จับตาพี่โทนี่! จะสามารถกลับมาเป็นของขวัญ เพื่อทำงานรับใช้คนไทยและประเทศไทยได้หรือไม่? ตามที่ลั่นวาจาไว้ใน Care Clubhouse XCare Talk ด้านศ.ดร.ชาติชาย ณ เชียงใหม่ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง บอกมีความเป็นไปได้จากการฮั้ว และซูเอี๋ยกันระหว่าง ‘บิ๊กป้อม-ทักษิณ-ธรรมนัส’ ที่นำไปสู่การจับมือตั้งรัฐบาล ‘เพื่อไทย+พปชร.’ หลังเลือกตั้ง มั่นใจการเข้ามาของ ‘ทักษิณ’ อาศัยเหตุรื้อฟื้นและสู้คดี หากได้เป็นรัฐบาลจะมีการแก้กฎหมายต่อไป แจงพี่โทนี่ สามารถเชื่อมโยงคนทุกกลุ่ม ยกเว้นชนชั้นกลาง ขณะเดียวกัน ดีลลับวันนี้สำเร็จ แต่อนาคตไม่แน่นอน ส่วนฝันของ ‘ทักษิณ’ จะเป็นจริงหรือไม่อยู่ที่ผู้มีอำนาจ!
เป็นเรื่องที่ต้องจับตากันอีกแล้วจากการประกาศอยากจะกลับมารับใช้คนไทยในปี 2565 เมื่อวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา ของ Tony Woodsome หรือพี่โทนี่ หรือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พูดหรือเสวนาผ่าน Care Clubhouse X Care Talk ตอน “ถอดบทเรียนสึนามิเพื่อกู้วิกฤตโควิด ประเทศจะรอดผู้นำต้องฉลาดจริงไหม?” โดยระบุว่า
“หวังปี 2565 ผมจะเป็นของขวัญให้คนไทยไปทำงานรับใช้คนไทยและประเทศไทย แล้วไปช่วงไหนเมื่อไหร่ ผมจะกระซิบน้องอิ๊ง (อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร) คนเดียว น้องอิ๊งจะเป็นคนบอกคนเดียว คนอื่นไม่บอก ...ไม่ได้ มันเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ ...ไม่เป็นภาระคนไทยแน่นอน”
พร้อมกับบอกว่า "ขอให้คนไทยให้ความอดทนที่ผ่านมาใน 1 ปี เป็นจุดเข้มแข็งให้ท่านต่อไปอีกนิดหนึ่ง อีกครึ่งปี อดใจอีกครึ่งปี เอาความเข้มแข็งตรงนั้นมา แล้วผมว่า ครึ่งปีหลังท่านต้องเตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่วันนี้ว่า ครึ่งปีหลังถ้าเศรษฐกิจฟื้น ท่านจะได้ประโยชน์จากการฟื้นของเศรษฐกิจ"
โดยการพูดของนายทักษิณ แต่ละครั้งก็สร้างแรงกระเพื่อมได้เช่นกัน เช่น การพูดทิ้งท้ายในคลับเฮาส์เมื่อวันที่ (13 ก.ค.2564) ก็บอกให้สังคมได้รับรู้ว่า พี่โทนี่ หรือลุงโทนี่ จะกลับมาแน่! ส่วนจะ ‘เมื่อไหร่ เดี๋ยวบอก’ และยังได้ตอบคำถามชนิดฟันธงว่า ‘บิ๊กตู่’ ไม่มีทางอยู่ครบเทอม จะมีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ในต้นปี 2565
คำประกาศครั้งนั้นส่งผลให้แฮชแท็ก#พี่โทนี่กลับไทยแน่ พุ่งขึ้นติดเทรนด์ในทวิตเตอร์ เมื่อเช้าวันที่ 14 ก.ค.2564
อย่างไรก็ดี การพูดของพี่โทนี่ครั้งนี้ต้องการกลับมาประเทศไทยเพื่อเป็นของขวัญให้คนไทย พร้อมประเด็น ‘ความลับที่ยิ่งใหญ่’ ที่รอคำตอบจากปากน้องอิ๊ง เรื่องของวัน เวลา เพียงคนเดียวจะมีโอกาสเป็นจริงได้หรือไม่ เพราะเหตุใด! หรือจะเป็นเพียงฝันกลางวันเหมือนที่ผ่านมา
ศ.ดร.ชาติชาย ณ เชียงใหม่ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง และอาจารย์คณะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ บอกว่า การที่นายทักษิณ ประกาศว่าจะกลับมานั้นมีความเป็นไปได้หากดีลลับนั้นสำเร็จ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าน่าจะประมาณในช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2565 ซึ่งหากจะประเมินว่าอะไรเป็นเหตุและผลที่ทำให้การกลับมาของนายทักษิณ เกิดขึ้นได้จริง อยากให้สังคมมองไปที่การเคลื่อนไหวทางการเมืองตลอดปี 2564 ที่ผ่านมา
ประเด็นที่ 1 นายทักษิณ หรือคนสนิทมีการต่อสายไปยังฝ่ายต่างๆ โดยเฉพาะสายที่ส่งถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมีข่าวต่อเนื่องว่าจะมีการร่วมรัฐบาลหลังเลือกตั้งระหว่างพรรคพลังประชารัฐ และพรรคเพื่อไทย โดยมีเหตุผลสนับสนุนความเป็นไปได้คือ การเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมืองและการเลือกตั้ง รวม 2 ฉบับ ส่งผลให้การเลือกตั้งครั้งต่อไป เป็นการเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ คือแบ่งเป็นบัญชีรายชื่อ 100 คน และแบ่งเขต 400 รวม 500 คน
“พรรคพลังประชารัฐ ไม่มีเหตุผลไปสนับสนุนแก้บัตรเลือกตั้งเป็น 2 ใบ เพราะตัวเองชนะมาได้เพราะบัตรใบเดียวเพื่อตัดกำลังพรรคเพื่อไทย ก็รู้อยู่ถ้าแบบ 2 ใบ พรรคเพื่อไทยได้อยู่แล้ว คราวเลือกตั้งที่ผ่านมาใช้บัตรใบเดียวเพื่อไทยแก้เกม ด้วยการไปตั้งพรรคใหม่ (พรรคไทยรักษาชาติ) เอาตัวเป้งๆ ไปอยู่ที่นั่น แต่โดนยุบไปก็เลยหมดโอกาส”
ดังนั้น สิ่งที่สังคมต้องรับรู้คือ หากพรรค พปชร. มีความขัดแย้งกับพรรคเพื่อไทยจริง ทำไมถึงออกโรงเป็นหัวหอกแก้เลือกตั้งเป็นบัตร 2 ใบ ทั้งที่ พปชร.ได้เปรียบอยู่แล้ว
ตรงนี้สังคมจึงต้องจับตาและถามกลับว่า นี่คือการฮั้วกันใช่หรือไม่!
ประเด็นที่ 2 ที่ต้องจับตาก็คือ กรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค พปชร.ดำเนินการในการประชุมสภา จนกระทั่งถูกมองว่าเป็นการหักหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และถ้าบิ๊กตู่ พลิกเกมไม่ทันต้องพ่ายแพ้โหวต จะนำไปสู่การยุบสภาในที่สุด
“ทำไม บิ๊กป้อม ไม่ขับธรรมนัส ออกจากพรรค เพราะอะไร ก็รู้อยู่ความสัมพันธ์ของธรรมนัส กับทักษิณ หรือเพื่อไทย เป็นมาอย่างไร หรือบทบาทเรื่องของกระเป๋าเงิน ซึ่งบิ๊กป้อมก็น่าจะรู้ชัด รู้จริง การกระทำแบบนี้ต้องเรียกว่าซูเอี๋ยใช่หรือไม่”
ประเด็นที่ 3 ความพยายามสร้างกระแสให้สังคม ได้เห็นว่า รัฐบาลบิ๊กตู่ แก้เศรษฐกิจไม่ได้ ไม่มีความสามารถ ต่างชาติไม่ให้การยอมรับ ขณะที่นายทักษิณ มีไอเดียดี และมีคนเก่งๆ ที่มีความสามารถจะเข้ามาแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนได้ และสามารถเข้าถึงคนทุกกลุ่ม รวมไปถึงคนรุ่นใหม่ที่มีกลุ่มคนเชื่อมต่อได้อย่างเป็นระบบผ่าน Care Clubhouse X Care Talk และยังมีอุ๊งอิ๊ง เข้ามามีบทบาทสำคัญ รวมทั้งสื่อโซเชียลต่างๆ ในมือที่พร้อมจะผลักดันสู่เป้าหมายได้
“การปูทางกลับมาของทักษิณ มีลักษณะของป่าล้อมเมือง เอาสังคมล้อมสภาเพื่อให้ทุกอย่างยอมจำนน จนเกิดขบวนการฟอกขาวเกิดขึ้นได้ โดยทักษิณ ได้แรงเชียร์จากทุกกลุ่ม ทั้งรากหญ้า กลุ่มไฮเอนด์ จะมีปัญหาอยู่บ้างก็ชนชั้นกลางในกรุงเทพฯ ซึ่งกลุ่มนี้แหละทำให้ทักษิณ ต้องคิดวิธีการที่จะกลับเข้ามาแบบเนียนๆ เพื่อให้สังคมรับได้ ไม่ใช่วิธีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมทันที”
ศ.ดร.ชาติชาย บอกว่า เรื่องของความลับยิ่งใหญ่หรือดีลลับที่นายทักษิณ พูดถึงนั้นมีการคาดการณ์กันอยู่ว่า ดีลลับนี้อาจจะมีเซอร์ไพรส์ นั่นคืออะไร และเมื่อไหร่ ก็มองไปที่ช่วงกลางปีคือเดือนกรกฎาคม อาจจะมีการกลับมาเพื่อสู้คดีความต่างๆ ที่เกิดขึ้น และการกลับมาคงจะเป็นการเข้ามายื่นเรื่องสู้คดีด้วยตนเองจากนั้นก็กลับออกไป
“เบื้องต้นน่าจะเป็นการแว่บไป แว่บมา เพื่อให้มีการรื้อฟื้นขอสู้คดีจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ซึ่งมีทั้งคดีที่ตัดสินไปแล้ว มีการออกหมายจับ ก็ต้องมองไปที่รัฐมนตรียุติธรรม สมศักดิ์ เทพสุทิน จะทำอย่างไรต่อไป แต่จะให้นิรโทษกรรม คงเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ ถ้าทำเช่นนั้นคงพังทั้งระบบ ส่วนจะโกนหัวนุ่งผ้าเหลืองเข้ามาเขาคงไม่ทำ”
ประเด็นที่ 4 จะเห็นว่าการพูดของนายทักษิณ ครั้งนี้จะมีลักษณะของการอ่อน ไม่แข็งกร้าวเหมือนในอดีต โดยบอกว่าจะกลับมาเป็นคนแก่เลี้ยงหลาน มาช่วยบ้านช่วยเมือง จะใช้ให้ทำอะไรก็ได้ ไม่คิดเงิน และจะช่วยในเรื่องการดึงต่างชาติเข้ามาลงทุน รวมทั้งดึงกลุ่มทุนใหญ่ในประเทศให้มาลงขัน ซึ่งตนเองก็พร้อมจะลงด้วย โดยมีจุดมุ่งหมายจะช่วย SME เติบโตได้
“ทักษิณ พูดแต่เรื่องช่วยบ้านเมือง แต่ไม่เอ่ยว่า ตัวเองต้องการจะกลับมามีอำนาจ ฟังแล้วก็ดูว่าอ่อนลง เป็นการแบไต๋ เพราะเขารู้แล้วว่า ถ้ายังแข็งกร้าว ชาตินี้ไม่มีทางได้กลับบ้านแน่ จึงยอมอ่อน เพราะถ้ายังแข็งก็ต้องหามกลับ แต่ถ้าอยากจะเดินกลับก็ต้องรู้จักยอมอ่อน”
ที่สำคัญหากกลับเข้ามาเพื่อต่อสู้คดีแล้ว มีการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย สามารถจับมือกับพลังประชารัฐตั้งรัฐบาลได้ ผลที่ตามมาย่อมเป็นประโยชน์กับนายทักษิณ คือ ค่อยมาแก้กฎหมายหรืออาจจะมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมตามมาย่อมมีความเป็นไปได้เช่นกัน
“ชัดๆ ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาล ทักษิณไม่มีทางได้กลับบ้าน แล้วจะเข้าไปแก้กฎหมายเพื่ออุทธรณ์ ฟื้นคดีได้อย่างไร ตอนนี้จึงต้องดูกันว่าปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง ความเดือดร้อนของประชาชนที่บิ๊กตู่แก้ไม่ได้ จะนำไปสู่การตีรวนในสภา ซึ่งบิ๊กตู่จะชิงยุบสภา หรือลากยาวต่อไป”
ประเด็นที่ห้าคือเรื่องของการเจรจาทางการเมือง หรือการดีลลับต่างๆ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เพราะต้องไม่ลืมว่าสิ่งที่ระบอบทักษิณเคยทำไว้นั้น สร้างความเสียหายต่อสังคมไทยอย่างไร ทั้งในเรื่องของเผด็จการรัฐสภา การแทรกแซงองค์กรอิสระ การทุจริตคอร์รัปชัน ยังไม่จางหายไปจากสังคมไทย แม้คนรุ่นใหม่อาจจะไม่เข้าใจ แต่ชนชั้นกลางใน กทม.หรือเมืองใหญ่ๆ อาจจะจุดประเด็นปัญหาให้สังคมได้ตื่นรู้ถึงความจริงที่เกิดขึ้น
ศ.ดร.ชาติชาย ย้ำว่า ดีลวันนี้นายทักษิณอาจมองว่าสำเร็จ แต่ไม่รู้ว่าในวันถัดไปจะเป็นไปได้หรือไม่ เพราะทุกอย่างต้องดูว่าผู้ใหญ่หรือผู้มีอำนาจจะเห็นด้วยกับแนวทางนี้อย่างไร จึงเป็นเรื่องที่สังคมไทยต้องเฝ้าติดตามว่าคำประกาศของทักษิณที่ว่า
“ผมจะเป็นของขวัญให้คนไทย ไปทำงานรับใช้คนไทยและประเทศไทย” จะเป็นฝันที่เป็นจริง หรือฝันกลางวันเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา!