xs
xsm
sm
md
lg

คนอยากเที่ยว!! เงินน้อยเที่ยวไทย-เงินหนาเที่ยวนอก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คนในวงการท่องเที่ยวเห็นพ้อง เที่ยวต่างประเทศตอนนี้ต้องเป็นลูกค้ากระเป๋าหนัก เหตุค่าใช้จ่ายสูง เที่ยวเอง-เที่ยวผ่านทัวร์ ค่าใช้จ่ายงอก ตรวจRT-PCR ขาออก 1 รอบ ขาเข้า 2 รอบ หากข้ามพรหมแดนตรวจเพิ่มอีกตอนนี้เน้นแค่เที่ยวประเทศเดียวเป็นหลัก คนอยากเที่ยวต่างประเทศต้องพร้อม วัคซีนพาสปอร์ต-ThailandPass ผลตรวจหรืออาจต้องกักตัวนานขึ้น ใครงบน้อยแนะเที่ยวในประเทศ

เข้าสู่ปีที่ 3 ของการระบาดไปทั่วโลกของเชื้อโควิด 19 ที่ได้กลายพันธุ์จากอู่ฮั่น สู่เดลต้าจนมาถึงโอมิครอน นับเป็นการระบาดที่กินระยะยาวนาน คร่าชีวิตของผู้คนทั่วโลกไปมากกว่า 5 ล้านคน แม้จะมีการคิดค้นวัคซีนออกมาต่อสู้กับไวรัสตัวนี้ แต่ตัวไวรัสเองมีการพัฒนาจนสามารถหลบเลี่ยงวัคซีนชนิดต่าง ๆ ได้ จนนาทีนี้หลายประเทศต้องมีการเสนอให้ฉีดเข็มกระตุ้นเป็นเข็มที่ 3 หรือ 4 กันแล้ว

ทุกประเทศใช้วิธีรับมือที่ไม่แตกต่างกัน ด้วยการสกัดเชื้อจากผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการเร่งฉีดวัคซีนให้คนในประเทศ กิจกรรมหรืออาชีพใดสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดถูกสั่งห้าม หลายกิจการถูกสั่งปิด ผู้คนขาดรายได้ ตกงาน ขณะที่ภาระหนี้สินยังเดินหน้า การเดินทางถูกปิดกั้น อุตสาหกรรมท่องเที่ยวพัง
ประเทศที่มีรายได้หลักจากการท่องเที่ยวต้องสูญเสียรายได้เป็นจำนวนมาก เช่น ประเทศไทยเมื่อไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องต้องปิดตัวเองลง แยกย้ายกันไปหาเลี้ยงชีพด้วยแนวทางอื่น ไม่มีใครคิดว่า Covid-19 จะกินระยะเวลายาวนานเช่นนี้

วัคซีนเริ่มถูกคิดค้นหลังพ้นปีแรกและฉีดให้กับประชาชนช่วงปีที่ 2 ของการแพร่ระบาด ในประเทศไทยมีผู้ที่ได้รับวัคซีนไปแล้วเกิน 100 ล้านโดส เข็ม 1 เข็ม 2 ไปจนถึงเข็ม 3 ขณะที่ภาครัฐได้ผ่อนคลายความเข้มข้นของมาตรการลง ทำให้คนไทยเริ่มมั่นใจกล้าเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศตามสถานที่ต่าง ๆ ช่วงเทศกาลวันหยุด

เมื่อสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวเริ่มผ่อนคลาย ทั้งจากจำนวนผู้ฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการสูญเสียโอกาสในการสร้างรายได้เข้าประเทศในช่วงที่ผ่านมา บางประเทศจึงเริ่มเปิดรับท่องเที่ยวมากขึ้นรวมทั้งประเทศไทย แต่ยังคงอยู่ภายใต้เงื่อนไขความปลอดภัยทางด้านสาธารณสุขของแต่ละประเทศ

ขณะนี้มีคนไทยจำนวนหนึ่งเลือกที่จะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศกันบ้างแล้ว ทั้งแบบเดินทางเองหรือใช้บริการนำเที่ยวในรูปแบบทัวร์ ซึ่งตอนนี้ยุโรปเป็นเป้าหมายลำดับแรก ๆ ของการเดินทาง เนื่องจากย่านเอเชีย ทั้งเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น รวมถึงจีน ยังเข้มงวดการเดินทางเข้าประเทศ

ยิ่งช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ คนไทยจำนวนไม่น้อยที่อัดอั้นไม่ได้เดินทางท่องเที่ยวมาไม่น้อยกว่า 2 ปี เลือกใช้ช่วงจังหวะนี้เดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ แม้อาจไม่สะดวกเหมือนก่อนการแพร่ระบาด

เที่ยวเอง-เตรียมตัวให้พร้อม

“พี่ก้อย” ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากท่องเที่ยวที่ฝรั่งเศส เล่าให้ฟังถึงขั้นตอนเดินทางว่า อยากเที่ยวเพราะไม่ได้ไปไหนมา 2 ปีแล้ว การเดินทางครั้งนี้อาจมีขั้นตอนมากขึ้นกว่าช่วงปกติ นอกเหนือจากเอกสารหลักอย่างพาสปอร์ตและวีซ่า คือ ต้องมีวัคซีนพาสปอร์ตเป็นลำดับแรก จากนั้นต้องมีผลตรวจโควิดแบบ RT-PCR ก่อน 72 ชั่วโมง ซึ่งสายการบินก็จะตรวจเอกสารเหล่านี้ก่อนขึ้นเครื่อง เอกสารทั้ง 2 อย่างสำคัญไม่แพ้พาสปอร์ต

ผู้โดยสารที่มีกำลังทรัพย์ส่วนใหญ่ยอมจ่ายเพิ่มเพื่อโดยสารขั้น Business เนื่องจากมีระยะห่างในการนั่ง ซึ่งที่จริงแล้วที่นั่งชั้น Economy ส่วนใหญ่แล้วที่นั่งจะว่างค่อนข้างมาก สามารถเลือกนั่งกันห่าง ๆ ได้เลย

ที่ฝรั่งเศสขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองก็ต้องใช้เอกสารทั้ง 2 ยื่น ที่นั่นไม่มีการตรวจซ้ำ จากนั้นก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตามแผนที่วางไว้ ระหว่างท่องเที่ยวการจะเข้าร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ที่พัก หรือเข้าชมตามสถานที่ต่าง ๆ ต้องแสดงเอกสารเหล่านี้ สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งเงียบเหงา ผู้คนน้อย อาจทำให้มีความเป็นส่วนตัวสูง แต่มันก็ขาดบรรยากาศของการท่องเที่ยวไป

ทั้งนี้ต้องลงทะเบียน Thailand Pass เพื่อเข้าประเทศไทยตอนกลับล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน และก่อนขึ้นเครื่องกลับต้องตรวจแบบ RT-PCR อีกราคา 42 ยูโร เมื่อเข้าประเทศไทยต้องเข้าสู่ Test & Go ทำการตรวจ RT-PCR กับทางโรงแรมที่เข้าพัก 1 คืนอีกรอบ ค่าใช้จ่ายราว 3,000 บาทขึ้นไป อยู่ที่ว่าเราจะเลือกที่โรงแรมใด แต่ต้องตรวจสอบให้ดีเพราะขณะนี้ยกเลิกระบบนี้จนถึง 4 มกราคม 2565 หรืออาจต้องผ่านไปที่ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์


เที่ยวกับทัวร์-ปวดหัวน้อย

สำหรับคนที่ไม่ชำนาญเรื่องการเตรียมเอกสารต่าง ๆ ที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา แต่ต้องการท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อน อาจใช้บริการของบริษัททัวร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวก(บางส่วน)ให้ โดยช่วงที่ผ่านมามีโปรแกรมทัวร์ออกมาเสนอขายส่วนใหญ่เป็นประเทศในยุโรป

เนตรนภา แก้วแสงธรรม ผู้บริหาร บริษัท ซี ยู อะเกน จำกัด ผู้จัดทัวร์ยุโรปแบบส่วนตัว วีไอพี มานาน 15 ปี และแลนด์โอเปอร์เรเตอร์ยุโรป ที่อยู่ระหว่างเดินทางในสวิสเซอร์แลนด์ ให้ความเห็นว่า การจะออกไปท่องเที่ยวในต่างประเทศในเวลานี้ ต้องยอมรับกฏเกณฑ์การเข้าออกประเทศทั้งปลายทางและต้นทางของรัฐบาลต่างๆ อย่างไม่มีเงื่อนไขต่อรอง ไม่ได้มีอิสระเสรีภาพในการเดินทางตลอดเวลาเหมือนแต่ก่อน การฉีดวัคซีนก็เป็นเงื่อนไขพื้นฐานสำคัญและแนวโน้มน่าจะต้องบูสเข็ม 3


อยากเที่ยว-ยุ่งหน่อย

สำหรับผู้ที่อยากเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ต้องเตรียมความพร้อมตั้งแต่เมืองไทย

1. ต้องพร้อมในเรื่องของการยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้ตลอด และต้องเตรียมเอกสาร รวมถึงการลงทะเบียนต่างๆ ตามเงื่อนไขของแต่ละประเทศกำหนด ทำให้นักท่องเที่ยว ไม่ได้ง่ายสบายเหมือนแต่ก่อน ต้องติดตามข่าวสาร อย่างใกล้ชิดมาก และอัพเดทล่าสุดอยู่เสมอ พร้อมที่จะเปลี่ยนแผนการเดินทางได้ทันที และการวางแผนการเดินทางต้องเลือกแบบปรับเปลี่ยนได้ทุกอย่าง ทั้งสายการบิน จองแบบยกเลิกได้ ทำให้ราคาสูงขึ้น โรงแรมที่พัก และทัวร์ต่างๆ ที่เลือกซื้อ ทั้งทัวร์แพคเกจ และทัวร์เสริมต่างๆ

สิ่งที่ต้องเตรียมตัว คือ Vaccine Passport ของไทย และดูเงื่อนไขของแต่ละประเทศ ว่า ต้องนำไปจดทะเบียนเป็นใบรับรองวัคซีนของประเทศนั้นๆ หรือไม่ หรือว่ายอมรับจากแอพหมอพร้อมของไทยได้เลย

2. คือ การตรวจโควิดก่อนเข้าประเทศ ว่าแต่ละประเทศ รับเงื่อนไข ประเทศใด และต้องตรวจภายในกี่ชั่วโมงก่อนบิน

3. ต้องลงทะเบียนเข้าประเทศต่างๆ ส่วนมาก    จะลงได้ เมื่อได้ Boarding Pass มาแล้ว จึงจะสามารถกรอกข้อมูล Entry Form ได้

4. ต้องพิจารณาการกลับเข้าประเทศ ว่า มีเงื่อนไขอะไรบ้าง เช่น Test and Go หรือ Sandbox ว่าต้องลงทะเบียน และใช้เอกสารอะไรบ้าง สิ่งสำคัญต้องระวังเรื่องใบจองโรงแรม ต้องเป็นแบบตามเงื่อนไขทางการกำหนด หลายๆ โรงแรม ยังออกใบรับรอง ไม่ตรงตามมาตรฐาน ทำให้การอนุมัติ Thailand Pass มีปัญหา นักเดินทางต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด


เที่ยวได้-จ่ายสูงขึ้น

ขณะนี้มีประเทศที่เที่ยวได้ เช่น อินเดีย เปิดรับนักท่องเที่ยวไทย ในยุโรป ฝรั่งเศส สวิสเซอร์แลนด์ ไอซ์แลนด์ สเปน รับนักท่องเที่ยวไทยเช่นกัน

เรื่องของค่าใช้จ่ายเดินทางท่องเที่ยวตอนนี้ยอมรับว่าสูงขึ้นกว่าเดิม เพราะตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ได้ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ร้านอาหาร บริษัททัวร์ รถเช่า เคเบิ้ล ต่างๆ หายไป ทั้งเลิกทำธุรกิจ และปรับตัว ไม่หารายได้ด้านอื่น ทำให้ต้องอัพเดทราคาต่าง ๆ ใหม่หมด

เท่าที่ดูแล้ว ราคาสายการบินหลัก ยังไม่กล้าปรับตัวขึ้นสูง ราคายังเท่าๆ เดิม แต่หลายสายการบินที่อ่อนแอ ปรับลดเที่ยวบิน หรือยังยกเลิกเที่ยวบินอยู่ แต่ราคาแอร์ไลน์โลว์คอร์สบินภายในภาคพื้นยุโรป ปรับตัวแพงขึ้น ราคาโรงแรม ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะระดับไฮ เนื่องจากต้นทุนต่างๆ คงสูงขึ้น เพราะปีนี้ ค่าน้ำมันแพงขึ้น 20% มีผลต่อค่าน้ำมันรถ และค่าครองชีพสูงขึ้นเกือบ 10% และค่าแรงของคนทำงานที่ยุโรปก็แพงขึ้น แม้ว่างานจะหายากกว่าเดิมก็ตาม

แพงเพราะ RT-PCR

แน่นอนว่าหนึ่งในเงื่อนไขของการท่องเที่ยวต่างประเทศ คือ ต้องมีการตรวจหาเชื้อในระหว่างการเดินทาง ขึ้นอยู่กับว่าทริปเดินทางนั้นจะเป็นแบบใด

เธอยอมรับว่า ที่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเนื่องจากต้องตรวจหลายรอบ ทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นมา เกือบ 20,000 บาท ต่อหัว เนื่องจากทุกสายการบิน ต้องการผลตรวจแบบ RT-PCR และเอกสาร Fit to Fly แม้ว่าบางรัฐบาลจะยอมรับผล ATK ได้ ทำให้การเข้าออกชายแดนแต่ละครั้ง มีค่าใช้จ่ายสูง ตกอยู่ที่ 3,500 - 10,000 บาท ต่อครั้ง เช่น ในไทย ประมาณ 3,500 - 4,500 บาท ต่อครั้ง

ในสวิสเซอร์แลนด์ แบบไม่ด่วน ข้ามวันคือ 3,700 บาท แต่บ่อยครั้งแผนการเดินทางที่ไม่ได้อยู่จุดตรวจ ทำให้ต้องตรวจ ณ เมืองก่อนขึ้นสนามบิน มีเวลาเพียง 24 ชม. ต้องตรวจแบบแพง ราคาอาจพุ่งถึง ครั้งละ 10,000 บาท ที่เห็นราคาถูก มีเพียงไอซ์แลนด์ ราคาคนละ 2,000 บาท แต่ใช้เวลานานมาก 36 ชั่วโมง ไม่มีแบบเร่งด่วน ทำให้กระทบต่อแผนการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เสียเวลาเที่ยว และวนรถกลับไปกลับมาเพื่อตรวจ

การตรวจไม่ได้ตรวจแค่ครั้งเดียว ต้องตรวจทุกการเข้าออกพรมแดนแต่ละประเทศ แม้จะข้ามไปเที่ยวแค่ 1-2 วัน ดังนั้น การออกแบบเส้นทาง แนะนำให้เที่ยวแบบ Grand ประเทศเดียวจบ การเที่ยวแบบพ่วง 2-4 ประเทศ จะหายไป


เบี้ยน้อยรอเอเชียเปิด

สำหรับลูกค้ากลุ่มที่มีรายได้ไม่มากนักอยู่ในระดับปานกลาง กลุ่มนี้ คงจะเริ่มเที่ยวจากประเทศใกล้ๆ ในเอเชียก่อน และรอโปรแรงๆ โดนใจ จากความคุ้มค่าและราคา ดังนั้น ก็จะเป็นอีกกลุ่ม ที่อยากเที่ยว อาจจะต้องมองประเทศ ที่ไม่ต้องใช้ผล RT CPR เพราะค่าใช้จ่ายสูง

ในส่วนของลูกค้าแบบ FIT กลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่ชอบออกแบบ ศึกษา วางแผนเที่ยวเองอยู่แล้ว เชื่อว่า ไม่กระทบบริษัททัวร์ เพราะกลุ่มที่ต้องการใช้บริการบริษัททัวร์ คือ กลุ่มที่อยากใช้เวลาในการเดินทางให้คุ้มทุกนาที ให้มีผู้เชี่ยวชาญมาวางแผนจัดการให้อย่างละเอียด ยอมจ่ายแพง แต่ก็มองว่าคุ้มค่าเงินและเวลา


แนวโน้มที่เปลี่ยนไป

ดังนั้นการทำทัวร์ต่างประเทศนับจากนี้ไป ย่อมต้องเปลี่ยนไปจากเดิม ขึ้นกับเงื่อนไขของแต่ละประเทศและสถานการณ์ของการระบาด

เทรนด์ที่เกิดขึ้นคือ กลุ่มลูกค้า จะเปลี่ยนไปเป็นกลุ่มบนก่อน ที่ได้ออกเดินทางท่องเที่ยว การท่องเที่ยวน่าจะฟื้นได้ไว เพราะผู้คนที่มีรายได้สูง ต้องการท่องเที่ยวทันที ที่เงื่อนไขพร้อม (การกลับเข้าประเทศ ไม่ต้องถูกกักตัว) และต้องการออกไปจับจ่ายซื้อของ และชาร์ตแบต เปิดหูเปิดตา   อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงของสังคม และบ้านเมือง เพื่อนำมาเป็นไอเดีย ในการทำธุรกิจต่อ

นักท่องเที่ยวกลุ่มบนสามารถเที่ยวได้ไม่จำกัดงบ และเที่ยวได้นานๆ มากกว่า 10 วัน บางทริปนานถึง 21 วันเลยทีเดียว และแม้แต่เที่ยวแบบทุกเดือน ตามลูกปิดเรียนหรือเทศกาล อาจเกิดเทรนด์ที่เรียกว่า #เที่ยวโหดเหมือนโกรธโควิด เกิดการสะสมที่เรียกว่าประเทศไหนยังไม่ได้ไป ต้องรีบไปเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะล็อคดาวน์อีก

ในส่วนบริษัทต้องใช้พนักงานมากกกว่าเดิม การบริหารจัดการมากกว่าเดิม และมีความเสี่ยงเยอะ การจัดทัวร์แบบเหมา แบบซื้อตั๋วและห้องพักทั้งหมดล่วงหน้า เพื่อให้ได้ราคาถูก นำมาขายปลีกราคาถูก แทบจะเป็นไปไม่ได้ เหลือเพียงทัวร์กลุ่มเล็กๆ ที่พร้อมจะยกเลิก และเปลี่ยนแผนได้ตลอดเวลา

ขอให้บริษัททัวร์ต่างๆ เตรียมตัวให้พร้อม มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แน่นอน เมื่อตลาดเปิด เชื่อว่าตลาดจะเปิดอย่างรวดเร็วและเหมือนเขื่อนแตก

ทิศทาง 65

ทิศทางการท่องเที่ยวในปี 2565 คงต้องขึ้นกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และกฎเกณฑ์การควบคุมโรคของแต่ละประเทศ ตอนนี้ยุโรปกลับมาระบาดระลอกใหม่อีกครั้ง เห็นได้จากการเลื่อนการแข่งขันฟุตบอลลีกในประเทศออกไปในบางคู่ นอกนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละประเทศด้วยว่าจะบริหารจัดการเรื่องของโควิดกับเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างไร

กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ในการควบคุมโควิดมีผลต่อการตัดสินใจเดินทางของนักท่องเที่ยว รวมไปถึงการเข้ามาสนับสนุนของรัฐบาล ส่วนการท่องเที่ยวแบบ In-Bound ขณะนี้เริ่มมีหลายชาติสนใจเข้ามาเที่ยวในเมืองไทยมากขึ้น

ความชัดเจนน่าจะเห็นได้ราวกลางปี 2565 ว่าจะสามารถเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศได้หรือไม่หรือไปประเทศใดได้บ้าง แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายต้องสูงขึ้นกว่าเดิม แต่เชื่อว่าราคาใหม่ในตลาดเอเชียคงขยับขึ้นไม่มาก คนที่อยากไปเที่ยวจริง ๆ คงรับไหว
ส่วนคนที่มีข้อจำกัดเรื่องงบในปี 2565 คงต้องเลือกท่องเที่ยวในเมืองไทย ซึ่งที่ผ่านมาคนไทยก็เที่ยวเมืองไทยไม่น้อยเช่นกัน




กำลังโหลดความคิดเห็น