นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เร่งผลักดัน MOU เพื่อนำเข้าแรงงานพม่า ลาวกัมพูชา หลังบิ๊กตู่ประกาศเปิดประเทศ ไทยต้องการแรงงาน 4-5 แสนคน จี้นายจ้างที่มีแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายกว่า 1 แสนคน ให้ดำเนินการจดทำเบียนภายใน 30 พ.ย. หลังจากนั้นจับแน่ ส่วนยอดนำเข้าอีก 3 แสนคน ต้องผ่านตามเงื่อนไข ภาคเอกชนพร้อมจ่ายค่าดำเนินการรัฐฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ฟรีทุกคน ด้านนายอดิศร เกิดมงคล ผู้ประสานงานเครือข่ายประชากรข้ามชาติ ระบุ มีแรงงานพม่าใช้เส้นทางธรรมชาติหลบเข้ามาวันละนับพันคนโดยมีนายหน้าจัดรถตู้รอรับ ชี้รัฐทำ MOU ยิ่งช้าค่าหัวนำเข้าจาก 2 หมื่น ทะลุ 3 หมื่นกว่า เพราะปัญหาภายในพม่าทำให้แรงงานและผู้ลี้ภัยทะลักเข้าไทย!
ขบวนการลักลอบนำเข้าแรงงานเถื่อนมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะการนำเข้าแรงงานพม่าที่อาศัยเส้นทางธรรมชาติตั้งแต่จังหวัดเชียงราย จนถึงจังหวัดระนอง เข้ามาในประเทศไทย แต่ละวันมีผู้ลักลอบนับพันคน ซึ่งรัฐบาลไทยคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะมีปัญหานี้เกิดขึ้นเมื่อมีการเปิดประเทศ
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ระบุว่า กระทรวงแรงงานได้เตรียมการนำเข้าแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยอย่างถูกกฎหมายภายใต้ข้อตกลง MOU กับลาว กัมพูชา และพม่า ไว้กว่า 2 เดือน ช่วงที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศกำหนดวันเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา เพราะการจะนำเข้าแรงงานต่างด้าวนั้นรัฐบาลต้องมีความพร้อมโดยเฉพาะเรื่องของวัคซีนโควิด-19 ต้องมีเพียงพอ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้พี่น้องคนไทย
“พี่น้องคนไทยได้รับวัคซีนกันแล้ว และมีเพียงพอที่จะจัดไว้สำหรับ MOU แรงงานต่างด้าวที่จะนำเข้ามาอีก 4 แสนโดส ขาดเหลือก็เติมกันได้ จึงจะเกิดความเชื่อมั่น ไม่ใช่ว่านำแรงงานต่างด้าวเข้ามาแล้วนำเชื้อโควิด-19 มาระบาดในบ้านเราก็จะเกิดปัญหาตามมา”
โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาจึงมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานความมั่นคง กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการต่างประเทศ ตรวจคนเข้าเมือง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อจัดทำรายละเอียดของ MOU เสนอเข้าที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ในวันศุกร์ที่ 12
พ.ย.นี้ และนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งคาดว่าจากนี้ไป 30 วันจะสามารถนำเข้าแรงงานตาม MOU ได้ทันที
“เราตั้งอนุกรรมการประชุม มีสภาหอฯ สภาอุตฯ ร่วมด้วย ได้มีการหารือกันจนตกผลึกว่าการทำ MOU นำเข้าแรงงาน นายจ้างยินยอมที่จ่ายค่ากักตัว ค่าตรวจ PCR ส่วนกระทรวงแรงงาน โดยนายกรัฐมนตรี ยินยอมจัดหาวัคซีนโควิด-19 ฉีดให้ฟรี เพื่อภาคเอกชนต่างๆ จะได้ฟื้นฟูกิจการที่ประสบปัญหาในช่วงโควิด-19”
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน บอกอีกว่า วัคซีนที่รัฐจัดหาให้ 4-5 แสนโดส จะใช้ฉีดให้แก่แรงงานต่างด้าวในวันสุดท้ายของการกักตัว หากแรงงานได้รับวัคซีนจากต้นทางมาแล้ว 2 เข็ม จะกักตัว 7 วัน แต่ถ้าได้รับวัคซีนมาเพียง 1 เข็ม หรือยังไม่ได้ฉีดวัคซีนต้องกักตัว 14 วัน ระหว่างกักตัวจะมีการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR จำนวน 2 ครั้ง คือวันแรกและอีก 7 วัน โดยให้นายจ้างและสถานประกอบการรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ทั้งค่าสถานที่กักตัว ค่าตรวจ RT-PCR ค่ารักษาพยาบาลกรณีแรงงานติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งได้มีการประมาณค่าใช้จ่ายนำเข้าแรงงานอยู่ที่ 9,700-26,720 บาท
จากการสำรวจความต้องการแรงงานต่างด้าวพบว่ายังขาดแคลนอยู่ประมาณ 3 แสนกว่าคนที่จะนำเข้ามา บวกกับแรงงานไม่ถูกกฎหมายที่ทำงานอยู่ในประเทศขณะนี้อีก 1 แสนกว่าคน ก็จะเพียงพอ เพราะเมื่อไทยเปิดประเทศทำให้ความต้องการแรงงานเพิ่มขึ้นตามมา โดยเฉพาะแรงงานภาคการก่อสร้าง ประมง ภาคบริการท่องเที่ยว โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น
“เรายังมีแรงงานเถื่อนที่ไม่ขึ้นทะเบียนถูกต้องอยู่ในประเทศไม่เกิน 1 แสนคน ซึ่งเราเปิดโอกาสให้นายจ้างมาดำเนินการให้เรียบร้อยตั้งแต่วันที่ 1-30 พ.ย.นี้ หากครบกำหนดไม่ขึ้นทะเบียนเราจะจับกุมดำเนินคดีแน่นอน ส่วนบริษัทไหนต้องการแรงงานเพิ่มก็ยื่นแบบฟอร์มกับบริษัทจัดหางานที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงได้”
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานย้ำว่า อยากให้แรงงานต่างด้าวอดทนรออีกนิด เพราะหากเข้ามาอยากถูกกฎหมาย หากเจ็บป่วยจะมีบัตรประกันสุขภาพได้รับการรักษาฟรีจากกองทุนประกันสังคม ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ และถ้าเทียบค่าใช้จ่ายแล้วจะถูกกว่าการลักลอบเข้ามาแบบผิดกฎหมายที่ต้องจ่ายให้บรรดานายหน้านำเข้าแรงงานเถื่อนแน่นอน
“การเปิดประเทศครั้งนี้ แรงงานตื่นตัว เพราะการเมืองภายในพม่า ทำให้พวกเขาลำบาก พยายามหลบหนี ลักลอบเพื่อเข้ามาหางานทำ ฝ่ายความมั่นคงของไทยก็ตรึงกำลัง ถ้าจับได้ส่งกลับทุกคน ซึ่งเมื่อเราทำ MOU ต้องขอฝ่ายความมั่นคง จะเป็นการอนุญาตเป็น case by case เปิดด่านรับเข้ามา เพราะทุกวันนี้ด่านปิดทั้งหมด”
ด้านนายอดิศร เกิดมงคล ผู้ประสานงานเครือข่ายประชากรข้ามชาติ บอกว่า ปัจจุบันยังมีการลักลอบนำเข้าแรงงานผิดกฎหมายโดยเฉพาะแรงงานจากพม่าจะมากที่สุด มีการลักลอบโดยผ่านเข้ามาทางเส้นทางธรรมชาติตลอดแนวชายแดนไทย-พม่า ตั้งแต่เชียงรายถึงระนอง เป็นจุดๆ ไป ซึ่งจากข้อมูลที่ได้รับมาแต่ละวันเป็นจำนวนนับพันคน โดยเป็นผลมาจากความต้องการแรงงานจากฝั่งไทย ที่มีการเปิดประเทศทั้งแรงงานก่อสร้าง โรงงาน ภาคบริการ โรมแรม แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เป็นต้น รวมทั้งจากสถานการณ์การเมืองภายในประเทศของพม่าทำให้คนเหล่านี้ทะลักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจึงต้องมีมาตรการเพื่อรองรับการทะลักเข้ามาของแรงงานต่างด้าวที่กระทรวงแรงงานกำลังดำเนินการเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อให้แรงงานเข้ามาอย่างถูกกฎหมายและเป็นการป้องกันปัญหาโควิด-19 ที่จะนำเข้ามาระบาดในไทยได้ด้วย
อีกทั้งรัฐบาลต้องมีมาตรการคัดกรองคนที่จะเข้ามาตามชายแดนที่มีอยู่ 2 กลุ่มให้ชัดเจน คือกลุ่มที่เข้ามาเพื่อทำงาน และกลุ่มที่เข้ามาจากสถานการณ์การเมืองต้องสกรีนให้ชัดตั้งแต่ที่ด่านชายแดน เพราะถ้าเข้ามาเพื่อลี้ภัยทางการเมืองต้องให้ความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมกับพวกเขา
“แรงงานพม่าที่ลักลอบเข้ามาประเมินกันว่า 60% จะเป็นแรงงานเดิมที่กลับบ้านในช่วงการระบาดโควิด-19 มีการปิดกิจการ ส่วน 40% เป็นคนใหม่ที่ต้องการมาทำงานในไทย ช่วงนี้แรงงานผิดกฎหมายต้องเสียค่าใช้จ่ายแพงกว่าเดิม ที่จ่ายกันประมาณ 2 หมื่นกว่า เป็นตัวเลขปลายเดือนตุลาคม เชื่อจะแพงกว่านี้อีก เป็นเรื่องที่นายจ้างที่ต้องการแรงงานเป็นคนจ่ายแล้วค่อยมาหักทีหลังก็ได้อยู่ที่ตกลงกัน แต่ที่นายหน้าขยับราคาเพื่อให้คุ้มกับความเสี่ยงหากถูกจับได้”
ผู้ประสานงานเครือข่ายประชากรข้ามชาติ ย้ำว่า จริงๆ ถ้าแรงงานดังกล่าวเข้ามาแบบถูกกฎหมายจะเสียค่าใช้จ่ายต่างๆ ประมาณหมื่นต้นๆ และไม่เกิน 2 หมื่น แต่ปัญหาที่ทำให้เกิดการลักลอบเข้ามานั้นเป็นเพราะการเข้าแบบถูกกฎหมายไม่สามารถควบคุมราคาได้ ต้องมีการจ่ายเบี้ยบ้ายรายทางเกิดขึ้น ทำให้พวกเขาเลือกเข้ามาแบบผิดกฎหมายแทน
ดังนั้น หากกระทรวงแรงงานจัดทำเรื่องนำเข้าแรงงานต่างด้าวถูกกฎหมาย โดยมีการกำหนดราคาชัดเจน เชื่อว่าแรงงานเหล่านี้จะเลือกเข้ามาแบบถูกกฎหมายมากกว่า เพราะพวกเขาไม่ต้องมาเสี่ยงหลบๆ ซ่อนๆ หรือถูกดำเนินคดีหากจับได้ แต่ทั้งนี้ต้องดูด้วยว่าค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากมาตรการกักตัว การตรวจโควิด-19 ต่างๆ จะสามารถได้ข้อสรุปอย่างไร และภาคเอกชนรับได้หรือไม่? ในท่ามกลางสถานการณ์ในพม่าที่กำลังเผชิญอยู่ และแรงงานต่างๆ ก็พร้อมที่จะหลบหนีเข้าไทยเช่นกัน
“สิ่งต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นเริ่มไม่ดี ส่งผลกระทบเศรษฐกิจ การจ้างงานภายในพม่าไม่มี ส่วนบรรดานายหน้านำเข้าแรงงานก็วิ่งกันคึกคักอีกแล้ว ทำให้มีการลักลอบสูงขึ้นมาก ตัวเลขการจ่ายต่อหัวจะขยับไป 3 หมื่นกว่าบาท เพราะหากคนเหล่านี้ผ่านเส้นทางธรรมชาติมาได้จะมีรถตู้มาคอยรับส่งเข้ามาตามที่นายจ้างฝ่ายไทยติดต่อไป”
อย่างไรก็ดี เพื่อไม่ให้ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาในการลักลอบนำเข้าแรงงานที่จะเกิดขึ้นตามมา ทั้งจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และปัญหาการค้ามนุษย์ รัฐจึงต้องเร่งทำ MOU เพื่อให้แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานอย่างถูกกฎหมายโดยเร็วที่สุด!