เปิดค่าตัว “ทิดไพรวัลย์” แตะหลักล้าน งานรีวิวจ่อคิวเพียบ ด้าน “กูรู” ชี้คำนวณจากยอดวิว จำนวนผู้ติดตาม และเพาเวอร์ในการขาย เรียกได้ไม่ต่ำกว่า 5 แสน อีกทั้งยังมีรายได้รายเดือนจากเฟซบุ๊กอีกไม่น้อย “อาตี๋” นักรีวิวชื่อดังระบุ หลายคลิปได้มากกว่า 5 พันบาท ชี้หากดึง “มหาสมปอง” ร่วมงานหลังลาสิกขา จะยิ่งปังกว่านี้ แนะสร้างคอนเทนต์ใหม่ๆ เพื่อรักษาฐานฟอลโลเวอร์
กล่าวได้ว่าขณะนี้วงการโซเชียลได้มี “พรีเซ็นเตอร์-นักรีวิว” หน้าใหม่เกิดขึ้นแล้ว เพราะหลังจากที่ “พระมหาไพรวัลย์” แห่งวัดสร้อยทอง ได้ลาสิกขามาใช้ชีวิตฆราวาสเต็มตัว โดยเปลี่ยนชื่อเพจจาก “พระมหาไพรวัลย์ วรวณโณ” เป็น “ไพรวัลย์ วรรณบุตร” และขึ้นสถานะบนหน้าเพจว่า “นักแสดง” พร้อมกับประกาศรับงานรีวิวที่การันตีด้วยยอดผู้ติดตามกว่า 3 ล้านคน ก็เกิดปรากฏการณ์การชิงตัวพรีเซ็นเตอร์กันอุตลุด ทำให้หลายคนสงสัยว่าฮอตฮิตขนาดนี้ ทิดไพรวัลย์ จะฟันค่าตัวไปเท่าไหร่
“ตี๋” วุฒิพงษ์ ลิขิตชีวัน Online Content Creator และเจ้าของเพจ “อาตี๋รีวิว”และช่องยูทูบ “อาตี๋ รีวิว” ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า เรตราคาค่าจ้างรีวิวสินค้าบนหน้าเพจเฟซบุ๊กในปัจจุบันจะขึ้นกับปัจจัยหลายประการ อันได้แก่ จำนวนผู้ติดตามของเพจ ยอดวิวและยอดไลก์ของคลิปโดยเฉลี่ย อีกทั้งต้องดูว่าผู้ที่กดติดตามเป็นกลุ่มไหน มีกำลังซื้อหรือไม่ และที่สำคัญคือเจ้าของเพจ หรือผู้รีวิวเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและกำลังได้รับความสนใจในขณะนั้นหรือเปล่า อย่างไรก็ดี สุดท้ายค่าจ้างรีวิวจะขึ้นกับการตกลงกันระหว่างผู้รีวิวกับเจ้าของสินค้า
โดยปัจจัยสำคัญที่สุดซึ่งวงการสื่อโซเชียลนำมาคำนวณอัตราค่ารีวิวคือยอดผู้ติดตาม อย่างกรณีเพจ “ไพวัลย์ วรรณบุตร” ของทิดไพรวัลย์ มียอดผู้ติดตามถึง 3.2 ล้านคน อัตราในการรับโฆษณาหรือรีวิวสินค้าน่าจะอยู่ที่หลักหมื่นถึงหลักแสน แต่ด้วยความที่เขาเป็นกระแสที่คนพูดถึงเยอะ ขยับอะไรก็แต่มีคนสนใจ เวลาทิดไพรวัลย์ ไลฟ์หรือเคลื่อนไหวอะไรจะมีคนติดตาม มียอดวิวสูง มี Engagement หรือการมีส่วนร่วมของผู้ที่เข้ามาดู เช่น กดไลก์ กดแชร์เยอะมาก ค่าตัวในการรีวิวสินค้าของเขาจึงมีโอกาสขึ้นไปแตะหลักแสน หรือหลายแสน
“ตอนนี้ท่านไพรวัลย์ ถือว่าเป็นอินฟลูเอนเซอร์ หรือบุคคลที่มีอิทธิพลบนโลกออนไลน์สูง เมื่อไม่กี่วันมานี้ท่านไปไลฟ์ที่เชียงใหม่ สินค้าขายเหมดเกลี้ยงโรงงานเลย ซึ่งน่าจะส่งผลต่อค่าตัวในการรีวิวสินค้าครั้งต่อไป เพราะแสดงว่าการรีวิวมีผลโดยตรงต่อยอดขายสินค้า แน่นอนว่าแบรนด์ต่างๆ ที่มาจ้างรีวิวก็เพราะต้องการสร้างยอดขาย ถ้ารีวิวครั้งหนึ่งแล้วขายได้หมดเกลี้ยงสามารถนำไปคำนวณค่าตัวได้ว่าแบรนดิ้งดี ภาพลักษณ์ดี พูดถึงสินค้าตัวไหนก็มีคนซื้อตาม ค่าตัวจะสูงขึ้นอีก คือหากคำนวณจากยอดวิวและจำนวนผู้ติดตาม ในวงการจะเรียกค่าตัวได้ประมาณ 1-2 แสน แต่จากศักยภาพของท่านในการรีวิวสินค้าที่ทำให้ขายหมดในเวลาแค่วันเดียว สามารถอัปค่าตัวขึ้นไปเป็น 3-5 แสนได้” นายวุฒิพงษ์ กล่าว
อย่างไรก็ดี กรณีของทิดไพรวัลย์ นั้นนับว่าฉีกกฎวงการสื่อโซเชียลไม่น้อยทีเดียว เพราะด้วยตัวตนของเขาสามารถสร้างมูลค่าการตลาดให้สินค้าได้อย่างคาดไม่ถึง ส่งผลให้ค่าตัวของทิดไพรวัลย์ ในขณะนี้สูงลิ่วทะลุเพดานโดยหลังจากที่ทิดไพรวัลย์ได้ live สดให้ “ร้านไอเดียมงคล” จ.เชียงใหม่ ส่งผลให้สินค้าขายหมดโกดังภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากการไลฟ์สด ซึ่งพลังทางการตลาดครั้งนี้ทำให้เจ้าของผลิตภัณฑ์เซรั่ม “VORDA” แบรนด์ดังจากเกาหลี รีบต่อสายตรงถึงทิดไพรวัลย์ เพื่อให้เขาเป็นพรีเซ็นเตอร์ และสรุปดีลจบในวันเดียว
ซึ่งข่าวจากวงในระบุว่า “ค่าตัวในการเป็นพรีเซ็นเตอร์และรีวิวเซรั่มครั้งนี้สูงถึงหลักล้าน”
และทิดไพรวัลย์ ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะจากการไลฟ์ขายเซรั่มดังกล่าวเป็นครั้งแรกในช่วงค่ำของวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีคนสนใจสั่งซื้อผ่านไลน์กันรัวๆ เลยทีเดียว ยังไม่นับรวม “ชา Pananchita” ชาไทยสูตรไร้น้ำตาล ซึ่งเป็นสินค้าแบรนด์แรกที่ทิดไพรวัลย์ รับเป็นพรีเซ็นเตอร์ โดยได้โชว์ภาพนั่งกระทบไหล่กับพรีเซ็นเตอร์ดังอย่าง ธัญญ่า-ธัญญาเรศ เองตระกูล อ้น- ศรีพรรณ ชื่นชมบูรณ์ เอกกี้- เอกชัย เอื้อสังคมเศรษฐ บนหน้าเพจ “ไพรวัลย์ วรรณบุตร” อย่างไรก็ดี ไม่มีการเปิดตัวเลขว่าเขาได้ค่าตัวเท่าไหร่
ขณะที่ พระมหาสมปอง เปิดเผยว่า ขณะนี้ทิดไพรวัลย์ มีสินค้าติดต่อเข้ามาให้รีวิวถึง 20 กว่าตัว โดยติดต่อผ่านมหาสมปอง 2 ตัว
ทั้งนี้ นายวุฒิพงษ์ นักรีวิวชื่อดังได้อธิบายถึงแนวทางการเจรจาต่อรองค่าตัวของอินฟลูเอนเซอร์ ว่า หากมีคนที่มีประสบการณ์การตลาดด้านสื่อออนไลน์ช่วยดูแลในการรับงานก็จะสามารถคำนวณเรตราคาและสามารถเจราจาต่อรองกับเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่มาจ้างรีวิวได้ สำหรับกรณีของทิดไพรวัลย์ นั้นเนื่องจากอยู่ในสมณเพศมานาน เพิ่งจะลาสิกขา คนที่รับงานให้อาจจะเป็นทีมงานที่เคยช่วยงานในสมัยที่ยังบวชอยู่ ทั้งท่านและทีมงานจึงอาจจะยังไม่มีประสบการณ์ ไม่มีข้อมูลทางการตลาด จึงควรหาคนที่มีทักษะด้านการตลาดโดยตรงเข้าช่วยงาน
เป็นที่น่าสังเกตว่า ขณะนี้สินค้านานาชนิดต่างติดต่อขอให้ทิดไพรวัลย์ เป็นพรีเซ็นเตอร์หรือช่วยรีวิว ทั้งที่สินค้าบางอย่างอย่างทิดไพรวัลย์ ไม่น่าจะได้ใช้ อีกทั้งยังเป็นพรีเซ็นเตอร์ที่ไม่เหมาะกับบุคลิกของสินค้า ทำให้หลายคนสงสัยว่าเหตุใดสินค้าเหล่านี้จึงเลือกทิดไพรวัลย์ เป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่ง เจ้าของเพจ “อาตี๋รีวิว” ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า เนื่องจากทิดไพวัลย์ กำลังเป็นกระแส ดังนั้น หากเขาหยิบจับสินค้าตัวไหนขึ้นมานอกจากคนที่เข้าไปดูเพจ “ไพรวัลย์ วรรณบุตร” จะได้เห็นสินค้าแล้ว ก็มีโอกาสที่สินค้านั้นจะไปปรากฏในสื่อต่างๆ จากการนำเสนอข่าวที่เกี่ยวกับทิดไพรวัลย์
“ตอนนี้มีสินค้าเข้ามาติดต่อท่านไพรวัลย์เยอะมาก เพราะเจ้าของผลิตภัณฑ์มองว่าเวลาท่านเป็นข่าว สินค้าเหล่านี้จะเป็นข่าวไปด้วย จะเห็นได้ว่ามีการนำภาพที่ท่านไพวัลย์หยิบเซรั่มซึ่งจ้างท่านเป็นพรีเซ็นเตอร์มาประกอบในข่าว แบรนด์อาจจะมองว่าคุ้มค่าเพราะได้ออกสื่อใหญ่ๆ โดยไม่ต้องซื้อโฆษณา” นายวุฒิพงษ์ ระบุ
ทั้งนี้ นอกจากรายได้จากการเป็นพรีเซ็นเตอร์และการรีวิวสินค้าแล้ว ทิดไพรวัลย์ ยังมีรายได้จากเฟซบุ๊กอีกด้วย โดย เจ้าของเพจ “อาตี๋รีวิว” อธิบายถึงการสร้างรายได้บนแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก ว่า ปัจจุบันเฟซบุ๊กมีการจ่ายเงินให้เจ้าของคลิปที่ลงเพจเฟซบุ๊ก แบบเดียวกับที่ยูทูบจ่าย โดยเฟซบุ๊กจะพิจารณาจากยอดวิว เพราะหากมียอดวิวเยอะเฟซบุ๊กก็สามารถขายโฆษณาที่นำมาลงคั่นในคลิปได้ ซึ่งถ้าคอนเทนต์นั้นมีคนสนใจจำนวนมาก มียอดวิวสูง มีการกดไลก์ กดแชร์เยอะ เงินที่เฟซบุ๊กจ่ายให้ก็จะเยอะตามไปด้วย อย่างไรก็ดี อัตราที่เฟซบุ๊กจ่ายให้นั้นจะขึ้นกับค่าโฆษณาที่สามารถเรียกเก็บจากเจ้าของผลิตภัณฑ์ด้วย โดยอัตราเฉลี่ยที่เฟซบุ๊กจ่ายจะอยู่ที่ ยอดวิว 1 ล้านวิว จ่าย 1 หมื่นบาท
นอกจากนั้น หากทิดไพรวัลย์ หันไปทำยูทูบด้วยจะมีรายได้จากช่องยูทูบอีกทางหนึ่ง โดยมีทั้งจากค่ารีวิวที่ได้รับจากเจ้าของสินค้า และรายได้ที่ได้จากยูทูบซึ่งจะคำนวณจากยอดผู้ติดตามและยอดวิวของคลิปนั้นๆ
“เฟซบุ๊กจะจ่ายให้เป็นรายเดือนแบบเดียวกับยูทูบ อย่างทิดไพรวัลย์ บางคลิปยอดวิวขึ้นไปถึง 600,000 วิว เฟซบุ๊กก็จ่ายให้ 5,000 กว่าบาท แต่อย่าลืมว่าไม่ได้มีคลิปเดียว ถ้ายอดวิวเยอะเฟซบุ๊กจ่ายให้ทุกคลิป จ่ายทุกเดือน แต่ก่อนที่เฟซบุ๊กจะพิจารณาจ่ายเงินให้จะต้องผ่านเกณฑ์ที่กำหนดก่อน เช่น ต้องมีระยะเวลารวมที่คนเข้ามาดูคลิปทั้งหมดในเพจรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 600,000 นาที เมื่อครบแล้วเฟซบุ๊กก็จะเริ่มคำนวณค่าตอบแทนให้ เริ่มจาก 3,000 วิว ได้ 1 ดอลลาร์ หรือประมาณ 30 บาท คลิปไหนที่ได้ 3,000 วิวขึ้นไปก็นำมาคำนวณ สะสมไปเรื่อยๆ รวมกันจนครบ 3,000 บาท จึงจะสามารถเบิกเงินออกมาได้ แต่ทั้งนี้เจ้าของเพจที่จะขอรับรายได้จากเฟซบุ๊กต้องยื่นเรื่องไปยังเฟซบุ๊ก และผ่านการพิจารณาก่อน” เจ้าของเพจ “อาตี๋รีวิว” ระบุ
ส่วนที่บางคนมองว่าหลังจากนี้หากทิดไพรวัลย์ ผันตัวไปเป็นยูทูบเบอร์น่าจะรุ่งนั้น นายวุฒิพงษ์ แสดงความเห็นว่า โดยส่วนตัวแล้วเห็นด้วย เพราะที่ผ่านมาดูจากที่ทิดไพรวัลย์ไลฟ์ ทักษะการพูด การเข้ากล้องถือว่ามืออาชีพมาก สามารถดึงดูดคนดูได้ตลอดทั้งคลิป จึงน่าจะรุ่งในเส้นทางนี้ ส่วนพระมหาสมปอง ซึ่งจะลาสิกขาในวันที่ 2 ม.ค.2565 ถ้ามาเป็นยูทูบเบอร์คู่กับทิดไพรวัลย์ก็เชื่อว่ายอดติดตามจะสูงมาก เนื่องจากแต่ละคนมียอดผู้ติดตามในเฟซบุ๊กสูงถึงหลักล้าน
หากทั้ง 2 คน ต่างคนต่างทำช่องยูทูบ แล้วมาเป็นยูทูบเบอร์คู่กัน หรือที่เรียกว่าคอลแลปป์ ผู้ติดตามของแต่คนก็จะไหลมารวมกันทำให้ยอดวิวในยูทูบมีโอกาสที่จะมากกว่าทำคลิปคนเดียว และเมื่อลงช่องใดช่องหนึ่งแล้วก็ไปลงอีกช่องหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ได้ยอดวิวเพิ่มขึ้นอีก นอกจากนั้น ยังมีการแลกเปลี่ยนฟอลโลเวอร์กัน ฟอลโลเวอร์ของทิดไพรวัลย์ ก็อาจจะไปติดตามท่านมหาสมปองด้วย ขณะที่ฟอลโลเวอร์ของท่านมหาสมปอง ก็อาจจะไปติดตามทิดไพรวัลย์ด้วยเช่นกัน
นายวุฒิพงษ์ มองว่า การที่ทิดไพรวัลย์ผันตัวมารับรีวิวสินค้านั้นถือเป็นสีสันใหม่ๆ ของวงการสื่อออนไลน์ ทำให้เรามีอินฟลูเอนเซอร์ที่กำลังเป็นกระแส ที่ผ่านมา ทิดไพรวัลย์อาจจะต้องรักษาสมณเพศจึงทำอะไรได้ไม่เต็มที่ แต่เมื่อลาสิกขาแล้วทำอะไรได้มากขึ้น ซึ่งผู้ที่ต้องการเข้ามาสร้างรายได้ในวงการสื่อโซเชียลไม่ว่าจะในฐานะนักรีวิว หรือยูทูบเบอร์นั้นการจะทำให้ผู้คนยังคงติดตามอยู่ตลอดได้ต้องขยันทำคลิปออกมาบ่อยๆ และมีคอนเทนต์ที่แปลกใหม่ มีความน่าสนใจออกมาอย่างสม่ำเสมอ
บางคนทำคลิปแล้วดังแต่ไม่ได้ทำคลิปต่อเนื่อง คนก็จะค่อยๆ ลืมไป และสิ่งที่ประมาทไม่ได้ในวงการโซเชียลคือ ผู้คนอาจจะติดตามอินฟลูเอนเซอร์คนนั้นๆ เฉพาะช่วงที่เป็นกระแส เมื่อมีอินฟลูเอนเซอร์คนใหม่เข้ามาก็หันไปสนใจคนใหม่ ดังนั้น นักรีวิวหรือยูทูบเบอร์จึงต้องหาคอนเทนต์ใหม่ๆ มาสร้างความสนใจจากฟอลโลเวอร์อยู่เสมอ
“ก็เหมือนกับเรากินส้มตำ วันแรกอาจจะอร่อยมาก แซ่บสะใจ แต่พอกินทุกวันมันก็ชิน ก็อยากจะลองอะไรใหม่ เอนฟลูเอนเซอร์จึงต้องให้ความสำคัญเรื่องความสม่ำเสมอในการทำคลิปและการสร้างคอนเทนต์ใหม่ๆ ยูทูบเบอร์บางคนอาจจะเป็นกระแสได้พักหนึ่งแล้วก็เงียบหายไป และอย่าลืมว่ามีอินฟลูเอนเซอร์หน้าใหม่เกิดขึ้นทุกวัน” เจ้าของเพจ “อาตี๋ รีวิว” กล่าว