xs
xsm
sm
md
lg

ศึกใน พปชร.พร้อมปะทุ ‘บิ๊กป๊อก’ เสธ.ตัวจริงดัน ‘3ป.’ กินรวบ ‘ธรรมนัส’ กลืนเลือด!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศึกในพรรคพลังประชารัฐยังคุกรุ่นรอวันแตกหักหาก ‘บิ๊กตู่’ ไม่ยอมกลืนน้ำลายตัวเองคืนเก้าอี้ 2 รมช.เหมือนที่คืนอำนาจให้ ปชป. ชี้บิ๊กป๊อก เป็นตัวร้ายทำให้พรรคแตกร้าว และพี่ใหญ่กับน้องเล็กต้องบาดหมางใจกัน ด้านคนวงในระบุนักการเมืองเข้าใจผิด ความจริง ‘3 ป.’ รับส่งลูกเหมือนเล่นรักบี้เพื่อกุมอำนาจเหนือนักการเมือง ส่วนบิ๊กป๊อก คือ เสนาธิการ วางกลไกให้ ‘บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่’ เดิน แนะอย่าบีบ ‘บิ๊กตู่’ ต้องยุบสภา แจงเกมนี้คนมีอำนาจแท้จริง คือ ‘3 ป.’ ไม่ใช่ผู้กองธรรมนัส จับตาถึงวันต้องเลือก 3ป.จะเดินกอดคอทิ้งให้ผู้กองธรรมนัส ลอยคออย่างโดดเดี่ยว หรือผู้กองธรรมนัสจำต้อง ‘กลืนเลือด’ อยู่ในพรรคต่อไป!

ต้องจับตากันต่อไปว่าศึกภายในพรรคพลังประชารัฐ ระหว่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค พปชร. และส.ส.บางกลุ่ม กับพี่น้อง ‘3 ป’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พปชร. ในฐานะพี่ใหญ่ของ 3 ป. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย หรือบิ๊กป๊อก และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม รวมทั้งการเข้ามาของ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หรือบิ๊กน้อย ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ใกล้จะถึงจุดสมานฉันท์และต้องอยู่ร่วมกันเหมือนก่อนเกิดเหตุการณ์ ‘บิ๊กตู่’ สั่งปลดผู้กองธรรมนัส พร้อม ‘คู่หู’ อย่างนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน หรืออดีตโฆษกบิ๊กอาย แบบฟ้าผ่า

หรือจะเข้าสู่จุดแตกหักที่บิ๊กตู่ ดูเหมือนจะพร้อมที่จะก้าวออกไปร่วมนำทัพพรรคใหม่ที่บิ๊กป๊อก และนายฉัตรชัย พรหมเลิศ หรือปลัดฉิ่ง อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยที่เพิ่งจะเกษียณอายุไปเมื่อ 30 ก.ย.นี้ ดำเนินการจัดตั้งไว้แล้ว


แต่ข้อเท็จจริงที่กำลังเกิดขึ้นนั้นแหล่งข่าวทางทหารได้สะท้อนให้เห็นว่า ปัญหาทั้งหมดเกิดจากความหวาดระแวงด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย คือทั้งบิ๊กตู่ และผู้กองธรรมนัส โดยบิ๊กตู่ เชื่อว่าโอกาสที่เขาจะถูกแทงข้างหลังเหมือนเหตุการณ์อภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา ขณะที่ผู้กองธรรมนัส เชื่อว่า ตัวเขามีดีและมีศักยภาพที่จะเติบโตทางการเมืองสร้างพรรค พปชร.ให้ยิ่งใหญ่ได้ ไม่ใช่เป็นแค่ รมช.เกษตรและสหกรณ์เพียงเท่านั้น รวมทั้งเสียงเป่าหูของคนในแวดวงการเมืองทำให้ผู้กองธรรมนัส เกิดอาการฮึกเหิมได้เช่นกัน

“ผู้กองธรรมนัส และ ส.ส.ที่หนุนผู้กอง คิดว่าเมื่อ 3 ป.เคลียร์กันแล้ว ทั้งก่อนปลดและหลังปลดที่มีบิ๊กน้อย ร่วมด้วยภายหลัง ทุกอย่างก็ควรจะจบ เขาต้องการให้ตั้งผู้กองและอาจารย์แหม่มกลับคืน แต่ทำไมบิ๊กตู่ไม่ยอมจบ ไม่ทำตาม”


หากจะถามว่าบิ๊กตู่ เกรงว่าการจะตั้ง 2 รมช.กลับคืนนั้น เป็นการกลืนน้ำลายตัวเองใช่หรือไม่? ในมุมการเมืองและการบังคับบัญชาทางการทหารมีความเห็นที่แตกต่างกัน ในทางการเมืองจะมองว่าเมื่อหัวหน้าพรรค พปชร.ไปเคลียร์แล้วก็ควรจะจบ สิ่งที่บิ๊กตู่ทำพลาดไปแล้วก็ควรรับผิดชอบ และรีบตั้งทั้ง 2 กลับเข้ามาเพื่อช่วยงานรัฐบาล

“การเมืองคิดว่ากรณีประชาธิปัตย์ นายกฯ ทำพลาดไปยังคืนงานกรมต่างๆ ในกระทรวงเกษตรฯ ให้ประชาธิปัตย์ได้ แต่ทำไมตั้งผู้กองกับอาจารย์แหม่มกลับคืนไม่ได้”


นอกจากนี้ นักการเมืองในพรรค พปชร.ยังคิดต่อไปอีกว่า บิ๊กตู่ กับบิ๊กป๊อก ยังเดินหน้าผลักดันพรรคการเมืองใหม่ที่มีปลัดฉิ่ง เท่ากับว่า ทั้ง 2 ป.ไม่เคยมีความจริงใจและแทงกั๊กพรรค พปชร.มาตลอดทั้งๆ ที่ควรร่วมกันผลักดันให้พรรคแข็งแกร่งขึ้นจึงจะถูกต้อง

นี่คือสิ่งที่ ส.ส.พยายามบอกกันมาตลอดและสืบหาตัวผู้ที่ใส่ไฟให้บิ๊กตู่ รังเกียจ และพยายามแบ่งแยกและปกครองภายในพรรค เพื่อสร้างความแตกแยกมาตลอด รวมทั้งคำสั่งปลดผู้กองธรรมนัส และอาจารย์แหม่ม ต่างเชื่อว่าเป็นฝีมือของบิ๊กป๊อกโดยตรง

“เชื่อกันว่าบิ๊กป๊อก เป็นต้นเหตุของการสร้างบาดแผลที่ร้าวลึกในพรรค ทั้งแผลเก่าและแผลใหม่ บิ๊กป๊อก นั่งเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย ในโควตาของพรรคแต่ไม่เคยให้ความสำคัญกับพรรคและสมาชิกพรรค ไม่สนใจ ส.ส. ไม่เข้าประชุมในพรรค คนในพรรคจึงอยากให้เปลี่ยนรัฐมนตรีมหาดไทย แต่นายกฯ ไม่เคยทำ ปกป้องมาตลอด ก็อุ้มกันอยู่ตลอดมาจนทุกวันนี้”

แหล่งข่าวย้ำว่า ส.ส.ในพรรคตั้งข้อสังเกตว่ากระทรวงมหาดไทยเป็นกระทรวงใหญ่ที่มีบทบาทใกล้ชิดกับประชาชน หากพรรคเปลี่ยนรัฐมนตรี อาจจะทำให้การช่วยเหลือประชาชนเป็นไปได้ดีขึ้น เพราะต้องไม่ลืมว่าข้าราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นแขนขาที่สำคัญจะช่วยให้พรรคพลังประชารัฐชนะเลือกตั้งได้แน่นอน ทำให้ผู้กองธรรมนัส และ ส.ส.ต่างเชื่อกันว่า ผู้กองธรรมนัส เหมาะที่จะนั่งเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยที่สุด

“ถึงขั้นให้บิ๊กป้อม เสนอบิ๊กตู่ ปลดบิ๊กป๊อก โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้วบิ๊กป๊อกและบิ๊กตู่ เขาร่วมมือทำงานกันอย่างไร อยากจะบอกว่านักการเมืองคิดผิดว่า บิ๊กป๊อกเป็นตัวปัญหาที่ทำให้พี่ใหญ่กับน้องเล็กของ 3 ป.ต้องแตกกัน แต่จริงๆ ทั้ง 3 คน รู้ใจกันมากและแยกกันเดิน บิ๊กป้อม เป็นคนใจดีทำให้ ส.ส.สบายใจก็ทำไป เพราะนี่เป็นวิธีการเดียวที่ทหารเชื่อว่าจะเอานักการเมืองให้อยู่หมัด”

ขณะเดียวกัน ได้บิ๊กน้อย เข้ามาร่วมสร้างความแข็งแกร่งในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค เพราะรู้ว่าคนที่จะคุมผู้กองธรรมนัสได้ดีที่สุดคือ บิ๊กน้อย ซึ่ง 3ป. และบิ๊กน้อย เขามีการพูดคุยหารือกันตลอด ส.ส.บางคนอาจจะคิดว่าบิ๊กป๊อกและบิ๊กน้อย เคยมีปัญหาในอดีตจากการที่บิ๊กป๊อกไม่เสนอบิ๊กน้อยซึ่งเป็น ตท.รุ่น 11 รับไม้ต่อในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก แต่กลับเสนอบิ๊กตู่ ที่เป็น ตท.12 ขึ้นแทน

“เรื่องนี้ทหารไม่ติดใจอะไรกันหรอก และทั้ง 4 คนเคยอยู่ด้วยกันตั้งแต่เป็นนายร้อยที่ค่ายปราจีนบุรี เขาลึกซึ้งเกินกว่าคนวงนอกจะเข้าใจ ซึ่งนายทั้ง 4 คนเดินงานการเมืองโดยไม่ต้องมีสคริปต์ ไม่ต้องซ้อม แต่จะรับลูกส่งลูกกันแบบไม่มีติดขัด เหมือนกำลังเล่นรักบี้ในสนาม ขอให้เชื่อเลือดทหารของพวกเขาข้นกว่าน้ำแน่นอน จึงไม่มีทางแตกแยก พี่ใหญ่ก็คุมพรรคให้อยู่ ได้บิ๊กน้อยเข้ามาช่วย เพราะบิ๊กน้อยมีบารมีไม่ต่างจากบิ๊กป้อมหรอก”


สิ่งสำคัญที่สมาชิกพรรค พปชร.อาจต้องทำความเข้าใจใหม่ เพราะความจริงแล้ว พล.อ.อนุพงษ์ นั้นทำหน้าที่เสนาธิการให้บิ๊กป้อม และบิ๊กตู่ และวางกลไกให้ข้าราชการประจำเป็นคนขับเคลื่อนในทุกๆ นโยบาย และเมื่อบิ๊กป๊อก กำหนดแนวทางยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีอะไรก็ตาม จะไม่มีการแถลงข่าว หรือให้ ส.ส.ในพรรครู้ แต่เขาจะหารือ พูดคุยกันในวง 3 ป.หรือนำเสนอนายกฯ เพราะให้นายกฯ ไปดำเนินการผลักดัน ส่วนถ้าเกี่ยวข้องกับพรรค บิ๊กป้อม จะเป็นผู้ดำเนินการในพรรคทั้งสิ้น

“ทหารเขาจะรู้ว่าบทบาทหน้าที่อยู่ตรงไหน ‘นาย’ ต้องได้รับความสำคัญอันดับหนึ่ง ใน ครม.นาย ก็คือบิ๊กตู่ ส่วนในพรรค นาย ก็คือบิ๊กป้อม เมื่อบิ๊กป๊อก เป็นเสธ. วางกลยุทธ์ให้ เรื่อง Implementation ก็เป็นเรื่องของนาย แต่ละสายงานไปออกนโยบายต่อไป แล้วบิ๊กป๊อก จะรับนโยบายจากนายกฯ มาสั่งปลัดมหาดไทยซึ่งเป็นผู้ดำเนินการเช่นกัน”

สำหรับวิธีการทำงานของบิ๊กป๊อกนั้น คนที่ทำงานใกล้ชิดไม่ว่าจะเป็นทหาร หรือคนในกระทรวงมหาดไทย จะรู้ว่า บิ๊กป๊อกฉลาดมากๆ สุขุมลุ่มลึก นิ่ง จะคิดก่อนพูด ไม่ล้วงลูก หรือทำงานล้ำเส้นใคร และเลือกจะเดินไปตามเกมของคนเป็นนายซึ่งหมายถึงบิ๊กตู่

“ถ้ารู้จักลึกซึ้งจะรู้ว่าบิ๊กป๊อก เป็นคนใช้อำนาจได้เนียนมากผ่านปลัด เช่น จะตั้งใครให้เป็นอำนาจปลัด แต่อยากได้คนนี้ก็มีวิธีจัดการและรู้จักเฉลี่ยเก้าอี้เพื่อไม่ให้ข้าราชการอึดอัด หรือที่บิ๊กป๊อกไม่ไปพรรค ส.ส. ต้องรู้ว่าเมื่อบิ๊กตู่ไม่ไป บิ๊กป๊อกจะไปทำไม ซึ่งถ้าบิ๊กตู่ไม่ไป แล้วบิ๊กป๊อกไปสิ บอกเลยงานเข้ากันแน่ ถึงบอกว่าบิ๊กป๊อกจะเดินตามนายอย่างเดียว”

ส่วนที่ ส.ส.หรือสมาชิกพรรค พปชร.ไม่ชอบบิ๊กป๊อก นั้นส่วนหนึ่งเกิดจากการขออะไรบิ๊กป๊อกแล้วไม่เคยได้ ไม่ว่าจะเรื่องการวิ่งเต้นโยกย้ายข้าราชการ หรือของาน แต่บิ๊กป๊อกเลือกใช้วิธีบอกเพียงสั้นๆ ว่าเขาไม่มีอำนาจ เป็นเรื่องของปลัดกระทรวง คือพูดง่ายๆ บิ๊กป๊อกไม่ทำให้ยกเว้นคนที่เขาเรียกว่า ‘นาย’ บอกมาเท่านั้น

ดังนั้น การที่ปลัดฉิ่ง มาตั้งพรรคการเมืองก็ไม่ใช่เรื่องผิดที่จะเสนอความคิดโดย บิ๊กป๊อกในฐานะเสธ.วางยุทธศาสตร์ ซึ่งบิ๊กตู่ ต้องเป็นคนเคาะลงมา เมื่อเห็นชอบตามนั้น บิ๊กป๊อก ก็ต้องมาสั่งการให้ปลัดฉิ่งดำเนินการตามที่ ‘นาย’ ต้องการ

“3 ป. เห็นว่านักการเมืองในพรรคกำลังจะเล่นเขา จึงเตรียมตั้งพรรคสำรองไว้ เพราะไม่ไว้ใจนักการเมืองจะเล่นเกมนี้อีกหรือไม่ เขาต้องมีพรรคใหม่ไว้เตือนความจำนักการเมืองในพลังประชารัฐไว้ด้วย แต่ถ้าสามารถอยู่กันได้ เรื่องพรรคใหม่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็แค่เรื่องของการตั้งพรรคใหม่รองรับเท่านั้น”


อย่างไรก็ดี การตั้งพรรคสำรองไว้นั้น 3 ป.เชื่อว่าเป็นการกำราบพรรค พปชร.ได้เป็นอย่างดี หลายคนอาจจะมองว่าเป็นพรรคใหม่ แต่ต้องไม่ลืมว่ากลไกสำคัญที่สุดของการเลือกตั้ง คือการได้ข้าราชการเป็นมือเป็นไม้ ซึ่งวันนี้ 3 ป.ได้วางทุกอย่างไว้พร้อม ไม่ว่าจะเป็น ข้าราชการตำรวจ ทหาร มหาดไทย

“กลไกทหาร ตำรวจ มหาดไทย ไปได้ลึกในพื้นที่ต่างๆ เขารู้ว่าใครเป็นหัวคะแนนใคร ก็จะใช้วิธีการบล็อกไม่ให้ขยับ แค่นี้ในทางการเมืองก็ลำบากแล้ว หากผู้กองธรรมนัส คิดว่าเจ๋งกว่า ต้องรู้ต่ออีกว่าคนที่จะทำได้ต้องมีโครงสร้างอำนาจอยู่ในมือ แต่วันนี้ผู้กองธรรมนัส มีอะไร จะบอกว่ามีเงิน มีหัวคะแนน ก็ต้องสู้กัน ส่วน 3 ป.มีอำนาจอยู่ในมือสมบูรณ์ตามกฎหมาย”


อีกทั้งการจะตั้งพรรคใหม่และพร้อมจะสู้ศึกเลือกตั้งได้นั้นต้องยอมรับว่าเงินเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ผ่านมา เงินที่ใช้ในการตั้งพรรคจะมาจาก 2-3 ทาง คือในระหว่างมีอำนาจจะมาจากงบประมาณรัฐที่ใส่ลงไปเพื่อช่วยเหลือประชาชน หรือเงินที่ได้จากการหักเปอร์เซ็นต์จากโครงการและเงินจากนายทุนจากบรรดาเจ้าสัวต่างๆ ร่วมสนับสนุนพรรค

“ตอนนี้ปล่อยข่าวลือกันว่าเงินกองกลางตั้งพรรคปลัดฉิ่ง มีเรียบร้อยแล้ว และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายทุนของพรรค พปชร.และพรรคปลัดฉิ่ง เป็นคนเดียวกัน ได้พูดคุยกันพร้อมแล้ว”

แหล่งข่าวบอกอีกว่า ปัจจุบันสถานการณ์ทางการเมืองไม่ค่อยจะปกติ อาจจะมีอุบัติเหตุให้เกิดการยุบสภาได้ทันทีเช่นกัน แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะมีอำนาจในการยุบสภาหรือไม่ต้องการจะยุบสภาแต่ต้องการจะอยู่ครบเทอมก็ตาม หากปัญหาในพรรค พปชร.ไม่สามารถเคลียร์หรือหาข้อยุติได้ ซึ่งหมายรวมถึงการจัดการคลื่นใต้น้ำที่ต้องการผลักดันให้ผู้กองธรรมนัส และอาจารย์แหม่ม กลับไปมีตำแหน่งใน ครม.ได้สำเร็จ นั่นหมายถึงโอกาสในการกบฏของ ส.ส.ในพรรคพร้อมจะเกิดขึ้นได้เช่นกันในการประชุมรัฐสภาในโอกาสต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ทีมงานของ 3 ป.เฝ้าติดตามและเก็บข้อมูลไว้พร้อม


“3ป.และบิ๊กน้อย เชื่อว่าสถานการณ์ในพรรคยังวางใจไม่ได้ จึงต่างช่วยกันลงพื้นที่หาเสียง หากเกิดการบีบบิ๊กตู่จนไม่มีทางเลือก บิ๊กตู่ก็อาจจำเป็นต้องยุบสภาในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ ถึงตอนนั้นจะรู้ว่า 3 ป.มีทางออกอย่างไร”

โดยบรรดา ส.ส.เชื่อหากยุบสภาช่วงนั้นจะใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว พรรค พปชร.จะยังคงได้เปรียบ พรรคใหม่ของปลัดฉิ่ง ไปไม่รอดแน่นอน และตั้งข้อสังเกตว่าบิ๊กตู่ ยังจะเลือกไปอยู่พรรคปลัดฉิ่ง หรือจะอยู่พรรค พปชร.ที่มีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน เพียงแต่ว่าจะไม่ให้มีคนชื่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เข้ามาร่วมเท่านั้น

“อย่าประมาท 3 ป.เป็นพลเอกกันทุกคน ยังมีบิ๊กน้อย ก็พลเอก เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ปลัดเก่ง (สุทธิพงษ์ จุลเจริญ) ที่เพิ่งมารับตำแหน่งต่อจากปลัดฉิ่ง มีกระแสว่าจะช่วยผู้กองธรรมนัส จะมีการโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 ที่เป็นคนของปลัดฉิ่งออกไป แต่สุดท้ายมาเคลียร์กับบิ๊กป๊อก ทุกอย่างจบได้ดี ยังคงช่วยบิ๊กตู่เหมือนเดิม”




ปัจจุบันแม้ความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐจะยังไม่สงบและทุกฝ่ายต่างเดินหน้าหาเสียงเพื่อช่วงชิงฐานคะแนนเสียงในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า เมื่อวันนั้นมาถึงก็ต้องดูกันต่อไปว่าในที่สุด ‘3 ป.’ จะยังคงร่วมกอดคอกันเดินและปล่อยให้ผู้กองธรรมนัส ลอยคอกลายเป็นผู้โดดเดี่ยว หรือผู้กองธรรมนัส จะเลือกกลืนเลือดเพื่ออยู่ พปชร.ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป

“อีกไม่นานจะพิสูจน์ชัดว่าเมื่อร้อยเอกคิดจะสู้กับ 3 พลเอกและเสริมอีก 1 พลเอก คือ บิ๊กน้อย จุดจบจะเป็นเช่นไร!?” นายทหารที่เคยร่วมงานกับทั้ง 3 ป.ย้ำ!




กำลังโหลดความคิดเห็น