ถึงเวลาที่รัฐบาลบิ๊กตู่ต้องตัดสินใจสร้างบ่อนกาสิโนหรือไม่? ด้านชัชวาลล์ คงอุดม อดีตเจ้าพ่อบ่อนที่วางมือไปกว่า 30 ปี หนุนสร้างกาสิโน ช่วยรัฐมีรายได้ถึงปีละ 1.85 แสนล้านล้านบาท และแก้วิกฤตเศรษฐกิจที่รัฐต้องกู้หนี้สาธารณะจนต้องขยายเพดานเงินกู้ ยันได้ข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องกับบ่อน 3 พันแห่ง ชี้ต้องเปิดกาสิโนใน 4 ภูมิภาค มั่นใจสร้างที่ไหนเงินสะพัดแน่ ทั้งราคาที่ดินพุ่ง คนมีงานทำ แค่พนักงานดูแล 1 โต๊ะ มีรายได้รวม 33,000 บาทต่อ 8 ชั่วโมง ด้าน รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ ระบุหากไทยจะเปิดกาสิโนควรยึดโมเดลของสิงคโปร์ดีที่สุด
'บ่อนกาสิโน’ กำลังถูกหยิบยกขึ้นมาศึกษาจากสภาผู้แทนราษฎร โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ในรูปแบบของสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) ซึ่งเป็นข้อเสนอของทั้ง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านที่มีการเสนอญัตติซึ่งมีเนื้อหาที่ตรงกัน คือ เสนอให้ตั้งบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายที่เมืองหลักและเมืองท่องเที่ยว หวังเป็นช่องทางหารายได้เข้าประเทศ
นายชัชวาลล์ คงอุดม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท หรือที่รู้จักและโด่งดังในนาม ‘ชัช เตาปูน’ หรือเจ้าพ่อบ่อนในอดีต แต่วันนี้ ชัช เตาปูน ยืนยันว่าได้วางมือจากธุรกิจประเภทนี้กว่า 30 ปี แต่ยังมีข้อมูลจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจบ่อนต่างๆ และในความเห็นส่วนตัวสนับสนุนให้มีการตั้งบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายในรูปแบบ Entertainment Complex ซึ่งจะสร้างรายได้ให้ประเทศมหาศาล
“เราห้ามคนเข้าไปเล่นไม่ได้ บ่อนเถื่อนก็มีเกิดขึ้น คนก็ไปเล่นกัน คนมีเงินหอบเงินไปเล่นยังประเทศต่างๆ รอบชายแดนบ้านเรามีกาสิโนเกิดขึ้นมากมาย ทำไมรัฐไทยไม่ทำให้ถูกต้อง เอาเงินที่ต้องไปเสียให้ประเทศอื่น ให้อยู่ในประเทศไทยไม่ดีกว่าหรือ รัฐนำเงินภาษีที่เก็บได้จากบ่อนไปช่วยด้านการศึกษา ช่วยเกษตรกรที่ต้องเผชิญภัยพิบัติ”
นายชัชวาลล์ บอกว่า จากการพูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจบ่อน ซึ่งมีตัวเลขบ่อนที่อยู่เฉพาะกลุ่มพวกเขาประมาณ 3 พันกว่าแห่ง ซึ่งมีรายได้ในบ่อนประมาณ 1 พันล้านต่อเดือนต่อราย ซึ่งข้อมูลจริงมีมากกว่า 3 พันราย ดังนั้น เพียงแค่กลุ่มพวกเขาที่มี 3 พันราย จะมีรายได้ต่อเดือนคือ 3 พันล้านล้านต่อเดือน
“รัฐต้องคิดดูว่าแค่กลุ่มนี้ ปีหนึ่งพวกเขามีรายได้ 36 ล้านล้านบาท ถ้ารัฐเก็บจากผลกำไรที่เจ้ามือทำได้ แค่ 20% ก็ 7 ล้านล้านต่อปี แต่ถ้าเก็บเขา 25% รัฐจะได้ประมาณ 185,000 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขมหาศาล มากกว่างบประมาณบริหารกระทรวงอีก”
โดยตัวเลขดังกล่าวได้มาจากกลุ่มที่ทำธุรกิจนี้โดยตรง ซึ่งข้อมูลที่เกี่ยวกับบ่อนต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศนั้น รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ ได้มีการศึกษาไว้เช่นกัน ซึ่งนายชัชวาลล์ จะเสนอในที่ประชุมแต่งตั้ง รศ.ดร.สังศิต เข้ามาร่วมด้วย
“อาจารย์สังศิต มีตัวเลขรายได้บ่อนจากประเทศต่างๆ เช่น ที่สิงคโปร์ เก็บภาษีจากบ่อนได้ปีละ 150,000 ล้านบาท และยังมีข้อมูลแต่ละประเทศ มีกฎกติกา และรูปแบบรวมทั้งคนเล่นเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งในการประชุมของกรรมาธิการต้องมาพูดมาคุยว่า ควรจะออกมาในรูปแบบไหนดีที่สุด เหมาะกับประเทศไทยที่สุด ดึงคนต่างชาติเข้ามาเล่นและให้คนไทยได้เล่นด้วยเงินจะได้ไม่ไหลออกไป”
นายชัชวาลล์ บอกอีกว่า อยากให้มีการตั้งบ่อนกาสิโนทั้ง 4 ภาค ภาคละ 1 แห่ง ซึ่งจากข้อมูลสิงคโปร์หนึ่งภาคจะมีรายได้ 150,000 ล้านบาทต่อปี และถ้า 4 ภาค จะมีรายได้ 600,000 ล้านบาท และพื้นที่ที่จะตั้งบ่อนกาสิโนต้องเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ด้วย เพื่อดึงคนมาพักผ่อน เช่น ที่ภาคใต้ ควรจะพิจารณาพื้นที่ที่เป็นเกาะ มีธรรมชาติสวยงาม คนจากทั่วโลกจะหลั่งไหลไปเที่ยว จะทำให้ชาวบ้านในท้องถิ่นมีรายได้ และอยู่ดีกินดีขึ้นกว่าปัจจุบัน
หรืออย่างภาคอีสาน ถ้าเราเลือกพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ แล้วสร้าง Entertainment Complex ขึ้นมา จะทำให้เศรษฐกิจตรงนั้นดีมาก ราคาที่ดินจะพุ่งขึ้น ร้านค้าต่างๆ ได้ประโยชน์ แรงงานในพื้นที่ได้ประโยชน์ไม่ต้องเดินทางมาหางานทำในกรุงเทพฯ หรือออกไปใช้แรงงานในต่างประเทศ ไม่เว้นแม้กระทั่งคนขายพวงมาลัย เพราะนักเล่นมีนิสัยชอบบนบานเหมือนกัน
“ภาคเหนือก็ต้องดูว่าที่ไหนเหมาะ ส่วนตะวันออก พัทยาน่าจะเป็นจุดที่ดี หรือจะมองหาพื้นที่เป็นเกาะในโซนนี้ก็ได้ แต่กรุงเทพฯ ไม่น่าจะขึ้นคอมเพล็กซ์ที่ครบวงจรได้ เพราะต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ ซึ่งใน กทม.หาได้ยากมาก”
นายชัชวาลล์ ย้ำว่า หากบ่อนกาสิโนเกิดได้จริงจะมีรายได้มหาศาล จะแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นได้มาก ในท่ามกลางสภาวะที่รัฐบาลต้องกู้และแบกหนี้สาธารณะไว้มหาศาลจนมีการขยายเพดานหนี้สาธารณะจาก 60 เป็น 70% ของจีดีพี รายได้จากบ่อนกาสิโนน่าจะเป็นทางรอดหนึ่งได้เช่นกัน เพราะรัฐต้องใช้จ่ายในการพัฒนาประเทศและดูแลคนยากคนจน เกษตรกรที่ประสบปัญหาตามฤดูกาล
“เรื่องนี้เมื่อศึกษาเสร็จแล้วต้องโหวตเอาไม่เอา ซึ่งรัฐบาลต้องคิดว่า จะทำอย่างไรให้ Entertainment Complex เกิดได้เร็ว ทุกอย่างอยู่ที่รัฐบาล เราไม่มีเงินจะกู้แล้วเพราะเรากู้กันมากแล้ว การสร้างกาสิโนจึงเป็นช่องทางหาเงินที่ถูกกฎหมายและได้เร็วที่สุด”
นอกจากนี้ หากมองไปถึงรายได้คนทำงานในกาสิโนนั้น นายชัชวาลล์ บอกว่า ให้ย้อนไปมองในยุคที่เขาเคยทำ คนทำงานในบ่อนจะมีรายได้ 2 พันต่อ 8 ชั่วโมง อย่างคนที่ออกไพ่ 4 คนต่อโต๊ะ จะมีรายได้รวมที่ 8 พันบาท คนดูหน้าเสื่อ หัวและท้าย ได้คนละ 5 พันบาท คนที่คุมชิป จะมี 3 คนต่อโต๊ะ จะได้คนละ 5 พันบาท รวมคุมชิป 15,000 บาท
ดังนั้น 1 โต๊ะ พนักงานจะมีรายได้รวมที่ 33,000 บาท ถ้ามี 20 โต๊ะ จะต้องจ่ายค่าแรงงานถึง 660,000 บาท ราคานี้เป็นราคาที่จ่ายในยุคที่เขาเกี่ยวข้อง แต่ปัจจุบันน่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น และหากคำนวณถึงการลงทุนในการก่อสร้าง Entertainment Complex ที่มีการประมาณการไว้ที่แห่งละ 50,000 ล้านบาท มองเห็นตัวเลขเงินจะสะพัดแค่ไหน และรัฐบาลควรทำประชาพิจารณ์เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจว่าจะให้เกิดหรือไม่ให้เกิดบ่อนกาสิโนในรูปแบบ Entertainment Complex!
ขณะที่ รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำวุฒิสภา แสดงความเห็นเรื่องการเปิดบ่อนกาสิโนในไทย ว่า ไทยจะสามารถเปิดบ่อนกาสิโนได้หรือไม่ต้องรอดูว่ามติของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ สภาผู้แทนราษฎรจะออกมาอย่างไร แต่ถือว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันมีโอกาสที่จะเกิดบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายมากกว่าที่ผ่านๆ มา เพราะเป็นครั้งแรกที่ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลร่วมมือกันในการผลักดัน แต่ทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นภายหลังโดยทั่วไปก็มักมีการเปิดรับฟังความเห็นจากประชาชนก่อน
โดยส่วนตัวมองว่าหากไม่มีการเปิดบ่อนกาสิโนที่ถูกกฎหมายคนไทยจะออกไปเล่นพนันในบ่อนกาสิโนของเพื่อนบ้าน เงินจะรั่วไหลออกนอกประเทศ ขณะเดียวกัน บ่อนลักลอบเปิดก็ยังมีอยู่ต่อไป คนที่ได้ประโยชน์จะมีแต่เจ้าของบ่อน และเจ้าหน้าที่รัฐที่เก็บส่วยจากบ่อน แต่หากรัฐจะอนุญาตให้เปิดบ่อนกาสิโนต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนได้ประโยชน์มากที่สุด
ดังนั้น หากไทยจะเปิดบ่อนกาสิโนแบบถูกกฎหมายควรยึดโมเดลของสิงคโปร์ซึ่งถือว่าดีที่สุดในโลก จะเห็นได้ว่ากาสิโนของประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นลาสเวกัส มาเก๊า มาเลเซีย หรือในยุโรปต่างมีเป้าหมายให้คนที่ชอบเล่นการพนันเข้าไปเล่น ขณะที่สิงคโปร์เปิดบ่อนกาสิโนเพื่อให้บริการแก่คนที่ไม่ได้ตั้งใจมาเล่นกาสิโน โดยให้กาสิโนเป็นส่วนหนึ่งของคอมเพล็กซ์ ซึ่งมีศูนย์ประชุมครบวงจร มีห้างสรรพสินค้าและรีสอร์ตอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้เป็นจำนวนมาก
สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีขนาดเล็กนิดเดียวแต่เขามีศูนย์ประชุมนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก สามารถจัดประชุมได้ครั้งละถึง 40,000 คน ส่วนศูนย์ประชุมประเทศอื่นจัดประชุมได้ครั้งละหลักพันเท่านั้น ผู้คนจากทั่วโลกจึงแห่มาประชุมที่สิงคโปร์มากที่สุด มากกว่าศูนย์ประชุมของญี่ปุ่นรวมกับเกาหลีใต้ แม้แต่ทุกประเทศในยุโรปรวมกันจำนวนผู้คนที่เดินทางไปจัดประชุมทั้งปียังน้อยกว่าสิงคโปร์เลย ส่งผลให้สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์เต็มทุกไฟลต์ โรงแรมเต็มทุกวัน เนื่องจากปกติการจัดประชุมของบริษัทหรือองค์กรต่างๆ จะจัดวันธรรมดา แต่อาจมีบ้างที่จัดประชุมวันเสาร์-อาทิตย์ ส่วนนักท่องเที่ยวจะมาวันเสาร์-อาทิตย์ ดังนั้น โรงแรมจึงมีลูกค้าเข้าทุกวัน ส่วนกาสิโนของมาเก๊าคนจะไปเล่นวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งตรงกับวันที่นักท่องเที่ยวไปเที่ยวกัน โรงแรมจะได้ลูกค้าเฉพาะเสาร์อาทิตย์
“สิงคโปร์ใช้บ่อนกาสิโนเป็นส่วนหนึ่งในอุตสาหกรรมไมซ์ หรือการจัดประชุมนานาชาติ ซึ่งจะดึงดูดให้ต่างชาติเลือกสิงคโปร์เป็นสถานที่จัดประชุมเพราะได้การประชุม และการพักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งสิงคโปร์จะได้ทั้งรายได้จากการจัดประชุม รายได้จากกาสิโน รายได้จากโรงแรมที่พัก และรายได้จากการท่องเที่ยว ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว ในเมื่อประเทศไทยมีศักยภาพมากกว่าสิงคโปร์ทุกด้าน ไม่ว่าจะอาหารการกิน แหล่งท่องเที่ยว ซึ่งมีทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โบราณสถาน แหล่งท่องเที่ยวที่ขายวัฒนธรรมประเพณี และเรามีพื้นที่กว้างใหญ่สามารถสร้างคอมเพล็กซ์ที่มีทั้งศูนย์ประชุมโรงแรม และกาสิโนให้ใหญ่กว่าสิงคโปร์ก็ได้ คิดดูว่าเม็ดเงินที่เข้ามาจะมหาศาลขนาดไหน” รศ.ดร.สังศิต กล่าว