xs
xsm
sm
md
lg

ระวัง 3 ภัยโกงเงินบนโลกออนไลน์-ดูดทรัพย์เกลี้ยง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เตือนภัยโกงเงินบนโลกออนไลน์ 3 รูปแบบ ออมสั้น-ดอกเบี้ยสูง สินเชื่อกู้ง่าย-ได้ไว Call Center ตบทรัพย์ 2 รูปแบบแรกไม่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ส่วนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ภาครัฐเดินหน้าจับบัญชีม้า บล็อก VoIP จากต่างประเทศ ไล่จับทั้งในและนอกประเทศ ตำรวจ-ปปง.ยันไม่มีนโยบายให้โอนเงินตรวจสอบ แนะถ้าเจออย่ากลัว อย่าคุย อย่าโอนเงิน ดีที่สุดคือตัดสายทิ้ง

การหลอกลวงมีมาทุกยุคทุกสมัย ยิ่งบนโลกออนไลน์ได้พัฒนารูปแบบไปเรื่อยเพื่อสร้างความสมจริงในการหลอกลวงเหยื่อ ที่น่าจะสร้างความเสียหายมากที่สุดนั่นคือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สร้างเรื่องขึ้นมาแล้วโทรศัพท์มาหลอกลวงอย่างแนบเนียน ซึ่งกำลังระบาดหนักในเวลานี้ ทำให้หน่วยงานของรัฐต้องเข้ามาหาทางสกัดอย่างเร่งด่วน

เนื้อเรื่องที่ใช้อ้างหลอกเหยื่อจะหนีไม่พ้นเรื่องของการทำธุรกรรมในชีวิตประจำวัน เป็นการแต่งเรื่องขึ้นมาเพื่อจะเชื่อมโยงไปถึงทรัพย์ของเหยื่อ ไม่ว่าเหยื่อจะทำธุรกรรมเหล่านั้นจริงหรือไม่ แต่การหลอกล่อ โน้มน้าว ข่มขู่ให้รู้สึกกลัวด้วยการอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ตำรวจ ปปง.หรือ DSI ทำให้มิจฉาชีพเหล่านี้ดูดเงินจากเหยื่อได้สำเร็จ

ปฏิเสธไม่ได้ว่าแก๊ง Call Center ระบาดมาตั้งแต่ปี 2564 การหยุดยั้งทำได้ไม่ง่าย เนื่องจากผู้กระทำผิดตั้งฐานอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน บางกลุ่มตั้งเมืองไทย ใช้ระบบโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต (โทรผ่าน VoIP) จากต่างประเทศเข้ามายังที่เบอร์โทรศัพท์ของประชาชนในประเทศไทย ด้วยวิธีการดังกล่าวทำให้มิจฉาชีพสามารถเลือกได้เลยว่าจะให้เบอร์ที่โทร.ขึ้นว่าเป็นเบอร์อะไร ซึ่งส่วนใหญ่จะตั้งให้เป็นเบอร์โทร.ของหน่วยงานภาครัฐ เช่น สถานีตำรวจ ป.ป.ส. DSI เพื่อให้ผู้รับเกิดความเข้าใจผิด และหลงเชื่อให้ข้อมูลหรือโอนเงินตามคำหลอกลวง

พวกเขาจะสร้างเรื่องขึ้นมา อ้างว่ามีพัสดุระหว่างประเทศที่ผิดกฎหมายและเชื่อมโยงมาถึงเหยื่อ จึงขอตรวจสอบเรื่องของบัญชีการเงิน โดยให้เหยื่อโอนเงินไปตรวจสอบ หากไม่พบความเกี่ยวข้องจะโอนเงินคืน ทำให้มีผู้เสียหายเมื่อโอนเงินไปแล้วไม่ได้คืน


อ้าง DHL

บริษัทขนส่งชื่อดังอย่าง DHL ได้โพสต์ข้อความเตือนไว้ตั้งแต่ 7 กันยายน 2564 ประกาศเตือนภัยมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อ "DHL" หรือ "DHL Express" เพื่อหวังข้อมูลส่วนบุคคลหรือทรัพย์สิน บริษัทฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าวและสงวนสิทธิในการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อผู้นำชื่อ เครื่องหมายการค้าไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากบริษัทฯ ก่อน

 นี่คือรูปแบบที่มิจฉาชีพมักใช้เพื่อหลอกลวง ได้แก่ โทร.มาแจ้งว่ามีพัสดุจัดส่ง โดยให้กดหมายเลขเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.มาแจ้งว่าพัสดุจากต่างประเทศติดศุลกากร และไม่สามารถจัดส่งได้ ต้องแอดไลน์ หรือโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวเพื่อเคลียร์ของ

โทร.มาแจ้งว่าคุณได้รับรางวัลและของอยู่ในระหว่างจัดส่ง แต่ต้องแจ้งข้อมูลส่วนบุคคล หรือชำระค่าภาษีนำเข้า โดยที่คุณเองไม่ได้มีประวัติการร่วมกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวแต่อย่างใด โทร.เข้ามากล่าวหาว่าส่งของผิดกฎหมาย และหลอกให้โอนเงินเพื่อเคลียร์คดี หรือโอนสายให้เคลียร์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางโทรศัพท์ อ้างว่าคุณเป็นผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน มีประวัติส่งพาสปอร์ต บัตร ATM ไปประเทศจีน ส่งข้อความ SMS อ้างว่าเป็น DHL ชวนให้คลิกลิงก์ดาวน์โหลด และติดตั้งแอปบนมือถือ
.
ข้อสังเกตสำคัญ-รู้ทันมิจฉาชี


1.มิจฉาชีพจะไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการจัดส่งพัสดุ (ชื่อผู้รับ ผู้ส่ง ต้นทาง ปลายทาง หมายเลขติดตามพัสดุ สถานะการจัดส่ง) หากเป็นการติดต่อจาก DHL Express ตัวจริง เจ้าหน้าที่ของเราจะมีข้อมูลการจัดส่งเบื้องต้น รวมถึงหมายเลข waybill ที่ลูกค้าจะนำไปติดตามสถานะของพัสดุระหว่างประเทศได้

2.มิจฉาชีพมักจะแจ้ง "หมายเลข waybill" ที่ไม่มีอยู่จริง ลูกค้าสามารถตรวจสอบสถานะการจัดส่งเอกสารหรือพัสดุระหว่างประเทศที่ขนส่งโดย DHL Express ได้เบื้องต้นที่ลิงก์นี้ https://mydhl.express.dhl/th/th/home.html

3.มิจฉาชีพจะบังคับให้โอนเงินเข้า "บัญชีธนาคารในชื่อบุคคล" ซึ่ง DHL Express ไม่มีนโยบายเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ค่าภาษี หรือค่าบริการผ่านบัญชีธนาคารชื่อบุคคลเป็นอันขาด

4.มิจฉาชีพจะกล่าวหาผู้รับสายว่าทำผิดกฎหมาย อ้างชื่อสถานีตำรวจและอาสาประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางโทรศัพท์หรือไลน์ หรือเรียกร้องให้โอนเงินเป็นหลักประกันและจะคืนให้ในภายในไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งกระบวนการของตำรวจเช่นนี้ไม่มีอยู่จริง
ข้อควรปฏิบัติ อย่าให้ข้อมูลส่วนบุคคล หรือหลงเชื่อโอนเงินเป็นอันขาด อย่าคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์ที่ส่งจาก SMS หรืออีเมลต้องสงสัย หากไม่แน่ใจสามารถแจ้งร้องเรียนได้ด้วยการลากและวางอีเมลต้องสงสัยในข้อความใหม่ หรือแคปเจอร์ SMS ส่งมาที่ phishing-dpdhl@dhl.com หากท่านได้รับความเสียหายจากมิจฉาชีพ ให้รวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับผู้กระทำผิดทั้งหมด และนำไปแจ้งความยังสถานีตำรวจในพื้นที่


ใช้ความกลัวหลอกเหยื่อ

แหล่งข่าวที่ติดตามคดีนี้กล่าวว่า พวกเขาใช้ความกลัวของคนทั่วไปมาหลอก ก่อนอื่นท่านต้องมั่นใจตัวเองว่าท่านไม่ได้ทำหรือเกี่ยวข้องกับสิ่งที่มิจฉาชีพอ้าง เรื่องการให้โอนเงินไปตรวจสอบนั้นไม่มีหน่วยงานของรัฐทำกันทั้งตำรวจ หรือ ปปง. หากพวกเขาอ้างเรื่องเหล่านี้ก็ชัดเจนว่าเป็นมิจฉาชีพ

ไม่ว่ามิจฉาชีพเหล่านี้จะอ้างเรื่องอะไรมาหลอกล่อ สิ่งหนึ่งพวกเขาจะพยายามทำคือต้องไม่ให้เหยื่อวางสาย เพราะการโทร.กลับไปหมายเลขที่โชว์ขึ้นมาจะไม่สามารถติดต่อไปเพราะเป็นการโทร.ผ่านอินเทอร์เน็ต พวกเขามักหลอกล่อให้เหยื่อทำการโอนเงินจนจบขั้นตอน

สิ่งที่ต้องระวังคือเบอร์โทรศัพท์แปลกๆ อย่ารับหรือโทร.กลับ หากพูดคุยแล้วมีเรื่องการโอนเงินให้วางสายทันที ถ้าท่านมั่นใจว่าไม่ได้กระทำผิดไม่ต้องกลัว อีกทั้งระบบของหน่วยงานรัฐจะไม่มีการให้โอนเงินไปตรวจสอบ

ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหา ทั้งการตามปิดและดำเนินคดีกับบัญชีม้าที่ถูกจ้างมา ตามจับแก๊งนี้ถึงกัมพูชา และให้ กสทช.สั่งโอเปอร์เรเตอร์ทั้ง 4 ค่ายเพื่อปิดกั้น VoIP จากต่างประเทศ พร้อมทั้งออกมาเตือนประชาชนอย่าได้หลงเป็นเหยื่อมิจฉาชีพเหล่านี้


ตุ๋นออมเงินดอกสูง

การหลอกลวงไม่ใช่มีแค่กลุ่ม Call Center เท่านั้น ยังมีกลุ่มเงินออมสั้นดอกเบี้ยสูงที่เคยอาละวาดมาก่อนหน้า โพสต์ลง Facebook เปิดกันเกลื่อนทั้งออมเงิน ออมทอง แชร์ออนไลน์

ปัจจุบันยังการโพสต์เชิญชวนให้คนที่มีเงิน ที่ต้องการผลตอบแทนสูงภายในระยะเวลาไม่กี่วัน สามารถเข้าไปร่วมหาผลตอบแทนได้ภายในเวลา 1-30 วัน ในระยะแรกผู้ที่ลงเงินไปจะได้รับผลตอบแทนตามเงื่อนไข เมื่อได้ผลตอบแทนมากก็อยากได้เพิ่ม ทำให้ลงเงินเพิ่มเข้าไปอีก

เจ้ามือที่รับเงินจะใช้วิธีการเอาเงินใหม่มาจ่ายเงินเก่า หรือเอาเงินของคนใหม่มาจ่ายให้คนเก่า หมุนเวียนกันไปแบบนี้ เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ไม่สามารถหมุนเงินจ่ายผู้ลงทุนได้จะปิดทุกช่องทางหนี บางรายหากไม่ถูกจับก็กลับไปเปิดใหม่ ใช้ชื่อใหม่ ทำกันแบบนี้วนไป

เขาเล่นตั้งแต่ระดับเด็ก 20 บาทก็ร่วมได้ จนไปถึงหลักแสนหรือหลักล้าน คนอายุน้อยตั้งตัวเป็นเจ้ามือก็มี เมื่อวงจรการออมล่มลงก็ปิดทุกช่องทางการติดต่อ ส่วนการทวงเงินคืนของผู้ที่โอนเงินเข้าไปร่วมลงทุนนั้น เจ้ามือท้าให้ไปฟ้อง บางรายไม่หนีแม้ถูกดำเนินคดี ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วแม้เจ้ามือจะถูกจับกุม แต่การสืบทรัพย์เพื่อเฉลี่ยคืนนั้นเป็นไปได้ยาก ถ้าได้คืนก็น้อยมาก เนื่องจากพวกเขาได้ผ่องถ่ายไปยังบัญชีหรือบุคคลอื่นๆ ที่ยากต่อการติดตาม

“คนที่เข้าไปลงทุนก็รู้ว่าเสี่ยง เราไม่อยากซ้ำเติมใคร แต่คนที่เข้าไปเป็นเพราะโลภ อยากได้ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยในตลาด ทั้งๆ ที่รู้ดีว่ากลุ่มเหล่านี้ไม่ใช่กลุ่มที่ทำธุรกิจแบบถูกต้องตามกฎหมาย แค่หวังว่าไปเข้าไประยะหนึ่งแล้วถอยออกมา แต่ไม่มีใครรู้ว่าเจ้ามือจะปิดฉากหนีเมื่อไหร่”

แหล่งเงินกู้เกลื่อน

มิจฉาชีพอีกกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาโพสต์ข้อความบน Facebook คือกลุ่มปล่อยเงินกู้ ผ่อนชำระได้นาน 20 เดือน มีตารางผ่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ยแต่ละเดือนของแต่ละวงเงินกู้อย่างชัดเจน พร้อมระบุในคำเชิญชวนว่าถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหาทางการเงิน

ตัวอย่างตารางผ่อนจ่ายรวมต้นรวมดอก 20 เดือนจบ เช่น ยอดกู้ 1 หมื่นบาท ผ่อนจ่ายเดือนละ 700 บาท กู้ 5 หมื่นบาทผ่อนจ่ายเดือนละ 2,700 บาท กู้ 1 แสนบาท ผ่อนจ่ายต่อเดือน 5,200 บาท

เมื่อตรวจสอบถึงอัตราผ่อนชำระแต่ละวงเงิน ทุกวงเงินหากชำระครบ 20 เดือน วงเงินกู้ตั้งแต่ 1 หมื่นบาทขึ้นไปจนถึง 5 แสนบาท จะมีดอกเบี้ยเท่ากันทุกวงเงินคือ 4,000 บาท หากคิดเป็นอัตราดอกเบี้ยเรียกได้ว่ากู้มากดอกน้อย เป็นอีกแรงจูงใจให้คนที่เดือดร้อนวิ่งเข้าไปใช้บริการ


กู้แล้วไม่ได้เงิน-เงื่อนไขเปลี่ยน

จากการสอบถามไปที่ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (1213) ถึงโฆษณาให้เงินกู้ที่โพสต์ไว้ตาม Facebook ต่างๆ ว่ามีความน่าเชื่อถือเพียงใด ได้รับคำตอบว่า

โพสต์ดังกล่าวนั่นเป็นเพียงบัตรเชิญดึงดูดใจให้เข้าไปสู่ระบบของเขาเท่านั้น ผู้ให้บริการเหล่านี้ไม่ใช่สถาบันการเงิน และไม่ได้อนุญาตให้ประกอบธุรกิจกู้ยืมจากธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้ตกเป็นเหยื่อได้รับความเสียหายแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ

รูปแบบแรก จะเป็นการหลอกให้ผู้ขอสินเชื่อ ต้องโอนค่าธรรมเนียมในการกู้เงินต่างๆ หลายรายการ โดยอ้างว่าเป็นค่าธรรมเนียมและปลดล็อกข้อจำกัดที่เป็นเหตุให้ไม่ได้รับอนุมัติสินเชื่อ ถึงที่สุดแล้วเหยื่อจะไม่ได้รับเงินที่ขอไป

อีกรูปแบบหนึ่ง ผู้ขอสินเชื่อจะไม่ได้รับเงินตามจำนวนที่ขอไป เช่น ขอสินเชื่อ 1 หมื่นบาท อาจจะได้เพียง 5 พันบาทหรือน้อยกว่านั้น เงื่อนไขอาจไม่เป็นไปตามที่เคยโฆษณาไว้ เช่น ผ่อนชำระ 20 เดือน อาจกำหนดระยะเวลาผ่อนชำระเพียงไม่กี่วัน แม้ว่าตัวดอกเบี้ยที่โฆษณาไว้อาจไม่สูง แต่จะโดยในเรื่องของค่าธรรมเนียมอื่นๆ เพิ่มเข้ามา

ระวัง App ดูดข้อมูล

แหล่งข่าวยังเตือนอีกว่า สิ่งที่น่ากังวลกับการใช้บริการประเภทนี้ คือ ผู้ให้บริการสินเชื่อบางรายอาจกำหนดให้ลูกค้าต้องดาวน์โหลด App เพื่อทำธุรกรรม เมื่อโหลดลงโทรศัพท์แล้ว ตัว App จะดูดข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือของลูกค้าไว้ด้วย โดยเฉพาะข้อมูลรายชื่อเพื่อนของผู้กู้ หากผู้กู้ผิดเงื่อนไขกับทางผู้ให้กู้ พวกเขาจะส่งข้อความประจานลูกค้าเพื่อให้อับอายผ่านไปยังเพื่อนๆ ของลูกค้าที่ได้ข้อมูลมาจาก App ปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักผูกโทรศัพท์มือถือเข้ากับบัญชีเงินฝาก จึงควรระมัดระวังเรื่องข้อมูลทางการเงินให้ดี

ทั้งแหล่งออมเงินระยะสั้นได้ดอกเบี้ยสูง หรือแหล่งปล่อยเงินกู้ที่โพสต์กันตาม Facebook ผู้ให้บริการทั้ง 2 แบบ ไม่ใช่สถาบันการเงินที่ได้รับอนุญาต ในทางปฏิบัติแล้วถือว่าผิดกฎหมาย ดังนั้น ผู้ที่จะเข้าไปใช้บริการต้องตรวจสอบให้รอบคอบ

การโกงออนไลน์ยังมีอีกหลายรูปแบบ เพียงแต่ระดับความเสียหายยังไม่สูงนัก ภัยทางการเงินที่เกิดขึ้นมากในขณะนี้เป็นเพราะปัจจัยเอื้อจากการเข้าสู่ยุคสังคมออนไลน์ มิจฉาชีพจะใช้ Facebook Twitter IG Line App และ Mobile Banking เป็นช่องทางในการหาประโยชน์จากเหยื่อ ความสะดวกจากการใช้ชีวิตในโลกโซเชียลย่อมมีภัยร้ายที่แฝงเข้ามาขึ้นอยู่กับว่าเราจะหาวิธีในการป้องกันตัวอย่างไรเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพเหล่านี้

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebooķ :
https://m.facebook.com/SpecialScoopManagerOnline/?locale2=th_TH

Instragram : https://instagram.com/special.scoop.mgronline?utm_medium=copy_link

Tiktok : https://vt.tiktok.com/ZSe4jvNjo/




กำลังโหลดความคิดเห็น