xs
xsm
sm
md
lg

ปฏิบัติการ “แดงกลืนส้ม” ไม่ง่าย ก้าวหน้าหนุนหันชูทะลุแก๊ส

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คนการเมืองเฉลยทำม็อบคือการหาเสียงอีกรูปแบบหนึ่ง ตอกย้ำมวลชนที่คิดตรงกันให้นึกถึงแต่พรรคการเมืองที่หนุนไม่จำเป็นต้องไล่ "ประยุทธ์" สำเร็จ เลี้ยงกระแสไว้ให้ถึงการเลือกตั้งรอบหน้า ที่ผ่านมา มีความพยายามสวมม็อบ “แดงกลืนส้ม” แต่ไม่สำเร็จ เหตุคนละเนื้อ คนละฐานความคิด แถมเพื่อไทย-ก้าวไกลหักกันหลายเรื่อง เมื่อม็อบ 3 นิ้วแผ่ว คณะก้าวหน้าเบนเข็มชูทะลุแก๊ส

ม็อบที่เรียกร้องประชาธิปไตยขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ มีมาตั้งแต่ปี 2563 ขับเคลื่อนโดยกลุ่มนักศึกษาและเยาวชน ด้วยชื่อเยาวชนปลดแอก คณะราษฎร แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม Redem กลุ่มทะลุฟ้า ตามมาด้วยทะลุแก๊ส ที่สามเหลี่ยมดินแดง และกลุ่มของนายสมบัติ บุญงามอนงค์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในนาม Car Mob

เป็นที่รู้กันในวงการคนทำม็อบว่า การขับเคลื่อนม็อบต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อยในการออกกิจกรรมแต่ละครั้ง นายทุนส่วนใหญ่ คือ ผู้ที่จะได้รับประโยชน์หากการเคลื่อนไหวม็อบสามารถทำได้สำเร็จตามข้อเรียกร้อง แน่นอนว่าการลงทุนในรูปแบบนี้ไม่มีอะไรการันตีความสำเร็จ การเติมเงินต้องมีอยู่ตลอดเวลา ยิ่งนานยิ่งต้องใช้เงินเยอะ ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าของเงินจะสู้ได้มากน้อยแค่ไหน และพอใจกับเป้าหมายแค่ไหน

แกนนำม็อบที่มีความเสี่ยงจากการถูกดำเนินคดี ผลตอบแทนที่เขาจะได้รับย่อมต้องคุ้มค่ากับความเสี่ยง นี่ถือเป็นเรื่องที่คนในวงการนี้รู้กันดี คำว่าผลตอบแทนอาจไม่ได้หมายถึงเรื่องตัวเงินเพียงอย่างเดียว อาจหมายถึงเป้าหมายหลักที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือต้องการให้เกิดการรับรู้ในวงกว้างก็ได้เช่นกัน

แฉก้าวไกล-เพื่อไทยหนุนม็อบ


เรื่องแบบนี้ไม่มีฝ่ายการเมืองรายใดออกมาบอกหรือยอมรับว่าเป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านเงินแก่ม็อบ เพราะมีความเสี่ยงเรื่องกฎหมาย จนอาจถูกยุบพรรคได้ ส่วนทุนจากเอกชนที่ให้การสนับสนุนต่างก็รู้กันเฉพาะระดับแกนนำเท่านั้นว่ามีรายใดบ้าง

แต่ช่วงที่ผ่านมา กลับมีคนดังที่เกี่ยวข้องกับม็อบขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้ออกมาโพสต์ถึงพรรคการเมืองที่ให้การสนับสนุนม็อบครั้งนี้ คนแรกนายไชยอมร แก้ววิบูลพันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะบอททอมบลูส์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “สำหรับผมการเรียกร้องครั้งนี้มันมีค่ามากกว่า ผลประโยชน์นานาประการ โควตา ส.ส. ที่ใช้ในการประกันตัว ต้องยกให้ก้าวไกล แต่ก้าวไกลก็ขี้เหนียว กลับกันเป็นเพื่อไทยที่สู้ไปกราบไป ที่คอยสนับสนุนเงินทุนบ้าง”

ต่อมา เฮียบุ้ง นายปกรณ์ พรชีวางกูร ผู้ที่ดูแลเรื่องงานสนับสนุนของม็อบ 3 นิ้ว โพสต์ข้อความถึงพรรคเพื่อไทย “เพื่อไทยไม่ควรทำการเมืองกล้าๆ กลัวๆ ไม่ต้องกลัวว่ามาแตะม็อบแล้วจะโดนยุบอะไรหรอก ถ้าโดนยุบเพราะต่อสู้ ยังไงพวกเราก็เลือกแน่ เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เคยสนับสนุนอะไรในการต่อสู้มาเยอะเยอะ แต่ไม่เคยประกาศออกสื่ออะไรใดๆ ทุกๆ ครั้ง เลือกที่จะวางเอาไว้เงียบๆ แล้วเดินออกไป แต่มันไม่ใช่ ถ้าคุณจะเอาเสียงคนรุ่นใหม่ ซึ่งมันมีหลายล้าน แล้วเสียงกลุ่มนี้ทั้งหมดอยู่ในม็อบ คุณก็ต้องปล่อยหมัดโปรโมตตัวเองบ้าง”

เป็นอันว่าคนในม็อบออกมาเปิดเผยกันเองว่า มีพรรคการเมืองใดบ้างที่ให้การสนับสนุนม็อบ 3 นิ้ว


มองม็อบชนะยาก

คนที่ผ่านประสบการณ์ทำม็อบขับไล่รัฐบาล จะอ่านสถานการณ์ออกว่าโอกาสของม็อบไปต่อได้แค่ไหน ทุนที่สนับสนุนม็อบขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ก็อ่านออกว่าโอกาสชนะมีน้อย เนื่องจากสถานการณ์โดยรวมยังไม่สุกงอม ความบกพร่องของรัฐบาลในการบริหารบ้านเมืองยังไม่เด่นชัด

ส่วนตัวมองว่าม็อบออกมาเร็วเกินไป โดยออกมาเคลื่อนไหวหลังจากพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ออกมาปลุกมวลชนที่สกายวอล์ก จึงยากที่จะปฏิเสธได้ว่าใครให้การสนับสนุนม็อบของเยาวชน อีกทั้งนายพริษฐ์ ชีวารักษ์ หรือเพนกวิน ในวันดังกล่าวก็อยู่ด้านหลังของนายธนาธร

เมื่อการเคลื่อนไหวบนท้องถนนถูกส่งต่อให้กลุ่มนักศึกษา พวกเขาไม่ได้ต้องการแค่ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก ยังต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องอำนาจของวุฒิสภา และไกลถึงเรื่องปฏิรูปสถาบันเบื้องสูง สอดคล้องกับแนวคิดของบุคคลระดับแกนนำในคณะก้าวหน้า ที่เสนอแนวคิดเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เสมอมา ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายความรู้สึกของคนไทยเป็นอย่างมาก ผลที่ตามมาคือการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น ทำเอาพรรคก้าวไกล (อนาคตใหม่) พ่ายเรียบในทุกสนาม

ทำม็อบ=หาเสียง

ข่าวที่ทำอยู่ในแวดวงทำม็อบกล่าวว่า การทำม็อบในบางครั้งไม่ได้เน้นที่ชัยชนะ หรือไม่จำเป็นต้องไล่รัฐบาลออกไปให้ได้เสมอไป ขึ้นอยู่กับโจทย์ สถานการณ์ และคนวางเกมว่าต้องการแค่ไหน เป้าที่แท้จริงคืออะไร

ในทางการเมืองแล้วม็อบคือการหาเสียงอีกรูปแบบหนึ่ง ข้อเรียกร้องของม็อบย่อมตรงกับความรู้สึกของฐานมวลชนที่เห็นด้วย ก่อนหน้านี้ มีม็อบต่อต้านรัฐบาลจากนักการเมืองฝ่ายค้าน เป้าหมายเพื่อบีบให้มีการคืนอำนาจเลือกตั้งกันใหม่ ขณะเดียวกัน ตัวม็อบยังเป็นการสร้างกระแสให้คนในสังคมเห็น พร้อมๆ กับปลุกฐานเสียงของพรรคที่พร้อมสนับสนุนให้ลุกขึ้นมาลงคะแนน เราจึงได้เห็นชัยชนะที่ถล่มทลาย พรรคนั้นสามารถเข้ามาจัดตั้งเป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้

เรื่องแบบนี้ไม่มีสูตรสำเร็จ ต้องปรับเปลี่ยนไปตามหน้างาน เป้าหมายก็อาจเปลี่ยนไปได้เช่นกัน ขึ้นกับทุนว่าพอใจกับผลที่ได้แค่ไหน


เต้น-สวมม็อบ?

ม็อบของกลุ่มนักศึกษาที่เคลื่อนไหวมาตั้งแต่ปี 2563 เกิดขึ้นบนสถานการณ์ที่ไม่สุกงอม ข้อเรียกร้องบางประการยากต่อการปฏิบัติ รวมถึงพฤติกรรมของแกนนำและมวลชนที่มองคนเห็นต่างเป็นศัตรู จึงไม่สามารถจูงใจให้คนส่วนใหญ่เห็นด้วยได้ ทำให้ม็อบต้องถูกลากยาวมาเป็นปี หาทางลงไม่ได้ อีกทั้งนายทุนเองก็ยังไม่ยอมเลิก แม้แกนนำม็อบจะถูกดำเนินคดีเกือบทั้งหมด

เมื่อไม่สามารถขับไล่รัฐบาลได้ พวกเขาจึงหวังเพียงทำให้รัฐบาลขาดความชอบธรรมจากการบริหารงานทั้งเรื่องการแก้ปัญหาโควิด-19 และสถานการณ์น้ำท่วม เพื่อหวังให้เกิดการเลือกตั้งเร็วขึ้น และใช้สถานการณ์ของม็อบเป็นตัวสร้างประโยชน์ด้านคะแนนเสียง

จะเห็นได้ว่าเมื่อแกนนำของม็อบนักศึกษาถูกดำเนินคดี ไม่สามารถออกมานำการเคลื่อนไหวได้ พลังของม็อบอ่อนลงไปอย่างมาก จากเดิมที่นัดชุมนุมแทบจะทุกวัน กลายมาเป็นเว้นระยะชุมนุมและห่างออกไปเรื่อยๆ ล่าสุดคือเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายน

ในช่วงที่ม็อบเยาวชนกลุ่มหลักว่างเว้นไป ยังคงมีอยู่กลุ่มหนึ่งที่เคลื่อนไหวต่อเนื่อง คือกลุ่มทะลุฟ้า สายของไผ่ ดาวดิน พร้อมๆ กับการเกิดม็อบอิสระที่สามเหลี่ยมดินแดงที่เรียกกันภายหลังว่ากลุ่มทะลุแก๊ส

ระหว่างนี้มีกลุ่มของนายสมบัติ บุญงามอนงค์จับมือกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จัด Car Mob เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยเช่นกัน ยึดแนวทางสันติวิธี ไม่ปะทะ ไม่บวก และสามารถดึงเอาทีมงานบางส่วนของม็อบเยาวชนเข้าร่วมขบวนด้วย เช่น ทะลุฟ้าและทีมอื่นๆ บางส่วน แม้จะรวบรวมคนได้ระดับหนึ่ง แต่พลังในการขับเคลื่อนยังไม่มากนัก

มีความพยายามที่จะดึงมวลชนสีส้มเข้ามาร่วมสีแดง ทั้งความช่วยเหลือด้านโรงพยาบาล โครงการอบรมเยาวชนที่น้องๆ สีส้มเข้ามาอบรมกันไปไม่น้อย แต่ยังไม่สามารถดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาได้

ส้ม-แดง คนละเนื้อ

ทั้ง 2 กลุ่มมาจากคนละวัยและฐานความคิด ความต้องการไม่ตรงกัน สีส้มจะปรามาสสีแดงตลอดเวลาว่าสู้ไปกราบไป กลุ่มที่เข้าร่วมชุมนุมกับณัฐวุฒิ ส่วนใหญ่ยังคงเป็นทีมสีแดง ตั้งแต่วัยกลางคนขึ้นไป มีส่วนผสมของวัยรุ่นบ้าง แต่เป็นกลุ่มฉาบฉวยไม่ได้เหนียวแน่น เรื่องนี้เต้นก็รู้ดีว่าไม่ง่ายที่จะดึงคนรุ่นใหม่เข้าไปร่วม

นอกจากนี้ ในโลกของคลับเฮ้าส์ถือเป็นตัวบ่งชี้ได้เป็นอย่างดีว่า ทั้งส้มและแดง ไม่มีทางเข้ากันได้เลย ทั้ง 2 ฝ่ายต่างเหยียดและด้อยค่ากันตลอดเวลา ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นส้มเหยียดแดง มีการเข้าไปป่วนกันตลอดเวลา ไม่ใช่เพียงแค่ฐานผู้สนับสนุนที่เห็นไม่ตรงกัน แม้กระทั่งก้าวไกลกับเพื่อไทยเอง แม้เป็นฝ่ายค้านด้วยกันก็หักกันในเวทีสภาหลายเรื่อง

คุณทักษิณ รู้ว่าถ้าได้ฐานคนรุ่นใหม่เข้ามาสนับสนุนจะมีผลต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไปให้กับพรรคเพื่อไทย และเลือดเดิมของเพื่อไทยแม้จะแยกกันไปบ้างตามกลุ่มต่างๆ แต่ก็สามารถรวมกันได้

จริงอยู่ทั้งส้มและแดงไม่เอาประยุทธ์ แต่ทั้ง 2 สีต่างก็ต้องแข่งกันเองอีกในสนามเลือกตั้งครั้งหน้า ต่างฝ่ายต่างไม่ไว้ใจกัน เกรงว่าจะเสียเปรียบอีกฝ่ายหนึ่ง


ก้าวหน้าปั้นทะลุแก๊ส

เมื่อม็อบ 3 นิ้วแผ่วลง การเดินแนวทางแบบคู่ขนานจึงหายไปขาหนึ่ง ล่าสุด นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวถึงกลุ่มทะลุแก๊สว่า

ผมเฝ้าสังเกตการต่อสู้ของประชาชนกลุ่มนี้อย่างสนใจว่า นี่จะกลายเป็นการต่อสู้ในลักษณะใหม่แบบที่ไม่เคยเกิดในประเทศไทยมาก่อนหรือไม่? ผมติดตามสถานการณ์ที่ดินแดงทุกวัน ก็ยังไม่อาจวิเคราะห์ฟันธงลงไปได้ทั้งหมด แต่ขอตั้งข้อสังเกตเบื้องต้นไว้ ดังนี้

นี่คือปรากฏการณ์ในลักษณะ “ผุดขึ้นมาเอง” - spontaneous ปราศจากองค์กรจัดตั้งหรือปลุกระดม นี่คือปรากฏการณ์ในลักษณะ “ตอบโต้กับสิ่งที่รัฐกระทำมาตลอดขวบปีที่ผ่านมา” - action vs reaction นี่คือปรากฏการณ์ในลักษณะมีแนวโน้มไปสู่การลุกขึ้นสู้แบบปฏิวัติ - soulèvement révolutionnaire

คนมือเปล่าแบบไหนกันที่จะกล้าเอาชีวิตตนเองเข้าไปเสี่ยงคุก เสี่ยงตะราง บาดเจ็บ ล้มตายจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ เยาวรุ่นแบบไหนกันที่จะกล้าเอาอนาคตของตนเองเข้าไปเสี่ยง ยอมให้คนจำนวนมากก่นด่า ยอมถูกฝ่ายเดียวกันที่ต่อสู้กับรัฐบาลตั้งคำถาม

บางทีอาจไม่ใช่การจลาจลทั่วๆ ไป อาจไม่ใช่เยาวรุ่นใจร้อน อยากใช้กำลังท้าตีท้าต่อยกับเจ้าหน้าที่ แต่คือ กลุ่มคนที่เกิดจิตสำนึกของการต่อสู้กับระบอบอันอยุติธรรม ไม่ว่าจะโดยรู้ตัวหรือไม่ ไม่ว่าจะเกิดจากปัจจัยใด และไม่ว่าจะเกิดเมื่อไร  แต่จิตสำนึกนี้ได้กระตุ้นให้พวกเขาพร้อมเข้าเสี่ยงสู้กับอำนาจรัฐ อำนาจกฎหมาย เข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่บางครั้งอาจเสี่ยงตาย บาดเจ็บ ยินยอมเข้าเสี่ยง เพราะไม่ต้องการปล่อยให้ความอยุติธรรมนี้ดำรงต่อไป

การแสดงออกของ “ทะลุแก๊ซ” จะเป็นการก่อจลาจลดาดๆ หรือกลายเป็นการลุกขึ้นสู้แบบปฏิวัติ ประเด็นชี้ขาดอยู่ตรงนี้

ที่ผ่านมา คณะก้าวหน้าได้เข้าไปมีบทบาทในพื้นที่ดินแดง ที่เป็นจุดแสดงพลังของกลุ่มทะลุแก๊ส เช่น ป้ายของชาวแฟลตดินแดงที่พ่วงมาด้วยอดีตผู้สมัคร ส.ส.อนาคตใหม่ (ก้าวไกล) เขตดินแดง ลงไปรับเรื่องร้องทุกข์ชาวดินแดง ช่อ-พรรณิการ์ ก็จัดรายการดึงเอากลุ่มทะลุแก๊สมาสัมภาษณ์

ม็อบต่อต้านรัฐบาลจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกลุ่มการเมืองในเวลานี้ แม้บางกลุ่มจะอ่อนแรงลงไป แต่ยังพอมีกลุ่มอื่นให้ถูกหยิบขึ้นมาชูเป็นอีกแนวร่วมหนึ่งของการทำงานการเมืองในยุคนี้




กำลังโหลดความคิดเห็น