xs
xsm
sm
md
lg

“ทิดไพรวัลย์” ทางเลือกเยอะ-กองหนุนเพียบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กู่ไม่กลับพระมหาไพรวัลย์ลาสิกขาปมเจ้าคุณอุทัย ไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง เตือนอย่าคิดว่าสึกแล้วพูดได้แรงกว่าเดิม กฎหมายคุมเพียบ ชีวิตฆราวาสไม่ง่าย เสียดายถ้าอยู่ในผ้าเหลืองช่วยพระพุทธศาสนาได้มาก เพียงแค่ลดอัตตาลง วันเวลาจะช่วยเพิ่มความสุขุมรอบคอบ ไม่ต้องห่วงเรื่องงานคนตามหลักล้านมีแต่งานวิ่งเข้าหา

การเดิมพันตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง หากพระราชปัญญาสุธี (เจ้าคุณอุทัย) ไม่ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ พระเซเลบชื่อดังพร้อมสึก น่าจะใกล้เห็นผลแล้ว เมื่อพระมหาไพรวัลย์ส่งสัญญาณชัดว่าสึกแน่ เช่นเดียวกับพระมหาสมปอง ตาลปุตโต ที่แม้จะไม่ได้เดิมพันเหมือนพระมหาไพรวัลย์ แต่ได้แสดงความจำนงว่าขอเวลาอีก 2 ปีก่อนที่จะสึก กำหนดไว้ 3 พฤศจิกายน 2566

เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มขึ้นในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2564 จากข่าวที่ว่ามีการเปลี่ยนตัวเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง อีกทั้งกรรมการในมหาเถรสมาคมบางรูปก็ออกมายืนยันในทิศทางเดียวกัน อาการโศกเศร้า ร้องไห้ และเกรี้ยวกราด เสียดสี ขอความเมตตาถูกถ่ายทอดผ่าน Live และโพสต์ข้อความของพระมหาไพรวัลย์ บนเครื่องมือที่ทันสมัยของโลกออนไลน์

พระมหาไพรวัลย์ ให้เหตุผลว่า หากเจ้าคุณอุทัย ต้องพ้นจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสร้อยทองไป อันเนื่องจากท่าน (พระมหาไพรวัลย์) เป็นต้นเหตุ จึงเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้เจ้าคุณอุทัย และพร้อมลาสิกขาหากไม่เป็นไปตามนั้น

พระมหาไพรวัลย์ลาสึก

นับเป็นการท้าชนต่อพระเถระชั้นผู้ใหญ่โดยตรงของพระลูกวัดสร้อยทอง ที่มีคนรู้จักทั้งประเทศและสร้างปรากฏการณ์อันลือลั่น ที่พระทั้ง 2 รูปของวัดสร้อยทอง Live สดจนมีผู้เข้าชมมากกว่า 2 แสนคน

เรื่องราวที่เกิดขึ้นดึงให้ผู้คนหันมาสนใจเรื่องของวัดสร้อยทองเป็นจำนวนมาก เนื่องจากพระทั้ง 2 รูปมีผู้ติดตามบนเฟซบุ๊กแฟนเพจรวมกันแล้วราว 3 ล้านคน ขณะที่ฝ่ายพระผู้ใหญ่มิได้มีการออกมาตอบโต้ใดๆ อีกทั้งการประชุมของมหาเถรสมาคมเดือนพฤศจิกายน 2564 ได้เว้นไป 2 ครั้งเนื่องจากอยู่ในช่วงกฐิน ทำให้หลายฝ่ายจับตาการประชุมในวันที่ 30 พฤศจิกายนว่าจะมีมติออกมาอย่างไร ซึ่งยังไม่มีการชี้แจงออกมา

พระมหาไพรวัลย์ ชัดเจนแล้วว่า ได้ลาสิกขาเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2564 ก่อนหน้านี้มีการประกาศหารถขนของ หลังจากที่ ดร.อุทิส ศิริวรรณ โพสต์ยืนยันว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คือ เจ้าคุณอุทัย ไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง แต่ยังดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 11 ตามเดิม

ขณะที่พระมหาสมปอง ที่ประกาศว่าขอเวลาอีก 2 ปีนั้น ล่าสุดได้โพสต์ว่า อาจารย์ ส.ศิวลักษณ์ ได้ร้องขอไม่ให้สึก ดังนั้นคงต้องติดตามต่อไปว่าท่านจะครองผ้าเหลืองต่อไปนานแค่ไหน

ล่าสุด พระมหาสมปอง เปิดเผยว่า จะสึกในวันที่ 2 ม.ค.2565 โดยตรงกับวันเกิดแม่ แต่ไม่แน่อาจจะเร็วกว่าเดิม


พระดังชนพระผู้ใหญ่

ความขัดแย้งในวงการพระสงฆ์มีให้เห็นอยู่หลายกรณี เช่น ไม่พอใจคำสั่งแต่งตั้งหรือปลดพระบางรูป ส่วนเรื่องการต่อรองขอตำแหน่งกับพระชั้นผู้ใหญ่นั้น ส่วนใหญ่แล้วพระลูกวัดทั่วไปคงไม่มีใครกล้าทำ แต่กรณีนี้อาจเป็นเพราะพระลูกวัดสร้อยทองเป็นพระดังเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมติของมหาเถรสมาคมเมื่อออกมาแล้วมักไม่มีการเปลี่ยนแปลง

คนที่ติดตามโพสต์ของพระมหาไพรวัลย์ อาจจะคล้อยตามสิ่งที่ท่านสื่อออกมาว่า ท่านได้รับความไม่เป็นธรรม ถูกบีบบังคับ ถูกกดดัน จนต้องตัดสินใจสึก โดยที่คู่กรณีคือมหาเถรสมาคมไม่ได้ออกมาตอบโต้แต่อย่างใด

หากย้อนกลับไปดูถึงสิ่งที่พระมหาไพรวัลย์ ได้ปฏิบัติตัวมา อาจทำให้ต้องกลับมานั่งทบทวนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับวัดสร้อยทองนั้นเกิดจากอะไร

พระหนุ่มไฟแรง ได้เปรียญ 9 ตั้งแต่ยังเป็นสามเณร นับว่าหาได้ยาก เป็นนาคหลวง เชื่อมั่นในตัวเองสูง มีฐานแฟนคลับนับล้านคน ยิ่งทำให้คำเตือนต่างๆ ด้วยความปรารถนาดีจากบุคคลรอบข้างแม้กระทั่งพระผู้ใหญ่กลายเป็นสิ่งด้อยค่า ถูกตอบโต้ เย้ยหยัน หากใครเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์

ด้วยอายุเพียง 30 ถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ เติบโตมาพร้อมกับโลกโซเชียล กฎเกณฑ์บางเรื่องถูกมองว่าเป็นสิ่งล้าสมัย จำกัดสิทธิเสรีภาพ แม้การขับเคลื่อนของพระมหาไพรวัลย์ในบางเรื่องเป็นสิ่งดี น่ายกย่อง แต่บางเรื่องมันมีกฎระเบียบอยู่ เมื่อท่านอยู่ในเพศบรรพชิตก็ต้องปฏิบัติตาม

ย้อนแย้งกับสำนักพุทธฯ

ที่ผ่านมาื ท่านแสดงความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับการเมองอยู่บ้าง กฎระเบียบของมหาเถรสมาคมก็มีอยู่แล้ว เมื่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเตือนมา ท่านก็ตอบโต้กลับอย่างเผ็ดร้อน อย่างช่วงต้นปี 2564

อาตมาควรต้องรู้สึกยังไงกับนายสิปป์บวรดี กรวดน้ำให้แก ไปเยี่ยมที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซื้อกระบวยไปฝากเพื่อจะได้มีไว้ใช้สำหรับตักน้ำส่องเงา หรืออะไรดี  อาตมาถือคติอย่างคำสอนของพระพุทธเจ้านะ คนทำกรรมอะไรเอาไว้ จะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม สุดท้ายจะต้องได้รับผลของกรรมนั้นแน่ๆ

คนมีอำนาจ ใช้อำนาจในทางที่ไม่ชอบธรรม ไม่เห็นแก่ธรรม ไม่เป็นไปโดยธรรม สักวันอำนาจนั้นก็คืนสนอง โบราณกล่าวไว้ชัดว่า ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว กระดาษฉบับนี้ ควรจะมีค่ามากกว่านี้ ถ้าเอาไปพับเป็นถุงกล้วยแขก หรือทำอะไรอย่างอื่นที่ไม่มีข้อความแปดเปื้อนจากสำนักงาน....แห่งชาติ

สำนักงาน...แห่งชาติ เป็นบิดาเป็นเจ้านายของคณะสงฆ์ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงสามารถออกคำสั่งให้คณะสงฆ์ทำนั่นทำนี่ หรือแม้แต่ต้องรายงานชี้แจงเพื่อทราบ (ไม่รู้จักชั่วดีจริงๆ) คงมีอยู่ประเทศเดียวนี่แหละที่องค์กรซึ่งมีที่มาจากการเมือง (และมีความเป็นการเมืองอย่างเต็มที่) เสนอหน้ามาตั้งคำถามกับคนอื่นว่า ยุ่งกับการเมืองอยู่หรือเปล่า? #ที่สำนักงานไม่มีกระจกไว้ส่องใช่ไหม ปล. ไม่อยากใช้คำว่า "พระพุทธศาสนา" กับสำนักงานนี้ เพราะมันทำให้ศาสนาของพระพุทธเจ้าดูตกต่ำย่ำแย่

เมื่อเรื่องดังกล่าวผ่านไป พอเข้าต้นเดือนกันยายน 2564 มีการจัดเทศน์ร่วมกันของพระเซเลบทั้ง 2 รูปของวัดสร้อยทอง ผู้ชม Live สดสูงสุดกว่า 2 แสนคน มีเสียงชื่นชมและเสียงตำหนิไปพร้อมๆ กัน หนึ่งในนั้นคือความไม่เหมาะสมของพระมหาไพรวัลย์ที่แสดงอาการไม่สำรวม ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ออกมากล่าวว่า การ Live สดในครั้งนั้นไม่ผิดวินัยรุนแรง

พระมหาไพรวัลย์ได้โพสต์ชื่นชมสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทั้งๆ ที่ท่านเคยต่อว่าสำนักพุทธฯ ในช่วงต้นปี

อนุโมทนาขอบคุณท่าน ผอ.สำนักงานพุทธ และท่านรอง ผอ. ที่ให้ความเป็นธรรมกับพระตัวเล็กๆ ทั้ง 2 รูป #รักสำนักพุทธมาก

ปล. ยินดีมากๆ นะ หากสำนักงานพุทธจะให้อาตมาช่วยโปรโมตโครงการหรือกิจกรรมทางศาสนาใดๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม

“ว่ากันตามตรงต้นปีท่านเคยต่อว่ารอง ผอ.สำนักพุทธฯ ที่ทำหนังสือเตือน พอเดือน 9 ท่านชื่นชม ทั้งๆ ที่เป็นบุคคลคนเดียวกัน มันค่อนข้างย้อนแย้งในตัวท่านเองอยู่ไม่น้อย คือถ้าถูกตำหนิตอบโต้ ถ้าบอกไม่ผิดกล่าวชื่นชม” ผู้ที่ติดตามเรื่องราวทางพุทธศาสนากล่าว


น้ำหนักไปทางม็อบ

เรื่องที่ท่านถูกจับตามองมากเป็นพิเศษคงเป็นเหตุการณ์ที่มีพระร่วมชุมชุมกับม็อบ 3 นิ้วเมื่อช่วงปลายปี 2563

อย่างเรื่องพระที่ออกมาร่วมชุมนุมกับม็อบ 3 นิ้ว ท่านก็ออกมาแสดงความเห็นไปในทางเดียวกัน ม็อบสร้างธงแครอทขึ้นมาแทนธงธรรมจักร ท่านก็อธิบายไปในแนวทางเดียวกับม็อบ แล้วอย่างนี้จะให้พระผู้ใหญ่มองท่านอย่างไร

ที่จริงท่านมีข้อดีอยู่ไม่น้อย ช่วยเหลือผู้ถูกน้ำท่วม ช่วยเคลียร์ผู้ที่แสดงตนอยู่นอกศาสนา หากยึดในแนวทางนี้และมุ่งเน้นในการเผยแผ่ธรรมะย่อมเป็นเรื่องที่ดี

แต่ด้วยความที่ท่านยังอายุไม่มาก ใช้สื่อที่ทันสมัย เป็นที่ชื่นชอบของคนจำนวนมาก อาจทำให้หลงไปกับกระแสที่มี จนลืมที่จะหันกลับมายึดตามข้อพึงปฏิบัติที่ควรเป็น ถึงทำให้เกิดวันนี้ขึ้น


พระมหาสมปองดังก่อน

ที่จริงแล้ว 2 พระดังของวัดสร้อยทองนั้น คนทั่วไปจะรู้จักพระมหาสมปองมาก่อน ในฐานะพระที่เทศน์แล้วสอดแทรกมุกตลก เพื่อไม่ให้น่าเบื่อ มีบ้างที่อาจแขวะมาในทางการเมือง เมื่อถูกท้วงติงท่านก็เบาลง เพียงแต่ระยะหลังอาจมีบางเรื่องที่ค่อนข้างแรงไปสักหน่อยโดยเฉพาะเรื่องเรือดำน้ำ

ส่วนพระมหาไพรวัลย์ เริ่มดังขึ้นมาจากการแสดงความคิดเห็นเรื่องพระที่ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ผิดพระธรรมวินัย สื่อหลายสำนักมักเชิญท่านไปร่วมรายการ จนมาถึงช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มเยาวชน ที่มีพระสงฆ์เข้าร่วม ความคิดเห็นของท่านจึงถูกจับตามองจากสังคมและพระผู้ใหญ่มากขึ้น จนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติออกหนังสือถึงพระปกครองให้เตือน

ที่ผ่านมา ท่านก็เป็นที่รู้จักชื่นชอบของผู้คนจำนวนหนึ่ง หลายคนจึงอยากเห็นพระดังทั้ง 2 รูปของวัดสร้อยทองมาประชันกัน จึงเกิดการ Live ที่ดึงดูดผู้ชมได้มากกว่า 2 แสนคนเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายน 2564 ความสนุกสนาน เฮฮา พูดภาษาเดียวกับคนรุ่นใหม่แทบทุกกลุ่ม สร้างให้แฟนเพจของพระทั้ง 2 มีผู้ติดตามเกินกว่าล้านคน

เตือนสื่อออนไลน์มีทั้งดี-เสีย

สื่อออนไลน์นั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย บางครั้งคนที่มีแฟนเพจติดตามเป็นจำนวนมาก โพสต์อะไรก็มีลูกเพจแห่ Like ชื่นชม ทำให้เจ้าของเพจเองรู้สึกมั่นใจว่าโพสต์อะไรลงไปก็มีแต่คนเห็นด้วย จนอาจลืมคิดไปว่าสิ่งที่โพสต์ไปนั้นถูกต้อง เหมาะสมหรือไม่

ก่อนหน้านี้ คนที่พังเพราะสื่อออนไลน์ก็มีมาหลายคน เพียงแต่คนติดตามอาจไม่มากถึงหลักล้าน สุดท้ายก็ต้องถอยตัวเองออกไป ไม่ปฏิเสธว่าระยะแรกนั้นพวกแฟนคลับพร้อมให้การช่วยเหลือ แต่อย่าลืมว่าคงไม่มีใครช่วยเหลือใครได้ตลอดทั้งชีวิต ทุกคนก็ต้องต่างดิ้นรนเพื่อให้ชีวิตของตนดำรงอยู่ได้

คนทั่วไปก็ดูออกว่าท่านเลือกยืนฝั่งไหน แต่ต้องไม่ลืมว่าความเป็นพระมีกฎระเบียบควบคุมอยู่ แม้พระมหาไพรวัลย์จะมีผู้ติดตามในเพจเป็นล้าน แต่คนที่ไม่ชอบท่านก็มีไม่น้อยเช่นกัน โดยเฉพาะการพูดที่ไปกระทบกับความรู้สึกของฝ่ายที่ชื่นชอบการทำงานของรัฐบาล ดังนั้น เราจึงได้เห็นในช่วงสุดท้ายก่อนที่ท่านจะสึก ท่านจึงถูกโจมตีแม้จะเป็นข้อมูลที่ไม่จริง


ไม่ต้องห่วง-งานวิ่งชน

อาจารย์ทางด้านพุทธศาสนาประเมินว่า ไม่ต้องห่วงว่าหากพระมหาไพรวัลย์สึกแล้วจะลำบาก ความรู้เรื่องบาลีท่านก็มีเป็นครูสอนได้ตามสำนักเรียนต่างๆ แต่ผลตอบแทนอาจไม่มากนัก หรือท่านจะเลือกไปเป็นอาจารย์สอนตามมหาวิทยาลัยสงฆ์ก็ได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าต้นทางจะรับไว้หรือไม่ 

หรือเป็นนักวิชาการอิสระทางพระพุทธศาสนาก็สามารถทำได้ หรือจะประกอบวิชาชีพอื่นก็มีผู้ที่ศรัทธาพร้อมที่จะช่วยเหลือท่านอยู่ไม่น้อย หรืออาจใช้แนวทางที่ท่านถนัดสอนธรรมะผ่านสื่อโซเชียลก็ได้เช่นกัน เพราะยุคนี้สามารถสร้างรายได้จากสื่อออนไลน์ได้ ตอนนี้ท่านเนื้อหอมใครๆ ก็อยากได้ไปร่วมงาน

ล่าสุด ทิดไพรวัลย์ ได้โพสต์ข้อความว่า “เพจนี้มีคนติดตาม 2 ล้าน 6 นะครับ ฝากไว้ให้คิดสำหรับเจ้าของผลิตภัณฑ์ต่างๆ”

ก่อนหน้านี้ นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ได้มาหาอดีตพระมหาไพรวัลย์ที่วัดสร้อยทอง เพื่อชวนมาร่วมงานแต่ไม่พบกัน ซึ่งงานด้านรีวิวสินค้าก็ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ทิดไพรวัลย์มีความสามารถด้านนี้ โดยก่อนหน้าที่จะสึกได้ Live สดสถานที่ต่างๆ ร่วมกับพระมหาสมปอง

แต่เสียดายที่ท่านเลือกสึก

เพราะหากยังครองจีวรอยู่ท่านน่าจะสร้างประโยชน์ได้มากกว่านี้ เพียงแต่บางเรื่องที่น่าต้องนำไปปรับหรือลดความเป็นตัวเองลง มุ่งแต่เรื่องหลักธรรมคำสอนของพุทธศาสนาเป็นหลัก

เมื่อสึกออกมาแล้ว สถานะของท่านก็เท่ากับเป็นบุคคลทั่วไป ด้านหนึ่งอาจแสดงความคิดเห็นได้มากกว่าช่วงที่เป็นพระก็จริง แต่สถานะบุคคลธรรมดาก็มีกรอบจำกัดทางด้านกฎหมายเช่นกัน ไม่ใช่จะพูดอะไรอย่างที่คิดได้เสมอไป 

หากยังคงความเป็นพระอยู่แรงโต้กลับจะน้อยกว่าตอนเป็นฆราวาส

เวลาเท่านั้น

ปัญหาทั้งหมดอยู่ที่ตัวท่านเอง หากเจ้าคุณอุดม หลุดจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง เป็นเพราะใคร ที่จริงคนที่เป็นเจ้าอาวาสก็ลำบากใจ เพราะพระลูกวัดดังกว่าเจ้าอาวาส แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ หากการตักเตือนแล้วพระลูกวัดปฏิบัติตาม

พระหนุ่ม โปรไฟล์ดี เปรียญ 9 นาคหลวง ใช้สื่อออนไลน์อย่างชำนาญ กำลังเรียนปริญญาเอก ไม่ว่าจะใช้สอนธรรมะ หรือบ่นเรื่องส่วนตัว คนตามเป็นล้าน ฟาดฟันกับคนเตือน คนเห็นต่างอย่างเผ็ดร้อน แม้ว่าเจ้าอาวาสจะเตือน แต่พระที่พกความมั่นใจสูงอย่างนี้จะฟังหรือไม่

หากมองอีกมุมการไม่ได้ตำแหน่งเจ้าอาวาสของครูบาอาจารย์ที่ท่านนับถืออยู่นั้นน่าจะเป็นการบ่งบอกให้ท่านได้หันกลับไปพิจารณาตนเองว่า ที่ผ่านมาท่านปฏิบัติตัวอย่างไร ไม่ใช่พอพระผู้ใหญ่ไม่ให้ตำแหน่งเจ้าอาวาสกับพระอาจารย์ที่ท่านนับถือแล้วไปกล่าวหาว่าไม่ได้รับความยุติธรรม ตรงนี้ท่านควรกลับไปพิจารณาตนเอง

เรื่องแบบนี้บางทีเป็นเรื่องของวัย ที่อยู่ในช่วงเชื่อมั่นตัวเองสูง คงไม่ฟังใครเตือน ต้องรอให้พ้นช่วงวัยนี้ไปก่อน แต่เสียดายที่กว่าจะเข้าสู่ช่วงที่มีวุฒิภาวะ ท่านอาจสูญเสียบางสิ่งไป




กำลังโหลดความคิดเห็น