์ที่สามารถเรียกกระแสความนิยมได้ มักจัดทีมข่าวเข้ามาเกาะติด จะเห็นได้ว่าทีมข่าวที่ไปกับหมอปลา จะเป็นทีมเดิมๆ เห็นกี่ครั้งก็ยังเป็นผู้สื่อข่าวชุดเดิม
“เมื่อทำงานร่วมกันนานๆ สำเร็จแทบทุกครั้ง บางครั้งผู้สื่อข่าวเองลืมการทำหน้าที่ของตนเอง ใส่อารมณ์ความรู้สึกเข้าไปกับการทำหน้าที่ จนสังคมเริ่มรับไม่ได้”
ประการต่อมา ภายใต้โลกของยุคดิจิทัล การสร้าง Content บนโลกออนไลน์สามารถสร้างรายได้ผ่านการไลฟ์สด ทั้งช่องทาง Youtube Facebook หรือ Tiktok การบุกจับพระถือเป็นอีก Content หนึ่งที่สามารถเรียกเรตติ้งได้ไม่น้อย ทีมหมอปลา สำนักข่าวต่างๆ ก็ทำ บางคนทำทั้งเพจส่วนตัวและเพจของสำนักข่าว ซึ่งไม่ใช่แค่กรณีของหมอปลาเท่านั้น อย่างคดีแตงโม ทีมข่าวหลายช่องก็ทำกัน หรือเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง เป็นต้น
พระไม่ดียิ้ม
ถ้าเรามองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยใจเป็นธรรมแล้ว จะเห็นได้ว่าสิ่งที่หมอปลา ตรวจสอบพระตามที่ได้รับการร้องเรียนมานั้นย่อมเป็นเรื่องดี ที่ฆราวาสมีส่วนช่วยตรวจสอบ จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาไม่มีปัญหา เพราะมีพยานหลักฐาน พระที่ถูกตรวจสอบยอมรับสารภาพ มีทีมงานของสำนักพุทธฯ เข้าร่วมด้วย
ทั้งที่จริงหน้าที่นี้ควรเป็นของสำนักพุทธฯ และพระปกครองของมหาเถรสมาคมโดยตรง แต่อาจมีข้อจำกัดในหลายด้าน จึงทำให้เกิดปัญหาเรื่องพฤติกรรมของพระเณรอย่างที่คนในสังคมเห็นตามสื่อต่างๆ
การเดินหน้าของหมอปลา ในอีกด้านหนึ่งคือบทสะท้อนความล้มเหลวในการทำงานของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และคณะสงฆ์ชั้นปกครอง ยิ่งตรวจสอบพบมากภาพลักษณ์ของหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบโดยตรงยิ่งแย่ลง เราจึงได้เห็นสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติใช้ความผิดพลาดของหมอปลา ในครั้งนี้ฟ้องดำเนินคดีอีกรายหนึ่ง
การสกัดหมอปลา นอกจากจะเป็นการสกัดภาพลบของสำนักพุทธฯ และพระปกครองในมหาเถรสมาคมแล้ว ฝ่ายของวัดโดยเฉพาะพระที่ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องย่อมรู้สึกเบาใจที่ทีมสึกพระชุดนี้ถูกลดน้ำหนักความน่าเชื่อถือลง
มีปัญหาทั้งตัวพระและโครงสร้าง
วงการสงฆ์บ้านเรามีปัญหาหลากหลายรูปแบบทั้งเรื่องบุคคล และเรื่องโครงสร้าง แต่เรื่องความประพฤติของพระที่ขัดต่อพระธรรมวินัยเป็นสิ่งที่เห็นได้ง่ายมากกว่า แต่ปัญหาด้านโครงสร้างในบางกรณีก็มีส่วนให้พระสงฆ์ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ตรงนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง
สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องการกระทำผิดส่วนบุคคล ผู้ที่จะเข้ามาบวชไม่ว่าจะเป็นพระ หรือเณร ล้วนแล้วแต่เป็นสมมติสงฆ์ แม้กระทั่งระดับเจ้าอาวาสที่บวชเรียนมานาน บางรูปก็ไม่สามารถครองตนให้อยู่ในศีลและพระธรรมวินัยได้ พระที่กระทำผิดวินัยสึกแล้วก็จบ เลยทำให้พระที่กระทำผิดไม่เกรงกลัวจากกฎเหล่านี้ แถมบางรายยังสามารถกลับไปบวชใหม่ได้
แต่ละวัดต่างยังมีเรื่องของผลประโยชน์ที่เกิดจากจิตศรัทธาของพุทธศาสนิกชน บางวัดเน้นสร้างถาวรวัตถุใหญ่โต บางวัดเน้นขายเครื่องรางของขลัง อ้างเพื่อนำเงินไปบูรณะซ่อมแซมวัด นำไปสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล จนกลายเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายไม่กล้าแตะต้อง ด้วยข้ออ้างในการทำความดี วัดดังที่ขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูป หรือเจ้าอาวาสรุ่นก่อนๆ ต่างก็มีแนวทางในการสร้างรายได้ด้วยวิธีการและรูปแบบต่างๆ
วัดไหนที่ไม่พัฒนาเจ้าอาวาสวัดนั้นก็ไม่ได้รับการพิจารณาเลื่อนยศ ตำแหน่ง พระบางรูปวิ่งเต้นพระผู้ใหญ่เพื่อให้ได้ยศตำแหน่ง หรือเลื่อนสมณศักดิ์ สิ่งเหล่านี้จึงกลายเป็นปัญหาให้สังคมคนพุทธ
แม้ที่ผ่านมาจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างใหญ่ในมหาเถรสมาคม แต่ฐานในลำดับล่างยังคงเป็นเหมือนเดิม
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Tiktok :https://vt.tiktok.com/ZSe4jvNjo/