Clubhouse สายส้มปลุกกระแส "ลงถนน" หลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินม็อบล้มล้างการปกครอง อาจารย์สายสื่อนิด้าชี้คลับเฮ้าส์เป็นสื่อที่ฝ่ายค้านใช้มากที่สุด ขณะที่รัฐเองมีแต้มต่อเลือกใช้สื่อหลัก ด้านอี้-แทนคุณ รับเข้าไปร่วมพูดคุยแม้ถูกถล่มหนัก เผยหัวข้อสนทนาหลักเป็นการเมืองและเรื่อง 18+ เตือนหมิ่นประมาทในคลับเฮ้าส์มีหลายคดี แนะคิดก่อนพูด
กระแสเหยียดคนอีสานบนคลับเฮ้าส์ (Club House) กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนในสังคมถึงความไม่เหมาะสม และขยายวงกว้างไปถึงขั้นการฟ้องร้องดำเนินคดี สิ่งที่เกิดขึ้นบนคลับเฮ้าส์ในเรื่องการเหยียด ด้อยค่าหรือด่ากันเกิดขึ้นตลอดเวลา เพียงแต่ไม่เป็นคดีความมากนัก
นอกเหนือจากบุคคลทั่วไปที่สามารถใช้ช่องทางคลับเฮ้าส์เพื่อพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันแล้ว กลุ่มการเมืองก็ใช้ช่องทางคลับเฮ้าส์เข้ามาเป็นสื่อกลางแสดงความคิดเห็น พบปะกับแฟนคลับ หรือบุคคลที่สนใจ สามารถเข้าร่วมฟังกันอย่างต่อเนื่อง
อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ถือเป็นนักการเมืองระดับแม่เหล็ก ใช้คลับเฮ้าส์ที่จัดโดยกลุ่ม Care จากคนของไทยรักไทยและเพื่อไทย เปิดเวทีให้ทักษิณทั้งบรรยาย ตอบคำถามคนในกลุ่มทุกปัญหาตามสถานการณ์บ้านเมือง การเข้ามาแต่ละครั้งมีคนเข้ามาฟังเป็นจำนวนมาก ผู้ฟังสามารถสอบถามผู้พูดได้โดยตรง กลายเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของคลับเฮ้าส์ เพราะการถามตรงกับอดีตนายกรัฐมนตรีแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย และหลายครั้งที่การออกคลับเฮ้าส์ของทักษิณ สามารถสร้างแรงกระเพื่อมทางการเมืองให้รัฐบาลได้หลายครั้ง
เช่นเดียวกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ที่เข้ามาในคลับเฮ้าส์ ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับหลายๆ กลุ่มที่จัดเช่นเดียวกัน
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ถือเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่จะแวะเวียนมาคลับเฮ้าส์ตามห้องต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีจากไทยรักไทย ไอติม-พริษฐ์ วัชรสินธุ
การเข้าไปสนทนาในห้องคลับเฮ้าส์มีทั้งเจ้าตัวการเปิด หรือมีผู้จัดการให้แล้วเชิญคนดังเข้ามาเป็นแขกคนพิเศษ หรือคนดังเข้าไปร่วมรับฟังเองตามห้องที่สนใจ เมื่อ Moderator เห็นก็เชิญขึ้นไปพูด นักการเมืองที่เข้ามาในคลับเฮ้าส์ส่วนใหญ่จะมีทีมงานเป็นผู้เปิดห้องสนทนาไว้รอ
สื่อที่ฝ่ายค้านใช้มาก
รศ.ดร.อัศวิน เนตรโพธิ์แก้ว ผู้ช่วยอธิการบดี ผ่ายสื่อสารองค์การและกิจการนักศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กล่าวว่า คลับเฮ้าส์ถือเป็นสื่อที่เหมาะกับพรรคฝ่ายค้าน จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่แล้วนักการเมืองที่เข้ามาใช้คลับเฮ้าส์จะเป็นฝ่ายค้าน พรรครัฐบาลจะไม่ค่อยเข้ามาใช้ช่องทางนี้ เนื่องจากสามารถใช้สื่อหลักที่เผยแพร่ได้กว้างขวางกว่า
หัวข้อที่พูดคุยกันนั้นส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่สื่อหลักอาจไม่ให้ความสนใจ หรืออาจเป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยงต่อการนำเสนอ จึงนำเรื่องเหล่านี้มาพูดคุยกันในคลับเฮ้าส์ที่ทำได้สะดวกกว่า
บูมช่วงโควิด-19
ช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด-19 คลับเฮ้าส์เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในหมู่ผู้ใช้สังคมออนไลน์ เนื่องจากพูดคุยกันได้หลายคนท่ามกลางที่ผู้คนต้องเว้นระยะห่าง ถือเป็นช่องทางใหม่ที่ระยะแรกจำกัดเฉพาะผู้ที่ใช้ I phone ผู้ที่ใช้จึงกลายเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้สูงเนื่องจากราคาโทรศัพท์ I Phone ราคาแพง
ตอนนั้นแพทย์ใช้เพื่อปรึกษาหารือเรื่องสถานการณ์โควิด-19 เมื่อโทรศัพท์ระบบ Android สามารถใช้งานคลับเฮ้าส์ได้ ผู้ใช้จึงกว้างขวางขึ้น เรื่องพูดคุยตามห้องต่างๆ จึงมีมากขึ้น ข้อกำหนดของคลับเฮ้าส์อีกอย่างหนึ่งคือห้ามอัดเสียงสนทนา จึงทำให้หัวข้อพูดคุยตามห้องต่างๆ มีหลากหลาย แต่เรื่องที่ตั้งห้องพูดคุยกันมากที่สุด หนีไม่พ้น 2 เรื่องคือการเมืองกับเรื่องเพศ
ในคลับเฮ้าส์การพูดคุยทำได้อิสระ ดังนั้น บางกลุ่มจึงตั้งหัวข้อพูดคุยกันในหัวข้อที่ล่อแหลม ทั้งเรื่องเพศ ต่อว่าหรือเหยียดบุคคลอื่น ไปจนถึงเรื่องสถาบัน ผู้ที่เข้ามาใช้ส่วนใหญ่มักเป็นคนรุ่นใหม่ เนื่องจากมีข้อจำกัดน้อย บางครั้งก็ใช้ชื่อปลอม
การควบคุมการสนทนาจึงอยู่ที่ Moderator ที่จะเป็นผู้วางกฎการพูดคุย ส่วนผู้ฟังรายอื่นหากเห็นว่าเรื่องใดไม่เหมาะสมก็สามารถกดรายงานต่อทางคลับเฮ้าส์ได้ ซึ่งเริ่มมีการแบนผู้ใช้ที่ถูกร้องเรียนบ้างแล้ว
อี้-แทนคุณ โดนถล่มหนัก
นายแทนคุณ (อี้) จิตต์อิสระ จากพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นอีกบุคคลหนึ่งเข้าไปตามห้องต่างๆ ในคลับเฮ้าส์ค่อนข้างบ่อย ทั้งที่ทราบดีว่าในคลับเฮ้าส์ส่วนใหญ่แล้วหากเป็นเรื่องที่พูดคุยการเมือง ส่วนใหญ่จะเป็นสายสีส้มและสายสีแดง จึงไม่พลาดที่เขาจะถูกถล่มแทบทุกครั้ง แต่ก็อดทนต่อเสียงตำหนิต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
“การเข้าไปทำในนามส่วนตัวไม่ใช่ในนามพรรค กว่า 90% ของห้องที่เข้าไปอยู่ตรงข้ามกับฝั่งรัฐบาล ที่เข้าไปเพื่อต้องการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นที่สนใจ ซึ่งบางเรื่องเราไม่สามารถตอบในนามพรรคได้”
คลับเฮ้าส์เป็นแฟลตฟอร์มที่เข้าถึงได้ง่าย สามารถเข้าไปฟังหรือแลกเปลี่ยนความรู้กันได้ บางเรื่องเป็นเรื่องที่จริงบ้างไม่จริงบ้าง นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เป็นช่องทางในการเคลื่อนไหวทางการเมือง สามารถที่จะเพิ่มหรือเลี้ยงกระแสฐานเสียงได้เช่นกัน
รักษาฐานเดิม-เพิ่มฐานใหม่
อย่างไรก็ตาม คลับเฮ้าส์แม้จะเป็นการเปิดโอกาสให้มีการพูดคุยกันได้มากขึ้น แต่มีข้อจำกัดเช่นกัน จำนวนคนที่เข้าถึงได้ต้องมีความพร้อมด้านอุปกรณ์ อินเทอร์เน็ต จึงทำให้คนที่เข้าถึงส่วนใหญ่แล้วเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องใช้อุปกรณ์เหล่านี้อยู่แล้ว
หัวข้อในการสนทนาเป็นอีกตัวดึงดูดหนึ่งในการเรียกคนให้เข้าไปชม แต่ที่มีน้ำหนักมากที่สุดคือแขกรับเชิญ หากเป็นคนดัง คนมีชื่อเสียงจะสามารถดึงผู้ฟังได้เพิ่มมากขึ้น อย่าง Tony Woodsome (ทักษิณ) เคยดึงผู้ฟังได้ถึงหลักหมื่น หรือหัวข้อที่ร้อนแรงที่อาจารย์ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ เข้ามาก็ดึงผู้ฟังได้หลักหมื่นเช่นกัน หากเป็นห้องการเมืองทั่วไปอาจอยู่ที่หลักพันหรือหลักร้อยคน
ตรงนี้ฝ่ายรัฐอาจยังไม่ให้ความสำคัญกับช่องทางนี้ แต่คลับเฮ้าส์ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยสร้างแนวร่วมหรือฐานเสียงได้ในระดับหนึ่งสำหรับการเลือกตั้งในครั้งต่อไป อย่างนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ก่อนหน้านี้มาเป็นแขกรับเชิญตามห้องที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยอยู่บ่อยครั้ง พูดจามีหลักการ หลายคนชื่นชอบ จนได้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่
ฐานเสียงคนรุ่นใหม่อยู่ในคลับเฮ้าส์ไม่น้อย จากการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 หากมีการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะมีฐานเสียงคนรุ่นใหม่ที่มีสิทธิลงคะแนนเพิ่มขึ้นอีกมาก ตรงนี้จึงเป็นพื้นที่ที่หลายพรรคการเมืองให้ความสำคัญเข้ามาสร้างความนิยมในคลับเฮ้าส์
ศูนย์รวมคนต้านรัฐ
ที่ผ่านมา กลุ่มการเมืองฝั่งตรงข้ามรัฐบาลใช้พื้นที่คลับเฮ้าส์แสดงความไม่เห็นด้วยในหลายเรื่อง อย่างกลุ่มม็อบต่อต้านรัฐบาลก็ใช้ตำหนิในประเด็นต่างๆ รายงานการเคลื่อนไหวของม็อบของแต่ละกลุ่ม กลุ่มราษฎรที่ทำ Car Mob ของสมบัติ บุญงามอนงค์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็รายงานสด แถมยังมีการปะทะคารมกันระหว่างคลับเฮ้าส์ของผู้ให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล กันหลายครั้ง
รวมไปถึงห้องที่พูดคุยเรื่อง 18+ ก็มีคนที่ทำ Content ที่ถูกรัฐบาลปิดกั้น Pornhub เข้ามาร่วมถล่มรัฐบาลด้วยเช่นกัน เนื่องจากพวกเขาต้องการที่จะแก้ไขกฎหมายเพื่อให้แรงงานในกลุ่มนี้สามารถทำงานได้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยประสานงานกับพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่รับเรื่องข้อเรียกร้องของพวกเขาไปพิจารณา ทำให้การเปิดห้องสนทนาแต่ละครั้งจะพาดพิงไปถึงรัฐบาลอยู่เสมอ
ฟ้องกันในคลับเฮ้าส์มีแล้ว
แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวว่า ที่ผ่านมาการฟ้องเรื่องหมิ่นประมาทในคลับเฮ้าส์ยังมีค่อนข้างน้อย แต่เคยมีบางกรณีที่เป็นกลุ่มการเมืองต่างขั้วตั้งห้องเปิดประเด็นล่อให้อีกฝ่ายหนึ่งเข้ามาต่อว่า จากนั้นมีการนำเอาคลิปการสนทนาที่พาดพิงกันนำไปฟ้องดำเนินคดีก็มีเช่นกัน
เท่าที่ทราบเคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาถึงคดีในลักษณะนี้ แม้ว่าตัวคลับเฮ้าส์จะมีข้อห้ามเรื่องการบันทึกเสียง แต่เมื่อเป็นคดีความแล้ว แม้ว่าวิธีการได้มาซึ่งหลักฐานดังกล่าวอาจขัดต่อข้อบังคับของผู้ให้บริการสื่อออนไลน์ แต่ศาลท่านก็รับฟังเนื่องจากเป็นหลักฐานสำคัญของคดี ดังนั้น คนที่คิดว่าการแสดงความเห็นในคลับเฮ้าส์ปลอดภัยนั้นอาจไม่ใช่ทุกกรณี หากท่านไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่นคงไม่มีปัญหา
ส้มปลุกกระแสลงถนน
คนที่เข้ามาฟังในคลับเฮ้าส์ห้องการเมืองบ่อยๆ คงพอจะทราบกันดีว่า แฟนคลับของเพื่อไทยกับก้าวหน้าจะเปิดห้องพูดคุยกันทุกวัน แน่นอนว่าแม้ทั้ง 2 พรรคจะเป็นฝ่ายค้านด้วยกันแต่ในทางปฏิบัติแล้วกองเชียร์ทั้ง 2 ฝ่ายมีความเห็นในบางเรื่องแตกต่างกัน ทำให้การเปิดห้องแต่ละครั้งจะมีอีกฝ่ายหนึ่งเข้ามาป่วนเสมอ จนกลายเป็นการตอบโต้กันไปมาโดยตลอด
“น้องๆ สายส้มเขาจะมีวิธีคิดแบบเด็กๆ บางครั้งก็สุดขั้ว ซึ่งตรรกะบางอย่างมันไม่สามารถใช้ได้กับสถานการณ์จริง แต่บางคนก็ดีที่พอฟังเหตุและผลแล้วเข้าใจเปลี่ยนความคิดไปเลยก็มี”
อย่างตอนนี้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าม็อบที่เคลื่อนไหวล้มล้างการปกครอง แน่นอนว่าเรื่องนี้อาจลามไปถึงบางพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม จึงเริ่มมีการปลุกกระแสเตรียมที่จะระดมพลเพื่อลงถนน มีการชักชวนมาที่สายแดงด้วยเหมือนกัน แต่ถูกปฏิเสธกลับไป ตอนนี้สายส้มเขาคิดเรื่องการลงถนนเหมือนกับม็อบในอดีต แต่คงไม่ใช่เรื่องง่ายเนื่องจากสถานการณ์ต่างกัน