เช็กด่วน ! แกนนำราษฎรหาย พบ “ทราย-เฮียบุ๊ง” ถูก “รุ้ง-เพนกวิน” อัปเปหิจากม็อบ หลังปัญหาความไม่โปร่งใสในเงินบริจาค ด้าน “ต้อม-ยุทธเลิศ” โชว์บัญชีบริจาคสร้างหนัง พร้อมท้า “เฮียบุ้ง”กางบัญชีเงินม็อบ ขณะที่ มวลชนเดือด “ฟอร์ด ทัตเทพ” หอบ 15 ล้าน กบดานต่างประเทศ ฝ่าย “เจ๊จุก” แฉ “โตโต้”ประกาศลาออกจาก WEVO เหตุโดนคดีเพียบ ตังค์หมด อีกทั้งถูกทนายเท ส่วน “บก.ลายจุด” เผย ไร้ประโยชน์ที่แกนนำรุ่นใหญ่จะเคลื่อนไหว ด้วยใกล้เลือกตั้ง “บิ๊กตู่” กำลังจะพ้นจากตำแหน่ง
ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ยังคงร้อนแรง แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าขณะนี้บรรดาแกนนำแถวหน้าของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “ฝ่ายประชาธิปไตย” ซึ่งปัจจุบันแยกย่อยเป็นหลายกลุ่มหลายก๊วนต่างหายหน้าหายตาไป โดยเฉพาะเหล่าแกนนำ “ม็อบ 3 นิ้ว” ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง จนหลายฝ่ายอดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ?
บุ้ง-ทราย โดนอัปเปหิ หลังอมเงินบริจาค
สองคนแรกที่หายไปจากเวทีม็อบราษฎรก็คือ “พ่อยก-แม่ยก” คู่ซี้ฝ่ายเสบียงที่คุมเงินบริจาคอย่าง “เฮียบุ๊ง-ปกรณ์ พรชีวางกูร” และ“ทราย-อินทิรา เจริญปุระ” ซึ่งเคยถูก “ต้อม-ยุทธเลิศ สิปปาค ” ผู้กำกับชื่อดัง ท้าให้เปิดเผยบัญชีเงินบริจาค
“เฮียบุ๊ง” นายปกรณ์ พรชีวางกูร เป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เข้ามามีบทบาทในม็อบราษฎรในฐานะพ่อยก และได้เปิดบัญชีรับบริจาคเงินสนับสนุนม็อบราษฎร แต่ในช่วงปลายปี 2563 ผู้ชุมนุมได้เรียกร้องให้เฮียบุ๊งชี้แจงการใช้เงินเนื่องจากกังขาเรื่องโปร่งใส ซึ่งเฮียบุ๊งก็ประกาศกร้าวว่า " ดรามาให้แจงเรื่องเงิน...กูกับทรายขอตอบเลยว่า... ไม่แจง และจะไม่แจงแม้แต่บาทเดียว กูจะเอาไปทำไรก็เรื่องของพวกกู ใครมีปัญหาเรื่องนี้ นั่นคือเรื่องของมึง ไม่ใช่เรื่องของกู ” ต่อมาวันที่ 8 มี.ค.2564 เฮียบุ๊งก็ได้โพสต์ข้อความด้วยความฉุนเฉียวหลังจากถูกทวงถามว่ารถห้องน้ำหายไปไหน? ว่าเป็นการปั่นกระแสของพวก IO ที่ต้องการโจมตีม็อบราษฎร
ขณะที่ “ทราย-อินทิรา เจริญปุระ” นักแสดงสาวที่เข้ามาเป็นแม่ยกช่วยสนับสนุนอาหารและอุปกรณ์ต่างๆให้ม็อบราษฎรในช่วงปลายปี 2563 จากนั้นจึงรับหน้าที่รับบริจาคและจัดสรรการใช้จ่ายเงินภายในม็อบ ซึ่งไม่นานก็ถูกม็อบตั้งคำถามเรื่องการจัดซื้อตุ๊กตาที่ใช้เป็นพร็อพในการชุมนุมในราคาที่สูงเกินจริง ขณะที่กลับไม่มีอุปกรณ์ป้องกันให้กับทีมการ์ด ซึ่งทรายก็ปฏิเสธที่จะเปิดเผยถึงบัญชีรับบริจาคและรายละเอียดในการใช้จ่ายเช่นกัน
อย่างไรก็ดี สาเหตุของการหายไปจากม็อบราษฎรของพ่อยก-แม่ยกทั้งสองเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือน มิ.ย. 2564 หลังจากที่ถูก “แป้ง”ศิลปินกราฟฟิตี้ เจ้าของนามแฝงและเพจ “Headache Stencil” ออกมาเปิดคลิปแฉว่าทรายรู้เห็นกับ “นนท์ ปราบจะบก” คนสนิทของทรายที่มีฉายาว่า “นักต้มตุ๋น” ซึ่งสั่งให้ลูกน้องตามจับ “แอมมี่ เดอะบอตทอมบูลส์” หรือนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีเผาพระบรมฉายาลักษณ์ส่งตำรวจเพื่อตัดตอนไม่ให้กรณีของแอมมี่กระทบมาถึงม็อบ หลังจากที่ทรายกล่อมให้แอมมี่มอบตัวไม่สำเร็จ แต่บุ้งกับทรายปล่อยกลับข่าวว่าแป้งเป็นสาย ชี้เป้าให้ตำรวจเข้าจับกุมแอมมี่
อีกทั้งก่อนหน้านี้แป้งยังเคยบอกให้ทรายขับ “นนท์” ออกจากม็อบเพราะไม่ไว้ใจที่นนท์เข้ามาพัวพันกับเงินบริจาค แต่ทรายกลับเพิกเฉย ขณะที่ “ไผ่ ดาวดิน” หรือ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ และ รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล สองแกนนำกลุ่มราษฎรต่างก็รู้ถึงพฤติกรรมที่ไม่ชอบมาพากลของนนท์เกี่ยวกับเงินบริจาค และมีจุดยืนว่าหากทรายยังเอานนท์ไว้ ทั้งแอมมี่ ไผ่ เพนกวิน และรุ้ง ก็จะไม่ร่วมงานกับกลุ่มทรายอีก นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ “ทราย” และ “เฮียบุ๊ง” ไม่ได้เข้าร่วมในการชุมนุมของกลุ่มราษฎรเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2564 ซึ่งมี “เพนกวิน” และ “แอมมี่” ขึ้นเวทีปราศรัย จากนั้นทรายกับเฮียบุ้งก็หายไปจากม็อบพร้อมข้อครหาเรื่องเงินบริจาคที่ยังคาใจผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎร
ล่าสุด”เฮียบุ๊ง” อาศัยจังหวะที่ “ไอซ์-น.ส.รักชนก ศรีนอก” เซเลปคลับเฮ้าส์ นักเคลื่อนไหวการฝ่ายประชาธิปไตย มีปัญหาทะเลาะวิวาทกับ “ต้อม-ยุทธเลิศ” ซึ่งกำลังเป็นประเด็นร้อน ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟสบุค แซะ “ต้อม” เรื่องการขอรับเงินบริจาค 100 ล้าน เพื่อใช้ในการสร้างหนังประชาธิปไตยเรื่อง 1401 พร้อมทั้งอ้างว่าเหตุที่ต้อมจี้ให้เฮียบุ๊งและทรายเปิดบัญชีเงินบริจาคของม็อบราษฎรก็เพราะไม่พอใจที่ทรายไม่ยอมรับเล่นหนังเรื่อง 1401 ของต้อม
อย่างไรก็ดี เฮียบุ๊งยืนกรานว่า “ เรื่องเงินนะ ถามกี่รอบกูก็ตอบเหมือนเดิมทุกรอบว่าไม่แจง ”
ด้าน “ต้อม-ยุทธเลิศ” ก็ออกมาโต้กลับทันควัน โดยในคืนวันที่ 23 พ.ย. 2564 เขาได้โชว์บัญชีเงินบริจาคที่มีผู้สนับสนุนโอนมาให้เพื่อใช้ในการสร้างภาพยนตร์เรื่อง 1401 ผ่านทวิตเตอร์ BAD DIRECTOR @BadDIRECTOR พร้อมกับท้าเฮียบุ๊งให้ออกมาเปิดเผยบัญชีเงินบริจาคของม็อบ
โดยต้อมระบุว่า “ บุ๊ง 18 มง อยากให้ผมแจงบัญชีหนัง โอเคจะแจงให้อีกที ของผม 7 วันล้าน แล้วผมก็ปิดไป เพราะพวกคุณ คราวนี้ของ 18 มงเองตั้งแต่เปิดบัญชีมายังไม่เคยปิดนี่ มียอดรวมมาเท่าไหร่? ”
อย่างไรก็ดี งานนี้คาดว่าเฮียบุ๊งก็คงนั่งยันนอนยันปฏิเสธการชี้แจงเหมือนเดิม
“ฟอร์ด ทัตเทพ” หนีไปต่างประเทศ
คนต่อมา ที่หายไปพร้อมข้อครหาเรื่องเงินบริจาคก็คือ “ฟอร์ด” นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี บัณฑิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แกนนำเยาวชนปลดแอก ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสารตั้งต้นของม็อบราษฎร ฟอร์ดตกเป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และมีข่าวว่าเขาหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ โดยไม่ได้ไปรายงานตัวต่ออัยการตามนัดหมาย เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2564 ที่ผ่านมา ตำรวจจึงได้ขออำนาจศาลออกหมายจับ อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊ก “เยาวชนปลดแอก-Free YOUTH” ก็ยังคงโพสต์ความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความไม่พอใจของมวลชนบางส่วนที่รู้เรื่องปัญหาเงินๆทองๆ
แหล่งข่าวในม็อบราษฎร ระบุว่า “ มีข่าวว่าฟอร์ดหนีไปต่างประเทศพร้อมเงิน 15 ล้าน คนในม็อบเดือดกันจะตาย ”
รุ้ง-เพนกวิน-อานนท์-ไผ่-ไมค์ ติดคุก
อย่างไรก็ดี มีแกนนำหลายคนที่หายไปจากการชุมนุมเนื่องจากถูกตัดสินจำคุกและไม่ได้รับการประกันตัว เนื่องจากก่อนหน้านี้ศาลได้อนุมัติให้แกนนำดังกล่าวได้รับการประกันตัวมาแล้วหลายครั้ง โดยมีเงื่อนไขว่าห้ามไม่ให้ร่วมเคลื่อนไหวทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็น เพนกวิน-นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ และ รุ้ง-น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล สองแกนนำกลุ่มราษฎร , นายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน , “ไผ่ ดาวดิน” นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา แกนนำกลุ่มทะลุฟ้า หรือ ไมค์- นายภานุพงศ์ จาดนอก แกนนำกลุ่ม "เยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย" แต่ทุกครั้งแกนนำเหล่านี้ก็ยังกลับไปเคลื่อนไหวและทำผิดกฎหมายเช่นเดิม โดยความผิดหลักๆก็คือ ความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุม และกรณีหมิ่นสถาบัน ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ล่าสุดศาลจึงคัดค้านการประกันตัวของแกนนำดังกล่าว
“ไบรท์-ชินวัตร์” หายหน้า หลังก่อเหตุอนาจาร
กรณีที่แปลกที่สุดก็คือการหายไปของ “ไบรท์” ชินวัตร จันทร์กระจ่าง หนึ่งในแกนนำม็อบราษฎร นนทบุรี เนื่องจากเขาได้ยุติการเคลื่อนไหวหลังถูกกล่าวหาว่าคุกคามทางเพศนักเคลื่อนไหวหญิงรายหนึ่ง ระหว่างเดินทางไปปราศรัยที่ จ.หนองคาย ซึ่งกลายเป็นประเด็นร้อนที่สร้างความไม่พอใจให้แก่แนวร่วมและมวลชนกลุ่มราษฎรเป็นอย่างมาก โดยหลังจากที่ไบรท์ได้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด และขอโทษที่ทำให้ทุกคนไม่สบายใจ เขาก็ได้ประกาศยุติบทบทเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น
“โตโต้” ประกาศถอนตัวจาก WEVO
ล่าสุดได้มีแกนนำประกาศอำลาม็อบราษฎรไปอีกหนึ่งคน คือ “โตโต้” นายปิยรัฐ จงเทพ ผู้อำนวยการกองงานมวลชนอาสา We Volunteer หรือที่เรียกกันว่าหัวหน้าการ์ด WEVO ซึ่งออกมาประกาศชัดเจนว่า ได้เตรียมส่งไม้ต่อให้กับคนต่อไป หลังจากที่ก่อตั้งทีมการ์ดWEVO มาเป็นเวลากว่า 1 ปี โดยจะมีการแต่งตั้งหัวหน้าคนใหม่ เพื่อนำขบวนการ์ด เนื่องจากโตโต้ได้อ้างว่า ขณะนี้ไม่รู้ว่าจะถูกจับเมื่อไหร่ พร้อมกันเปิดเผยว่า เป็นการเตรียมตัวไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพร้อมที่จะขับเคลื่อนในหน้าที่ใหม่
ซึ่งการประกาศลาออกของโตโต้ครั้งนี้หลายฝ่ายต่างก็คาดการณ์กันไปต่างๆนานา บ้างก็ว่าเป็นเพราะโตโต้ตกเป็นผู้ต้องหาในหลายคดีจึงทำให้ยากต่อการเคลื่อนไหว บ้างก็ว่าโตโต้อาจจะกำลังเตรียมเดินเข้าสู่สนามการเมืองภายใต้สังกัดพรรคสีส้ม เช่นเดียวกับนักเคลื่อนไหวหลายคนก่อนหน้านี้
ขณะที่ “เจ๊จุก คลองสาม” แอดมินเพจที่ติดตามการเคลื่อนไหวของเครือข่ายม็อบ 3 นิ้วอย่างใกล้ชิดมาตลอด ระบุ “ หลังๆมาโตโต้เงียบหายไปจากม็อบ ปากดีบนออนไลน์บ้างแต่ก็น้อยลง สุดท้ายเมื่อวานนี้ประกาศจะส่งไม้ต่อให้คนอื่น สาเหตุหลักคือ โดนนักกฎหมายเท ตังค์หมด ขายของไม่ได้ และโดนคดีเพียบ ”
“ตู่-จตุพร” ปิดปากเงียบ หลังศาลให้ประกัน
ส่วนแกนนำรุ่นใหญ่ อย่าง นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำไทยไม่ทน และประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ก็ถูกตั้งข้อสังเกตว่าหายหน้าหายตาไปเช่นกัน ซึ่งสาเหตุหลักๆน่าจะเป็นเพราะคดีความต่างๆทั้งคดีเก่าคดีใหม่ที่ถาโถมเข้ามาเป็นระยะ โดยล่าสุดศาลได้มีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวนายจตุพรซึ่งตกเป็นจำเลยในคดีบุกบ้าน“ป๋าเปรม” -พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ อดีต องคมนตรี จากการชุมนุมล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งแกนนำมวลชนที่มีประสบการณ์ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองมายาวนานอย่างจตุพรย่อมรู้ดีว่าการออกไปนำการชุมนุมย่อมไม่เป็นผลดีต่อการสู้คดีที่เกี่ยวข้องกับการเมือง และหากการชุมนุมนั้นๆยังไม่สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใดๆก็ไม่คุ้มที่จะเสี่ยง
ด้าน นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด แกนนำคาร์ม็อบ เปิดเผยว่า จากการที่ตนได้หารือกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำคนเสื้อแดง ก็เห็นตรงกันว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงนี้เป็นเรื่องยาก จากปัจจัยหลายประการ ทั้งในส่วนของมวลชน ที่ปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวซึ่งจะเข้าร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มราษฎรมากกว่า และต้องประเมินถึงผลสัมฤทธิ์ในการเคลื่อนไหวว่าจะนำไปสู่อะไร ซึ่งจะเป็นตัวชี้ว่ามีประโยชน์ที่จะจัดการชุมนุมหรือไม่
“ เนื่องจากเป้าหมายในการชุมนุมของแกนนำรุ่นใหญ่คือการขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ขณะนี้ปี่กลองทางการเมืองเริ่มดัง มีสัญญาณชี้ว่าใกล้จะมีการเลือกตั้งในอีกไม่นานนี้ ดังนั้นการชุมนุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์จึงไม่มีประโยชน์อะไร เพราะอีกไม่นาน พล.อ.ประยุทธ์ก็จะพ้นจากตำแหน่งแล้ว ” นายสมบัติ กล่าว